Saturday 29 December 2018

The Novel’s Extra

สถานะปัจจุบัน Web Novel 207 ตอน

ความดีงามในสามโลกวันนี้! ตอนแรกก่ำกึ่งว่าจะอ่านดีไหม แต่ว่าหลังๆ พวกนิยายแอคชั่น/ แฟนตาซี/ ออนไลน์ที่สนุกมาจากฝั่งเกาหลีหมดเลยก็เลยลองอ่าน อืมมม เป็นไงล่ะ 3 วัน 190 ตอน! อีกนิดนึงร่างกายคงไปไม่รอดเพราะการขาดนอน ดีนะ ไม่ได้เป็นแบบ Overgeared/ LMS ที่มา 700+ ตอน แต่ก็ไม่รู้ว่าดีไม่ดีอันที่จริง เพราะว่าอยากอ่านต่อแล้วววว แต่ก็ขี้เกียจไปอ่าน MTL ด้วย 5555 ก็รอกัน day by day ไปเนอะ

ก็สปอยล์ตามประสา เพราะว่าไม่ได้เขียนรีวิว แต่เป็นการกรี๊ดกร๊าดให้ตัวเองได้ระบาย มีอะไรนึกออกจะเขียนลงไปให้หมดค่า!

เอาล่ะ แนว writer/ transmigration ก็มาอีกเรื่องหนึ่ง และก็เพราะ Kim Hajin ตัวเอกเจออาการ writer’s block หยุดเขียนนิยายไป ก็เลยถูกจับส่งไปอยู่ในนิยายของตัวเอง ซึ่งตามเรื่องจะพูดถึง Kim Suho คุณพี่พระเอ๊กพระเอกที่เก่ง OP และดีทุกอย่าง ทั้งหน้าตา นิสัย เป็นอันดับหนึ่งของ hero cadet ในสถาบัน hero ต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ และ Shin Jonghak เพื่อนร่วมชั้นผู้คงตำแหน่งลำดับที่สองและคู่แข่งตลอดกาลของพี่เขา

จริงๆ แล้ว Hajin ของเราถูกส่งมาอยู่ในร่างของตัวประกอบจืดจาง (อันดับที่ 938 เลยนะ) และก็ควรจะจืดจางต่อไป แต่เพราะ Hajin ไม่มีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม และมีความมุ่งมั่นที่จะต้องอยู่รอดให้ได้ พี่เขาก็เลยต้องอัพเกรดตัวเองขึ้นมาผ่าน notebook ที่ได้มาจากโลกเดิม ซึ่งยิ่งประกอบกับความรู้เต็มหัวในฐานะคนเขียนที่รู้เหตุการณ์ทั้งหลายอยู่แล้วไปๆ มาๆ ก็เลยเป็นการเปิดช่องทางให้พี่แกโกงเพิ่มความสามารถตัวเองได้เรื่อยๆ และดังนั้นจากสถานะตัวประกอบจืดจางที่คอยเฝ้าดูเหล่าตัวเอกอยู่วงนอกก็เริ่มมีความสำคัญและโดดเด่นขึ้นมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นวงใน และเป็นที่จับตามองของทุกคน ... และในแง่หนึ่งก็เป็นตัวแปรและจุดเปลี่ยนเนื้อหาในเรื่องไป

ถ้าจะเล่าเรื่องแบบย่อก็จะได้แบบนี้ ช่วงแรกเปิดมาก็เลยเป็นฟีลโรงเรียนเวทมนต์ เอ๊ยย ฟีลโรงเรียนฮีโร่ที่มี Suho เป็นศูนย์กลางจักรวาล ไม่ว่าจะทำอะไรพี่แกทำได้ดีหมด หล่อ ฉลาด เป็นตัวเอก และมีเพื่อนเยอะ ขณะที่ Hajin ไม่มีอะไรเลย ค่า stat น้อยจนดูไร้ความสามารถ แถมยังตกเป็นเป้าการนินทาของคนในสถาบันด้วยการเปลี่ยนอาวุธคู่มือจากดาบมาเป็นปืนซึ่งเป็นอาวุธอ่อนด้อยในโลกฮีโร่เสียอีก แต่ก็นั่นแหละ ทองแท้ไม่กลัวไฟ เอ๊ยย สถานะนักเขียนและการโกงอยู่กับตัว พี่แกไม่สนใจอะไรใคร ไม่คบใคร และพยายามเพิ่มศักยภาพตัวเองผ่านทุกอย่างทุกทาง ชีวิตมีแค่การเรียนกับฝึกฝนสลับกันไปมาอย่างนี้

แต่ระหว่างนั้น เพื่อให้ได้ SP – story point ค่าความสำคัญในเรื่อง พี่แกก็เลยต้องไปวนเวียนรอบๆ เหล่าตัวเอก และสร้างคุณค่าตัวเองขึ้นมาด้วย ซึ่งชอบความมุ่งมั่นตั้งเป้าหมายและจริงจังที่จะบรรลุเป้าหมายของพี่แกมาก ไม่ท้อ ไม่ถอย ไม่หนีเลยสักครั้ง กับเพราะเจ้าตัวเชี่ยวชาญเข้าใจความเป็นไปและเนื้อหาในเรื่องก็ทำให้พยายามมองต่างมุมเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ในมือ และโอกาสไม่ว่าที่อยู่ตรงหน้าและกำลังจะเกิดได้ดีที่สุด ก็นะ ถ้าจะให้จำกัดความ Hajin ก็คือ scheming

จริงๆ ตอนที่อ่านเรื่อง เข้าใจว่าคุณพี่ Hajin จะสร้าง brand value ของตัวเองมาแข่งกับคุณพระเอก เพราะว่าหลายอย่างควรจะเป็นสิ่งที่พระเอกทำ แต่ก็กลายเป็นสิ่งที่ Hajin ทำ/ ได้รับไปแทน อย่างเช่น การผูกพันและสร้างความสัมพันธ์กับ agent และในช่วงแรกที่เล่าถึงพระเอกก็ดูแปลกแยกจากตัวเองด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นว่าการก้าวออกไปหาของ Suho ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนรักกัน และมีความเชื่อมั่นและผูกพันกันสูงมาก อย่างเช่นที่ Suho เชื่อเสมอว่า ถ้าไม่ปิดบังความสามารถของตัวเองไว้ ตัว Hajin น่าจะเก่งพอ หรือแม้กระทั่งสูงกว่าตัวเองด้วยซ้ำ/ พอสู้กันก็กล้าที่จะปล่อยให้ Hajin ระวังหลังไว้โดยไม่กลัวว่า Hajin จะมาทำร้ายตัวเอง และส่วน Hajin เอง ทั้งในฐานะเพื่อนและคนเขียน (ที่ต้องการให้เรื่องจบได้) ก็วิ่งออกไปขวางหน้าตัวร้ายเพื่อช่วย Suho เหมือนกัน และก็ถึงกับเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อปูทางให้ Suho เป็นพระเอกของเรื่องได้จริงๆ

อย่างตอนที่ 169 ขณะอยู่ใน Tower ก็ถึงขั้นทำงานหนักรากเลือด มีการบอกว่า Here, I wanted to see a different ending with Kim Suho. This was the best ending I came up with during my three years of planning.

หรืออย่างตอนที่ได้เจอหลังจากหายกันไปเกือบ 4 ปี คำทักทายกันสั้นมาก แต่ที่เหลือ คือการชี้แนะและให้หนทาง ที่พีคคือพี่แกถึงขั้นเก็บ Stigma Crystal ให้ Suho เอาไปอัพเลเวลตัวเองด้วย

ถ้าจะพูดจากใจจริง สองคนสนิทและเชื่อใจกันมากถึงขั้นที่อีกนิดก็สามารถจะจินตนาการให้เป็นนิยายวายไปได้เลยนะเนี่ย ตอนแรกนึกว่าคิดไปเองคนเดียว แต่นักอ่านหลายคนก็พูดเหมือนกันหมด ถึงขั้นที่มีคนบอกว่าเวลาสองคนนี้อยู่ด้วยกันดูเป็น quality / intimate time ยิ่งกว่าอยู่กับสาวๆ คนอื่นอีก ล่าสุดที่อ่านตอนที่ 193 reaction ของ Suho ตอนที่ได้ Stigma Crystal จาก Hajin ยิ่งดูน่าสงสัย

Suddenly, Kim Suho’s expression became somewhat strange. Even his cheeks appeared rosy, perhaps due to the hot spring.
“W-Why are you looking at me like that?”
“Huh? Oh… It’s just that… I’m really grateful, but why are you doing all this for me? Did you know I’d come here? How come your explanation is so detailed? I’m moved.”

ในแง่หนึ่งเพราะพระเอกเป็นคนดี ถึงขั้นที่เรียกได้ว่า ดีมากกก righteous ได้คำนี้คำเดียวจริงๆ ก็คิดว่าจะเกลียดพระเอกนะ แต่เป็นครั้งแรกที่อ่านเรื่องแล้วชอบพระเอกแนวพระเอกได้จริงๆ ความดีงามพ่อพระทั้งหลายทั้งปวงมารวมตัวอยู่ที่พี่หมด แต่อืม เอาจริงๆ ถึงแม้หนังสือจะมีหลายมุมมอง แต่ส่วนที่เป็น Suho นี่น้อยจนอยากร้องไห้ นิยายชอบเกริ่นถึงอดีต และความลับที่เปิดเผยใครไม่ได้ของพี่แก แต่ก็นะ ได้แต่เกริ่นมาเป็นสิบรอบ ไม่ได้แตะไม่ได้เล่าเสียที เฮ้อ เฮ้อ ...

ทีนี้ ด้วยความที่ตัว Hajin ต้องไปวนเวียนรอบเหล่าตัวเอกในระยะแรกๆ เพื่อสร้างค่า SP โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้จัก/ สนิทกันก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นมาเหมือนกัน เพราะว่าในเหล่านางเอกทั้งหลาย มีตัวละครสองตัวที่เป็นที่นิยมของหนุ่มๆ คือ  Chae Nayun คุณหนูบ้าพลัง และ Rachel เจ้าหญิงจากราชวงศ์อังกฤษ ตามเรื่องเดิม จริงๆ แล้วตัวละครสองตัวนี้จะมีเรื่องถึงชีวิตบ่อยมาก เพราะว่าจะได้เป็นอีเวนท์ให้พระเอกในเรื่องอย่าง Suho เข้าไปช่วยแล้วปักธงสาวๆ ให้ได้ แต่ทีนี้ เพราะว่าเข้าไปในเกม เกิด element ใหม่ที่นักเขียนที่เข้ามาช่วยแก้เรื่อง (co-author ตามคำนิยาย) บอกว่าสถานการณ์ง่ายไปไม่ตื่นเต้น ก็เลยเพิ่มความโหดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความสามารถของเหล่าตัวร้าย และการเร่งเรื่องในนิยาย และ Suho ก็ยังเก่งไม่พอสู้ด้วยซ้ำ ดังนั้น ก็เลยทำให้พี่ Hajin ต้องมาออกโรงเอง เพื่อไม่ให้ตัวละครเหล่านี้ต้องตายไปก่อน เป็นความห่วงใยตัวละครในฐานะนักเขียนและคนดำเนินเรื่อง แต่ทีนี้ พอทำไปเรื่อยๆ หลายๆ ครั้ง ก็เลยทำให้ทั้ง Chae Nayun และ Rachel สองคนนี้เกิดการมโนเข้าใจผิดไปว่าอี Hajin ชอบตัวเอง ซึ่งก็ขำมากที่ Hajin ไม่รู้เรื่องอะไรเลย คิดแต่เพียงว่าตัวเองรู้เนื้อหาของเรื่อง และพยายามป้องกันเหตุก็เท่านั้นเอง

ตอนแรกไม่คิดว่าจะชอบเรื่องนี้มากขนาดนี้ แต่เพราะ Novel’s Extra เล่าถึงชีวิตของตัวละครที่อยู่ในโลกจริง (ของเหล่าตัวละคร) ก็เลยทำให้ดูสมจริงกว่าเรื่องของโลก MMORPG หลายเรื่อง และที่สำคัญ เพราะอยู่นอกเกมก็เลยมี variables ที่คาดเดาไม่ได้มากกว่า ต่างจากการเป็นเนื้อเรื่องวนของโลก MMORPG (ได้รับ quest/ เจอ event – แก้ปัญหา – ได้ค่าประสบการณ์/ ของ/ คน) หรือแนว action อย่าง Reincarnator ที่เน้นแค่การต่อสู้ เป็นการ  clear stage ที่ฝ่าฟันให้สำเร็จไปแต่ละชั้น

กับชอบการเน้นอารมณ์ในเรื่อง นอกเหนือไปจากการสร้างความผูกพัน และมิตรภาพกับตัวละครรอบตัว ก็คือตอนแรกที่เข้ามาในเรื่อง สิ่งเดียวที่ Hajin ทำก็คือเร่งให้ตัวเองเก่ง กับพยายามคุมเรื่องให้ได้อย่างที่ควรจะเป็น สองอย่างนี้ก็ทำให้ไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น และก็ทำให้เจ้าตัวอยู่ในสภาพกดดัน และไร้เพื่อน จนเหมือนว่าการมาอยู่ต่างโลกเป็นความทรมานที่ต้องดิ้นรนทุกลมหายใจเพื่อจบเรื่องและกลับไปอย่างโลกเดิมให้ได้ แต่อย่างที่บอกว่า 'No man is an island' พี่แกก็ค่อยๆ สร้างรู้จัก สร้างสัมพันธ์ และผูกพันกับตัวละครในเรื่องขึ้นมา จากที่เคยเป็นหมาป่าโดดเดี่ยวก็เรียนรู้ที่จะมีสังคม และห่วงใยคนอื่น ชอบที่พอเปลี่ยนเนื้อเรื่องและได้แม่มดอย่าง Evandel ที่มาเกิดใหม่ ก็เลี้ยงและให้ความรักน้องหนูอย่างดี ในแง่ที่สุดท้ายแล้วตัวเด็กที่เลี้ยงกลายเป็นแหล่งพลังงานและ pillar support ของ Hajin เลยด้วยซ้ำ

แต่เพราะเน้นอารมณ์ก็เลยกลายเป็น plot change อีกนั่นแหละ เหตุหนึ่งที่ Hajin กดดันมากก็คือการที่ต้องฆ่าพี่ชายที่อยู่ในสภาพโคม่าของ Nayun เพราะว่าอีกฝ่ายกลายเป็น evil seed ไป แล้วความรู้สึกผิดตัวนี้ก็เป็นตัวเร่งให้เจ้าตัวออกจากโรงเรียน Hero ไปเป็นทหารรับจ้างกับกลุ่ม Chameleon Troupe กลายเป็นเป็น step 2 ของเรื่อง เปิดศักราช Hunter x Hunter theme กันไป ซึ่งเอาจริง ตอนแรกเปิดมาความรู้สึกของ Hajin ที่มีต่อกลุ่มก็คือพวกนี้ชั่วร้าย แต่แล้วพออยู่ด้วยไป เหมือนว่าสมาชิกหลักอย่าง Boss/ Jain และ Cheok Jungyeong ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เห็น แต่แค่มีนิสัยกันไปคนละอย่างเท่านั้น ... อย่างที่อยากจะบอกว่าเฉพาะคนประหลาดเท่านั้นที่อยู่ด้วยกันได้ และด้วยความสุดโต่งคนละแบบก็ทำให้เรื่องอลหม่านได้ในเชิงไร้สาระเป็นระยะๆ เช่นกัน

นอกเหนือจากเรื่องฆ่าพี่ชายแล้ว อีกอย่างที่ดูดราม่าไม่ต่างกัน ก็คือเรื่องที่จริงๆ แล้วตอนที่มาอยู่ในโลกนี้ Hajin ไม่ได้เข้ามาในฐานะตัวเองตั้งแต่เริ่ม แต่ว่าเป็นตัวละครประกอบชื่อ Kim Chundong ที่ถึงแม้ผ่านการ synchronize ในบทต้นและตามระยะเวลที่ผ่านไป ชื่อและหน้าตาของ Hajin มาแทนที่ Chundong ได้ แต่พื้นเพและความเป็นมาของ Chundong ก็กลายเป็นเรื่องชีวิตของ Hajin ด้วยเหมือนกัน ซึ่งกลายเป็นว่า Chundong เป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อแม่ถูกร่างแหเมื่อเจ้านายถูกปู่ของ Nayun เก็บ และตัวกลุ่ม Chameleon Troupe ก็เป็นผู้ที่ลงมือสังหารโหด โดยเฉพาะด้วยฝีมือของ Boss ... และที่สำคัญ เหตุผลที่ Hajin รอดมาได้ก็คือ Boss ใจอ่อนและเอาตัว Hajin ที่เพิ่งคลอดไปให้สถานเลี้ยงเด็ก — ตอนนี้ก็เหมือนเป็นระเบิดเวลาที่รอการปะทุเหมือนกัน โดยเฉพาะในแง่ความสัมพันธ์ระหว่าง Hajin กับ Boss แต่ไปๆ มาๆ ก็คือ Hajin ไม่สนใจอดีต ในแง่ที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองจริงๆ และก็อยากที่จะลืมอดีตและเดินไปสู่อนาคตเหมือนกัน

