Wednesday 25 February 2009

Daughter of the Forest by Juliet Marillier (n)

อ่านเพราะชอบวิธีเขียนจากชุด Wildwood Dancing แม้ว่าจะหวั่นใจว่าแนวจะใช่หรือเปล่า

- ปกนี้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่จะหาได้ ที่มีเป็นโทนม่วงพาสเทล แต่ก็หม่นพอกัน

ชนิด : Rich Fantasy/ fairytale retelling/ folklore/ Celtic/ historical
ชุด : Sevenwaters, book 1
สำนักพิมพ์ : Tor Books; 1st edition (February 18, 2002)
จำนวนหน้า : 560 หน้า


(**สังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเรื่องไหนอ่านแล้วอินจะพล่ามมาก.. และเป็นแบบไม่รู้เรื่อง)

จากเรื่องเล่าของพี่น้องกริมม์ “The Six Swans”Sorcha เติบโตมาด้วยความรักและความเอาใส่ใจของพี่ชาย 6 คน และมีความสุขกับชีวิตรอบตัว แม้ว่าพ่อซึ่งสูญเสียแม่ไปหลังการเกิดของเธอจะไม่สนใจเธอนัก จนกระทั่งพ่อแต่งงานใหม่ และผู้หญิงของพ่อพยายามเข้ามามีอำนาจครอบงำในครอบครัว และพี่ชายทั้งหกถูกคำสาปให้กลายเป็นหงส์ เหลือแต่ Sorcha ซึ่งแม่เลี้ยงมองว่าหากปราศจากพี่ชายเธอก็คงไม่มีชีวิตรอดต่อไป .... หากแต่เด็กสาวได้ความช่วยเหลือจากป่า พร้อมกับคำแนะนำที่บอกว่า หากเธอนำต้นไม้หนามมาเป็นเสื้อให้พี่ชายได้ คำสาปก็จะหมดไป โดยที่ระหว่างนั้น เธอจะต้องไม่พูด ไม่ส่งเสียงใด ๆ เลย

Sorcha เริ่มต้นชีวิตโดดเดี่ยวในป่า และพยายามทำหน้าที่ของเธอ จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนผันให้เธออยู่ในป่าไม่ได้อีกต่อไป ระหว่างนั้น เธอได้พบกับ Red ซึ่งเชื่อว่าเธอมีเบาะแสเกี่ยวกับน้องชายที่หายไป เขาจึงตัดสินใจพาเธอกลับบ้านด้วย ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย ผู้คนของเขามองว่า Sorcha เป็นแม่มดที่ทำเสน่ห์ให้ Red หลงรักเธอจนนำเด็กสาวจากเผ่าศัตรูกลับมาด้วย ยิ่งประกอบกับการไม่พูด และเสื้อประหลาดที่เธอตั้งใจทอ ความน่าจะเป็นไปได้นี้ก็สูงขึ้น และความกดดันก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเธอไว้มีแค่ความมุ่งมั่นที่จะช่วยพี่ชายเท่านั้น

ที่ย่อมาเหมือนจะเป็นนิทาน และเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย แต่ Daughter of the Forest แสดงให้เห็นว่านิทานเป็นแค่เรื่องเล่าอย่างง่ายและรวบรัดของเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะนิทานไม่สามารถอธิบายหรือบอกเล่ารายละเอียดเบื้องหลังความสำเร็จความลงตัวที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก เสียสละ อันตราย หรือแม้แต่สิ้นหวังได้เลย ... เมื่อต้องหนีจากเงื้อมมือแม่เลี้ยง Sorcha ไม่มีทางเลือก นอกจากหนีเข้าไปในป่า และต้องเอาชีวิตรอดท่ามกลางธรรมชาติ หิวโหย โดดเดี่ยว และหวาดกลัว หลังจากสองปีผ่านไป เธอถูกข่มขืน ซึ่งกลายเป็นฝันร้ายติดตัวเธอมาอีกนาน และทำให้เธอต้องหนีออกมาจากที่ที่เคยอยู่ ความสิ้นหวังและความหวาดกลัวทำให้เธอเกือบฆ่าตัวตายอย่างไม่รู้ตัว จนกระทั่ง Red ช่วยเธอไว้จากการจมน้ำ และพาเธอกลับไปที่บ้าน

