Wednesday 25 May 2022

猫猫岛基建指南 // Cat Island Infrastructure Guide

 จากชื่อเรื่องก็ไปไหนไม่รอดแล้วว ฮืออ สร้างเกาะแมวแ ละสร้าง infra ไม่ไหวแล้ววว เป็นคอมโบ้ที่หลอกให้อ่านไม่อ่านไม่ได้มาก! อ่านสักพักแล้ว แต่ว่ามาบันทึกความจำไว้ก่อนด้วย



คนเขียน: 他姜
แนว: เกม, ระบบ, แมว, infrastructure
ความสัมพันธ์: แมว X เงือก
จำนวนตอน: 101ตอน ( 97 ตอนหลัก + 4 ตอนพิเศษ)
ปี: 2019

Yu Ge เป็นเงือกที่ชอบแมวเป็นชีวิตจิตใจ แต่เพราะว่าตัวเองเป็นเงือกอาศัยอยู่ในมหาสมุทร เอาแมวมาเล่น (เลี้ยง) อยู่ในน้ำไม่ได้เลยติดเกมเลี้ยงแมว “มาสร้างเกาะแมวด้วยกันเถอะ หรือ Let's Build Cat Island Together” มาก วันๆ ถ้าไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมหาสมบัติไปว่ายน้ำงมหาของมีค่าที่จมอยู่ในทะเล ก็จะเล่นเกมสร้างเกาะแมวอย่างมีความสุข และติดงอมแงมมาก .... แต่เมื่อเล่นไปจะครบ 10 ปีก็กลายเป็นว่าเกมจะปิดตัว รองหัวหน้าทีมที่เป็นคน (และเป็นคนเริ่มซื้อเกมสร้างเกาะแมวมาให้เล่น) ก็เลยไปตามหาเกมเวอร์ชั่นที่เล่นออฟไลน์ได้คนเดียวมาให้หัวหน้าทีมเล่นต่อ

และก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตอนนี้หลุดเข้ามาในเกมเลี้ยงแมวของจริงแล้ว พอขึ้นมาอยู่บนเกาะแมว ก็เปลี่ยนหางเป็นขาได้แล้ว แต่ว่ามีค่าน้ำทะเลที่ต้องใช้แปลงหางเป็นขา และถ้าหมดก็ต้องไปแช่น้ำทะเลเพื่อเพิ่มค่าใหม่ และเมื่อคน (เงือก? ปลา?) ขึ้นเกาะมา ก็มีประกาศเตือนเหล่าแมวบนเกาะเหมือนกันว่ามีมนุษย์ขึ้นมาบนเกาะแล้วนะ แล้วก็มีทั้งพวกแมวที่ตื่นเต้นว่ามีมนุษย์มาบนเกาะแล้ว กับพวกแมวหลักยังที่ยังนิ่งรออยู่ท่าทีอยู่ว่ามนุษยที่มาเป็นอย่างไร

จริงๆ แล้วแมวบนเกาะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ตามแมวหลักที่ผู้เล่นเกมจะทำสัญญากับแมวได้ พอเรียกว่า lead cat ช่างเหมือนกับเกมจีบหนุ่มมาก แต่ว่านี่คือเกมจีบแมวนั่นเอง เพราะการเลือกเลี้ยงแมวมีผลต่อการเล่นเกมและการวางแผนในเกมต่อไป .. แบ่งเป็นกลุ่มแมวขนเงินที่มีจำนวนสมาชิกน้อย แต่ว่าทุกตัวร่ำรวยเพราะหาสมบัติบนเกาะเก่ง กลุ่มแมวจับปลาที่อาศัยอยู่แถบชายหาดและจับปลาเก่ง กับกลุ่มแมวสามสีที่มีพื้นที่เยอะที่สุด และจำนวนแมวในปกครองเยอะที่สุด แต่ว่ายากจนที่สุด