ตอนนี้เหมือนเดินเรื่อง step 3 ช่วงเปลี่ยนเนื่อเรื่องอีกรอบ เพราะเหล่าตัวเอก (ที่รวม Hajin) ต่างเข้าไปใน Tower เพื่ออัพเลเวล (สำหรับคนอื่นอาจไม่ชัด ดูเป็นการแสวงหาโอกาสเฉยๆ แต่ Hajin รู้ชัดมาก – ก็พี่เขาเป็นคนเขียน) และโดยเฉพาะสำหรับ Hajin ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงเนื้อหาตอนจบ อืม ความเด่นตอนนี้ก็เป็น theme RPG แล้ว ถึงแม้แต่ละชั้นจะมีเป้าหมายต่างกัน และสภาพแวดล้อมบวกเลื่อนไขต่างกัน แต่ดูจุดประสงค์หลัก หรือให้พูดว่าย่อ ก็คือ การเพิ่มค่า stat และเก็บของ เอาจริงเข้าหอคอยมาแรกๆ ก็สนุกดี แต่ตอนนี้ก็เริ่มเบื่อนิดหน่อย เพราะเหมือนเป็นลูปเกมที่ยิ่งเห็นได้ชัดว่า Hajin ที่รู้เรื่องทุกอย่างได้เปรียบขนาดไหน และพยายามสร้างข้อได้เปรียบให้ตัวเองอย่างไร หรือบางทีอาจจะเป็นช่วงที่สร้างความสนิทสนมระหว่างเจ้าตัวกับตัวสมาชิกหลักในกลุ่มที่เข้ามาพร้อมกันด้วย (โดยเฉพาะ Boss)

เอาจริง love interest ที่เป็นไปได้ มีอยู่ 3 ตัว
1. Chae Nayun
ส่วนตัวแล้ว ไม่ชอบคนนี้ที่สุด ไม่ชอบนิสัยและทัศนคติมาก เพราะเป็นเหมือน Amazon / Barrarian Warrior ใช้กำลังไม่ใช้สมอง และชอบมองว่าทุกอย่างหมุนรอบตัวเอง ด้วยความที่เป็นคุณหนู ปู่มีอิทธิพลมากยิ่งทำให้นิสัยเสีย คือก็รู้ว่าชีวิตตัวเองเศร้า แม่ถูก djinn ฆ่า พี่ชายก็โคม่า แต่ขอร้องล่ะ ลองหันไปดูชีวิตคนอื่นบ้าง ทุกคนก็ suffer กันคนละแบบสองแบบไหม? เอามาเป็นประเด็นดราม่าอยู่ได้ ชีวิตตัวเองที่เหลือก็ดีเกินจะดีแล้ว ทำให้ตัวเองทุกข์ และคนอื่นลำบากใจด้วยทำไม
ชอบมีช่วงเวลาบังเอิญเจอกับ Hajin จนช่วงแรก+กลางเครียดมากว่าคนเขียนจะให้สองคนนี้ลงเอยกันไหม แต่เหมือนจะเอามาให้เจอกันเพื่อสร้างความดราม่าในช่วงกลางเรื่องอย่างเดียว สาธุ! ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่ขอร้องล่ะ เกลียดยัยนี่!

2. Rachel
ตอนแรกชอบคนนี้สุดนะ (ถ้าไม่นับ Yoo Yeonha ที่สุดท้ายอยู่ในรูปพันธมิตรมากกกว่า) อืมม ก็นะ คำว่าชอบก็คือ ship โฮะโฮะ ชอบที่ practical แล้วก็ contained ดี อย่างที่หนังสือบอกว่า precocious ก็ได้เหมือนกัน จากตอนแรกที่ถูก Hajin  แย่งที่หนึ่งในด้านวิชาการไป แต่เพราะถูกช่วยไว้เสมอ ก็ทำให้ Rachel ลดการ์ดลง (แม้จะย้ายไปเป็นการ์ดอีกอย่าง เพราะเหตุผลฉุกเฉินที่ Hajin ใช้เพื่อเป็นข้ออ้างที่อยู่รอบๆ ตัว Rachel เพื่อคุ้มครอง ก็คือ I’m your fan! 555555555) เทียบกับคนแรก คนนี้ Hajin ดูดีใจและมีความสุขที่ได้เจอเสมอ คือว่าพอเห็น Rachel นี่ก็คือยิ้มทุกครั้งได้เลย จริงๆ ชอ เคมีระหว่างคู่นี้มาก อยากจะ ship มาก แต่สุดท้ายคิดว่าความต่างในเชิงความสามารถและปรสบการณ์ชีวิตด้านมืดและด้านสว่างมีมากเกินไป ก็คือคงเป็นเพื่อนอย่างเดียว แม้ว่า Rachel จะมีความชื่นชมตัว Hajin อยู่ด้วย — อ้อ มีเพิ่มอีกอย่างที่ Rachel เป็นแม่ของลูก 555555 เป็นเจ้าของเลือดที่ Hajin ใช้เพื่อเลี้ยง seed แม่มดอันที่จริง ดังนั้น Evandel ก็มีต้นแบบมาจาก Rachel แล้วก็เคยเรียก Rachel  ว่าแม่ด้วยย

อืม ชอบความรู้สึกรับผิดชอบ/ ห่วงใยคนอื่นที่ Rachel มีมาก แม้จะเป็นเจ้าหญิง แต่ทางนี้ไม่เคยเย่อหยิ่งหรือโอ้อวดเลย ถ่อมตัวและมุ่งมั่นจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองแบกรับ ไม่ว่าจะความคาดหวังที่คนมีต่อตัวเองในฐานะเจ้าหญิง / การอุทิศตัวให้ประเทศ และ กิลด์ประเทศอังกฤษก็มีเต็มที่ ตอนที่น่ารักมากก็คืออย่างตอนที่ Hajin เอาอาหารให้ และบอกให้ Rachel ย่างเนื้อกวางกินเพิ่ม แต่เจ้าตัวบอกว่าต้องเก็บไว้ให้สมาชิกกิลด์คนอื่นด้วย

3. Boss
ตอนแรกเปิดเรื่องมาดูโหด เป็น dark character ขั้นเทพ แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นเพราะพลังตัวเองทำให้ไม่มีชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น ก็เลยต้องโตอย่างกระพร่องกระแพร่ง นอกเหลือจาก combat grade/ ability นี่ เจ๊เค้าติดลบมากถึงขั้นที่อยู่เองไม่ได้ กลายเป็น Hajin ต้องมาคอยดูแลเรื่อยๆ อย่างที่บอก Hajin ว่าไม่ต้องการพักผ่อน อาทิตย์นึงนอน 5 ชั่วโมงพอ แต่พอ Hajin ทำเตียงให้ก็ทำเป็นเฉยๆ ไม่สนใจ แล้วแอบกระโดดขึ้นเตียง จนถึงขั้นไปซื้อชุดนอนมาเพื่อให้นอนสบายกว่าเดิม แล้วก็มีความเป็นเด็กอย่างแปลก ๆ เช่น ตื่นเต้นได้เอาหัวหมีมาคลุมหัวเป็น helmet

แต่ในแง่หนึ่งก็รู้สึกว่า Hajin เป็นตัวของตัวเองที่สุดเวลาอยู่กับ Boss และที่แปลกใจก็คือ ความรู้สึกที่เจ้าตัวมีต่อ Boss ก็คือ [Longing] [Responsibility] [Affection] [Sadness Towards Your Past] [Trust] [Desire to Look After You] อืม เห็นแล้วก็คิดมากตาม Boss ไปด้วยก็รู่ว่าสงสารเพราะเป็นคนเขียนชีวิตออกมาให้รันทดเอง แต่ความรู้สึกหลายอย่างอย่าง  [Longing] [Affection] มันมาจากไหน? อย่างตอนที่ Boss ใช้พลังหมด ตอนที่ไปอาหารให้  ก็คือ ขึ้นว่า [Lv.3 Porridge Filled with Kim Hajin’s Care] มาแรงแซงโค้งคนอื่นไปจริงๆ มีการป้อนอาหารที่พี่ Hajin ยังคิดว่าไม่เคยทำให้แม้แต่กับ Evandel เลย
และสำหรับ Boss เหมือนก็ติด  Hajin พอสมควร เช่นสุดท้ายที่วิธีดูแลก็ต่างจากคนอื่น และก็กลัว Hajin จะเห็นตัวเองในโหมดโหดฆ่าเลือดสาดด้วย

มีความรู้สึกว่า คน ship คู่นี้เยอะมาก และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็หมายความว่าคนเขียนจับคู่คู่ตัวเอกในเรื่องกับ older women ตลอดเลยนะ ดูจากคู่ Suho สิ

ก็อ่านต่อไปเนาะ ให้ B+ เพราะไม่ชอบความดราม่าอยู่บ้าง มันก็คือ Magic School + Hunter X Hunter + MMORPG

Sunday 9 December 2018

ยอดพธูโจรสลัด

มีสปอยส์ และกัดจิกลากไส้
เขียนเพื่อระบายความเคืองงง  เชื่อถือไม่ได้

ขอยืนยันว่า 1. นิยายรักจีนจากอรุณพล็อตพัง และ 2. Second male lead syndrome มาอีกแล้วววว!

เรื่องนี้เหมือนหนึ่งในบรรดาพล็อตมาตรฐานที่ท่านอ๋อง/แม่ทัพถูกบังคับสมรสพระราชทานแต่งงานกับคุณหนู หมั้นหมายกันไว้ และพอไปรบสี่ปีกลับมาก็พาหญิงที่รักกลับมาด้วย  สูตรสำเร็จเนอะ แต่ทีนี้ สิ่งที่ทำให้สับสนงุงงงไปอีกก็คือ ทั้งนางเอก พระเอก และพระรองต่างมีตัวตนที่สอง นางเอกเหมือนเป็นคุณหนูในห้องหอ แต่ก็มีตัวตนคุณชายมากอิทธิพล พระเอกเป็นท่านแม่ทัพ แต่ก็เป็นเจ้าสำนักลึกลับ ส่วนพระรองเหมือนเป็นเพื่อน/ลูกไล่นางเอกภาคคุณชาย แต่ก็เป็นอ๋องอีกแคว้นด้วย

ทีนี้ ปัญหาชีวิตก็คือตัวพระนาง แย่ที่สุดที่จะรักกันหรือจะชังกันก็ไม่รู้ใจตัวเองสักที แล้วก็เวิ่นเว้อ เงอะงะ ไม่รู้ทางไป โดยเฉพาะพระเอกที่รัก แต่พฤติกรรมเหมือนไม่รัก และไม่ให้ค่า ทำร้ายนางเอกสารพัด ส่วนตัวนางเอก คนเขียนปูทางมาว่า เก่งอย่างโน้น ฉลาดอย่างนี้ แต่ถึงเวลาไม่ได้ใช้ความฉลาดให้เป็นประโยชน์เลย มีแต่พฤติกรรมนอกลู่นอกทางไม่ใช้สมอง บอกว่าเก่งวิทยายุทธ์ โน่น นี่ นั่น แต่ถึงเวลาจริง ใช้อะไรไม่ได้เลย แถมยังบรรยายว่านางลำบากเพราะเป็นกุลสตรีในห้องหออีก อ้าววว แล้วจะบรรยายว่าเรียนวิทยายุทธ์ ตัวเบาสารพัดเพื่ออะไรคะ?

แล้วพล็อตจับแต่งก็มึนงงยุ่งขี้นเพราะอีก second identities อีกด้วย จะมารักกันก็ไม่รักกันง่ายๆ อีก แต่ต้องทำให้ยาก ใช่ไม่ใช่ยากธรรมดา แต่เป็นโง่งมงาย ถ้านางเอกเก่งจริง จะไม่มีทางรู้ได้เลยหรือว่าท่านเจ้าสำนักที่ตัวเองพัวพันด้วยเป็นใคร? ถึงจะใส่หน้ากาก แต่ความสูงเอย บุคลิกลักษณะ และน้ำเสียงมันเปลี่ยนกันไม่ได้ไม่ใช่หรือ? ไม่ใช่อารมณ์ Superman ที่พอใส่แว่นเปลี่ยนชุดก็กลายเป็นบุคคลอีกคนไปนะ
เรื่องย่อหลังปก ทำให้ดูเหมือนมีอะไรเยอะ แต่เอาเข้าจริง มันไม่ได้เยอะเพราะว่ามีเนื้อหาความซับซ้อนเลย มีความรู้สึกว่าคนเขียนผูกพล็อตให้วุ่นวายเกินกว่าเหตุมากกว่า

ความพีคที่อยากด่า
1. ให้นางเอกที่ยังไม่หายดี ใช้ปราณตัวเองช่วยผู้หญิงอีกคน จนนางเอกเดรนสลบไป 5 วัน 5 คืน มาดราม่าว่าคิดว่าเสียนางเอกไป อืมม ดีเนอะ แล้วตอนนั้นไม่คิดว่าอาการหนัก ผลที่จ่ายเพื่อรักษาก็ต้องหนัก? นางเอกอ่อนแอหลังจากนั้น ก็ไม่มองว่าเป็นความผิดตัวเอง/ ทำให้นางเอกต้องเสียสละ ที่สำคัญก่อนหน้านั้น ก่อนที่นางเอกจะหลงมาอยู่กับพระเอกภาคเจ้าสำนัก พี่แกในฐานะท่านอ๋องก็ทำลายวรยุทธ์นางเอกไปด้วยนะ?

2. มีคนจัดฉากว่านางเอกทำร้าย+ลักพาตัวผู้หญิงอีกคน แต่พระเอกก็เชื่อ ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจนางเอก แต่เพราะพระรองกับนางเอกสนิทสนมกัน? What the FUCKING logic?

3.  จริงๆ อยากจะบอกว่าไม่สำคัญที่เป้าหมายจะเป็นอย่างไร แต่วิธีการก็สำคัญ แล้วทำไมยังกลับไปอยู่กับพระเอกอีกคะ? พระรองนี่ดีโคตรจะดี? เหมือนสูตรนิยายน้ำเน่านิด ที่เพราะเค้ารักฉัน ที่ผ่านมา เค้ารักฉัน ดังนั้นไม่เป็นไร? แล้วที่ประกาศตัดญาติไม่เผาผีกันก่อนหน้านี้คืออะไร? มันไม่สำคัญที่สุดท้ายแล้วเค้าคิดอย่างไร แต่ทางนั้นปฎิบัติต่อเราอย่างไรด้วยไหม? หนูคะ การที่ปูทางให้หนูฉลาดมาตลอดไม่มีผลในการประมวลผลในหัวหนูเลยเหรอคะ? ก็กลับไปเนอะ ความรักชนะทุกสิ่ง รวมถึงเหตุผลด้วยค่ะ

ความดราม่าพล็อตพังตามแบบอรุณยังมีสม่ำเสมอ เอาจริงๆ ตั้งข้อสังเกต ว่าพอเป็นเรื่องจีนย้อนยุค อรุญเลือกเรื่องมาไม่ดีเลย มีความดราม่าเวิ่นเว้อวกวนแบบที่ไม่ควรจะมีเต็มไปหมด ส่วนตัวถึงกับคิดว่าถ้าเจอแนวนี้ ปูภาพให้นางเอกฉลาดมาก ก็กลายเป็นยิ่งโง่มาก ให้พระเอกเฉียบแหลมชัดเจนก็กลายเป็นยิ่งพะวักพะวงสองใจ และดังนั้นเจอแบบไร้สมองไม่ต้องคิดแบบมากกว่ารักเล่มบางยังจะเคืองน้อยกว่า

แต่กลับกัน ถ้าเป็น เรื่องวาย Rose เลือกเรื่องออกมาได้ค่อนข้างดีกว่านะ // แอบอวย เพราะกำลังจะแปล Thrive In Catastrophe 55555 อ่านจบสามร้อยรอบก็จะซื้่ออออ!

