Monday 15 February 2010

Moonlight by Rachel Hawthorne (n)

เห็นในลิสต์พารานอมอลทีนของอเมซอนแว่บ ๆ แล้วก็เจอที่คิโนะ ด้วยความที่อยู่ในช่วงลดโปรโมฯ ก็เลยงกเอากลับมาด้วย และก็ไม่อยากบอกว่าชอบวิธีการใช้สีและการวางเลย์เอาท์ที่หน้าปกก็เลยเอามา ไม่ได้เกี่ยวกันเล๊ย ใครบอกว่าอย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก ขอให้มาคุยกันสักหน่อยเถิด (ช่วยบอกให้เลิกดูแค่ปกเสียที)




ชนิด : YA/ Paranoramal/ Werewolves
ชุด : Dark Guardian #1
สำนักพิมพ์ : Harperteen (Feb 23 2009)
จำนวนหน้า : 272 หน้า



เมื่อเธอยังเด็ก พ่อแม่ของสาวน้อย Kayla ถูกฆ่าตายเมื่อครั้งทั้งครอบครัวไปเที่ยวด้วยกันในป่า และแม้จะอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมที่รักเธอเหมือนลูกสาวแท้ ๆ แต่เธอก็ไม่สามารถขจัดความกลัวป่าในส่วนลึกในใจเธอได้ และเพื่อแก้ปมในใจ ปีนี้ช่วงปิดเทอมเธอจึงมาเป็น Sherpa หรืออาสาสมัครในป่าร่วมกับเด็กคนอื่น ๆ ที่อยู่ในท้องถิ่นรวมเป็นหกคน โดยมี Lucas หนุ่มเคร่งขรึมจริงจังที่ไม่ค่อยพูดเป็นหัวหน้ากลุ่ม

ทั้งหมดมีภารกิจคือ พาพ่อลูกและนักศึกษาที่บอกว่ามาเพื่อศึกษาหมาป่าเข้าไปในป่า และตั้งแคมป์ให้ได้สำรวจบริเวณ ก่อนจะไปรับกลับไป แต่ทว่าระหว่างการเดินทางก็เหมือนจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ ขึ้น ทั้งจากที่เธอรู้สึกว่ามีคนคอยจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา และหมาป่าลึกลับที่ปรากฏตัวขึ้นมาช่วยเธอหลายครั้ง ขณะเดียวกัน กลุ่มพ่อลูกที่พวกเธอนำทางมาก็เชื่ออย่างยิ่งว่ามนุษย์หมาป่ามีตัวตนอยู่จริง โดยมี Mason เป็นหนึ่งในนั้น และพวกนั้นก็มาที่นี่เพื่อที่จะพิสูจน์และเอาตัวมนุษย์หมาป่ากลับไป

และดังนั้น สิ่งที่รอเธออยู่เมื่อสิ้นสิ้นการเดินทางก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาดคิดเอาไว้แม้แต่น้อย เพราะนอกเหนือจากเธอจะต้องค้นหาความรู้สึกส่วนลึกที่ มีต่อเธอ ความยุ่งยากที่พ่อลูกก่อให้กับกลุ่ม Sherpa ก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาพยายามพิสูจน์ความเชื่อของตัวเองโดยที่ไม่สนใจผลลัพท์ใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา และที่สำคัญ เธอก็ไม่เข้าใจกับจิตใจตัวเอง และธรรมชาติในใจเธอแม้แต่น้อย

เพิ่งมาพบว่าเขียนริวิวเรื่องนี้ค้างไว้ตั้งแต่กรกฏาปีที่แล้ว และดังนั้น การกลับมาเขียนอีกครั้งจึงเป็นการเขียนจากความทรงจำและความรู้สึกที่ตกค้างอยู่ในใจ (ซึ่งนับแค่ส่วนที่จำได้) เท่านั้น หนังสือเล่มนี้ก็เป็นเรื่องเหนือจริงสำหรับเยาวชน และดังนั้นก็เป็นไปตามสูตรสำเร็จหลายอย่าง (ดูเรื่องสูตรสำเร็จที่เคยพูดไปก่อนหน้า) ไม่ว่าจะเป็น ตัวเอกที่พยายามค้นหาตัวตนของตัวเอง ชายคนรัก (หรือชายคนรักที่จะเป็น)ซึ่งไม่แสดงท่าทีใด ๆ ยกเว้นแต่ปฎิกริยาเคมีระหว่างกัน กลุ่มเพื่อนที่พร้อมจะช่วยเหลือกัน และที่ขาดไม่ได้ ก็คือ เผ่าพันธุ์เหนือจริง ซึ่งในเรื่องนี้ก็คือ มนุษย์หมาป่า (ดูจากชื่อเรื่องก็น่าจะได้)

