Sunday 15 November 2009

Dawnbreaker by Jocelynn Drake

เล่มที่สามในชุดแล้ว .... ความสนุกสนานจากเล่มหนึ่งและสองทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งมาอ่านต่อ และก็คงอ่านไปได้เรื่อย ๆ ถ้ายังคงความสนุกและวางโครงเรื่องเช่นนี้ได้อยู่

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องพูดก็คือว่า สั่งหนังสือไปที่คิโนะ และก็ไม่มีการตามเรื่องใด ๆ ให้จนกระทั่งหนังสือวางขาย และวางขายอยู่ดื่นดาษที่คิโนะทุกสาขา สรุปว่าซื้อหนังสือเอง การสั่งไม่มีผลใด ๆ เลย

ปล. เพิ่มเติม หลังจากนั้นเกือบสองเดือนร้านเพิ่งโทรมาว่าเพิ่งเช็คใบสั่งตกสำรวจ ไม่รู้จะพูดอย่างไรจริง ๆ



ชนิด : Urban Fantasy/ vampires/ bad elves/
ชุด : Dark Days, Book Three
สำนักพิมพ์ : Eos (September 29, 2009)
จำนวนหน้า : 368หน้า


เล่มที่สามนี้ เริ่มต้นฉากที่ Savannah เขตปกครองของ Mira เพราะเมื่อเธอกลับมาหลังจากการสู้รบกับเหล่า Naturi ในอียิปต์ และอังกฤษในเล่มแรก และไปรายงานเรื่องให้เหล่าผู้นำของ Nightwalker ในเล่มสองแล้ว Mira ได้กลับมาที่นี่เพื่อจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนที่จะไปทำสงครามครั้งใหญ่กับเหล่า Naturi ที่เปรูเป็นครั้งสุดท้าย

หากการกลับมาเพื่อจัดการเรื่องและเตรียมตัวให้พร้อมไม่ใช่เรื่องง่ายดายอย่างที่คิด เมื่อ ฝูง Naturi ตัวร้ายติดตามมารุกราน Mira อีก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำร้ายผีดูดเลือดใต้การดูแลของเธอ แต่ยังทำให้มิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนานกับหัวหน้าฝูงมนุษย์หมาป่าของเมืองสิ้นสุดลง เพราะเจ้าตัวคิดว่าสาเหตุทุกอย่างมาจากตัว Mira ที่เป็นต้นเหตุนำพา Naturi เข้ามา

เมื่อเริ่มเดินทางไปยังเปรูเพื่อยับยั้งการทำลายผนึกที่จะทำให้เหล่า Naturi กลับมาอย่างโลกของ Mira นั้น นอกจากจะมี Danaus ที่กลายมาเป็นคู่หูร่วมคิดและร่วมรบแล้ว ก็ยังมี Cynnia เจ้าหญิงของเหล่า Naturi ที่ทั้งคู่ไปเจอขณะไปช่วยเหลือคนสนิทของ Mira ที่ถูกจับตัวไปกลับมา และในฐานะเจ้าหญิง ตัว Cynnia ก็เป็นตัวต่อรองที่ดีเยี่ยม

รู้สึกเหมือนเล่าเรื่องย่อได้ไม่รู้เรื่อง และไม่กระชับ หรือฉลาดอย่างที่เคยทำได้สองเล่มก่อน แต่ก็นั่นแหละ สงสัยจะห่างการเขียนวิจารณ์ไปนาน สำหรับความรู้สึกแรกเมื่อได้อ่าน คิดว่าเล่มนี้ก็ยังเขียนได้ดีเหมือนเคย และที่รู้สึกว่าดีที่สุดก็คือการวางแผน วางโครงเรื่องทั้งหมด เพราะอ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนเรียบเรียงมาดี และคิดเยอะก่อนที่จะเขียนออกมา ซึ่งรวมไปถึงการแบ่งน้ำหนักเนื้อหาของเรื่องแต่ละส่วนด้วย จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ หลายอย่างในเรื่องก็ทำให้เห็นถึงการคิดและใส่ใจรายละเอียดของเธอ และก็ย้ำความเป็นเรื่องโดดเด่นในใจในฐานะเรื่องชุด และสำหรับหนังสือแต่ละเล่มได้เช่นเดิม