ปล. (บอกกับตัวเอง) เพิ่งเห็นว่าเอา Wallbanger มาแปลด้วย ไม่น่าเชื่อว่าไม่ได้อ่านแนว chicklit มานานมากแล้ว ตั้งแต่ 2012 แล้วละมั้งงง เหมือนกระแสนี้สาบสูญไปแล้วชอบกล หรือว่าเป็นแค่กับฉันคะ?

กับมีแปลงานของ Rachel Gibson เยอะมาก คิดถึงตอนอ่าน Rescue Me แล้วแพ้ภัยตัวเอง ท่าทางชาตินี้คงไม่ใช่แนว realistic contem เนอะ /ร้องไห้ความสวนทางชาวบ้านดีไหม? หรือดีใจกับความไร้ความจริงในชีวิตดี?

Wednesday 14 November 2018

สาปอสุรา Playlist

อย่างที่อยู่กันว่า เวลาบล็อกเรื่องไหนอย่างจริงจัง จะคิดถึงเพลงที่บอกอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครมาด้วย แต่สำหรับเรื่องนี้ สุดท้ายแล้วไม่ได้มีแค่ความรู้สึกทั้งสองฝ่าย แต่ว่าได้เป็น playlist เลย เหมือนว่าพอได้ฟังเพลงอะไรก็ก็จับเข้ากลุ่มความรู้สึกของมันตราและอคินไปได้เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโทนของเรื่องจะมีอารมณ์หน่วงมาด้วย เพลงที่ได้มาก็จะออกแนวหนืดช้า และหม่นเศร้าเหมือนกัน

 ชีวิตอีฉันก็ได้ beyond ไปอีกหนึ่งขั้นหลังฟลัดคอมเมนต์ 70 กว่าในช่วงเวลา 3 วันแล้วค่า กราบไหว้ตัวเองที่ evolve ไปเกินกว่าความปกติสามัญ เรียกว่าไม่ปกติ วิปลาส หมกหมุ่น เลือกมาคำไหนก็ถูกหมดจ๊ะ // ต่อไปนี้จะเพิ่ม tag ใหม่ คือ Just when I think that my obsession is under control โถๆๆๆ

เรียงตามเวลาในเรื่อง และ ** ก็คือ essential tracks

*มี whole list ใน Apple Music อยู่ค่า

ชาติอดีต
**Hypnotized/ Astronomy (มันตรา) (บทพิเศษ: อดีตชาติ 1-2)
https://www.youtube.com/watch?v=vYSCYnLVsOA
https://genius.com/Astronomyy-hypnotized-lyrics
ขอเรียกว่าจุดเริ่มต้นของทั้งหมด เมื่อหนูน้อยมนตราเจอกับหมาป่าอคิน เอ๊ยยย.. เมื่อเจ้าชายมันตราได้รู้จักกับท่านพี่อคิน ผู้ทำให้ “ชุ่มฉ่ำหัวใจ” มากกว่าใคร (แอบแซว แค่ “รื่นเริงหัวใจ” มากกว่าอสูรรุ่นราวคราวเดียวกัน ไม่พอแล้วค่า) ความอินทูลุ่มหลงเช่นนี้ตรงกับน้องมากค่ะ ฟ้าถล่มแผ่นดินไหวอะไรก็ไม่แคร์ ถูกสะกดจิตอย่างนี้ ไม่ได้ถูกพี่อคินทำเสน่ห์แน่นะคะ? // ปล. ชอบตอน Astronomyy มาพูดเองว่า There’s nothing that can distract me from how into you I am/ All of me is in your hands/ I could go to Rome, go to Japan/ And find nobody, not even anyone, like you. รักความหมกหมุ่นนี่นะ :)
If the stars fell out of the sky/ I know I wouldn't have the time/ Cause all I know is that I'm just too into you
When I look into your eyes/ They hypnotise me, I can't move/ There's nothing more to say/ Hypnotized
If the sky turned pink/ I know that I wouldn't blink/ Cause all I know’s that I'm just too into you/ You taught me how to be/ A better man, a better being


**Things I'd Do for U/ Astronomy (อคิน) (บทพิเศษ: อดีตชาติ 2-3)
https://www.youtube.com/watch?v=o_P-QrY_h8c
https://genius.com/Astronomyy-things-id-do-for-u-lyrics
โทนจะหลอนๆ ฝันๆ นิดนึง ให้คิดว่าอารมณ์อคินเวลาอยากอยู่กับน้อง AKA เจ้าชายมันตราก็แล้วกัน ในแง่ที่ว่าวันนี้จะเล่นอะไรกัน และจะเอาใจน้องอย่างไร อย่างเล่นไล่จับ และเช็ดเหงื่อให้ 5555 //จริงๆ ตอนโตช่วงที่ยังไม่โกรธก็รู้สึกเป็นเพลงนี้นิดนึง แบบตัวเองต้องไปที่อื่น เวลาด้วยกันก็ไม่มีเพราะต่างคนต่างมีความรับผิดชอบ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากอยู่ด้วยกันนานๆ เหมือนกัน
You got me thinkin' about the things that I'd do for you/ I'm thinkin' about the things that I'd do for you
Tell me, do you feel the things I feel/ Do you wanna break away from all of this

Hinahanap Hanap Kita / Sitti (มันตรา) (บทพิเศษ: อดีตชาติ 4)
https://www.youtube.com/watch?v=_qT1wI6ds_8
https://www.musixmatch.com/lyrics/Daniel-Padilla/Hinahanap-hanap-Kita/translation/english
ตามชื่อเพลงเลยก็คือ Addicted to you ความรู้สึกนี้น่าจะถ่ายทอดอารมณ์เจ้าชายมันตราตอนโตและมีความรักมาได้ชัดเจน แม้ว่าจะมีหน้าที่ความรับผิดชอบ แม้ว่าก็ยังมีอคินเป็นความสุขความสบายใจอยู่ดี เวลาที่อยู่ด้วยกันก็อยากให้ทอดออกไปนานๆ ไม่มีวันจบ
All my marathon stories about you /and the joy you bring to my life/ That's why hero in my mind is you
In the morning and in the evening/ In every minute that passes by/ I'm always looking for you/ Eager about you

**I Don't Believe You/ P!nk (มันตรา) (บทพิเศษ: อดีตชาติ 6)
มันตรา - บทพิเศษ: อดีตชาติ 6
https://www.youtube.com/watch?v=26EP0ght2kI
https://genius.com/P-nk-i-dont-believe-you-lyrics
ตอนที่มันตรารออคินกลับมา แล้วสิ่งแรกที่ถูกพูดใส่หน้าคือการกล่าวหาและไม่เชื่อใจ ก่อนจะตัดความสัมพันธ์กัน ความสูญเสีย สิ้นหวัง หดหู่และเคว้งคว้างก็คงเป็นตามเพลงนี้ได้เลย ถ้าไม่ใจแข็งถือทิษฐิ (ตามวิถีการเชิดหน้าของมันตรา) ก็คงยืนไม่อยู่ ความรู้สึกก็คงงุนงงเหมือนตกจากชิงช้า It's like you're the swing set and I'm the kid that falls แบบนี้
The passion's there so it's got to be right, right?/ No, I don't believe you/ When you say "don't come around here no more"/ I won't remind you/ You said we wouldn't be apart/ No, I don't believe you/ When you say you don't need me anymore/ So don't pretend to/ Not love me at all

ชาติปัจจุบัน (เล่มหลัก)
I Couldn't Want You Anyway/ Jack Garratt (มันตรา) (บทที่ 6)
https://genius.com/Jack-garratt-i-couldnt-want-you-anyway-lyrics
https://www.youtube.com/watch?v=CHEG1mx8vK8
ความรู้สึกที่อัดแน่นจนนอนไม่หลับจนต้องไปเดินลุยลำธาร และจบด้วยการพบคนที่เป็นต้นเหตุของความสับสนวุ่นวายในใจ และดังนั้นแทนที่จะสงบก็ยุ่งวุ่นวายหนักกว่าเดิม โอ ท่าทีไม่พอใจและหงุดหงิดของอคิน VS ความรู้สึกที่ตีกันอยู่ในใจของมันตรา เพลงช้าเนิบเข้ากับบรรยากาศกลางดึกกลางป่าก็แล้วกันนะ
And my eyes keep hoping, hoping/ That they'll meet yours/ My faults were full and plenty/ Yours told me off/ And it's no wonder I'm thinking really/ You're better off
I didn't want you anyway/ Don't need reminding I'm your worst mistake/ No, I couldn't want you anyway
I'll keep my hope in darkness/ Let my mind digress

Everythin’ on My Mind / Astronomy (มันตรา) (บทที่ 11-12-13-14)
https://www.youtube.com/watch?v=Yw64zd9anwg
https://genius.com/Astronomyy-everythin-on-my-mind-lyrics
เพลงนี้ให้ช่วงที่มันตราพยายามแก้ปมอดีต และที่มาและหน้าที่ของตัวเองอยู่ ชอบที่เนื้อเพลงตรงกับความรู้สึกของมันตรามาก ถ้าไม่รู้ จำไม่ได้ ทำไม่ได้เต็มร้อย ผิดด้วยเหรอ? และก็ขำที่เพลงก็ช่วยแอบด่าอคินไปนิดนึงเหมือนกัน (โอ๊ยย Astronomyy ทั้งเซ็ทนี้เพลงตรงมากกก และใช่ฟีลได้ทุกเพลง) ที่บอกว่า ก็ต้องช่วยกันด้วยยยยยย จะให้แก้คำสาป แล้วจะมานั่งประชดแทนที่จะบอกสิ่งที่รู้ให้ทำงานเร็วเนี่ยนะ? คือว่าไม่ได้หนี ไม่ได้ท้อ แต่ยังจับต้นชนปลายอยู่ โปรดเข้าใจกันด้วย!
I can't do everything/ I don't know everything, everything/ Is that a sin? Should I shed my skin?
And if I did you know I'd never give it up/ Sometimes you gotta have/ More than you show, to show what's up
I need to teach you how to handle me/ Don't expect me to be the best/ You know damn well that I can give what you want/ But I'll give you just what you need
I have no doubt in my mind about all of this/ It's the only vision I have/ And from time to time you might think I'm gonna quit/ But I won't go running, won't go running/You know that I won't go running, won't go running

**Tell Me (feat. Cehryl)/ Finding Hope (มันตรา) (บทที่ 16)
https://www.youtube.com/watch?v=NCZxUwa9jsE
https://www.musixmatch.com/lyrics/Finding-Hope-feat-cehryl/Tell-Me
นึกถึงตอนที่มันตราพยายามยื้ออคินไว้ เป็นความรู้สึกก้ำกึ่งว่าทั้งไม่อยากอับอายที่จะถูกปฎิเสธ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเสียใจถ้าไม่พยายามไปก่อน อยากถอยหลังออกมา แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นกับการตัดสินใจและแสดงออกของอคินเลย // จริงๆ นี่ก็เหมือน theme song ของมันตราอีกเพลง Tell me not to love so religiously เนี่ยย เวลาเข้าหาอคิน ไม่อยากรักอย่างคลุ้มคลั่งหมกหมุ่นแต่ก็ทำไม่ได้สักที // แต่ขอยกให้คืนที่อ่อนแอทั้งจากแรงระเบิด และจากแรงอารมณ์ (เอาจริง คือแรงวาจาของอีอคินด้วยเถอะ!) และขอให้อคินอยู่เป็นเพื่อนที่โรงพยาบาลหลังคาร์บอมก็แล้วกัน
Believe me, thought I had learned my lesson/ Release me from my own confessions
Take a chance on me/ Take the trance off me/ Tell me not to love so religiously/ Tell me how to keep away from your reach/ Tell me how to love more convincingly/ Tell me how to keep away from your reach.
Excuse me if i'm in your way/ Accuse me of trying to fight for you to stay
ปล. แต่อย่างน้อยความพยายามนี้ก็ได้ผลน้า มันตรา! เค้าก็ใจอ่อนยวบลงไปเรื่อยๆ เหมือนกัน เพียงแต่วินัยและอคติตัวเองสูงมากไง

**Inside and Out/ Feist (มันตรา) (บทที่ 18)
https://www.youtube.com/watch?v=NmG0sPyZJBg
https://genius.com/Feist-inside-and-out-lyrics
Mantra’s untimate theme song!! พูดได้แค่นี้จริงๆ แสนจะตรงตามความรู้สึกของมันตรา ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติที่แล้ว // ถึงเนื้อเพลงอีกฝ่ายจะเป็นคนเจ้าชู้หลายใจ แต่ก็คงไม่ต่างกันกับการที่อคินหันไปเลือกดารัญหลายครั้งหลายครา  แต่ว่าก็ยังตัดใจตัดความรู้สึกไม่ได้เสียที อยากปล่อยมือแต่ก็ทำไม่ขาด เป็นความหมกหมุ่นลุ่มหลงที่ทั้งคนเขียนและคนอ่านได้แต่ถอนใจ // เป็น theme song เจ้าตัวแต่ถ้าจะต้องตัดมาลงเหตุการณ์เฉพาะใน playlist ขอเอามาไว้ตอนที่อคินตกลงกับมันตราว่าจะมาตอนเย็น แต่หลังจากรอมาทั้งวัน ก็ยังออกไปกับดารัญอีก น้อยใจและเสียใจมาก!
Love you forever but you're driving me insane/ And I'm hanging on/ I'll win, I'll never give in
You treat me like a vision in the night / I ain't no vision, I am the girl/ Who loves you inside and out/ Backwards and forwards with my heart hanging out/ I love no other way
Too many heartaches in my lifetime ain't good for me/ And that's what I'm cryin' for/ You can't change the way I feel inside/ You're the reason for my laughter and my sorrow

Silk / Giselle (มันตรา) (บทที่ 19/ บทพิเศษ: อดีตชาติ 4)
https://www.youtube.com/watch?v=F_IhJq-Jpdc (ช้า)
https://www.youtube.com/watch?v=rChXlgSeVjo (เร็ว – Flavored Nations Remix)
https://genius.com/Giselle-silk-lyrics
อืมมม อารมณ์นี้คือว่าโกรธเสียใจอย่างไร แต่พอเป็นคนที่ตัวเองใส่ใจและให้ความสำคัญ พอเค้ามาดีด้วย (หรือกรณีนี้คือบอกว่าคอยดูแลสนใจชีวิตตัวเองเสมอ) ความโกรธน้อยใจก็ละลายหายไปอยู่ดี โถโถ // อีตอนนึงที่คิดถึงเพลงนี้ก็คือในชาติอดีต ตอนที่เอาหลังมือเกลี่ยแก้มให้ก็ทำให้มันตราสุขใจได้แล้ว //เอาเวอร์ชั่นเร็วไว้ชาติ ช้าไว้ชาติที่แล้วก็แล้วกันค่า
You make my heart spin sorrow into silk/ You held me tighter when I pushed you away
You turn my sorrow into silk/ You turn my sorrow
ความเสียใจหายไปได้เพราะอีกฝ่าย และในเพลงจะมีต่อว่า ก็จะเป็นคนทำให้ความเสียใจอีกคนหายไปด้วยเหมือนกัน จริงๆ มันตราก็อยากทำแบบนั้นด้วย แต่ช่องห่างระหว่างกันยังเยอะอยู่

**Crave You (feat. Giselle)/ Flight Facilities (มันตรา) (บทที่ 20)
https://www.youtube.com/watch?v=r0bS-YnLf4s
https://genius.com/Flight-facilities-crave-you-lyrics
ให้เป็นความรู้สึกของมันตราที่พยายามเข้าใกล้อคินหลังจากตัวเปียกกลับมาที่โรงพยาบาลก็แล้วกัน แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ถูกผู้ชายเย้ยใส่แล้วทิ้งไปอีกต่างหาก (เกลียดทัศนคติอีอคินตอนนี้ หนอยยย ถ้าเป็นตอนอาฟเตอร์เนี่ย ไม่ยั่วไม่ยุ่ง พี่แกก็พุ่งตัวเข้ามานัวเนียก่อนอยู่แล้วสินะ เชอะ!) ทำอย่างไรก็ไม่สน แต่ก็ยิ่งอยากเข้าใกล้อีกฝ่ายอยู่ดี โถโถ ก็นะ That boy's got my heart in a silver cage เนอะ มันตราเนอะ!
My heart broke when I saw you kept your gaze controlled/ Oh, I cannot solve It's true, I crave you/ Crave you
Around his little finger, that boy has got me curled/ I try to reach out, but he's in his own world /This boy's got my head tied in knots with all his games/ I simply want him more because he looks the other way