เนื่องจากหนังสือเล่มนี้เป็น YA จึงเขียนอย่างไม่ลงรายละเอียดและความสมจริงลงไปลึกมาก ซึ่งก็เป็นปัญหาสำหรับคนอ่านผู้ใหญ่ขณะอ่านอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาเรื่องราวและเนื้อเรื่องที่จะดำเนินต่อไปได้ และที่ซ้ำร้ายที่สุดก็คือการแก้ปัญหาและอธิบายเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้รู้สึกหงุดหงิด และไม่สมจริง (สปอยล์) [โดยเฉพาะที่อธิบายว่าจริง ๆ แล้วพ่อแม่แท้ ๆ และตัวนางเอกก็เป็นมนุษย์หมาป่าด้วยเช่นกัน แต่เพราะเกิดอุบัติเหตุในป่าขึ้นมาทำให้หลังพ่อแม่นางเอกตาย โดยที่สภามนุษย์หมาป่าช่วยไว้ไม่ทัน และทำให้นางเอกต้องส่งไปอยู่กับครอบครัวมนุษย์ ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว ด้วยอำนาจที่คนกลุ่มนี้มี การตามหาและตามรับตัวนางเอกกลับมาก็ทำได้ไม่ยาก และไม่ใช่เรื่องเหนือกำลังแต่อย่างใด] หรือการแก้ปัญหาท้ายเรื่อง [ที่ทำให้พ่อลูกนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องรู้ว่ามนุษย์หมาป่ามีอยู่จริง และพร้อมจะกลับมาเพื่อแก้แค้น และจับมนุษย์หมาป่าไปทดลอง ซึ่งถ้าจะตัดไฟแต่ต้นลมก็ทำได้ แต่ก็เป็นไปได้ว่าคนเขียนเขียนทิ้งไว้เพื่อให้เป็นเหตุการณ์ในเล่มต่อ ๆ ไป] รวมไปถึงการที่พระเอกเป็นหัวหน้ากลุ่ม (และหัวหน้ากลุ่มผู้พิทักษ์) แต่กลับไม่มีวิจารณญาณหลายอย่างที่ควรจะมี หรือมีอย่างเพียงพอ

แต่นอกเหนือจากนี้แล้ว คิดว่าหนังสือตอบโจทย์ความโรแมนติกและชวนฝันในฐานะการเป็นเรื่อง YA ได้ดี เพราะเป็นการพูดถึงรักแท้และรักนิรันดร์ ดังที่เผ่ามนุษย์หมาป่ามีเรื่องของคู่แท้ที่ฝ่ายชายจะสักชื่อของหญิงสาวที่ตัวเองรักและต้องการใช้ชีวิตด้วยไว้ที่ไหล่ และเมื่อถึงเวลาแปลงร่าง –เมื่อฝ่ายหญิงอายุ 17 ปี และฝ่ายชายอายุ 18 ปี- ผู้หญิงจะมีสิทธิจะเลือกรับรักหรือไม่ก็ได้ โดยที่ผู้ชายจะเปลี่ยนแปลงอีกไม่ได้ เป็นการเลือกและความรักเพียงครั้งเดียว (ซึ่งถ้าฝ่ายหญิงไม่รับรักตอบ ผู้ชายก็จะอยู่คนเดียวและเป็นโสดไปตลอดไป) และก็เป็นการแต่งงานที่ทำในป่าภายใต้แสงจันทร์หลังการแปลงร่างของฝ่ายหญิง โดยมีชุดแต่งงานสีขาวเตรียมไว้พร้อม (โรแมนติกขนาดไหนคิดดู) ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อายุเพียงเท่านี้ถือว่าเด็กเหลือเกิน และก็มีสิ่งต่าง ๆ รอเราอยู่ในโลกอีกมาก

จุดหนึ่งที่ชอบในเรื่องก็คือการที่บรรยายไว้หลังปกว่าตัว Kayla เป็น all-American beauty ซึ่งทำให้คิดภาพการเป็นสาวเชียร์ลีดเดอร์ที่แต่งตัวสวยทำอะไรไม่เป็น แต่ในเรื่อง เธออึด และต่างจากที่คิดไว้เยอะ ดังเช่น เมื่อมีคนต้องว่ายน้ำไปเพื่อเอาเชือกไปผูกกับฝั่งตรงข้ามเพื่อเป็นหลักเกาะให้กลุ่มเดินไปได้ก็กลายเป็นหน้าที่ของเธอ แทนที่จะเป็นหนุ่ม ๆ Sherpa ในคณะ และก็กลายเป็นว่าสาวน้อยของเราเป็นตัวแทนคัดเลือกเพื่อจะไปแข่งว่ายน้ำโอลิมปิกและพลาดตำแหน่งไปเพียงไม่กี่วินาที

รวม ๆ คิดว่าเป็นหนังสือ YA ที่อ่านได้เล่มหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อตัวละครในเรื่องน่ารัก และเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเด็ก ๆ ที่อ่าน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความรักธรรมชาติ ใส่ใจคนอื่นรอบข้าง ฯลฯ ซึ่งเรื่องหลักมาแรงในแนวนี้ (ไม่ขอเอ่ยชื่อ) ไม่มี ในฐานะ YA ให้ B แต่ในฐานะหนังสือผู้ใหญ่ให้ B-/C+ และถ้าจะต้องสรุปก็ขอบอกว่า “as light, bright, shining as the Moonlight” ในความหมายที่ว่าเป็นแสงจันทร์ แต่เป็นแสงอาทิตย์ไม่ได้ และไม่พอ จบอย่างงง ๆ

ปล. ตอนแรกที่อ่านจบ คิดว่าจะไปเอาเล่มอื่นมาอ่านต่อ เพราะพูดถึงตัวละครเพื่อนสาวของนางเอกที่ค่อนข้างถูกใจ และ ณ ขณะนี้ เมื่อกลับมาอ่านหนังสืออย่างคัดเลือกอีก คิดว่าคงจะหยุดไป