ชนิด : Urban Fantasy/ Werewolf/ Vampires
ชุด: Mercy Thompson, Book 2
สำนักพิมพ์ : Ace (January 30, 2007)
จำนวนหน้า : 304 หน้า
เรื่องดำเนินต่อมาจาก Moon Called หลังจากที่ Mercy ไขปริศนาคดีฆาตกรรมและลักพาตัวจากเล่มก่อนได้แล้ว ด้วยเพราะเธอติดค้างหนี้จากเหล่าแวมไพร์ในการหาเบาะแสสืบคดีคราวที่แล้ว การเปิดเรื่องจึงเป็นที่ Stefan เพื่อนแวมไพร์ของเธอ ขอให้เธอเปลี่ยนร่างเป็นหมาโคโยตี้เพื่อพรางตัวเองไปพบแวมไพร์อันตรายอีกตัวหนึ่งด้วยกัน แต่เหตุการณ์ผิดจากที่คิด เมื่อทั้งคู่บาดเจ็บกลับมา
หลังจากนั้น Stefan ได้รับคำสั่งมาให้ออกตามจับแวมไพร์ปีศาจนอกรีต โดยมี werewolf อีกสองตัว คือ Warren และ Ben ช่วยอยู่ด้วย ในขณะที่ Mercy ถูกออกคำสั่งแกมขอร้องจาก Adam หัวหน้าฝูงให้อยู่เฉย ๆ รอให้สถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ ระหว่างนั้น ความรุนแรง และเหตุฆาตกรรมแปลก ๆ ในเมืองรุนแรงมากขึ้นจากสิ่งที่มองไม่เห็น และดูเหมือน Samuel ก็ถูกอิทธิพลกระหายเลือดนั้นไปด้วย
จนกระทั่งคืนหนึ่ง Stefan และ Ben หายไป และ Warren ถูกทำร้ายอยู่ในสภาพปางตาย ที่ทำให้ Adam และ Samuel ในฐานะหัวหน้าฝูง (Samuel เป็นลูกของหัวหน้าฝูงใหญ่ จึงอยู่ในฐานะกึ่งหัวหน้าฝูงอยู่ดี) ออกตามล่าแวมไพร์เอง แต่ทว่าทั้งคู่ก็กลับหายไปเช่นกัน และ Mercy จึงต้องออกตามล่าแวมไพร์ปีศาจด้วยตัวเอง ก่อนที่คนที่เธอรักทั้งหลายจะตกเป็นเหยื่อและต้องตายไป แม้ว่าความมั่นใจเพียงเล็กน้อยของเธอ จะมาจากราชินีแวมไพร์ที่บอกกับเธอว่า ความสามารถพิเศษในฐานะ Walker ที่ Mercy มี จะทำให้เธอเป็นผู้เดียวที่ตามล่าแวมไพร์ปีศาจได้จนเจอ
นาน ๆ ทีจะเขียนเรื่องย่อได้เป็นเรื่องย่อไม่มีการเล่นคำ หรือทิ้ง teaser ไว้นะนี่ เหมือนจะเป็น spoiler ด้วยซ้ำ โอ ปกติฉันละเล่าครึ่งทิ้งไว้ครึ่งแท้ ๆ ... อ่านเล่มนี้ก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิมว่า ทำไมตัวละครทั้งหลายทำอะไรไม่ได้เลย ปล่อยให้คุณเธอเป็นตัวละครที่ลุกขึ้นมาวิ่งแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองอีกแล้ว อย่าง Adam ก็ถูกจับไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า (เล่มที่แล้วก็ถูกจับตัวไปเช่นกัน) แต่ถ้าดูการดำเนินเรื่องก็เหมือนเล่มที่แล้ว นั่นก็คือ มีเหตุการณ์ซึ่งเป็นต้นเรื่อง/ ต้นเหตุในช่วงแรก และตัวละครก็พยายามแก้ปริศนานั้นด้วยเงื่อนไขและเบาะแสที่เพิ่มเข้ามาทีละน้อย เล่มแรกเน้นที่การแก้ปัญหาว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการฆาตกรรมและลักพาตัว แต่เล่มที่สอง เป็นการสืบหาว่าแวมไพร์ปีศาจนั้นอยู่ไหน ซึ่งต้องบอกว่าสนุกและดำเนินเรื่องไวมาก โดยเฉพาะในฉากที่ Mercy ปะติดปะต่อเหตุการณ์ทั้งหมด และสืบหาที่อยู่ของตัวร้ายได้ และถือว่าเป็นฉากที่ชอบมากที่สุดฉากหนึ่งในเรื่องนี้เลย