Could You Be Mine?/ Billy Raffoul (มันตรา) (บทที่ 24)
https://www.youtube.com/watch?v=noYvASEIhXA
https://genius.com/Billy-raffoul-could-you-be-mine-lyrics
คืนที่มันตรารอหารือกับอคินหลังงานเลี้ยงบ้านนายพลเรวัติแล้วหลับไปก่อน ตอนที่ถูกปลุกคงอารมณ์นี้ บางทีก็อยากให้อคินทิ้งปัญหาความรับผิดชอบแล้วให้ตัวเองได้ใช้ใจสื่อความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้และตอบรับด้วย ชอบเนื้อเพลง 2 อย่างที่บอกว่าอยากหยุดเวลา กับ your dark eyes ตรงกับเรื่องดีนะ // ชอบความรู้สึกเว้าวอนของเพลงตามอารมณ์มนตราเลย
Drop your problems at my door/ I can read those eyes/ What you really came here for/ We can just stop time
We're both afraid to take a chance/ We both have got the same questions / Could you be mine?/ Hold me in the dark nights/ When I'm all alone
Could you be mine?/ I've been waiting for you /With your dark eyes/ Running through the nighttime
To break down the walls/ You've built for someone else/ If you let them fall/ We could be different

**My Heart Is a Weapon/ Lostboycrow (มันตรา) (บทที่ 26)
https://www.youtube.com/watch?v=atv0JWQMoZc
https://genius.com/Lostboycrow-my-heart-is-a-weapon-lyrics
ชอบนัยยะความฝันมาเป็นตัวกระตุนเร่งความรู้สึกของมันตราให้ชัดเจน ในแง่ที่บอกว่าถ้าไม่ยิ่งเข้าไปหา จะยิ่งห่างไกลออกไป // และดังนั้น ก็เหมือนกับการเปลือยหัวใจตัวเองตอนที่เดินเข้าไปหาอคิน ให้ความรู้สึกที่มีต่ออคินเป็นทั้งจุดแข็งแล้วก็จุดอ่อนตัวเองไปพร้อมกัน // แต่เมื่ออคินถูกการเปลือยหัวใจนี้ให้ใจอ่อนลงมาด้วย เอาใจไปแลกใจก็กลายเป็นจุดแข็งขึ้นมาได้
My heart is a weapon/ I gave it to you, I'm defenseless/ Your kiss is a question/ Double-take, does it taste like deception?
Ain't got no time, no time/ Unless your love is mine
Just open me your heart and give me your all

**Dead of Night/ Beach Tiger (อคิน) (บทที่ 28/31)
https://www.youtube.com/watch?v=60EKiWLYrCU
https://genius.com/Beach-tiger-dead-of-night-lyrics

ตอนที่ฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงการตกหลุมรักของอคินทันที อย่างที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าการอยู่ด้วยกันตั้งแต่ครั้งแรก จะเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกในใจตัวเองขึ้นมา ไม่ได้คิดว่าจะรัก แต่ก็รักขึ้นมา จังหวะเรียบช้า แต่หนักแน่นของเพลงคงเข้ากับความรู้สึกของอคินได้ดี ท่อนหลังความรู้สึกก็คงเป็น overdrive โดยเฉพาะในคืนสุดท้ายที่บ้านอคิน จริงๆ อย่างที่บอกว่าไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจว่าอิทธิพลของอีกฝ่ายจะมีมากขึ้นมาเรื่อยๆ
I fell in love, in dead of night/ Low hum of cars passing through/ I don’t think I’ll ever fall in love again/ If this is how it feels to be complete
Cold knows I’ll keep you warm/ I’m slipping through in dead of night/ Can’t stop my mind, it’s on overdrive
I pray to god, in the dead of night/ To keep you safe as I leave the room
All I wanna do is get close to you/ All I wanna do is get close to you/ All I wanna do is get close to you

Cry For Love/ Harry Hudson (มันตรา) (บทที่ 32)
https://www.youtube.com/watch?v=Eggnj18uFIU
https://genius.com/Harry-hudson-cry-for-love-lyrics
เหมือนว่าการมีความสัมพันธ์ทางกายด้วยกันจะเป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และแม้ว่าดูว่าคืบหน้าไปด้วยดี แต่คืนที่ตื่นขึ้นมาบนเตียงอคิน แต่ว่าอคินลงมาคุยกับดารัญอยู่ข้างล่างก็ทำให้คิดไปไม่ได้ว่าการผูกพันทางกายที่ไปไม่ถึงใจก็ได้// โดยเฉพาะเมื่อมันตราเหมือนเป็นความลับที่บอกใครไม่ได้ของอคิน เจอกันแค่ช่วงกลางคืน //โอยย ความพีคตกจากที่สูงลำดับหนึ่งของมันตราและของคนอ่านตอนนี้ฆ่ากันมาก ฮืออ ประโยคที่ฆ่ากันสุดๆ คือ “สำหรับมันตรา ... ไม่ทีที่ใดปลอดภัยเท่ากับพื้นที่เล็กๆ ในความฝันอีกแล้ว” ฮือฮือฮือ  ล้านรอบก็ยังไม่พอ
You only call me when the sun sets/ I only touch you when the tide's high/ No talking when we undress/ But your body got my eyes wide/ Bump heads while the bed's bumpin'/ Left hand grips your right thigh/ No love, we just love sex/ But we hate it when the night dies
We don't cry for love 'Cause that's dangerous / We don't cry for love

**Say You Love Me/ Jessie Ware (มันตรา) (บทที่ 33)
https://www.youtube.com/watch?v=DAMM8JVbr8g
https://genius.com/Jessie-ware-say-you-love-me-lyrics
คิดถึงตอนที่อคินมาปลุกมันตราหลังคืนที่เผชิญหน้ากันสามคนกับดารัญ บางทีก็อาจจะเป็นความรู้สึกว่าอยากเป็นที่รัก และเป็นต้องการ และต้องย้ำให้ตัวเองเข้าใจสถานะความไม่สำคัญของตัวเองในใจอีกฝ่ายก่อนที่จะถลำไปลึกกว่านี้อย่างที่เจ้าตัวพยายามทำ ระยะห่างช่างแสนจะแตกต่างกับเวลาที่อคินมาปลุกบนเตียงครั้งก่อนๆ  จริงๆ บทนี้การแสดงออกของสองคนสลับกันดีนะ พออคินเป็นคนเข้าหา แต่มันตรากลับถอยห่างยิ่งแสดงความขัดแย้งให้ชัดเจนมากขึ้น // ความเนือยเศร้าตามอารมณ์มันตราเลย ฮือ
Just say you want me, that's all it takes/ Heart's gettin' torn from your mistakes
Cause I don't wanna fall in love if you don't wanna try/ But all that I've been thinking of is maybe that you might/ Baby it looks as though we're running out of words to say/ And love's floatin' away
Just say you love me, just for today/ And don't give me time cause that's not the same

**Don’t Need U/ Astronomyy (มันตรา) (บทที่ 35)
https://www.youtube.com/watch?v=LglZMh4uW3U
https://genius.com/Astronomyy-dont-need-u-lyrics
ถ้าถูกอีกฝ่ายละเลยมากๆ เข้าก็คงจะถึงจุดที่เกินสมดุลแล้ว ทั้งเป็นตัวเลือกที่สอง และถูกย้ำข้อผิดพลาดอยู่เสมอ จนความรักที่มีให้ไม่คุ้มแลกกับความไม่มั่นคงและความนับถือตัวเองที่ตามมาเป็นระยะๆ และดังนั้นเหตุการณ์ที่อคินเลือกช่วยดารัญชัดเจนก็เป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้รู้สึกตัว // ใช่แล้วว่าอีอคินก็เป็นแค่พลังงานลบค่า วิ่งไล่ตามคนเดียวมันเหนื่อยแล้ว เกินควรแล้ว ตัดทิ้งไปเถอะนะ มันตรา หันมารักตัวเอง ปิดเกมค่ะ!
Those negative vibes that I get with u/Before I realised I was in a slew
I never really thought about it, I never cared
I don't need you/ I'm gonna leave you/ Need no review/ I don't need you
Why I always gotta be the one to pursue/ There's negative vibes that are so undue/ Before I realised I was done with you

No Good/ Harry Hudson (มันตรา) (บทที่ 36)
https://genius.com/Harry-hudson-no-good-lyrics
https://www.youtube.com/watch?v=KBL6Zgh25so
ความรู้สึกตอนฟื้นขึ้นมาจากน้ำ เหมือนถูกกระชากให้ตาสว่างจากสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่ออยู่ต่อไปก็เจ็บปวด สิ่งที่ดีที่สุดก็คือถึงเวลาตัดใจ อย่างที่กลายเป็นว่าคนที่เอื้อมมือไปหามาตลอดไม่ได้มีความรู้สึกตอบกลับมาเลย // อย่างที่เห็นว่ามันตรา shut down ตัดคอินออกไปแล้ว
Someone said to me/ Love is for the foolish and naïve/ Wrapped in disbelief/ Headed for the ruins of you and me
Yeah, I think I've had enough/ You're no good for me/ After all that we've been through/ You're no good for me/ This love's a lonely avenue
Cause all I see are diamonds in the dust/ I guess happiness ain't made for us / Yeah, I think I'm giving up

***** อย่างที่คนเขียนบอกว่าความรู้สึกของอคินไม่ชัดเจนเพราะเป็นการมองผ่านมุมมองของมันตรา แต่พอมันตราตาย จะเป็นมุมมองของอคินมากขึ้น และดังนั้นความรู้สึกของอคินจะมาช่วงนี้เยอะ

Care for You/ Mario (อคิน) (บทที่ 36)
https://www.youtube.com/watch?v=Oel2Etcd0hM
https://genius.com/Mario-care-for-you-lyrics
จังหวะที่มันตราตายในอ้อมแขนเลย พูดให้ถูกก็คือช่วงที่รู้ความจริงจากการลอบฆ่าของดารัญ ได้รู้ว่าคิดผิดมาตลอด แต่ว่าท่อน Your heart is getting cold ขอเปลี่ยนเป็น your body แทน เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ใส่มนต์รักษากายาไปมากขนาดไหน ก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอยู่ดี และการสูญเสียก็ชัดอยู่ในใจ // ท่อนแรกก็แสกหน้าแล้วค่า คือว่าตาบอดมานาน
Can a man be so blind that this vision can't be mine?/ All those nights, I was weak/ I gave up while you held it down/ You're still here, but I know/ That your heart's getting cold /I'm holding tight, it's getting real now/ 'Cause I can't lose/ 'Cause I care for you

**Taking Me Back /LANY (อคิน) (บทที่ 38)
https://www.youtube.com/watch?v=ooWby0UN0cQ
https://genius.com/Lany-taking-me-back-lyrics
ตอนที่จบเรื่อง อคินคงคิดว่าช่วง honeymoon phrase แบบที่อยู่ด้วยกันที่บ้านจะกลับมาได้ เนื้อเพลงบรรทัดแรกก็บอกเลยว่ายังฝันเพ้ออยู่ ด้วยความที่เป็นฝ่ายอยู่เหนือกว่ามาตลอด และมันตราเป็นฝ่ายยอม และง้องอนเสมอ แต่ว่าในแง่หนึ่งก็ไม่ได้คิดเลยว่าตอนสุดท้ายทำลายความรู้สึกของมันตราไปมากขนาดไหน (ไม่ว่าจะเลือกช่วงดารัญ หรือแม้แต่ไม่เชื่อใจตอนหลัง) ฉะนั้นช่วงที่มหาเทพบอกให้รู้การตัดสินใจของมันตราและเห็นภาพมันตราก็คงเหมือนล้มทั้งยืน ได้ยินเสียงกลองให้คิดว่าเป็นเสียงหัวใจอคินกรีดรัวว!
Move into the morning/ Champagne on our lips/ Are we overthinking?
We can't come down like this/ If I could, know I would try/ Tell me now, tell me how/ To change your mind
I can’t take it back, can't take it back/ Is it even that bad?/ We can go back, we can go back
Can I talk you into/ Taking me back, taking me back?
'Cause right now I can't seem to show you/ We can go back, we can go back

**All Cried Out/ Blonde (feat. Alex Newell) (มันตรา) (บทที่ 38)
https://www.youtube.com/watch?v=xU9PpGecFuM
https://genius.com/Blonde-all-cried-out-lyrics
เพลงนี้ก่ำกึ่งมากว่าจะใส่ดีไหม แต่คิดว่าแสดงความรู้สึกเป็นอิสระของมันตราชัดเจนมากที่สุด ทั้งจากหน้าที่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความรัก // ความรู้สึกปลอดปล่อยในเพลงชัดมาก ก็เป็นบทปิดจากลาของมันตราก็แล้วกัน หมดเวลาหม่นแล้วค่า
When you wake up, I'll be long gone/ Made the great escape, took my heart and run/ There's no returning no, I'm burning bridges down/ Phoenix to the golden flames
'Cause boy, I'm all cried out/ Over you, over you
Boy I'm all cried out/ Burning up, burning up, burning all my tears away
I leave my heartbreak in the dark hold of your bed/ With every tear I shed
And if I drive down the street, I know I won't go back/ Oh I turned the key, to start a better me

ชาติสุดท้าย
**Ruin My Life/ Zara Larsson (อคิน) (บทส่งท้าย: ต้น)
https://www.youtube.com/watch?v=3OTjFqWcDQY
https://genius.com/Zara-larsson-ruin-my-life-lyrics
ตั้งแต่มีเรื่อง ความรู้สึกของอคินก็คือหงุดหงิดรำคาญมันตรามาตลอด อยากให้จบสิ้น อยากให้ความวุ่นวายที่เรียกว่ามันตราหายไป ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกัน แต่ว่าพอหายไปจริงๆ ก็รู้ใจตัวเอง (เอาเข้าจริง ตอนนั้นถึงมันตราจะผิดก็ไม่สนแล้ว ขอให้ได้อยู่ด้วยกันก็พอ) ความว่างเปล่าเคว้งคว้างที่เหลือตัวคนเดียวรุนแรงจริงจัง
ท่อนที่ชัดที่สุดคือตรงนี้  I want you to ruin my life/ You to ruin my life, yeah, to ruin my life, yeah/ I want you to fuck up my nights, yeah/ Fuck up my nights, yeah, all of my nights, yeah แต่ที่เหลือก็ยังใช่อยู่ดี
I miss you pushing me close to the edge/ I miss you/ I wish I knew what I had when I left/ I miss you
You set fire to my world, couldn't handle the heat/ Now I'm sleeping alone and I'm starting to freeze/ Baby, come back to me
I miss you more than I thought that I could/ I miss you/ I know you missin' me too like you should/ I miss you
Would come back to, come back to me/ Come back to me, come back to me

Rest in Paradise/ Astronomy (อคิน) (บทส่งท้าย: ต้น)
https://www.youtube.com/watch?v=xh8ohIu5S8Q
https://genius.com/Astronomyy-rest-in-paradise-lyrics
คือว่าตอนนี้กำลังตามหาอยู่ แต่ว่าก็จะหาต่อไป โถ // ฟังดูน่าสงสาร แต่ก็ผิดไปเองนะ ทำร้ายเค้าซ้ำซากเป็นหนังสั้นสามหมื่นล้านลูป // ย้ำ ก็ผิดไปเองนะ รอต่อไปเถอะนะ ก็รู้สึกผิดและโทษตัวเองไปเยอะๆ
Yeah, it takes some time for you to change your mind/ But I will wait for you
I am cast away/ And that's, that's the price
You take me into a new dimension /I tried to give you my full attention
Yeah, it takes some time to change your mind
But I'll wait for you/ I'll help you lose your apprehension

Your Love/ KINGDM  (อคิน) (บทส่งท้าย: ต้น)
https://www.youtube.com/watch?v=-F-puh-Bj5s
https://genius.com/Kingdm-your-love-lyrics
ขอต้อนรับสู่ฤดูหนาวของอคินค่า อสูรไฟก็กลัวหนาวได้นะเออ เมื่อความเหน็บหนาวในหัวใจนี้เกิดจากการถูกเมิน ไม่รู้จักกัน และมีการไปสู่จุดเยือกแข็งเมื่อมีคนมาแทนที่เจ้าค่า // ในที่สุดก็มีพระรอง (?) มาทำให้อคินเต้นเร่าๆ ได้ กรี๊ดดด ดีใจ สะใจ สมใจ! อุ้ยย ลืมตัวว่าเหมือนจะไม่เข้ากับอารมณ์ของอคินและอารมณ์ในเพลง
Would've never thought/ I'd be something without you
Now I'm nothing without you/ And I never saw/ I could make it without you/ And now I'm losing without you It's your love/ You got me thinking 'bout your love
Been trying hard to keep it to myself (keep it to myself)/ Can we stop? And think about it
'Cause I can't make it without you/ And I'd be nothing without you
How could've let you down, no I just can't believe it