จริงๆ แล้วระบบอยากให้ Yu Ge ทำสัญญากับแมวขนเงิน เพราะว่าถ้ามีเงิน เงินของแมวก็จะเป็นของผู้เล่น และทำให้มีเงินตั้งตัวและเล่นเกมได้ง่ายและเร็ว แต่ว่าเจ้าตัวไม่สนใจคำแนะนำของระบบเลย เพราะแมวหลักในใจของ Yu Ge ในช่วง 10 ปีที่เล่นกันมาตลอดก็คือแมวสามสีเท่านั้น บอกยังไงก็ไม่ฟัง กลายเป็นโฮสต์ของระบบช่างเอาแต่ใจ ก็จะเอาแมวสามสีตัวเดียว ตัวลีดอื่นไม่สนน จะดีกว่าตอนเริ่มก็ช่าง ชอบตัวนี้เข้าใจไหม?? ถึงขั้นที่กำลังจะไปหาแมวหลักก็ใช้เวลาว่ายน้ำไปจับปลาเก๋าอย่างตั้งใจ แล้วเอาสาหร่ายมัดรวมกันไว้ เพราะรู้ว่าแมวสามสีสุดที่รักชอบปลาเก๋ามาก แค่คิดถึงตอนอ้อนขอปลาก็ใจละลายแล้ว แล้วก็ไปเก็บมะพร้าวมาอีก ถ้ามีเวลาก็อยากหาของขวัญไปฝากเพิ่มมากกว่านี้

แต่ว่าพอไปถึงแล้วผิดคาดกว่าที่คิด เพราะว่าแมวสามสีจำตัวเองไม่ได้จากที่เล่นเกมด้วยกันมาตลอด และที่สำคัญก็กลายเป็นแมวตัวผู้แทนที่จะเป็นแมวตัวเมียอย่างเคยด้วย นั่นก็คือเป็นแมวคนละตัวกันไปแล้ว แต่ความรักแมวสามสีตัวเองก็ไม่ลดลงเลย เลยขอทำสัญญากันแมวสามสีที่ชื่อ Hua Yu เหมือนเดิม ตอนแรกแมวสามสีบอกว่าจะไปทำสัญญากับแมวตัวอื่นก็ได้นะ แต่ว่า Yu Ge บอกว่ามาที่เกาะเพื่อมาหาแมวสามสีเถอะ โอ๋กันไปตลอดเวลา พอหว่านล้อมแมวจะให้ทำสัญญาเสร็จ แมวก็ขู่ว่าถ้าทำสัญญาแล้วไปทำสัญญากับแมวตัวอื่นหรือว่าเปลี่ยนใจไปอยู่กับแมวตัวอื่น แมวจะฆ่ากันให้ตาย พอฟังแล้ว Yu Ge ก็ดีใจที่ปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นเงือกเอาไว้ คิดถึงภาพแมวตอนกินปลา ก็รู้สึกเจ็บหางขึ้นมาทันใด และไม่อยากเป็นอาหารแมวด้วยนะ

ส่วนแมวต่างกลุ่มก็จะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเกาะแมว และดังนั้นคนกับแมว (เงือกกับแมว? ปลากับแมว?) ก็กลายเป็นพันธมิตรสร้างเกาะกัน แอบน่ารักที่เมื่ออยู่บนเกาะจะฟังแมวพูดไม่รู้เรื่อง ได้ยินแต่เสียงเมี้ยวเมี้ยวมี้มี้ แต่ว่าถ้า add friend กันโดยให้แมวเอาอุ้งเท้ามาแตะตรงข้อมือ สองฝั่งก็จะสื่อสารกันได้

ตอนนี้เป้าหมายของทั้งสองชีวิตก็คือสร้างความร่ำรวยแล้วสร้างเกาะแมวให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีติดอันดับโลก และด้วยความที่ Yu Ge เล่นเกมนี้มาจะ 10 ปีแล้ว พอเข้ามาอยู่เกาะก็เหมือนโกงนิดๆ เพราะว่ารู้เรื่องและเชี่ยวชาญเกมอย่างมาก ทำให้รู้ว่าพัฒนาเกาะอย่างไรดีที่สุด และยิ่งพอเปิดโหมดหาสมบัติบนเกาะด้วยก็ยิ่งง่ายเข้าไปใหญ่ เพราะตัวเองเป็นเงือกกัปตันทีมคุมทีมลูกน้องมนุษย์หาสมบัติมาก่อนด้วยชื่อทีม Mermaid Treasure Hunt Team น่ารักดีเหมือนคนกับแมวมาเป็นคู่หูกันสร้างเมือง นั่งสุมหัวกำลังปรึกษาแผนการกันอยู่ตลอดเวลา ... แต่คือความบ้าแมวของคนระดับสิบเช่นเคย คำก็แมวสามสีของฉัน สองคำก็แมวสามสีของฉัน ตัวอื่นไม่ต้องสนใจ แค่แมวตัวเองต้องมีความสุขสบายใจก็พอแล้ว ดูแลใจกันขั้นสุดไม่มีบกพร่อง และแมวก็ขี้หวงมาก จะแอดแมวตัวใหม่เป็นเพื่อนต้องหันไปถามแมวก่อนเสมอ เพราะแมวไม่ยอมให้แอดใครตัวไหนมั่วซั่ว ขนาดพอคิดว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แมวก็บอกว่าจะเป็นล่ามแปลให้ แต่ว่าห้ามแอด ... พอแมวพยักหน้า ถึงจะค่อยแอดได้นะ