หากความจริงที่ว่าเธอเป็นคนต่างเผ่า เป็นไอริชขณะที่เขาเป็นไบรตันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดาย เผ่าพันธุ์ของทั้งคู่ทำสงครามต่อสู้กันมาเป็นเวลานาน เต็มไปด้วยความเกลียดชัง และไม่วางใจกัน ที่นี่ ในถิ่นของศัตรู Sorcha ก็ถูกมองอย่างหวาดกลัว เดียดฉันท์ ตำนานและความเชื่อที่คนไอริชมีก็ทำให้เธอถูกมองเป็นคนหลังเขา และเป็นแม่มดที่ทำเสน่ห์ให้ Red หลงงมงาย และการที่เธอไม่พูดก็ทำให้เธอไม่สามารถแก้ตัวหรือแก้ความเข้าใจผิดใด ๆ ได้ โดยเฉพาะสถานะของเธอที่มีต่อชายที่เป็นเจ้าที่ดินคลุมเครือ ไม่ชัดเจน แม้สถานภาพของเธอจะดีขึ้นที่มีอาหารกินครบมื้อ และมีที่อาศัย แต่การอยู่รวมกับผู้คนที่ไม่เป็นมิตร ไม่เข้าใจ และทำร้ายเธอด้วยคำพูด ความเกลียดชังและความแปลกแยก

ลับหลังชายหนุ่ม ความต้องการทำร้ายทำลายเธอคงอยู่ตลอดเวลา และเมื่อชายหนุ่มออกเดินทางไกล Sorcha ก็ถูกลุงของเขาจับขังคุกใต้ดินอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขื่นขม และสิ้นหวังอีกครั้งเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะถูกจับเผาทั้งเป็นในฐานะแม่มด และสายลับฝ่ายศัตรู และอาจจะทอเสื้อให้พี่ชายไม่เสร็จทันการ ซึ่งจะทำให้พวกเขาหมดโอกาสกลับเป็นมนุษย์อีกครั้ง

เหมือนเล่าเรื่องย่อสองครั้ง ย่ออย่างสั้นกับย่ออย่างยาวกว่า เหมือนจะง่ายแต่ยากมาก อ่านแล้วพูดไม่อกบอกไม่ถูกนอกจากจะรำพึงกับตัวเองว่าจะรันทดไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะทำเสื้อเสร็จแล้วพ้นทุกข์สักที เมื่อไหร่จะพูดได้ อะไรเช่นนี้อยู่เนือง ๆ เข้าใจว่าตัวเอกมีบททดสอบที่ต้องทำ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องให้เหนื่อยยาก ทนทุกข์เช่นนี้ คลื่นชีวิตถาโถมเข้ามาอยู่ตลอดเวลาจริง ๆ ถึงมองว่า Juliet Marillier เก่งที่เขียนเรื่องออกมาเช่นนี้แล้วทำให้คนอ่านยังอ่านต่อไปได้โดยที่ไม่โยนหนังสือทิ้ง หากแต่จมจ่ออยู่กับเนื้อเรื่องได้ต่อไปจนจบ

วิธีเล่าเรื่องที่ให้รู้สึกเข้าถึงและรับรู้ตามยังเป็นเอกลักษณ์ในงานของเธอ นอกเหนือจากการพรรณนาให้เห็นภาพตามเสมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเองเอง ยังเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงพี่ชายทั้งหกคนของตัวเอกด้วย เราได้เห็นภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของผู้ชายหกคน ซึ่งแต่ละคนมีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจน ทั้งจากแรงจูงใจ คำพูด การแสดงออก ตั้งแต่พี่ชายคนโต Liam ที่ถูกวางให้เป็นหัวหน้าครอบครัว เคร่งขรึม เอาจริงเอาจริง Diarmid พี่ชายคนรองที่ขี้เล่น เจ้าเสน่ห์ ฝาแฝด Conar กับ Cormack ที่แตกต่างกันด้วยบทบาทนักปราชญ์และนักรบ Finbar ที่มีโลกส่วนตัวและความเข้าใจโลกในแบบของตัวเอง และ Padriac ที่กระตือรือร้น

สิ่งหนึ่งที่ทำได้ดีก็คือ ผลลัพธ์ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อย่างที่ Sorcha รำพึงกับตัวเองในตอนใกล้จบว่า “Real life is not quite as it is in stories. In the old tales, bad things happen, and when the tale has unfolded and come to its triumph conclusion, it is as if bad things had never been. Life is not as simple as that, not quite. (หน้า 532-3) ชีวิตจริงแตกต่างจากนินานไม่ใช่แค่ในด้านการย่อความและละทิ้งความยากลำบากไว้เท่านั้น แต่ยังทิ้งบาดแผลและความสูญเสียไว้ด้วย นอกเหนือจากตัวเอกเองที่สูญเสียความเดียงสาและความไว้ใจในระหว่างทางแล้ว พี่ชายของเธอก็ไม่แตกต่างกัน ความขื่นขมที่ต้องกลายเป็นหงส์ ไม่สามารถปกป้องน้องสาวของตัวเอง หรือกลับไปต่อสู้เพื่อพ่อได้มีอยู่อย่างรุนแรง รวมไปถึงความสูญเสียเฉพาะตัวของแต่ละคน ดังเช่น Liam สูญเสียผู้หญิงที่รักและคู่หมั้นไประหว่างคำสาป และเมื่อกลับมา เธอก็แต่งงานและกลายเป็นแม่ ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถรักใครได้อีกเลย Finnar ผู้เห็นโลกอย่างที่ตัวเองเชื่อ สูญเสียตัวเองไปหลังที่กลายเป็นหงส์ และลังเลที่จะกลับมาเป็นคน หรือ Diarmid ชายขี้เล่นที่เปลี่ยนเป็นเจ้าคิดเจ้าแค้นเพราะความเกลียดชังที่ถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือของแม่เลี้ยง