**Hold on Tighter to Me/ Tedy (อคิน) (บทส่งท้าย: จบ)
https://www.youtube.com/watch?v=jXz2bWkAlDU
https://genius.com/Tedy-hold-on-tighter-to-me-lyrics
โอ พูดได้แค่ว่าเพลงนี้ถูกแต่งมาให้อคินชัดๆ ทั้งการรู้สึกผิด การขอโทษ และปรารถนาให้ทำทุกอย่างถูกต้องมาตั้งแต่ต้น บอกว่าผิดที่ทำไม่พอ เปิดใจไม่หมด ตัวเองผิดคนเดียว เนื้อเพลงทั้งเพลงใช่หมดเลย //หลับตาเงียบๆ แล้วจินตนาการเห็นความรู้สึกของอคินตอนกอดมันตรา
You’ve been on my mind/ This is a song about my sorrows/ It’s all I’ve been thinking of
All the ways that I wish I could have done better/ All the ways that I wish I could have done you right
And I tried and I tried/ I just couldn’t open up, babe/ And I’m filled with regret
Couldn’t give you my all/ Couldn’t give you my heart/ Yeah, I’m all to blame/ Yeah, it’s all on me/ I don’t deserve your love/ I don’t deserve your heart/ But if you trust in me/ Could you hold on tighter to me?
Wasted time/ So much wasted time that we can't take back
I promise to love you/ To cherish you/ To hold you tighter
Couldn’t give you my all/ But I’ve seen the errors of my ways/ And I’m ready to love
Hold on tight/ Tighter to me, to me, to me

เล่มพิเศษ
Ilusm/ gnash (อคิน) (ตอนควบคุมไม่ได้)
https://www.youtube.com/watch?v=6Md2KEplXFI
https://genius.com/Gnash-ilusm-lyrics
มีความรู้สึกว่าตอนพิเศษของเล่มใหญ่เป็นช่วงที่ได้เจอกัน และมีความสุขจากการได้คนที่หายไปกลับมาในชีวิต แต่ตอนควบคุมไม่ได้เป็นช่วงที่เริ่มจัดสมดุลกันใหม่อย่างเงอะงะทั้งคู่ และดังนั้น อคินก็ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ยาก มันจะเป็นมากเกินไป ล้นเกินไปเมื่อเป็นเรื่องของมันตรา กลับกลังสิ่งที่ไม่คาดฝันไปพร้อมกัน
I always see the light way before the dark/ And you always see the end way before the start
I can’t sleep tonight, no/ Is it fine, if we find/ That in time this isn’t right/ I can’t speak tonight Just make me feel special/ And make me feel loved/ Make me feel something/ Lately life’s made me numb
I just want to hold you/ For just long enough/ So you don’t get tired of me telling you/ I love you so much

Love Me Right/ Amber Mark (มันตรา) (ตอนควบคุมไม่ได้)
https://www.youtube.com/watch?v=EWvXfmwuiHU
https://genius.com/Amber-mark-love-me-right-lyrics
ก็ต้องปรับสมดุลด้วยกันทั้งคู่ และเมื่ออคินกลายเป็นแนวห่วงเกินเหตุ และกังวลเกินพอดีก็ต้องรักให้พอดี และให้อิสระและความเป็นส่วนตัวกันด้วยเหมือนกัน
You tell me all the time, baby/ I'm the light in your life/ And you love me more each day/ You are starting to drive me crazy/ Why won't you realise you gotta love me right, baby
Help me I feel I've lost myself

*ชอบตอนควบคุมไม่ได้ที่สุดในเล่มนะ

Your Love/ Nicole Scherzinger (มันตรา/ อคิน(?)) (ตอนอย่าได้หวั่นไหว)
https://www.youtube.com/watch?v=9FOWI6Zftpg
https://genius.com/Nicole-scherzinger-your-love-lyrics
เวลาคิดถึง obsessive love ความรักแบบหมกมุ่นเป็นเจ้าของของมันตราก็มีเพลงนี้ขึ้นมาในหัวด้วยหนึ่งเพลง ตอนแรกก้ำกึ่งว่าอยู่ชาติก่อนดีหรือเปล่า แต่ว่ามีความรู้สึกว่าชาติโน้นความรู้สึกแบบนี้มันยังไม่ชัดออกมา (ยกเว้นแต่ในใจมันตรา) ฉะนั้น ยกมาชาติปัจจุบัน โดยเฉพาะตอนอย่าได้หวั่นไหวที่มีสาวมาจีบอคินก็แล้วกัน อะไรก็ใจเย็นได้ยกเว้นเรื่องอคิน // แต่เอาตามจริง เพลงนี้ก็เหมาะกับอคินเวลาที่สติหลุดหึงหวงอยากเป็นเจ้าของแสดงออกเหมือนกันนะ ดูจากชื่อตอน เจ้าเป็นของข้าแต่ผู้เดียว สิ
Something 'bout you so enticin'/ Even when I try to fight it/ Knock me out like Michael Tyson /And I, I'm never letting you go baby/ I love you so baby/ Love me the most baby/ Ain't going nowhere like froze baby /I need you in the daytime/ Especially in the night time/ I'm never in my right mind when I'm with you, baby oh
อย่างไรก็ตาม ท่อนช่วงนี้แอบเรตนิดนึง ไม่เหมาะกับเจ้าชายมันตราเวอร์ชั่นก่อนจริงๆ แต่เวอร์ชั่นนี้? อืมม ตอนอยู่ด้วยกันบนเตียงก็แล้วกันจ๊ะ
Cause your love makes me feel like/ Boy your love makes me feel like/ Boy your touch makes me feel like
You get all my lovin'/ All my kisses when we're huggin'/ MC Hammer, girls can't touch this/ I got everything they don't
/ I need your body on me/ Whenever you go I get lonely/ You'll be believe how much I'm missing you

**I'm With You/ Nause x Lucas Nord (อคิน) (ตอนอย่าได้หวั่นไหว)
https://www.youtube.com/watch?v=IQBlNUYcDEo
https://genius.com/Nause-and-lucas-nord-im-with-you-lyrics
จากการเป็นอสูรเล่นตัวเย็นชารักษาระยะห่าง ตอนนี้อคินเลิกเป็นหมดแล้วจ้า เหลือแต่สถานะพ่อบ้านใจกล้า โถ โถ ขับรถกลับมาบ้านไปในใจก็กรีดร้องไปว่าจะทำอย่างไรดี ระแวงกลัวมันตราน้อยใจสะสมแล้วหนีไปอีก // ให้ดูข้างล่างมีบอกว่าตัวเองทำผิด งี่เง่าอีก ไหนจะทั้งพิสูจน์ตัว ทั้งปรับปรุง โถๆๆๆ กลายเป็นหมาเฝ้าบ้านให้แมวขี้งอนไปแล้ววค่า!
I'm with you, I'm with you, I'm with you now/ Another second is just more wasted time/ If you want it I'm right here by your side/ I'm with you, I'm with you
I got lost out here for a minute/ I don't know what to do/ Did I mess it up again/ I'm a fool, I'm a fool
And I know you got tired of giving/ I'll do anything for you/ Would you let me in again/ Yeah I'll prove I'll improve

**ILYSB/ LANY (อคิน) (ตอนเทศกาลดวงดาว/ อ่อนโยน)
https://www.youtube.com/watch?v=Oel2Etcd0hM
แต่พอช่วงใกล้ๆ จบพอความรู้สึกมันตราเข้าที่ และอคินรู้สึกว่าความรักลงตัว อารมณ์ครึกครื้นขึ้น และมีความสุขกับโลกรอบตัว (และโลกของสองเรา) ได้ มีมันตรามาเรียกท่านพี่กับเปิดใจให้หมดแล้วอีกต่างหาก ชีวิตดี๊ดี อยากใช้เวลาเพื่อบอกรัก และมีมันตราเป็นศูนย์กลางจักรวาล // ขำที่เพลงพูดถึงเต้นรำในห้องครัว สถานการณ์บอกรักแบบนี้ อคินทำมาแล้ว!
And you need to know/ You're the only one, alright, alright/ And you need to know/ That you keep me up all night, all night
Oh, my heart hurts so good/ I love you, babe, so bad, so bad
Mad cool in all my clothes/ Mad warm when you get close to me/ Slow dance these summer nights/ Our disco ball's my kitchen light
And you need to know/ That nobody could take your place, your place/ And you need to know/ That I'm hella obsessed with your face, your face

**Love is Here/  Sophie Ellis-Bextor (มันตรา) (ตอนเทศกาลดวงดาว/ อ่อนโยน/ ดอกไม้)
https://www.youtube.com/watch?v=QwjeMq-0b6M
https://genius.com/Sophie-ellis-bextor-love-is-here-lyrics
เมื่อมันตราเปิดใจตัวเองเต็มที่แล้วจนเรียกอคินว่าท่านพี่ไปแล้ว โฮะโฮะ ในที่สุดมันตราก็มีเพลงล๊าลาอินเลิฟกับเค้าเสียที // ความรู้สึกมีความรักและถูกรักชัดมากเนอะ // ขอบคุณน้องที่ไม่ถอดใจ และพี่ยักษ์บื้อที่รู้ตัวในที่สุด!
I have been waiting for you/ I have been storing all my devotion/ It flows like an ocean now/ It seems I've never felt so complete/ It's like I've woken up from a deep sleep/ But dreaming of you somehow
I've become fond of having your near/ The way I'm fond of breathing in air/ How could I be without you?
I'll be there, I'll be there/ Yes, my love, I open up my heart for you
And so a new beginning/ My heart, my head is spinning/I'm dizzy Yeah, you make me giddy now
You make my life have purpose/ And so I'm gonna make my goal just to love you/ As much as I can do, yeah
I hope you're proud of being my man/ The way I'm proud of holding your hand in my hand


สาปอสุรา ภาคหลัก โดยละอองฝน

ยิ่งกว่าบล็อก เพราะเป็นการวิเคราะห์ทำรายงาน // มีสปอยล์และชี้นำไม่ต้องสงสัย

-โดยรวม-
เริ่มแรกที่อ่านจากชื่อเรื่อง ก็คาดหมายว่าจะเป็นเรื่องแฟนตาซีที่มีตัวละครเหนือธรรมชาติและฉากหลังที่เป็นโลกในจินตนาการไม่ว่าจะเป็นเทพปกรณัมไทยหรือแม้กระทั่งตะวันตกก็ตาม แต่พอมาอ่านจริงจากบทนำไปสู่บทแรกก็ถูกกระชากจากดินแดนปกรณัมของเทพและเหล่าอสูรยุคโบราณไปเป็น urban fantasy ที่มีฉากเป็นกึ่งแนวอนาคต  และความขัดแย้งนี้ก็ทำให้หนังสือเรื่องนี้โดดเด่นด้วยการสร้างโลกคู่ขนานที่ตรงข้ามกัน

หนังสือเริ่มบทนำให้เห็นถึงเสี้ยวเหตุการณ์ขณะเจ้าชายอสูรถูกลงโทษ และการยืนกรานถึงความบริสุทธิ์ของตนก็ทิ้งความคลุมเครือสงสัยให้ผู้อ่าน ดังนั้นแล้ว ก็เป็นการจับต้นชนปลายด้วยการเปิดฉากให้เห็นตัวเอกกำลังทรมานจากโรคประหลาดเรื้อรังในคืนที่ไร้แสงดวงจันทร์ก็เป็นการโยงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ในอดีตและปัจจุบันขึ้นมา หากก็ถึงไว้แค่นั้น แล้วเริ่มต้นด้วยชีวิตในโลกปัจจุบันที่ต้องทำงานเร่งรีบของ “มันตรา” นายทหารแผนที่หนุ่มที่โดดเดี่ยว และดูเคร่งขรึมเย็นชา

เริ่มช่วงแรกเป็นการปูพื้นถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของร้อยเอกมันตราในฐานะรองผู้บังคับการกองเขตแดน และภารกิจพิเศษที่จะต้องไปปักปันเขตแดนที่กำลังเป็นประเด็นละเอียดอ่อนทางการเมืองระหว่างประเทศ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งเมื่อเดินทางลงพื้นที่ไปแล้ว ก็ทำให้ต้องทำงานร่วมกับ “พันโทอคิน” จากหน่วยรบพิเศษของกองทัพ ที่ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้ามันตราเป็นพิเศษ พร้อมกับที่ปริศนาเกี่ยวกับตำนานอสูรในอดีตเริ่มมากวนใจมันตรา จนกระทั่งมีความไม่สงบเกิดขึ้น และสิ่งที่ได้เห็นก็เป็นการเริ่มต้นการเปิดสลักความทรงจำให้รำลึกถึงตัวตนในอดีตและหน้าที่ในชาตินี้ของเจ้าตัว

ส่วนตัวเอง จัดหนังสือเล่มนี้ค่อนอยู่ในหมวด urban fantasy มากกว่าจะเป็น paranormal romance เต็มตัว ก็เพราะความสำคัญของตัวละครลงน้ำหนักไปที่มันตราเยอะ (หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็น urban fantasy ในเล่มหนึ่ง และเพิ่มดีกรีมาเป็น paranormal romance ในเล่ม 2) ทั้งในการบรรยายชีวิตประจำวันและความรู้สึกนึกคิด จนกระทั่งเกือบพูดได้ว่าทัศนคติของอคินก็ทำผ่านมุมมองของมันตราด้วยซ้ำ (จนมาตอนหลังที่ความสัมพันธ์ทั้งคู่เริ่มขยับหมุน และมีความนึกคิดของอคินแทรกมาบ้าง) และที่ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือการอ่านสาปอสุราไม่ได้อ่านในเชิงรับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคนคู่นี้ แต่เป็นการอ่านเพื่อรับรู้และเอาใจช่วยตัวละครหลักอย่างมันตราในการบรรลุหน้าที่ของตัวเอง และตอบคำถามพร้อมหาความจริงให้ได้ถึงเหตุการณ์ในอดีต และแก้คำสาปที่มีกับเผ่าพันธุ์อสูรเป็นหลัก

นอกจากนี้ ฉากหลังที่มีปัญหาข้อพิพาทการการเมืองระหว่างสองรัฐที่ซึ่งต้องปักปันเขตแดนเข้ามาเกี่ยวข้องก็เป็นองค์ประกอบใหญ่ที่เพิ่มมิติให้กับเรื่อง แม้จะเสมือนว่าคามาร์และซายาเริ่มต้นเจรจาด้วยความปรองดองและถ้อยทีถ้อยอาศัย หากผลประโยชน์ที่มีอยู่ชัดจากแหล่งพลังงานสุดท้าย และข้อบาดหมางกันมายาวนาน ก็เหมือนทำให้ทั้งสองฝ่ายเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ แม้การสำรวจพื้นที่จะเป็นการจุดประเด็นและเริ่มดำเนินเนื้อเรื่อง แต่เมื่อมีการก่อกวนจากภายนอกเข้ามาแทรกก็เกิดความอ่อนไหวที่ช่วยเร่งเร้าความตึงเครียดและเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินเรื่องของสาปอสุราไปด้วย (แม้ว่าสุดท้ายแล้วความขัดแย้งที่เกิดเป็นไปโดยมีการแทรกแซงจากเหล่าอสูรคลั่งเผ่าพันธุ์ในชาติบรรพกาล เพื่อให้บรรลุอุดมการณ์และความเชื่อของพวกตนก็ตาม) — ชอบการหาข้อมูลประกอบเรื่องและการดำเนินเรื่องของนักเขียนที่เรียบเนียนจนเสมือนได้เข้าไปนั่งอยู่ในเหตุการณ์จริง ตั้งแต่เริ่มแถลงข่าวเพื่อเปิดการเจรจา การลงพื้นที่ทำภารกิจของทีมสำรวจ ไปจนถึงการคุกคามจากมือที่มองไม่เห็นเพื่อล้มเลิกความพยายามร่วมของเรื่องในช่วงนี้