ช่วงแรกไม่รู้จะเพิ่มเม็ดเงินให้ตัวเองกับ Hua Yu ได้อย่างไร ก็เลยคิดว่าจะเอาปลามาย่างขาย แล้วก็เพราะแมวบนเกาะไม่เคยกินปลาย่างมาก่อน กิจการปลาย่างก็ขายดีมาก มีเหล่าแมวทั้งในกลุ่มและนอกกลุ่มมาต่อแถวซื้อยาวเหยียด กลายเป็นหลุมดูดเงินแมวที่แมวรู้แต่ก็เต็มใจถูกตก ... ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะเริ่มกินปลาย่างจนเงินร่อยหรอก็ตาม เมี้ยวกันปากต่อปากไปไกลมาก ถึงขั้นที่ Yu Ge ไม่ต้องทำอะไรวันๆ กลายเป็นเครื่องย่างปลาไปแล้ว

แต่ความบ้าแมวไม่มีขอบเขตกินความไปถึงหุ่นยนต์บนเกาะที่มาสร้างบ้านและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทุกตัวบ้าแมวเต็มที่เหมือนกัน ตอนกดสั่งงานก่อสร้าง มีแค่รับเหมาส่วนตัวอาคารเท่านั้น แต่ตอนตรวจรับงานมีของเล่นแมว ที่ปีนแมว ชามข้าวแมวและอื่นๆ โผล่เพิ่มมานอกเหนือคำสั่งเสมอ เพราะเหล่าหุ่นยนต์บ้าแมวสร้างตึกแล้วก็สร้างของให้เหล่าแมวๆ ต่อ ระหว่างรอตรวจรับงานก็อุ้มแมวเล่นอีก และพองานหมดกลับโกดังกันไปก็เหงาเพราะขาดแมวให้เล่น

หุ่นยนต์ที่ได้มาจากระบบก็น่ารักแกมน่าสงสัย ตอนแรกได้หุ่นทำงานดูแลบ้านหนึ่งตัว ทำไร่หนึ่งตัว โดยที่หุ่นมีเงื่อนไขว่าจะต้องให้กินให้อิ่มพอ และต้องได้นอนหลับให้ครบแปดชั่วโมงด้วย ... ภายหลังหุ่นยนต์ทำไร่บอกว่าขอที่ส่วนตัวเพิ่ม อยากมีบ้าน แต่จริงๆ คือเอาไว้สร้างแลบทดลอง ปรากฎว่าตัวอื่นก็ขอที่ดินบ้าง คนนึกในใจว่าน่ารักดี ไม่อยากอยู่บ้านเดียวกันเพราะอยากมีอิสระสินะ แต่จริงๆ คือต่างตัวต่างเร่งทำแลบวิจัยตัวเอง แต่ไปๆ มาๆ หุ่นมีพฤติกรรมน่าสงสัยมาก ยิ่งพอมากัน 4 ตัวก็ยิ่งน่าจับตามอง (และความจริงก็คือหนึ่งตัวเป็นหุ่นยนต์รบเครื่องจักรสังหาร หนึ่งตัวเป็นหุ่นยนต์ผู้ช่วย อีกสองตัวเป็นหุ่นขโมยของที่ความสามารถทางการต่อสู้เต็มที่เหมือนกัน) และที่ซื้อมาได้ในราคาถูกแสนถูก ก็เพราะถึงจะมีความสามารถมาก แต่ว่าแต่ละตัวก่อปัญหาแล้วจะถูกโละทิ้งทั้งสิ้น ย้ำว่าที่ถูกส่งมาปลูกผัก เลี้ยงไก่ ทั้งที่เป็นหุ่นรบหรือเกือบๆ หุ่นรบเดิมคือระบบส่งมารีไซเคิลแล้ว