ความสูญเสียที่นำมาซึ่งความได้มา และความได้มาซึ่งมาจากความสูญเสียก็เห็นได้ชัดสำหรับ Red และ Simon น้องชายของเขาด้วย ... พี่ชายที่ถูกเลี้ยงมาให้สืบทอดความเป็นเจ้าของที่ดิน พึ่งพาได้ คาดหวังได้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้เจอกับ Sorcha ผู้ซึ่งทำให้เขาเห็นว่าชีวิตที่ถูกคาดหวังและวางแนวทางไว้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ และเมื่อเขารักหญิงสาวและรู้ว่าเธอไม่สามารถอยู่กับเขาได้ ชายหนุ่มก็กล้าที่จะละทิ้งทุกอย่างมา เพื่อมาอยู่กับเธอ หรืออย่าง Simon ที่พยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการมาสืบความลับในดินแดน Sevenwaters เพราะคิดว่าเขาไม่มีทางทัดเทียมพี่ชาย หรือเป็นเจ้าของที่ดินได้ จนทำให้ถูกจับและทรมานในฐานะเชลย และเมื่อถูกพวกพี่ชายและ Sorcha ช่วยออกมา ระหว่างที่ Sorcha รักษาและเยียวยาเขา เธอกลายเป็นโลกของเขา และเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยว Simon ไว้หลังจากนั้น แต่เมื่อเขากลับมาอีกครั้ง เธอแต่งงานกับ Red เสียแล้ว และเมื่อ Red ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง ชายหนุ่มก็กลายเป็นเจ้าของที่ดินอย่างที่ตัวเองต้องการตลอดมา หากแต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เขาต้องการกลายเป็นอีกอย่างที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

เหมือนเรื่องของเธอในชุด Wildwood Dancing ที่ Juliet Marillier เขียนให้ตัวละครของเธอมีความผูกพันกับป่าและคุ้นเคยกับเวทย์มนต์ที่อยู่ในนั้น และต้องทำบททดสอบซึ่งผลสำเร็จที่ได้เป็นทั้งเรื่องชีวิตส่วนตัว และส่วนรวม ... แต่ในเล่มนี้ดูเหมือนว่าจะมืดกว่ามาก ซึ่งก็ทำให้เข้าใจและเกือบจะถูกใจอารมณ์หนังสือ Young Adult (อย่างน้อยก็กับงานของ Juliet Marillier) มากกว่า เพราะอ่านสบาย และบีบคั้นน้อยกว่ามาก ... จริง ๆ แล้วชุดนี้มีคนพูดถึงเยอะ และเมื่อเริ่มอ่านแฟนตาซีภาษาอังกฤษก็ก้ำกึ่งจะอ่านเหมือนกัน แต่เพราะความกดดัน และฉากข่มขืนที่ได้ยินมาก็ทำให้ชะลอไว้เสมอ และก็ดีใจที่เพิ่งอ่านตอนนี้ เพราะสมัยนั้นคงจะอ่านแล้วจิตหลุดไปเลย หรือมิฉะนั้นก็ไม่มีทางได้อ่าน Cebele’s Secret ได้แน่

ความคล้ายคลึงอีกอย่างก็คือความรักระหว่างตัวเอก ซึ่งจะเป็นความละเมียดละไม และใช้เวลาก่อตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ และแอบแฝงอยู่โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เลย (อย่างน้อยก็ในกรณีฝ่ายหญิง ที่ตอบรับมิตรภาพและสร้างความผูกพัน แต่ไม่รู้ตัวจนเกือบจะสายว่าเป็นความรักเช่นใด ขณะที่ฝ่ายชายจะอดทนและรอคอยอย่างน่าอัศจรรย์) ในเรื่อง Red รักและต้องการที่จะปกป้องเธอ โดยที่ไม่หวังอะไรตอบแทน เพราะรู้ว่า วันหนึ่งเธอก็ต้องกลับไป และกลัวว่าคำพูดที่มีจะทำให้เธอกลัว และเขาก็บอกรักเธออย่างเงียบ ๆ แฝงผ่านนิทานความรักระหว่างชายชาวประมงและนางเงือก