-มันตรา-
อย่างที่บอกว่ามันตราถูกบรรยายให้มีบุคลิกโดดเดี่ยว เย็นชา แต่ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรถ้าดูจากการเติบโตในชาตินี้ การที่พี่ชายเพียงคนเดียวถูกรับไปเลี้ยงและเติบโตมาตามลำพังในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และต้องปากกัดตีบถีบดิ้นรนให้ตัวเองเลื่อนชั้นทางสังคมให้ได้ผ่านการศึกษาและการทำงาน ขณะเดียวกันปัญหาและข่าวลือที่มีจากท่าทีของพี่ชายก็ยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งแปลกแยกจากคนรอบข้าง มันตราจริงจังและมุ่งมั่นก็เพราะต้องการพิสูจน์ตัวเองให้สังคมรับรู้ความสามารถที่เป็นจริง และใช้งานเป็นการแสดงออกต่อสังคม แต่อีกทางก็ใช้ความสันโดษและเย็นชาขึ้นมาเป็นเกราะกำบังตัวเองไว้จากคนอื่น โดยเฉพาะเมื่อการอยู่คนเดียวเจ็บปวดน้อยกว่าการสร้างความผูกพันกับคนอื่น และให้ความรู้สึกยึดติดกับคนเหล่านั้นมาทำร้ายตัวเองได้ โดยปกปิดความเหงาและอ้างว้างไว้ข้างใน

หากความนิ่งเย็นไม่หวั่นไหวนี้ก็พังทลายลงเมื่อเจอ อคิน คนคนเดียวที่มันตราใส่ใจและอยากเข้าใกล้ แม้จะรู้ว่าอคินโกรธและเกลียดตัวเองขนาดไหนก็ตาม ตอนแรกความหวั่นไหวไม่รู้ที่มาที่ไปนี้ทำให้แค่มันตราอยากระวังท่าทีตัวเองและรักษาศักดิ์ศรีไว้ได้เท่านั้น หากแต่เมื่อรำลึกอดีตได้ขึ้นมา ความรู้สึกรักใคร่ผูกพันที่มีมาแต่ครั้งเยาว์วัยก็ทำให้ควบคุมความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ กลายเป็นการตามตื้ออคินเพื่อเว้าวอนให้ฝ่ายนั้นใจอ่อน ซึ่งเมื่อเจอฉากเช่นนี้ครั้งแรกก็อยากจะกรีดร้องใส่หน้ามันตราว่าทำไมทำแบบนี้ มันไม่ดี! (สำนวนดรอปไปเพราะนี่คือความรู้สึกจากใจตอนอ่านเห็นมันตราเข้าใกล้อคินในโรงพยาบาล!) ด้วยการขอความรักความเข้าใจจากคนที่เกลียดชังตัวเองที่จะต้องทำให้ทั้งเหนื่อยใจและเสียศักดิ์ศรีขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อถูกอีกฝ่ายดูถูก หากแต่การตื้อและยื้อของมันตราก็ทำให้อคินใจอ่อนลงมาได้ โดยเฉพาะหลังจากสองคนมีความสัมพันธ์ทางกายกันขึ้นมา และการได้อยู่ร่วมกับมันตราก็เปลี่ยนมุมมองและทัศนคติหลายอย่างที่อคินมีกับมันตราไปได้ หากก็ไม่เพียงพอที่จะลบน้ำหนักของหน้าที่ และทำลายความรู้สึกด้านลบที่มีกับมันตราไปจนหมด และความรู้สึกนี้ก็ยิ่งเปราะบางเมื่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอ่อนไหวไปตามสถานการณ์รอบตัว โดยเฉพาะจากการเข้ามามีส่วนร่วมของดารัญด้วย  

บางช่วงตอนอ่านอยากให้มีพระรองที่โดดเด่นขึ้นมาด้วย มากกว่าจะเป็นแค่ “เนวิน” ที่เป็นลูกน้องนิสัยร่าเริงแบบเด็กหนุ่มที่ชื่นชมมันตรา ในแง่ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เห็นคุณค่าและความสำคัญของมันตรา หรือเป็นตัวเลือกที่เจ้าตัวให้น้ำหนักในใจก็ได้ หากเอาเข้าจริงแล้ว เงื่อนไขของเรื่องก็คือความมั่นคง รักเดียวใจเดียวของมันตราอยู่ดี ที่ไม่ว่าจะถูกทำร้ายความรู้สึกหรือเหยียบย่ำจิตใจขนาดไหนก็ยังพร้อมที่จะยังแน่วแน่ต่อผู้ชายคนเดิมไม่มีเปลี่ยน – ซึ่งในแง่หนึ่ง จริงๆ แล้วการรักอคินนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นการทำร้ายตัวเองของมันตรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดว่ากลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เล่นงานมันตราจนมาอยู่ในสภาพอย่างในปัจจุบันได้

ในอดีต ความผิดพลาดที่ทำร้ายเจ้าชายอสูรอย่างมันตราที่สุดก็คือการเชื่อมั่นในความคิดของตนเอง และพร้อมที่จะมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่ดูสถานการณ์โดยรอบ แม้ว่าการสังเกตเพิ่มขึ้นจะทำให้ให้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ในมือเพิ่มได้ก็ตาม แต่ถึงกระนั้น จุดอ่อนของสถานะเจ้าชายเลือดบริสุทธ์ก็เป็นตัวเร่งความผิดพลาดนี้ด้วย เพราะความสูงส่งของตำแหน่ง และการเลี้ยงดูของมารดา ก็ทำให้ไม่มีผู้ใด นอกจากอคิน กล้าแย้งเจ้าชายมันตรา จนเจ้าตัวทำตามใจตัวเองอย่างเต็มที่ หากแต่ชาตินี้รวมถึงหลายร้อยชาติที่ผ่านมา ความยากลำบาก และอุปสรรคทั้งหลายก็หล่อหลอมให้มันตราเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่สุขุม มีความรับผิดชอบ และรู้คิดเข้าใจโลกและสถานการณ์รอบตัวโดยไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง และขณะเดียวกันก็รู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ได้อย่างไร ฉากปะทะคารมกับนายทหารจากต่างรัฐอธิบายความเป็นจริงนี้ได้ดีที่สุด เมื่อฝ่ายนั้นโกรธจากการถูกพูดแย้งด้วยหลักฐานของมันตราจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนจะพลั้งมือทำร้ายมันตรา และทั้งสองฝ่ายต่างก็พร้อมจะต่อสู้กันอยู่แล้ว แต่คำพูดของมันตราที่ว่าถ้ามีเรื่องก็จะลามไปถึงสองรัฐ แทนที่จะเป็นแค่คนสองคนชกต่อยกัน ทำให้หยุดยั้งสถานการณ์ที่เหมือนจะเกินควบคุมไว้ได้ (บทที่ 9) นอกจากนี้ การเติบโตในสถานะที่ตัวเองไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งหรือมีอำนาจมากที่สุดก็ทำให้มันตรารับรู้และเข้าใจสถานการณ์และความเป็นไปรอบด้านได้ แต่เลือกที่จะนิ่งเงียบเสมือนไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นก็มี อาทิเช่น ฉากที่เจ้าตัวพูดคุยกับอาร์มินแล้ววิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้เบื้องหลัง เพราะไว้ใจผู้บังคับบัญชาตัวเอง แต่ไม่เคยพูดถึงสิ่งเหล่านี้ที่อื่น (บทที่ 15)

รักความสามารถในการวิเคราะห์ใช้หลักตรรกะเหตุผลของมันตราอีกอย่างหนึ่ง ในชาตินี้ ความสุขุมเยือกเย็นก็ทำให้มันตราใช้สมองมากกว่าอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการตามหาเศษเสี้ยววิญญาณ และคิดไปถึงการผูกพันกับสิ่งของ ของใช้นอกเหนือจากแค่สถานที่ (บทที่ 25) ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ทำให้เกิดเป็นเบาะแสจนตามรอยแหวนที่มีส่วนเสี้ยววิญญาณมากสุดจนนำไปสู่การคืนร่างของราชินีตุลยา และคลี่คลายเรื่อง จนลบล้างคำสาปได้ หรือแม้กระทั่งเมื่อมีเรื่องกับอคิน แม้จะอารมณ์ไม่พอใจอยู่ แต่เมื่อฝ่ายนั้นพูดเป็นงานเป็นการก็พร้อมจะเปลี่ยนโหมดไปการวิเคราะห์หาคำตอบได้ แท้จริงแล้วความรับผิดชอบและการมุ่งมั่นในการทำงานของมันตรา รวมกับความผูกพันกับผู้ร่วมงานในตอนที่มันตราออกจากโรงพยาบาลแล้วไปเยี่ยมพันโทอาร์มินผู้เป็นผู้บังคับบัญชาก็ทำให้อคินแปลกใจได้ ทั้งในแง่ที่ออกจากโรงพยาบาลไปเยี่ยมผู้บังคับบัญชา และคุยกับตัวเองเรื่องงานอย่างจริงจังโดยไม่มีความหงุดหงิดจากการทะเลาะกันก่อนหน้า (บทที่ 21) หรือการที่มีตัวตนเป็นมนุษย์ ก็ทำให้เกิดมุมมองที่ต่างออกไปเมื่อหาเหตุผลถึงความเป็นไปได้ที่นเรวัติจะมาอยู่ในโลกมนุษย์ (บทที่ 30)

อีกอย่างหนึ่งก็คือ หลงรักความพยายามและมุ่งมั่นที่นำไปสู่ความสามารถในการดูแลปกป้องตัวเอง และรวมไปถึงการสู้ในแบบของมันตราเองด้วย สำหรับโครงเรื่องที่มีการกำหนดบทบาทผู้พิทักษ์ที่มีอิทธิฤทธิ์และอำนาจเหนือธรรมชาติแล้ว ผู้ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองมักจะอ่อนแอ และต้องพึ่งพาผู้พิทักษ์เสมอ หากแต่มันตรากลับผิดแผกไปจากนั้น สถานการณ์คุกคามถึงชีวิตที่มีอคินออกโรงมาช่วยมันตราถึงสองครั้งสองครา (ทั้งการโจมตีแคมป์ภารกิจสำรวจเขตแดนและเหตุการณ์วางระเบิด) เหมือนจะย้ำความไร้กำลังในฐานะมนุษย์ของมันตรา แต่ฉากที่มันตราสังเกตถึงสิ่งผิดปกติในที่พักของตัวเองและคว้าปืนมาตอบโต้กับผู้บุกรุกได้ (บทที่ 29) สังเกตเหตุการณ์รอบตัวจนเห็นตัวผู้ร้าย (บทที่ 21 และบทที่  23) หรือแม้แต่ฉากที่ไปเผชิญหน้านเรวัติพร้อมกับอคิน และพยายามสู้ในรูปแบบของตัวเองเพื่อเปลี่ยนวิถีการบินของเครื่องบินรบและแย่งชิงแหวนไพลินคืนมา (บทที่ 37) ต่างแสดงให้เห็นไหวพริบและสติปัญญาของเจ้าตัว

ทั้งนี้ ควรจะนับถือความรักเด็ดเดี่ยวของมันตราด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กล้าทุ่มหมดหน้าตัก และละทิ้งศักดิ์ศรี เพื่อขอความรักจากอคิน โดยเฉพาะเมื่อกล้าที่จะเป็นฝ่ายไล่ตาม และได้ความรักของอีกฝ่ายมาจริง แต่ในฐานะคนที่ค่อนไปทางรักตัวเอง ก็เลยอยากจะเปลี่ยนเป็นตำหนิที่ให้อีกฝ่ายมีอิทธิพลและอำนาจเหนือตัวเองได้ (แต่ก็ให้อภัยก็แล้วกันที่ตัดจบแล้วพลิกเกมได้ตอนหลัง)

“อยากจะบอกมันตราว่าความรักไม่ใช่ทุกอย่างง! และการประชดจะทำให้สถานการณ์ยิ่งแย่ลง! มีอะไรขอให้พูดค่ะ!”

-อคิน-
ความรู้สึกที่มีต่ออคินผิดไปจากความรู้สึกบวกต่อมันตราเยอะ โดยเฉพาะหลังการอ่านล่าสุดก่อนมาเขียนบันทึกจริงจัง จะให้พูดแบบเบาและถนอมน้ำใจที่สุดก็คือ “หมั่นไส้” (แต่ถ้าพูดให้ออกจากใจก็อาจจะเป็น “ไปตายซะ” / “ถ้ามีพระเอกคนอื่น ..” / “แกมันไม่คู่ควร” ก็ได้ — แต่ล่าสุดฟังเพลงส่วนความรู้สึกอคินวนอยู่ใจอ่อนลงมานิดนึง เฮ้อ พูดว่า “ก็ทำดีชดไป” ด้วยก็แล้วกัน) ไม่ได้รู้สึกว่าอคินเป็นพระเอกของเรื่อง หากแต่เป็นคนที่มันตรารักมากกว่า (หรือเลื่อนมาเป็นคนรักของมันตราในตอนจบ) เพราะทัศนคติและท่าทีที่อคินมีต่อมันตราไม่น่ารักมากๆ ถึงขั้นที่เรียกว่าน่ารังเกียจด้วยซ้ำไป เริ่มตั้งแต่การดูถูก เหยียดหยามทุกครั้งที่ทำได้จนไปถึงการเผลอทำร้ายร่างกายอย่างบีบคอ (ที่ถ้าไม่มีดารัญโทรศัพท์มาขัดก็อาจเป็นการฆ่ามันตราไปแล้ว) ซึ่งเอาเข้าจริง ตั้งแต่ครั้งอดีต ตัวร้ายอย่างดารัญไม่เคยจะทำร้ายมันตราได้มากเท่ากับที่อคินทำเสียด้วย คนที่เจ้าตัวรักและใส่ใจต่างหากที่ทำให้เจ็บปวดได้มากที่สุด และในกรณีของมันตราก็รวมไปถึงการเกิด second-choice scar – แผลเป็นในใจจากการเป็นตัวเลือกที่สอง –  ด้วย เพราะหลายครั้งแล้วที่อคินรับปากและให้คำสัญญาว่าจะให้ปกป้องดูแลมันตรา หากในที่สุดมันตราก็กลายเป็นเพียงตัวเลือกที่สองที่อยู่รองจากดารัญเท่านั้น

นอกจากนี้ สิ่งที่อยากจะพูดจริงจังอีกอย่างก็คือความบกพร่องระหว่างปฎิบัติหน้าที่ของอคิน แม้ว่าอคินจะถูกเลือกจากมหาเทพให้ทำหน้าที่เป็นผู้เฝ้ามองจนมาเป็นผู้ปกปักมันตรา ปฎิเสธไม่ได้ว่าอคินทำหน้าที่ด้วยอคติ ที่มีทั้งโกรธและเกลียดมันตราเป็นตัวนำอารมณ์มาตลอด อย่างในชาตินี้ที่เงื่อนไขการเกิดใหม่และยังไม่สามารถรับรู้ถึงอดีตและหน้าที่ตัวเองทำให้มันตราเอ่ยปากถามอคินเพื่อให้ได้คำตอบที่ชัดเจนโดยตรง แต่อคินกลับใช้การประชดประชันและเสียดสีเพื่อยอกย้อนมันตราให้เสียหน้าและรู้สึกผิดแทนที่จะตอบคำถามด้วยดี ซึ่งถ้าจะมองว่าหลังจากผ่านมาหลายร้อยชาติ (และก็คือหลายพันปี) ความรู้สึกของอคินก็ยังรุนแรงอยู่มาก ยิ่งทำให้คิดว่าการทำหน้าที่ในช่วงแรกของอคินนั้นจะดึงอารมณ์และความรู้สึกมาเป็นตัวนำจนตัวเองเป็นฝ่ายทำร้ายและถ่วงการทำหน้าที่ของมันตราไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงและทางอ้อมหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีดารัญมาเป็นตัวแปร ทั้งในการที่พี่ชายต่างแม่มีส่วนขัดขวางให้การตามหาเสี้ยววิญญาณล่าช้าออกมาจนเนิ่นนานเช่นนี้ และการที่อคินอาจจะเลือกให้ความสำคัญกับดารัญมากกว่าจะห่วงเรื่องความปลอดภัยของมันตรา

