
ชนิด : Thriller/ Supernatural / Investigation / black magic
ชุด : A Morris and Chastain Investigation, Book 1
สำนักพิมพ์ : Solaris (January 29, 2008)
จำนวนหน้า :366 หน้า
เรื่องเริ่มต้นที่ Quincey Morris นักสืบเรื่องเหนือธรรมชาติได้รับการจ้างวานจากครอบครัวที่ประสบเหตุการณ์สยองขวัญในบ้านให้มาช่วยไขคดี และเมื่อมีเงื่อนไขของการใช้เวทย์มนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาจึงเรียก Libby แม่มดขาวที่รู้จักกันมาช่วยไขคดีอีกคน หากแต่เมื่อสืบลงไปก็ค้นพบว่า ต้นเหตุมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวที่มีข้อขัดแย้งกับแม่มดดำในช่วงคดีซาเล็ม และการหยุดเรื่องเหนือธรรมชาติที่เล่นงานคนในบ้านได้อย่างแท้จริงก็คือ ตามหาแม่มดที่สืบเชื้อสายจากอดีตให้เจอ
ระหว่างนั้นเอง นักสืบ FBI Fenton ก็ได้ร่วมมือกับ Van Dreenan ตำรวจที่ประจำหน่วยสืบสวนคดีเหนือธรรมชาติจากแอฟริกาใต้เพื่อสืบหาคดีฆาตกรรมขโมยอวัยวะเด็ก ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งนี้ แม้เรื่องราวจะเหมือนกับคดีอาชญากรรมต่อเนื่องทั่วไป แต่จากประสบการณ์ของ Van Dreenan ทำให้เขารู้ว่าคดีนี้มีเรื่องของเวทมนต์มืดเข้ามาเกี่ยวข้อง และเขาก็ต้องรีบตามล่าตัวฆาตกรออกมาให้ได้ ทั้งเพื่อส่วนรวม และเป้าหมายในใจส่วนตัวของเขาเอง (สปอยล์) [ลูกสาวของเขาเป็นหนึ่งในเหยื่อที่ถูกฆ่ามาก่อน]
Black Magic Woman วางอยู่ในชั้นแฟนตาซี/ Urban Fantasy ก็จริง แต่แนวทางของหนังสือเหมือนเป็นเรื่องสืบสวน ทริลเลอร์ ที่มีสาเหตุมาจากเรื่องเหนือธรรมชาติ (ไม่ว่าจะเป็นจากแม่มด ผีดูดเลือด ปีศาจ มนุษย์หมาป่า และอื่น ๆ ทั้งหมายทั้งปวง และในเรื่องก็มีตัวละครเหล่านี้ทั้งหมดเสียด้วย) แทนที่จะเหมือนเรื่องแอ็คชั่นกระแสหลักที่ตัวต้นเหตุเป็นเหล่าฆาตกรโรคจิต อาชญากร หรือมิฉะนั้นก็เป็นสายลับจากประเทศที่เป็นภัยแฝงและภัยตรงของอเมริกา และดังนั้น การดำเนินเรื่องก็ไม่ต่างกัน ที่เล่มนี้ใช้การดำเนินเรื่องสลับฉากกันเป็นระยะระหว่างตัวละครสามฝ่ายเป็นหลัก ที่คือ Quincey กับ Libby /Van Dreenan กับ Fenton และคนร้ายตัวจริง ซึ่งแม้เราจะเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา และเห็นความเชื่อมโยงที่แต่ละฝ่ายมีต่อกันแล้ว แต่ในหนังสือ ตัวละครเหล่านี้ก็ก็แทบจะไม่ได้มีปฎิสัมพันธ์ใด ๆ กันเลย (ตามหลักหนังสือแอ็คชั่นที่วิ่งสวนกันไปสวนกันมา?)