ตอนที่กลุ่มแมวหาสมบัติเกือบทั้งกลุ่มหายไปในป่า Yu Ge ที่ถูกแมวตัวที่เหลืออยู่ในกลุ่มขอร้องให้ช่วย ก็เลยออกไปตามหากับหุ่นพี่น้องเพื่อไปหาเหล่าแมวหลง พอหุ่นสองตัวเอาเครื่องตรวจจับสิ่งมีชีวิตออกมา Yu Ge ก็งงมากว่าทำไมหุ่นปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ถึงได้มีอุปกรณ์แบบนี้ หุ่นสองตัวก็เหงื่อตกแล้วรีบกลบเกลื่่อนว่าต้องมีเผื่อหาคนที่ลักลอบบุกรุกมาในฟาร์ม เป็นหุ่นยนต์อันตรายภายใต้หน้าซื่อสัตย์ตั้งใจทำงานจริงๆ นะ

เอาทั้งเงือก ทั้งแมว ทั้งหุ่นยนต์มาอยู่รวมกันแบบนี้ แต่จุดหมายปลายทางคือพัฒนาเกาะแมวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับท็อปนะทุกคนน (ทุกตัวว) มาพยายามไปด้วยกัน
.
.
.
เรื่องหลักๆ เป็นการสร้างเกาะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ โดยเน้นการสร้างสิ่งปลูกสร้างในเกาะ แล้วให้นักท่องเที่ยวมาพัก โดยที่นักท่องเที่ยวกลุ่มแรกมาจากละแวกเกาะข้างๆ และก็มาเที่ยวแบบกลัวๆ ตอนเห็นแมวด้วย เพราะแมวที่เกาะชื่อเสียงขึ้นชื่อว่าเป็นแมวโคตรโหด ก่อนหน้าถ้าเจอคนบุกรุกขึ้นเกาะคือไล่กัดไล่ข่วนออกไปอย่างเดียว โดยเฉพาะเหมียวพระเอก Hua Yu แต่ว่าตอนนี้พอ Hua Yu อยู่กับ Yu Ge ก็กลายเป็นสัตว์เลี้ยงไปแล้วชอบกล โดยเฉพาะ Yu Ge ชอบเอาแมวสามสีสุดที่รักอุ้มพาดบ่าเดินไปเดินมาในอยู่เกาะด้วย แล้วเงือกที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่แสนจะบ้าแมวก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกลัวแมวกัน ซึ่งในแง่นึงก็ไม่ใช่แค่ Yu Ge เลี้ยงแมว หรือสร้างเกาะแมวอย่างเดียว แต่ว่าจะเผยแพร่วัฒนธรรมการบ้าแมวไปสู่โลกทั้งโลก ... อย่างเดิมทีเหล่าชาวเกาะข้างๆ ที่กลัวแมวโหดทำร้ายได้ฟังผู้ใหญ่ในเกาะเล่าให้ฟังเสมอว่าแมวแต่ละตัวข่วนเลือดสาด ตะปบผัวะโหดขนาดไหน แต่พอเห็นเหล่าแมวนิ่งๆ แบ๊วๆ ก็พากันใจจะลายแล้ว กลายเป็นสาวกแมวกันหมดในพริบตา ไม่นับคนนอกเกาะที่เลี้ยงแมวกันอยู่เลย แมวบนเกาะทั้งตัวใหญ่กว่า ทั้งฉลาดกว่าแมวบ้านไม่รู้กี่เท่า น่ารักชวนใจละลายไม่รู้จบจริงๆ