รู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้างว่า อคินไม่ได้รับรู้ตัวตนของนายพลเรวัติในฐานะอสูรมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อมองว่า ในเรื่องนี้อสูรที่มาเกิดใหม่เป็นคน (หรือแอบอ้าง/ กึ่งเป็นคน) มีชื่อที่แทบจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากในฐานะตัวตนอสูร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันตรามีชื่อและรูปลักษณ์ภายนอกที่แทบจะไม่ผิดเพี้ยนไปจากเจ้าชายอสูรมันตราเลย ซึ่งในแง่ที่อคินต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนจะพามันตราไปชิงแหวนไพลินมาก็ทำให้อคินทำหน้าที่ผิดพลาดไปมาก และยิ่งผิดพลาดเมื่อมองว่าทำให้มันตราที่อยู่ใต้การจับตามองและคุ้มครองของอคินบาดเจ็บสาหัสด้วย (หรือถ้าจะจับผิดมากๆ จะไล่ตั้งแต่ที่เห็นไออสูรแต่ว่าที่มาไม่เจอ หรือการไม่รับรู้เมื่อมันตราถูกโจมตีที่คอนโดด้วย โฮะโฮะ)

ทั้งที่มองว่าอคินเป็นผู้ที่สามารถแบ่งความรู้สึกกับหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเองได้ดี แต่ในกรณีนี้กลายเป็นว่าความรู้สึกมาอยู่เหนือการควบคุมตัวเองและการใช้เหตุผลไป แม้จะมองว่าเรื่องของมันตราก็ทำให้อคินรวนได้ ในแง่ว่าทำให้ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ เพราะว่าความรู้สึกผูกพันตั้งแต่เด็ก และความรู้สึกละเอียดอ่อนที่มี ก็ยิ่งทำให้ความผิดหวังเสียใจต่อพฤติกรรมมันตราในครั้งอดีตมาเกาะกุมจิตใจมาถึงในปัจจุบัน ทำให้เลือกที่จะใช้ความเกลียดชังและไม่พอใจมากดความรู้สึกอื่นไปแทน

ทั้งนี้ ไม่ว่าความรู้สึกจะไปอย่างไร แต่อย่างน้อยการที่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน โดยเฉพาะเมื่อผ่านค่ำคืนด้วยกัน และเงื่อนไขตามที่มันตราตั้งให้ความสัมพันธ์ทางกายนำไปสู่การเป็นคนรักแล้วก็ทำให้อคินเปิดใจรับมันตราเพิ่มขึ้น ยิ่งประกอบไปกับการได้อยู่ร่วมกันจริงๆ  เมื่ออคินเปิดบ้านให้มันตราเข้ามาอยู่ด้วยกันหลังที่พักของมันตราเสียหายจากการบุกรุกของคนร้ายแล้ว ก็ทำให้อคินมองเห็นมันตราอย่างที่เป็นจริงในปัจจุบัน ได้รู้จักมันตราใหม่อีกครั้ง ที่ข้อบกพร่องในฐานะเจ้าชายอสูรไม่ว่าจะเป็นความเย่อหยิ่ง หรือการเอาแต่ใจ ชอบเอาชนะ หายไปตามเงื่อนไขและอุปสรรคความลำบากที่เข้ามาให้เจอตลอดตั้งแต่กลับมาเกิดใช้โทษ มาเป็นมันตราที่เติบโตจนมีภาวะความพร้อมทางอารมณ์มากขึ้น และก็ทำให้อคินเริ่มตกหลุมรักมันตราทีละน้อย และรู้สึกสบายใจมีความสุขที่จะได้อยู่ร่วมกัน

ฉากที่ติดใจที่สุด ก็คือ การที่อคินกลับมาก่อน และเมื่อมันตรากลับถึงบ้าน คำแรกที่อคินทักไปก็คือ “กลับช้านะ” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อคินรอมันตราอยู่ และต่อว่ามันตรากลายๆ ผ่านการซื้ออาหารจำนวนมากที่ทำให้ต้องกลับบ้านล่าช้ากว่าที่ควร ซึ่งตามความเป็นจริงแล้ว อคินกลับมาก่อนเวลาอย่างที่เจ้าตัวกล่าวว่าตารางงานเปลี่ยนแปลง แทนที่จะเป็นมันตราที่ช้าเอง ส่วนตัวคิดว่าฉากนี้เป็นนัยยะบอกความรู้สึกผูกใจอยากใกล้ชิดของอคินที่มีต่อมันตรา และเป็นมากกว่าความสัมพันธ์ทางกายอย่างที่มันตราต้องการมาตลอด และเป็นนัยยะแฝงที่ลึกซึ้งและถูกใจกว่าการเข้ามากอดแนบชิดระหว่างเปิดเพลง และความสัมพันธ์ทางกายหลังจากนั้น (บทที่ 31)

อย่างไรก็ตาม ปัญหาอย่างหนึ่งของอคินก็คือ การเป็นคนถูกไล่ตามมาตลอด (แม้กระทั่งในชาติบรรพกาลที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่มันตราก็เป็นฝ่ายไปหาอคินเสมอ – แม้ว่าจะเป็นเพราะสถานะที่ทำให้เป็นฝ่ายเข้าไปใกล้ ได้ง่ายกว่าให้นายทหาร (หรือแม่ทัพในภาคหลัง) เป็นฝ่ายเข้าถึงตัวเจ้าชายก็ตามที) และดังนั้น ตัวอคินเองก็เคยชินกับการเป็นผู้อยู่เหนือกว่า และมีอีกฝ่ายมาวอนขอความรักด้วย (ซึ่งถ้าดูจากนิสัยมันตรา และแรงดึงดูดที่อคินมีกับมันตรา ลักษณะเช่นนี้น่าจะมีมาแล้วในชาติก่อนหน้าด้วย แม้จะเป็นระดับที่เบาบาง และซ่อนเร้นกว่าชาตินี้ก็ตามที) เมื่อประกอบกับทิศทางความสัมพันธ์ทั้งของคู่ที่มันตราในฐานะผู้กระทำผิดควรจะอ่อนข้อและยอมจำนนต่ออคินที่มีความถูกต้องมากกว่า ดังนั้นแล้ว เจ้าตัวถึงมีความทะนงตัวอยู่มาก และเชื่อมั่น อืม ใช้คำว่าได้ใจจะดีกว่า ถึงความรักและความแน่วแน่ที่อีกฝ่ายมีต่อตน จนคิดว่าทำอย่างไรก็ได้ และจะเป็นฝ่ายได้รับความรักจากมันตราอยู่เสมอไป และตลอดไป จนถึงขั้นที่ไม่ทะนุถนอมความรู้สึกของมันตรา หรือเห็นค่าความสัมพันธ์ระหว่างกันมากนัก  หรือแม้จะเห็นคุณค่าก็ไม่จัดลำดับสำคัญให้ เพราะสุดท้ายแล้ว เมื่อมีปัญหาวิกฤตใดๆ ขึ้นมา เจ้าตัวก็พร้อมที่เลือกสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า

ซึ่งในแง่หนึ่งความได้ใจนี้ก็กลับมาทำร้ายอคินเอง เมื่อแม่ทัพอสูรเองไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายยอมปล่อยมือและสิ้นสุดอีกอย่างสิ้นเชิง ความตกตะลึงของอคินเมื่อรับรู้ว่ามันตราขอลืมเลือนทุกอย่างและไปเริ่มต้นใหม่ (บทที่ 38) เป็นตัวที่อธิบายความเชื่อของเจ้าตัวได้ดี และในอีกระดับหนึ่ง ความได้ใจและคุ้นเคยกับการเป็นผู้ถูกไล่ตามก็ทำให้ตัวอคินมีปัญหาการออกไล่ตามก่อนไม่เป็นเสียด้วย เพราะแม้จะรู้ว่าอดีตเจ้าชายอสูรขอลืมและเริ่มใหม่ แต่เมื่อยักษ์บื้ออย่างอคินตามหามันตราเจอในภพต่อมา สิ่งที่เจ้าตัวทำก็คือรอให้เจ้าตัวโตแล้วจึงเข้าไปพูดคุยในฐานะอสูร และเมื่ออีกฝ่ายจำไม่ได้ก็อยู่กับความเสียใจและสูญเสีย และเลือกที่จะเฝ้าดูแลปกป้องอยู่ห่างๆ จนกระทั่งชาติสุดท้ายที่เป็นฝ่ายรุกเข้าหาเสียที — คิดเล่นๆ อย่างใจร้ายว่าจะทำอย่างไร ถ้ามันตราไม่ได้เลือกเปิดเพลง Love Me Tender ที่เป็นการส่งสัญญาณให้อคินได้รู้ว่าแท้จริงมันตรายังไม่ลืมทุกอย่างออกไปจนหมดสิ้น และจะเป็นอย่างไร ถ้าอคินกล้าออกไล่ตามไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่มันตราบอกว่าจำไม่ได้ หรือว่าเปลี่ยนแนวทางเป็นเข้ามาทำความรู้จักตั้งแต่ชาติแรกๆ แทนที่จะให้ยื้อมาอีกเป็นอีกหลายร้อยชาติ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะพูดแบบใจร้าย มีความรู้สึกว่าอคินไม่แข็งแกร่ง / อดทนเท่ามันตรา การเจอกันแบบถูกลืม แม้ว่าจะดูทรมาน แต่ถ้าเทียบกับการเจอกันแบบที่อีกฝ่ายไม่ให้ความสำคัญและดูแคลนเหยียดหยามล่ะ?

“อยากจะบอกอคินว่า ถ้านี่ไม่ใช่นิยายรัก แกคงไม่มีโอกาสแบบนี้”

กับ

“จริงๆ อ่านอคินเจ็บปวดสนุกมาก บางทีอาจจะเป็นพีคให้รักนิยายเล่มนี้สุดๆ ก็ได้นะ อยากดูการลงโทษพระเอกใจร้ายแนวนี้มานานแล้ว ตอบโจทย์สุดๆ”

[ความไร้สาระอย่างหนึ่งที่จะบอกก็คือ หลังจากผ่านค่ำคืนด้วยกัน อคินเริ่มเปิดใจให้มันตรามากขึ้น — ถ้าใจร้ายจะบอกว่า กดอคินกดไปก็สิ้นเรื่องไปนานแล้ว // ล้อเล่นนนนนนน]


-ฉากตายของมันตรา-
เข้าใจว่าหลายคนขัดใจกับฉากที่มันตราตายอยู่พอสมควร แต่ส่วนตัวเอง ทั้งการตายและสาเหตุการตายเป็นจุดที่รักสาปอสุราที่สุดก็คือตอนนี้ มองว่าคนเขียนกล้าที่จะให้น้ำหนักกับความสำคัญของเหตุการณ์และนัยยะผลกระทบที่จะเกิดขึ้น โดยไม่กลัวว่าจะถูกคนอ่านไม่พอใจหรือโกรธ เพราะสุดท้ายแล้ว การปฎิบัติตัวและท่าทีที่อคินมีต่อมันตราอยู่ในขั้นที่ร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้ามองว่าก่อนหน้าเป็นเพราะยังมีอคติจากมุมมองที่เห็นเจ้าชายมันตรามาซ้อนทับกับมันตราในชาตินี้ยังสามารถให้อภัย แต่ภายหลังเมื่อได้อยู่ด้วยกัน และรู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้นแล้วก็ยังที่จะไม่เชื่อใจมันตราอย่างที่มีให้กับดารัญ และพร้อมที่เลือกเชื่อใจและไว้ใจดารัญมาก่อนเสมอ ภาพที่อคินต้องเลือกช่วยระหว่างตัวมันตรากับดารัญเป็นจุดที่บีบคั้นจิตใจจุดหนึ่งเลย ส่วนตัวเองขนาดไม่ได้เป็นตัวละครในเรื่องยังอดเอาใจลุ้นไปไม่ได้ว่าจะมีสักครั้งที่อคินเลือกที่จะช่วยมันตราก่อน แม้ว่ามันตราจะไม่ได้คาดหวัง และเมื่อกลายเป็นอคินเลือกที่จะดารัญเป็นอันดับแรก แม้ว่ามันตราจะเว้าวอนผ่านทางสีหน้าและแววตาก็ยิ่งทำให้ฉากนี้บีบคั้นอารมณ์อย่างมาก อย่างที่ข้างบนใช้คำว่า second-choice scar เพราะว่าอคินทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำซากจริงๆ จนเป็นการย้ำแผลเก่าและตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญที่แตกต่างกันระหว่างตัวเองและพี่ชายต่างแม่ในใจอคิน 

ซึ่งแม้อคินจะบอกว่าตามหลักเหตุผลต้องเลือกคนที่ช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่า แต่ในแง่หนึ่ง ถ้ายังใช้เหตุผลนำทางการกระทำได้ ไม่หลงลืมตัวเอง ก็คือความรู้สึกสำคัญและการให้ค่าในใจมีน้ำหนักน้อยเกินไปก็ได้ — ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ แม้อคินจะเชื่อมั่นได้ว่ามันตราจะไม่เป็นไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ต้องเสี่ยงชีวิต ทั้งที่ก่อนมา อคินเป็นคนย้ำกับมันตราไม่ให้อยู่ห่างสายตาตัวเองพร้อมกับจูบดูดดื่มแสดงความรู้สึก แต่หากอคินเป็นคนปล่อยมือให้อีกฝ่ายห่างสายตาเองเล่า? และที่สำคัญ แม้อคินจะเชื่อมั่นในกำลังของตัวเองว่าช่วยทั้งสองคนไว้ได้ แต่หากมีความเสี่ยงใด ๆ ที่อาจจะคุกคามและพรากชีวิตของมันตราได้ ก็ยิ่งหมายความว่าอคินบกพร่องในฐานะผู้ปกป้องมากยิ่งขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อ ถ้าเทียบกัน ชีวิตของมันตรามีความสำคัญกว่าชีวิตของดารัญที่เป็นมนุษย์ธรรมดา (ในตอนนั้น) เพราะมันตรามีภาระความรับผิดชอบที่จะต้องปลดปล่อยเหล่าอสูรที่ถูกลงทัณฑ์ และฟื้นฟูอสุรนครด้วย และหากมันตราตายไป การปลดปล่อยนี้ก็จะยิ่งเนิ่นช้าออกไป


ฉะนั้นแล้ว ภาคการตายก็คงไม่ใช่ความรู้สึกเจ็บปวดที่สุดสำหรับมันตรา เพราะความรู้สึกเคว้งคว้างตกจากที่สูงของมันตราเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งจากการกระทำและทัศนคติของอคิน ทั้งก่อนหน้านั้นก็คือการอยู่ด้วยกันและตื่นมาเจออคินพูดคุยอยู่กับดารัญ และการถูกทำลายจิตใจ -ที่ยิ่งกว่าทำร้ายจิตใจ- จากอคินอย่างต่อเนื่องสามระลอก ทั้งการเลือกช่วยดารัญก่อน การหวาดระแวงว่ามันตราจะทำร้ายดารัญ และการไม่เชื่อคำพูดของมันตราก็ตาม (ที่แม้ว่าอคินจะได้ยินเรื่องจากมุมมองที่ต่างกันของกนเรวัติถึงตัวการก่อเรื่อง แต่ถึงเวลาจริง น้ำใจในใจดารัญที่มีกับอคินก็มากพอที่ทำให้ความรู้ที่ได้เลือนหายไปจากเหตุผลที่ใช้ตัดสินใจด้วย) ดังนั้น เอาจริงแล้ว ฉากการตายนี้ก็คงเป็นฉากที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับอคินมากกว่า เพราะหลังจากนั้นมันตราก็ลืมเลือนและเริ่มต้นใหม่ไปแล้ว แต่อคินต้องอยู่กับความจริง และรับรู้ความจริงที่เป็นไปทั้งหมดจากมุมมองที่ถูกปิดตามาตลอด เมื่อได้รู้ว่าดารัญผิด ความรู้สึกผิดที่เข้าใจอีกฝ่ายบิดเบือนมาตลอดมาซ้อนกับข้อเท็จจริงที่มันตราตายในอ้อมแขนในแง่ที่เพราะตัวเองไร้ความสามารถปกป้องไว้ไม่ได้ และเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ก็ยิ่งตอกย้ำสร้างผลกระทบลบตรึงลึกไปในจิตใจอคิน หลงรักและสะใจกับความรู้สึกผิดที่ยิ่งทบทวีความรุนแรง