สำหรับสามเล่ม อย่างที่บอกว่าตัว Mira เองมีภารกิจต่างกัน และเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่าง ๆ กันในหนังสือแต่ละเล่ม (แม้จะมีความเหมือนกันอย่างหนึ่งคือ การเผชิญหน้าครั้งใหญ่ (หรือจะเรียกว่า ่สงคราม ่ ก็น่าจะได้) กับเหล่า Naturi ที่จะมีในช่วงท้ายเล่ม) ก็ทำให้หนังสือแต่ละเล่มมีความแตกต่าง และการต่อสู้ที่หลากหลายกันไป จากการสู้ด้วยกำลังกายเป็นหลักในเล่มหนึ่ง มาเป็นสู้ด้วยสมอง ในเล่มสอง และเล่มสามส่วนตัวเองเห็นการรวมกันของทั้งอย่าง ซึ่งก็ทำให้หนังสือไม่น่าเบื่อ และชวนติดตาม

ภารกิจของ Mira ยังเป็นสิ่งที่หนักหนาสำหรับเธออยู่เช่นเคย และก็ตอกย้ำวิถีแห่ง Urban Fantasy ที่ตัวเอกมีภารกิจให้ทำ เพราะต้องทำ โดยที่ไม่มีทางเลือก และเป็นสิ่งที่ใหญ่หลวงสาหัส (Larger-than-life!) ในหนังสือจะเห็น Mira วิ่งวุ่นอยู่ตลอดเวลา และมีภาระธุระที่จะต้องทำเต็มไปหมด เพราะไม่เพียงแต่เธอจะต้องทำเพื่อตัวเอง ก็มีหลายสิ่งที่ทำเพื่อดูแลคนอื่น แม้ว่าจะซ่อนอยู่ใต้ท่าทีเย็นชาก็ตาม (หรือเย็นชาน้อยลงไปเรื่อย ๆ สำหรับระยะห่างที่มีต่อ Danaus เอง)

ระยะห่างที่ Mira เว้นไว้กับ Danaus อยู่จะหดน้อยลงไปเรื่อย ๆ และความใกล้ชิดผูกพันที่ทั้งคู่มีต่อกันก็มากยิ่งขึ้น และในทางกลับกันความใกล้ชิดที่มี ก็ส่งผลให้ระยะห่างใด ๆ ที่มีน้อยลงไปอีกเช่นกัน ดังเช่น ในช่วงเกือบท้ายของหนังสือ นักล่าสัมผัสได้ว่า Mira กำลังดีใจอยู่กับเรื่องราวบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างรบ และเขาก็เรียกร้องที่จะรู้เรื่องนั้นให้ได้
What? He demanded in my head.
I don’t know what you’re talking about, I denied, but he words came across as far too giddy.
You’re too damn happy about something.
Possibly that I’m still alive.

No. Tell me, or I’ll find it on my own, Mira.

(หน้า 262-3)

มีฉากในตอนต้นเรื่องที่ Danaus ถูก Naturi ลากจากเรือลงไปในน้ำ และ Mira ก็ไม่ลังเลที่จะกระโดดลงไปช่วยทันที และเมื่อ Danaus บอกว่าเขาไม่คิดว่าเธอจะกระโดดลงไปช่วยจริง ๆ ก็ทำให้เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ฉากความรู้สึกของ Mira ที่ชัดเจนที่สุด เป็นช่วงที่ Danaus ไม่ยอมที่จะถูกทำให้หลับไป เพราะกลัวอันตรายจากเหล่าผีดูดเลือดที่จะเกิดขึ้นเมื่อนักล่าอย่างเขาช่วยตัวเองไม่ได้ และ Mira ปลอบประโลมเขา
“No one will touch you! I forbid it. You belong to me and me alone. I will be among the first to awaken and I will wake you. No Nightwalker or Naturi will touch you, I vow it.”
As I spoke, a dark, feral need rose up in me. I needed to pull him down to me and drain some of the blood from his neck. I needed to feel his blood coursing through my veins, marking him as mine. I needed for all in the nightwalker world to realize that none should lay a hand on the hunter. He was mine.
(หน้า 285)
ความคิดเหล่านี้นอกจากจะแสดงออกถึงความรู้สึกเป็นเจ้าของแล้ว ยังแฝงความรู้สึกอยากปกป้องลงไป และที่โดดเด่นอีกอย่างก็คือ วิธีที่พูด และปฎิบัติต่อ Danaus ระหว่างนั้นก็แสดงให้ถึงความละเอียดอ่อนที่ Mira มีให้ Danaus จริง ๆ ซึ่งแม้ว่าเวลาอื่นที่อยู่ด้วยกัน Mira จะเต็มไปด้วยท่าทีออกคำสั่ง โมโหร้าย หรือแม้แต่ประชดประชันก็ตามที