ส่วนตัวรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เกือบสนุก แต่มีสิ่งที่คาดเดาหรือคิดว่าจะเกิดได้มากเกินไป เป็นไปตามสูตรสำเร็จหลายอย่างและที่สำคัญ สำหรับตัว Quincey + Libby และ Van Dreenan + Fenton แล้ว แม้ผู้ที่พวกเขาตามหาจะเป็นผู้ร้ายคนละคนกัน แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกัน (สปอยล์) [คนร้ายตัวจริงที่เป็นแม่มดดำต้องการให้คนร้ายของ Van Dreenan + Fenton ฆ่าเด็กเพื่อเอาอวัยวะไปเป็นส่วนผสมในการทำพิธีสาปแช่งเอาชีวิตครอบครัวที่พูดถึงในตอนแรก] และถ้าจะดูว่า ทั้งตัว Quincey / Libby และ Van Dreenan นั้น มีความเข้าใจและประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องเหนือจริง และมนต์มืดมามากแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อ Van Dreenan รู้จัก Libby มาก่อน และในเรื่องก็มีการโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือจากเธออีกด้วย (ถือเป็นตอนที่คาดผิด และผิดหวังตอนอ่านระดับหนึ่ง)
นอกจากนี้ ด้วยความเข้าใจและประสบการณ์ที่มีน่าจะช่วยให้คนทั้งสามสร้างบทบาทตัวเองได้มากกว่านี้ แทนที่จะเดินเกมในแนวรับมากเกินไป อย่างที่ Quincey กับ Libby ใช้วิธีตามหาคนที่น่าจะเป็นเบาะแสทีละคนทีละคน และแทนที่ฉากเหล่านี้จะดูน่าตื่นเต้นเหมือนการกะเทาะเปลือกเกาลัดเพื่อไปสู่เนื้อใน แต่กลับกลายเป็นดูยืดยาวและไม่สิ้นสุด และสำหรับ Van Dreenan ความเข้าใจที่มี ไม่ทำให้เขาเดินเกมรุกเพื่อดักหน้าตัวร้ายได้เลย นอกจากจะช้ากว่าก้าวหนึ่งตลอดแล้ว ยังเหมือนเขานั่งรอให้เด็กคนต่อไปที่จะถูกฆ่า มากกว่าจะหาทางช่วยให้ได้
แต่ทั้งนี้ แม้หนังสือจะเน้นเรื่องของ Quincey กับ Libby อย่างที่ชื่อชุดหนังสือบอกไว้ ส่วนตัวเองเมื่ออ่านคิดว่าบทบาทของ Van Dreenan ค่อนข้างโดดเด่นกว่ามาก และเมื่ออ่านจบ ก็ต้องบอกว่าเป็นตัวละครที่จำได้มากว่าเสียด้วย สำหรับหนังสือชุดเช่นนี้อาจจะเป็นจุดบกพร่องอีกจุดหนึ่ง
สิ่งที่น่าขันและเสียดสีความเป็นอเมริกัน ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนในเรื่องอย่างหนึ่งก็คือ คนร้ายฝั่งของ Van Dreenan กับ Fenton ไปมีเรื่องในร้านค้าปั๊มน้ำมัน และด้วยความที่เธอมาจากทวีปแอฟริกาก็ทำให้เธอประมาทคิดว่ารอดตัวไปได้ หากแต่กล้อง CCTV ที่จับอยู่ ทำให้ตำรวจรู้เบาะแสและสืบโยงไปหาเธอได้ .... ซึ่งเมื่ออ่านตรงนี้ก็เห็นจุดที่จะขยายผลต่อไปก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง จุดอ่อนของตัวละครกลายจะกลายเป็นจุดอ่อนของคนเขียนตรงนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่น่าใจว่ารู้สึกไปเองไหม แต่คิดว่า ช่วงใกล้จบน่าจะมีขมวดปมมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ที่ทั้งสองฝ่ายไล่ตามและเข้าใกล้ตัวคนร้ายเข้าไปเรื่อย ๆ ค่อนข้าวเข้มข้น หากเมื่อมีการเผชิญหน้ากันกลับจบอย่างรวดเร็ว . ที่ต้องบอกว่ารวดเร็วเกินไป และคนร้ายก็ถึงจุดจบง่ายดายกว่าที่ควรจะเป็นมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความทรงพลัง ร้ายกาจ และโหดเหี้ยมที่ผ่านมาในเล่ม และก็เป็นจุดด้อยใหญ่ที่สุดของหนังสือที่ทำให้หนังสือไม่ไปถึงที่ควรจะเป็น
อ่านได้ และก็ถือเป็นหนังสือที่อ่านง่ายมากที่สุดอีกเล่มที่อ่านมา ทั้งในด้านที่ว่า “อ่านออกง่าย” และ “หนังสืออ่านง่าย (ภาษา? การใช้ประโยค? การตีความตาม? แต่อย่างน้อยก่อนหน้านี้อ่าน Zodiac บางย่อหน้าแล้วต้องอ่านหลายซ้ำก็มี)” ให้คะแนนที่ C+ แล้วก็ถ้าคะแนนเชื่อถือไม่ได้ ก็บอกว่า just another easy thriller … with supernatural cause.
ปล. ช่วงที่ Quincey + Libby ไปหาเบาะแสจากที่โน่นที่นี่ทำให้นึกถึงสองพี่น้อง Dean/ Sam โอยย.. เมื่อไหร่ Season Four จะมาคะ!!!