ทั้งนี้ Red ได้รับคำแนะนำจากสิ่งมีชีวิตในป่า ว่าหากเขาพยายามที่จะเรียนรู้ ชายหนุ่มก็จะสามารถเข้าใจ Sorcha ได้ แม้เธอไม่พูดออกมา แต่ผ่านการสังเกต การตีความ และความพยายามเข้าใจ ซึ่งก็นอกเหนือจากด้านความรู้สึกที่เธอมีให้เขา ซึ่งชายหนุ่มไม่กล้าตีความใด ๆ เรื่องนี้แล้ว กลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่เข้าใจและอ่านเธอได้มากกว่าใคร และก็แปลกที่ว่า ในทางกลับกัน Sorcha ไม่สามารถตีความเข้าใจชายหนุ่มได้เลย แม้ว่าเขาจะพูดผ่านการกระทำและการแสดงออกก็ตาม เธอเข้าใจว่า สิ่งทั้งหมดที่เขาทำให้เธอเป็นเพราะเขาต้องมนต์สะกดของป่ามากกว่าจะที่สนใจเธอที่ตัวเธอจริง ๆ และท้ายสุดแล้ว เธอก็รู้ว่าเธอต่างหากที่ไม่ได้ยินเสียงที่เธอควรจะได้ยิน ซึ่งคิดว่าหนังสืออ่านเรื่องการเข้าใจคำพูดที่ไม่ได้ “พูด” ได้ดียิ่ง [ย่อหน้านี้ เพิ่ม 040309]

จุดแข็งของงานเขียนที่ทำให้เรารู้สึกผูกพันและคุ้นเคยกับตัวละคร ทำให้ทำใจรับความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อรู้สึกว่าโลกของเธอจะครบถ้วนเมื่อมีพี่ชายทั้งหกคนอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ใช่เห็นนั้นเสมอไปเมื่อการผจญภัยและเวลาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป และเธอไม่ใช่เด็กหญิงที่ต้องขอความช่วยเหลือและการตัดสินใจของพี่อีกต่อไป และที่สำคัญ เมื่อต่อมา พี่ชายของเธอจากเธอไปทีละคน ทั้งจากการเติบโต และเดินทางเพื่อหาที่ของตัวเอง และสงคราม เพราะความรู้สึกผูกพันโดยเฉพาะเมื่อรับรู้ความยากลำบากของ Sorcha ทำให้รู้สึกหวงแหนชีวิตของแต่ละคน และเป็นอารมณ์ที่คงอยู่ชัดที่สุดหลังอ่านจบ และก็เลยทำให้ขอสรุปเรื่องนี้ว่า Beautifully heartbreaking หรือว่า Beautifully disturbing ก็ได้ รู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ อ่านจบแล้วนอนไม่หลับ

ให้คะแนนที่ B+ เพราะชอบความสมจริง แต่ไม่สามารถทนเห็นหนังสือได้อีก อย่างน้อยก็ตอนนี้ A realist's fairy tale .. while I ain't one!

ปล. ตอนแรกจะไปเอาเล่มสองมาอ่านต่อ แต่ถ้าเป็นแบบนี้ทิ้งไว้ก่อนดีกว่า ยิ่งรู้ว่าเล่มสอง Sorcha กำลังจะตายนี่รับไม่ได้จริง ๆ ไม่ชอบอารมณ์ dark age

ย่อปกหลังเว่อร์ชั่นอื่นจาก wiki

“Lord Colum of Sevenwaters is blessed with six sons: Liam, a natural leader; Diarmid, with his passion for adventure; twins Cormack and Conor, each with a different calling; rebellious Finbar, grown old before his time by his gift of Sight; and the young, compassionate Padraic.

But it is Sorcha, the seventh child and only daughter, too young to have known her mother, who alone is destined to defend her family and protect her land from the Britons and the clan known as Northwoods. For her father has been bewitched, and her brothers bound by a spell that only Sorcha can lift.

To reclaim the lives of her brothers, Sorcha leaves the only safe place she has ever known and embarks on a journey filled with pain, loss and terror.

When she is kidnapped by enemy forces and taken to a foreign land, it seems there will be no way for her to break the spell that condemns all she loves. But magic knows no boundaries, and Sorcha will have to choose between the life she has always known and a love that comes only once.”

No comments:

Post a Comment