รักประเด็นการตายอยู่อย่างหนึง เพราะในนิยายรักทั่วไปโดยเฉพาะแนว contemporary การที่พระเอกทำร้ายตัวเอกจนอีกฝ่ายต้องหนีไป มักจะจบลงด้วยพระเอกตามไปง้อ และการง้อนั้นก็จะเป็นแค่ระยะเวลาแสนสั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลที่ตัวเอกใจอ่อนเพราะรักพระเอกมากก็ดี หรือเพราะทนแรงกดดันจากรอบข้างไม่ได้ก็ดี ซึ่งการตายของมันตราในแง่ที่จากลาจากพระเอกนั้นเป็นการยกระดับการหนีของตัวเอกอย่างมาก เป็นการตัดจบแบบตบหน้าแล้วกระทืบซ้ำ แล้วเอามีดเสียบ เพราะนอกเหนือจากไปกะทันหันโดยไม่มีการกล่าวลาให้รู้ตัวแล้วก็ยังเป็นการลาจากโดยที่ไม่คิดจะพบกันอีก หรือเปิดโอกาสให้ตามหาเจอเสียด้วย และก็ชองการลาจากแบบสุดโต่งที่ทำได้เพราะเงื่อนไขเหนือจริงของสาปอสุราด้วย

-การเลือกของมันตรา-
นัยยะอีกอย่างหนึ่งที่ชอบก็คือ การขอไปเกิดใหม่ โดยไม่กลับมาเป็นเจ้าชายอสูร และปกครองอสุรนครของมันตรา ทั่วไปแล้ว การปล่อยวางเป็นได้ทั้งเมื่อคนผู้นั้นทำใจให้เข้าใจได้ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นเพราะว่าทุกข์ทรมานจนไม่ขอยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป ซึ่งสำหรับมันตราก็เป็นจากอย่างหลังเท่านั้น การถูกสาปมาให้เกิดเป็นมนุษย์ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เมื่อเป็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความทุกข์ทรมานและภาระสาหัสที่มีบีบคั้นตัวตนของมันตราในแต่ละภพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อคนที่ควรจะมาเป็นผู้ช่วยเหลือกลับกลายเป็นผู้ซ้ำเติมอยู่เสมอ และนอกเหนือจากนั้น การเปลี่ยนสถานภาพจากอสูรแกร่งกล้ามาสู่มนุษย์สามัญก็คือการรับรู้ประสบการณ์ใหม่ด้วย ยามที่เพิ่งเกิดใหม่ยังไม่รับรู้อดีตก็คือความเป็นอิสระที่ปราศจากความรับผิดชอบที่กดหนักจนหายใจไม่ออกมาเป็นหลายร้อยชาติ อย่างที่มันตราในชาติภพนี้บอกว่าแรงจิตอธิษฐานในฐานะเจ้าชายอสูรเหนื่อยล้าจากการตามหา เมื่ออคินตั้งข้อสงสัยว่าตัวอีกฝ่ายใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ (บทที่ 19) ดังนั้น แม้การเป็นมนุษย์จะเป็นการลงโทษ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็นเรื่องน่าขันที่กลายเป็นการปลดปล่อยจากหน้าที่และการได้รับอิสรภาพของมันตราไปด้วย เมื่อประสบการณ์ชีวิตที่ได้รับเปลี่ยนแปลงทั้งความรู้สึกนึกคิด และเป้าหมายชีวิตไปแล้ว สิ่งนี้ก็มีผลถึงตัวตนของมันตรา โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวรับรู้และย้ำถึงอัตลักษณ์ของตัวเองในฐานะมนุษย์มาโดยตลอด ในแง่หนึ่ง การพ้นโทษจึงไม่ใช่การกดปุ่ม pause การเป็นมนุษย์และ play เพื่อเริ่มเล่นสถานะการเป็นเจ้าชายอสูรอีกต่อไป แต่เป็นการ reset เพื่อเริ่มต้นตัวตนใหม่ของอดีตเจ้าชายอสูร

ชอบนัยยะนี้ที่เป็นสัญลักษณ์การตบหน้ามหาเทพทางอ้อม และอาจจะมากกว่าแค่มหาเทพเสียด้วย เพราะอสูรทุกตน (อย่างน้อยก็พวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามมันตรา) เหยียดหยามมันตราเมื่อได้รับการลงโทษให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ แต่แม้จะไม่ได้เกลียดมนุษย์ แต่ก็ยังเหยียดหยันในความด้อยกว่าของมนุษย์ (โดยจุดนี้อคินก็เป็น) แต่สุดท้ายแล้ว เจ้าชายมันตราซึ่งทะนงกับสายเลือดอสูรของตนกลับเลือกไม่กลับมา และยอมเป็นมนุษย์แทน ซึ่งนอกจากจะเป็นฉากตบหน้าอสูรเหล่านี้แล้ว (ก็แสดงให้เห็นถึงบาดแผลในใจของมันตราที่ถูกทำร้ายจากทัศนคติของคนรอบข้างด้วย) แม้จะปฎิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกหนักหนาสาหัสของมันตราส่วนหนึ่ง (หรือส่วนใหญ่ /ส่วนหนึ่งที่เป็นใหญ่) ก็เกิดจากเรื่องของหัวใจตัวเองด้วยเหมือนกัน

-การสลับบทบาท-
ชื่นชมประเด็นการตาย สาเหตุการตาย ที่ต่อเนื่องไปถึงการเลือกจบสิ้นทุกอย่างของมันตรา ที่พอมาผสานกับความรู้จริงก็เป็นจุดพลิกสลับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกัน อย่างในชาติบรรพกาล มันตราชื่นชมและยอมฟังอคินมาตลอด แม้กระทั่งภพปัจจุบัน การที่มันตรายอมง้องอนอคินมาตลอดก็ทำให้อคินอยู่ในสถานะที่เหนือกว่ามาเสมอ แต่พอมีช็อคและอาฟเตอร์ช็อคสำหรับอคิน (ที่มันตราหนีไปน่าจะรุนแรงกว่าแค่ตาย) ก็บิดเปลี่ยนให้อคินล้มกระดานจัดลำดับความสำคัญและให้มันตราเป็นศูนย์กลางจักรวาลสำหรับตัวเองขึ้นมาแทน ชอบที่พอการใช้เหตุผลและหน้าที่ทำให้เกิดสภาวะอย่างที่ตัวเองไม่คาดคิดและไม่เคยอยากให้เกิด ก็เลยละทิ้งเหตุผลและใช้อารมณ์ (หรือเจาะจงไปก็คือ มันตรา) มาเป็นตัวกำหนดการกระทำและความคิดไปแทน เกิดพลิกสลับสถานะความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งเชิงทั้งความรู้สึกนึกคิด และพฤติกรรมท่าทีที่มีต่อกันตามเงื่อนไขในใจของแต่ละฝ่าย โดยอคินเกิดเป็นการยอมไม่มีข้อแม้ ให้ความรักครั้งนี้ไม่ต้องการให้เหตุผลหรือตรรกะ แต่ให้ความรู้สึกนำทาง ขณะที่มันตราระวังตัวและรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้เพื่อป้องกันความรู้สึกและใจที่อาจจะเกินเลยเหนือการควบคุมของตนเอง เป็นความไม่สมดุลที่สมดุลตามสภาพ ซึ่งฉากที่ชอบที่สุดในตอนอยู่ด้วยกันภายหลังก็คือตอน “ควบคุมไม่ได้” ที่อธิบายความไร้สมดุลระหว่างกันได้ดี ทั้งในแง่ที่คนหนึ่งอยากเข้าใกล้ ขณะที่อีกคนอยากรักษาระยะ สนุกที่ได้เห็นอคินอยากรู้ความคิดของมันตรา และพยายามเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนอ่านหนังสือ หรือทำกับข้าว  — ซึ่งถ้าคิดถึงอีก scenario หนึ่งที่มันตราไม่ตาย และใจอ่อน ผลกระทบที่เกิดขึ้นคงไม่เป็นการสร้างสมดุลใหม่ที่ตาชั่งเอียงเช่นนี้? กับถ้าตัดแบบใจร้ายอย่างที่ผู้เขียนเคยล้อเล่นว่าให้จบตอนที่มันตราตายล่ะ?

-เนวิน-
ส่วนตัวเอง ไม่ชอบบุคลิกลูกหมาแบบเนวิน เพราะชายหนุ่มเสียงดัง สร้างความวุ่นวาย แต่เนวินกลายเป็นตัวประกอบหลักที่มีอยู่ในหลายๆ ชาติ ตั้งแต่ชาติหลัก ชาติแรกที่มันตรามาเกิดใหม่ หรือแม้แต่ชาติสุดท้าย แต่เมื่อย้อนกลับมาอ่านใหม่ครั้งสุดท้าย อคติที่มีต่อเนวินลดลงมาก เพราะแม้คนอื่นจะคิดในเชิงลบหรือดูถูกมันตรา แต่เนวินมีแค่ความชื่นชมบูชา การถามข้อมูลเกี่ยวกับมันตราจากนายทหารอื่นๆ ไม่เคยเป็นเพราะสู่รู้ แต่เพราะเจ้าตัวเองอยากรู้จักและเข้าใจตัวมันตรามากยิ่งขึ้น และก็พร้อมที่จะเข้ามาหาเสมอ ใส่ใจคอยดูแล แม้จะถูกมันตราเย็นชาใส่ขนาดไหนก็ตาม ซึ่งในแง่นี้ตัวเนวินเองก็เป็นคนที่อยู่เคียงข้างมันตรามาเสมอ (แม้ว่าในช่วงหลังจะกลายเป็นตัวจุดชนวนความหึงหวงไม่พอใจของอคิน)

อย่างที่บอกว่ามีช่วงที่อยากได้พระรองที่โดดเด่นทั้งในเชิงรูปลักษณ์และความสามารถมาถ่วงดุลกับอคิน แต่อันที่จริงจะเป็นใครก็ได้เลยที่ทำให้มันตราผ่อนคลายตัวเองได้ และในแง่หนึ่งเมื่อเนวินฝ่าเกราะเข้าไปถึงตัวมันตราได้ เนวินก็สร้างลดความเข้มงวดของมันตราได้เหมือนกัน ทั้งนี้ ในแง่หนึ่งการได้พระรองโดดเด่นมา นอกเหนือจากจะทำลายภาพรักตั้งมั่นของมันตราแล้ว ก็อาจจะยิ่งเร่งปฎิกริยาขับไล่อคินแล้วเกิดพระเอกคนใหม่มาแทนก็ได้ มีความโน้มเอียงสูงที่คนอ่านจะเกิด second male lead syndrome แล้วยิ่งเกิดความไม่พอใจต่ออคินขึ้นมารุนแรงกว่าเดิม และสุดท้ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม เมื่ออคินเข้าสู่โหมดรักนำหน้าแล้ว  แม้กระทั่งเนวิน (หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนวิน) ก็ทำให้อคินตาขวางและหึงหวงเกินพอดีได้ทั้งสิ้น

-นัยยะเชิงสัญลักษณ์-
1. เพลง Love Me Tender
ส่วนตัวแล้ว มันตราชอบเพลงนี้ก็เพราะแทนความรู้สึกของตัวเองที่มีต่ออคิน และอยากให้อคินรับรู้ แต่พอฟังเพลงนี้ด้วยกันช่วงที่อยู่ที่บ้านของอคินก็เหมือนจะแสดงให้เห็นช่วงเวลาที่มีร่วมกันด้วย และดังนั้น สำหรับอคินเอง เพลงนี้ก็แทน honey phrase ที่หายไป ทำให้แม้จะเริ่มด้วยความรู้สึกของมันตรา แต่ก็กลายเป็นเพลงที่อคินรู้สึกร่วมไปด้วยสินะ ทั้งกับความระลึกถึงมันตราและช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน และการอ้อนวอนขอความรักที่หลุดลอยไปของมันตราให้กลับมา

2. คำเรียกท่านพี่
ชอบเชิงสัญลักษณ์ที่แฝงอยู่ในคำ เพราะแม้จะเป็นคำเรียกแต่ก็เป็นตัวแสดงถึงความรู้สึกและทัศนคติที่มีต่อกัน เพราะแสดงถึงความรู้สึกใกล้ชิดรักใคร่ของอคิน และความรู้สึกผูกพันไว้ใจของมันตรา เมื่อคำนี้หายไป ก็แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีที่จบสิ้นกันไปของทั้งคู่ด้วย และดังนั้น สำหรับอคิน ก็เป็นการกระตุ้นให้รำลึกถึงอดีตที่ถูกปิดตายในใจตัวเอง และเมื่อมาง้อมันตรา ก็ต้องการความรู้สึกรักใคร่ ยกย่องและไว้เนื้อเชื่อใจอย่างไม่มีเงื่อนไขเช่นเดิมกลับมาอีกครั้ง — ใต้สองสถานการณ์ที่อยากเห็นก็คือแบบละมุนนั้น ได้เห็นอคินย้วยตัวละลายไปแล้วจากเล่มพิเศษหลังถูกมันตราเรียก แต่ถ้าสมมติอีกแบบหนึ่งที่เป็น kinky fantasy ของอคิน ที่จะคึกขึ้นมา เมื่อได้ยินคำนี้บนเตียงล่ะ?  

3. ต้นอ่อน
นัยยะที่ชัดเจนที่สุด และชวนลุ้นที่สุดสำหรับคนที่เฝ้ารอให้อคินมีความรู้สึกตอบรับกลับไปที่มันตรา ปรากฎตัวมาสองสามครั้งแบบแผ่วแล้วก็หายสาบสูญไป แต่จากรูปการณ์ตอนนี้ นัยว่าคงจะกลายเป็นฟาร์มต้นอ่อนใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของทวีป ถ้าไม่กลายเป็นต้นไม้ยักษ์สามร้อยคนโอบ หรือว่าอาจจะเป็นป่าดงดิบไปเลยก็ได้

4. ดวงอาทิตย์
เมื่อการเห็นดวงอาทิตย์หมายถึงอคิน การเฝ้ามองดวงอาทิตย์ในยามที่ยังไม่ระลึกอดีตก็คือการโหยหาและไล่ตามคนที่สำคัญที่สุดตามจิตใต้สำนึกอย่างที่เคยทำมาเมื่อครั้งอดีต และการคลายคำสาปคืนเดือนดับที่เกิดขึ้นด้วยแสงอาทิตย์เสียด้วย

สุดท้ายแล้ว อะไรคือองค์ประกอบที่ทำให้หลงรักนิยายเล่มหนึ่ง? เพราะสำหรับแต่ละคนก็มีมุมถูกใจต่างกัน และส่วนตัวตอนเริ่มอ่านก็ไม่ได้คิดว่าจะสาปอสุรามากขนาดนี้ แต่พอยิ่งอ่านยิ่งตาม ก็หลงรักหมดทั้งการใช้ภาษา องค์ประกอบตัวละคร โครงเรื่อง การดำเนินเรื่อง และที่สำคัญ การใช้สัญลักษณ์ ณ ปัจจุบัน ถ้าไม่มีอะไรมาทำให้พลิกโผ สาปอสุราก็น่าจะเป็น Best Read ของ 2018 ไป! ให้ A+ ด้วยเหตุผลว่า A best blend between past and present with just-right elements for heart-wringing feel! ก็ฉันทาคตินำมาอยู่แล้ว (หรือเอาจริง ประเด็นการตายและการพลิกเกมของมันตราก็อยากจะพูดว่า too-right elements ด้วยเหมือนกัน! ถูกใจ ถูกใจ และถูกใจ!)

ทั้งนี้ แม้ว่าภาคพิเศษจะเป็นช่วงที่หวานชื่นดื่มด่ำ แต่ส่วนตัวก็อยากอ่านเห็นมุมมองของอคินจากช่วงภาคหลัก และเรื่องราวระหว่างมันตรากับอคินสมัยอดีตอยู่ด้วยเช่นกัน (ถ้าได้ระหว่างที่ทั้งคู่เริ่มโต แบบท่านพี่อคินรุกแบบตัวเองไม่รู้ตัว และมันตราไม่รู้เรื่องว่านี่คือการรุกจะดีมาก หรือว่าจะเป็นตอนเด็กที่เล่นด้วยกันก็ดีงามไม่แพ้กัน) โดยเฉพาะเมื่อรู้สึกว่าช่วงที่อยู่ด้วยกันตอนนั้นเป็นช่วงที่ละเมียดที่สุด และอยากเห็นความอ่อนโยนที่อคินมีต่อมันตรา และความเชื่อมั่นในตัวอคินที่มันตรามีให้เพิ่มเติมจากฉากจำนวนน้อยที่มีเช่นกัน

ปล. โอยยย นี่คือรายงานวิชาวิเคราะห์สาปอสุราเหรอ เขียนมาได้จริงจังขนาดนี้ เหนื่อยมากกก สิบหน้า กรี๊ดดด! ไม่นับ short note อีกเกือบสิบหน้า และ playlist อีกนะเนี่ยย