การแทรก sub-plot ลงไปก็ยังคงมีเหมือนเดิม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สนุกและอ่านได้โดยไม่รู้สึกว่าถูกขัดหรือขาดจังหวะต่อเนื่องแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลับมีส่วนช่วยเสริมเรื่องหลักเข้ามาอีก และอันที่จริงก็ต้องพูดเลยว่าถึงขั้นอยากจะรู้เรื่องตัวละครที่มาแทรก โดยเฉพาะสาวน้อยที่ถูก werewolf ทำร้ายมาก (เอาไปเขียนเป็น novella ท่าจะดีนะ)
พล็อตเรื่องแบบ twist นิดหน่อย เพราะว่าตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดแวมไพร์ตัวร้ายอยู่ใกล้ ๆ ตัว แต่ก็ไม่ถึงกับคาดเดาไม่ได้ และจุดจบที่ตัวร้ายทั้งหลายได้รับก็ถือว่าเหมาะสมที่สุด โดยเฉพาะเมื่อตัวละครที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างมากคือ Warren และ Ben ถึงขั้นที่ Mercy ไม่สามารถปล่อยให้คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังลอยนวลต่อไปได้ และสำหรับตัวคนอ่านเอง ถ้าจะปล่อยให้อยู่ต่อไปโดยไม่ได้รับผลกรรมก็ไม่ได้เหมือนกัน (เจ้าคิดเจ้าแค้นดีแท้) ยิ่งเมื่อคิดไปถึงสาเหตุแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุ และการที่คนจำนวนมากต้องมารับวิบากกรรมในครั้งนี้ไปด้วย
ในบรรดา Mercy Thompson สามเล่ม เล่มนี้เป็นเล่มที่อ่านแล้วเสียวสันหลังที่สุด เพราะว่ามีฉากฆ่าวิปริตแบบเลือดท่วม และชวนให้สงสารเหยื่อก่อนตายในตอนเริ่มเรื่อง รวมไปถึงค่อนเรื่องที่แวมไพร์ตัวร้ายมารังควาน Mercy ขณะที่นอนหลับอยู่ เป็นสภาพหลอน ๆ กึ่งให้ระแวงระวัง อันเป็นความแอบสยองหนังผีแบบที่กลัวเสียด้วย
รักสามเส้า (หรือสามเศร้า) ระหว่าง Mercy กับ Adam และ Samuel ชัดเจนกว่าเล่มที่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในสภาพผลัดกันทำคะแนนกึ่ง ๆ ขโมยซีน ยังไม่ติดเครียดมากจนกระทั่งในช่วงท้าย ๆ และในเล่มถัดไป และอันที่จริง ในฐานะผู้อ่านที่ชอบคิดตามและคิดแทน (จริตหนอ) ก็สามารถคาดเดาออกว่าใครจะเป็นพระเอกสำหรับคุณเธอได้จริง เพียงแต่ว่าเจ้าตัวก็อาจจะยังไม่อยากตัดสินฟันธงลงไป และปล่อยให้ฝ่ายที่ถูกปฏิเสธต้องเจ็บปวด (ซึ่งก็คงจะดีกว่าที่จะทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ และไปพูดกันต่อในเล่มสามต่อไป)
ทัศนคติและความสามารถของ Mercy ก็ช่วยให้ภาพความเป็นสาวมั่น และหญิงแกร่งที่พึ่งพาตัวเองได้ของเธอถูกตอกย้ำลงไปอีก ซึ่งอย่างไรก็ตาม ก็อาจเป็นส่วนที่ส่งผลร้ายกับตัวเธอเองในเล่มถัดไป
ก็ยังสรุปเหมือนเดิม One Tough bitch!
.
.
ปล. ในบรรดาหนังสือหลาย ๆ เล่ม ต้องถือว่าการตั้งชื่อเรื่องของชุดนี้ทำได้ดีเลยนะ เพราะแม้จะสั้น ๆ แต่ก็ผูกกับเนื้อเรื่องได้ชัดเจน ในขณะที่จำง่าย อย่าง “Moon” Called บอกใบ้ว่าเกี่ยวกับหมาป่า “Blood” Bound เกี่ยวกับเหล่าแวมไพร์ และ “Iron” Kissed ก็พูดถึง fae และการออกแบบปกก็ทำได้ดีอีกเช่นกัน เพราะช่วยให้กล้าถือไปไหนต่อไหนได้ไม่อาย .. จะพูดไปก็เว่อร์ไปนิด เอาเป็นว่า เหมือนทำการบ้านและเชื่อมกับเนื้อหาในเรื่องก็แล้วกัน (เทียบกับ Cry Wolf วาดหมาป่าได้กระเซอะกระเซิงไม่พอ ยังวาด Anna ได้น่าเกลียดน่ากลัว ขาดเสน่ห์ ดูเป็นหนังสือยุคเก่าไปได้)
No comments:
Post a Comment