และก็สรุปว่าทุกคน เงือกเจ้าของเกาะ หุ่นยนต์ในเกาะ และนักท่องเที่ยวต่างก็เป็นพวกบ้าแมว suck cats/ rub cats/ lick cats กันหมดเลย มีช่วงที่หุ่นยนต์ทะเลาะแย่งแมวกันอีก ชนิดที่ว่าแมวชอบฉันมากกว่าเธอนะ มีแมวมาอยู่กับฉันเป็นสิบ
และตอนพัฒนาเกาะใหม่ๆ ก็ต้องจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว เพราะสิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พักรองรับได้ไม่พอ มีสล็อตสุ่มโควต้าให้นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนไว้ และเมื่อเกาะเป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมก็กลายเป็นแนวคิดสล็อตสุ่มโควต้าก็ยังอยู่เหมือนเดิม เพราะทุกคนต่างแย่งกันจองแย่งกันมาเที่ยว (ซึ่งหลังๆ ก็ถึงขั้นแย่งกันซื้อของที่ระลึก และอาหารประจำเกาะ อย่างปลาแห้งย่างสารพัดรสเหมือนกัน)
พอเริ่มสร้างที่พัก ห้องอาหาร แล้วก็มีสาธารณูปโภคอื่นไปด้วยเรื่อยๆ ตอนที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่จะมีเงื่อนไขว่าต้องมีแมวมาดูแลด้วยเสมอ ให้แมวที่เข้าเกณฑ์เงื่อนไขมาคัดตัว และตอนจะสร้างโรงพยาบาลก็มีเงื่อนไขว่าแมวที่มาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะต้องเป็นมีขนสีขาว เพราะว่าเหมือนกับสีเสื้อกาวน์ และระบบก็ส่งข้อความบอกแมวทุกตัวในเกาะว่าถ้าขนเป็นสีขาวเกิน 80% จะมีสิทธิ์มาคัดเลือกนะ และตัวที่ชนะก็เป็นลูกแมวสีขาวของหัวหน้ากลุ่มแมวตกปลา ก็เลยขอตั้งชื่อโรงพยาบาลว่า Fishing Cat Hospital เป็น Yu Mao ตามกลุ่มของตัวเอง

หลังๆ พอสิ่งปลูกสร้างเยอะขึ้น โดยเฉพาะพวกร้านอาหารและของว่าง มีทั้งซุ้มป๊อปคอร์น และไอศครีม เครื่องดื่ม ร้านปิ้งย่าง ร้านอาหารจีน ร้านติ่มซำ ทุกอย่างที่จะนึกออก และทุกอย่างที่จะหาจากระบบได้ โดยเฉพาะจากการสุ่มแพลนร้านที่ Yu Ge จะต้องให้ Hua Yu เป็นคนเปิดเพื่อให้แน่ใจได้ว่าได้ของดีมา และก็ไปถึงขั้นสร้างสวนสนุกบนเกาะแล้ว ชื่อว่า Leopard Cat Forest Playground ตอนที่เข้าไปเล่นบ้านผีสิงที่ทางเข้าเป็นปากแมวเลือกโชก พอหุ่นยนต์เก็บตั๋วสั่นกระดิ่งก็มีแมววิ่งมาเป็นแมวนำเที่ยวให้นักท่องเที่ยวหนึ่งคนต่อแมวหนึ่งตัว และให้กอดระหว่างเดินได้ถ้ากลัว โดยแมวไม่ต้องการอาหารตอบแทนแต่ว่าขอให้นักท่องเที่ยวกดให้เรตติ้งห้าดาวนะ! ซึ่งนั่นก็เพราะว่าคุณปู่แมวที่เป็นคนดูแลสวนสนุกแมวทำใจไม่ได้ที่แมวทำตัวน่ารักขออาหารนักท่องเที่ยว (ทุกตัวคิดว่าได้กินฟรี แลกกับการทำตัวน่ารักให้นักท่องเที่ยวไม่เป็นไร เพราะว่าตัวเองอิ่ม (ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อข้าวแมวในบ้านพักกินเอง) แถมยังเอาเงินเข้าเกาะแมวได้อีก) แค่คุณปู่แมวมองว่าเป็นการทำลายศักดิ์ศรีแมวบนเกาะ แมวควรมาทำงานอย่างขยันขันแข็ง แล้วเงินที่ได้ไปซื้ออาหารกินเองมากกว่า เกิดระบบ cat companion scoring system ที่แมวจะเป็นเพื่อนให้บนเกาะขึ้นมาและยิ่งแมวได้คะแนนกับเรตติ้งเยอะ สิทธิพิเศษของแมวก็ยิ่งดี