ทั้งหมดนี้เป็นการก่อร่างความรู้สึกอย่างช้า ๆ และในฐานะที่ทั้งคู่เป็นศัตรูข้ามเผ่าของกันและกันมาก่อน ก็ทำให้ความรู้สึกที่มีดูน่าเชื่อถือ และดูมีคุณค่าตามไปด้วย เพราะเมื่อย้อนไปดูตั้งแต่เล่มแรก พัฒนาการและความเชื่อมั่นที่มีต่อกันและกันถูกบ่มเพาะขึ้นมานั้นมีขึ้นมาทีละเล็กละน้อยจริง ๆ

อย่างไรก็มี หลังจากที่เล่มสองที่ Mira สามารถรับพลังจากพื้นโลกที่จุดบูชายันต์มาเป็นของตัวเอง (แม้ว่าจะเป็นอย่างไม่ตั้งใจก็ตาม) แต่ก็ทำให้เธอมุ่งมั่นมั่นจะควบคุมพลังให้ได้แทนที่จะให้พลังนั้นมาควบคุมเธอ ซึ่งทำให้เธอต้องขอความช่วยเหลือจากแม่มด และ Naturi อย่าง Cynnia และนำไปสู่การตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เธอจะมีรากเหง้าของ Naturi อยู่ในตัว - ซึ่งคิดว่าประเด็นนี้ก็คงจะรอการพิสูจน์ต่อไปในเล่มหน้า ๆ

เมื่อพวก Mira จับตัว Cynnia ได้ ความเกลียดชังเผ่า Naturi ทำให้ Mira ปฎิบัติต่อ Cynnia ไม่ดีนัก เธอถูกขู่ฆ่าทุกครั้งที่ Mira ต้องการความร่วมมือ และต้องการให้ Cynnia เชื่อฟังคำสั่ง และการที่เจ้าตัวอยู่รอดมาได้ก็เพราะฐานะที่เป็นเจ้าหญิงและน้องสาวของ Aurora ราชินีของเหล่า Naturi ซึ่งทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะทำให้ Cynnia ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ (นอกเหนือไปจากการเป็นเผ่า Naturi แล้ว เธอไม่มีความคิดฆ่าใด ๆ อยู่ในหัวเลย และที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ต้องการให้เหล่า Naturi อยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ บนโลกอย่างสงบเสียด้วย) จะถูกสภาวะแวดล้อมกัดกร่อนให้เปลี่ยนแปลง และทำให้มีเงื่อนไขที่จะทำร้ายทำลาย Nightwalker และโลกขึ้นมาด้วยความขมขื่นเกลียดขึ้นมา อย่างไรก็ตาม สถานการณ์กลับไปไม่เช่นนั้น เพราะที่สำคัญเธอเองก็ไม่กล้ากลับไปหาฝ่าย Naturi ที่อยู่บนโลก เพราะกลัวว่าจะถูกฆ่า (ดังเช่นที่กลับเป็นว่ามี Naturi ที่อยู่บนโลกวางแผนให้เธอเจอ Mira เพราะรู้ว่า Mira จะไม่ปล่อย Cynnia ที่เป็น Naturi ไว้แน่ เป็นทั้งการกำจัด Cynnia และยืนมือ Mira ฆ่าคน) อย่างใดก็ดี กลายเป็นว่า (สปอยล์) [Cynnia ระแคะระคายว่าพี่สาวต้องการฆ่าตัวเอง และดังนั้นจึงตัดสินใจมาอยู่ใต้การกักตัวของ Mira เพราะรู้ว่า Mira จะไม่ฆ่าเธอซึ่งเป็นน้องสาวของ Aurora อย่างแน่นอน และตอนจบที่ปรากฏให้เห็นว่าเธอวางแผนทั้งหมดไว้ และท้าทายอำนาจพี่สาวของตัวเองก็เป็นจุดหักมุมที่คนเขียนเขียนได้ดีเดียว]

มีจุดที่รู้สึกว่า ironic (ขอโทษที่นึกคำไทยคำนี้ไม่ออก) อยู่อย่างมากก็คือ Rowe ตัว Naturi ที่เป็นคนรักของ Aurora พยายามทำทุกอย่างให้ Aurora ได้กลับมาโลกตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก็รวมไปถึงการพยายามใช้มนต์ด้านมืดเพื่อเปิดประตูมิติด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้รูปโฉมเขาเปลี่ยนแปลงไป และสิ่งนี้ก็ทำให้ Aurora ขับไล่เขาออกไปจากเผ่า Naturi แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ภักดีที่สุด และคิดถึงแต่เธอที่สุดก็ตาม ซึ่งเป็นจุดที่น่าหัวเราะและน่าเศร้าไปพร้อมกัน

สำหรับตัว Aurora เอง มีการพูดถึงเธอมาตลอดในหนังสือทั้งสองเล่มแรก และเล่มนี้ แต่กว่าเธอจะปรากฏตัวก็คือตอนจบของเล่มสาม เราไม่ได้เห็นเธอหรือรู้จักเธอมากไปกว่าความจริงที่ว่าเธอเป็นราชินีของเผ่า Naturi ทั้งมวล และเมื่อเธอปรากฏตัวออกมา เธอก็เป็นเช่นนั้น และเป็นแค่นั้นจริง เพราะเธอคิดว่าเธอเป็นราชินี และทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับเธอ ตามความต้องการของเธอ ซึ่งการที่ถูกกักขังอยู่ต่างมิติก็อาจมีผลทำให้เธอสร้างโลกและความเชื่อของเธอขึ้นมาจนเป็นจริงตามที่เธอเชื่อว่าเธอเป็นจุดศูนย์กลางของทุกอย่างอีกด้วย ซึ่งสะท้อนได้เห็นจากคำพูดและการให้ความสำคัญกับตัวเองของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการขับไล่ Rowe ออกไป และการคิดจะฆ่าน้องสาวทั้งสองคนเพื่อจะกำจัดคนที่มามีอำนาจเหนือจากเธอออกไป

ทั้งนี้ ความคิดด้านลบของ Aurora ประกอบกับความไม่ลงรอยกันเรื่องการอยู่ร่วมกับเผ่าอื่นก็ทำให้ Aurora แตกคอกับ Cynnia ในตอนท้าย (สปอยล์) [ไปจนถึงขั้นที่ Cynnia ยอมให้ Mira ฆ่าพี่สาวตัวเองเพื่อที่เป็นราชินีคนใหม่มาปกครอง Naturi]

อย่างไรก็ตาม เรื่องในเล่มสี่ก็คงเข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เพราะ ผนึกถูกทำลายจน Aurora กลับมาที่โลกได้ แม้ว่า (สปอยล์) [Cynnia จะก้าวขึ้นมาเป็นราชินีอีกคนหนึ่ง และทำให้เผ่า Naturi แบ่งออกเป็นสองฝ่ายเมื่อ Aurora ยังไม่ตามก็ตาม ซึ่ง Naturi ก็อาจจะพักศึกการรบกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เพื่อไปกำจัดศึกในบ้านก่อนก็ได้]

เห็นความเป็นไปได้ที่ Naturi จะกลับมาเป็นพันธมิตรร่วมกับเผ่าพันธุ์อื่น ซึ่งถ้าเป็นจริง แม้ Mira จะยอมรับความจริงตรงนี้ และเรียนรู้ที่จะไม่ฆ่า Naturi ได้ แต่ก็มีเผ่าพันธุ์อื่น และข้อสัญญาระหว่างกันอยู่ดี และที่สำคัญก็มีความเป็นไปได้ที่เผ่า Bori จะมีบทบาทต่อไปอีกด้วย (หวังว่าคงไม่ใช่การร่วมมือกับ Naturi เพื่อกำจัด Bori!) โดยเฉพาะเมื่อเห็นท่าทีของ Danaus หลังจากได้รับผลกระทบจากการใช้คาถาไป

อยากอ่านเล่มสี่ เพราะท้ายเล่มสาม เหมือน Mira เริ่มเบื่อกับการอยู่กับที่ แม้ว่าจะต้องการได้กลับมาตลอดในสองเล่มแรกก็ตาม และคาดเดาไม่ได้ว่าเล่มสี่จะเป็นอย่างไร สรุปว่า ชอบ ชอบ ชอบ “Rich in details, rich in surprises!” ก็แล้วกัน ให้ B+

ปล. หนังสือชุดนี้ไม่เคยหาคำสรุปหรือเพลงดี ๆ ประกอบได้เลย อนิจจา!