แต่สรุปว่าแมวไม่ได้ทำหน้าที่แค่เป็นตุ๊กตาให้กอดเดินอย่างเดียว ถ้าเจออะไรน่ากลัว แมวในอ้อมกอดก็จะเมี้ยวเตือนล่วงหน้า หรือเอาหางมากันให้กลัวน้อยลง... กลายเป็นสุดท้ายเหล่านักท่องเที่ยวไม่ได้รู้สึกว่าเดินเข้าบ้านผีเหมียวสิงเลย เพราะมัวแต่สนใจการกอดแมว บ้านเหมียวสิงมีอะไรบ้างก็ยังไม่รู้ รู้แต่กอดแมวสนุกและมีความสุขมาก

กัับอีกอย่างที่ชอบก็คือในสวนสนุกมีรถไฟเหาะตีลังกาด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสเกลจะอลังการขนาดไหน กับที่เที่ยวอีกทีก็คือสวนสนุกทรายที่ทุกคนจะเข้ามาแล้วปั้นใช้ความคิดกันอย่างสนุกสนานเต็มที่ด้วย 
แต่อยู่กันไปเรื่อยๆ หนึ่งคน (เงือก) หนึ่งแมว สรุปเพิ่มได้ว่าคนเลี้ยงแมวกับแมวที่ถูกเลี้ยงมีผลประโยชน์ร่วมกันดังนี้ … ถ้าแมวยิ่งตัวใหม่ คนที่กอดแมวก็จะยิ่งมีความสุข แมวที่ถูกลูบตัวมีความสุข คนที่ลูบตัวแมวก็มีความสุขด้วยเหมือนกัน!

It has been proved that the bigger the cat, the happier it is!
.
.
The cat being petted is cool, and so are the people who are petting the cat!

กับเพราะ Yu Ge พัฒนาเกาะจริงจัง ทำโน่นทำนี่ ตัว Hua Yu ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่แมวทำอะไรไม่ได้เลย (แม้ว่าค่า buff ความโชคดีเวลาหาสมบัติของ Hua Yu จะเป็นสิ่งที่ Yu Ge ชอบมาก และมองว่ามีค่า เป็นความสามารถอย่างมากก็ตาม) ในที่สุดก็เลยซื้อกล้องที่ถ่ายวีดีโอได้มาจากระบบ แล้วทำงาน live ถ่ายทอดสดให้คนดูเห็นสภาพเกาะและชีวิตประจำวันบนเกาะ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากระบบที่แอบ live มาก่อนนานแล้ว แล้วกลายเป็นว่ามีคนดูเยอะมาก และก็มีเงินมหาศาลจากค่าโดเนททั้งหลายด้วย แมวก็จริงจังกับการ live มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะรู้สึกภูมิใจมากว่าตัวเองก็ทำงานหารายได้หาเลี้ยงครอบครัวได้นะ หลังๆ ถึงขั้นที่ Yu Ge จะอุ้มไปไหนก็ไม่ยอมไปก็มี บอกว่าตัวเองเป็นแมวต้องทำงานนะ เป็น a cat with career น่ารักมาก และพอได้ร่างคนก็มีการแอบถ่ายรูป Yu Ge ตอนหลับกับตัวเองในร่างแมว และกับตัวเองในร่างคนอีก พอเอาไปลง live แน่นอนว่าแฟนกรีดร้องถล่มทลาย cat con และ face con กันหมด โดยเฉพาะเมื่ออยู่ดีๆ เวอร์ชั่นร่างคนก็โผล่มาแบบไม่มีที่มาที่ไป กลายเป็นหนุ่มหล่อปริศนา ที่มีชื่อเหมือนแมว Hua Yu อีกต่างหาก ... พอแฟนๆ รู้ว่าชื่อเหมือนกัน ทุกคนก็เข้าใจว่านี่คือคนรักของ Yu Ge เจ้าของเกาะ และแมว Hua Yu ก็ได้ชื่อตามคน Hua Yu เหมือกกัน

แต่พอ live แล้วมีคนดูมากๆ ก็เลยต้องเปิดช่องเพิ่มเหมือนกัน เงือกอีกตัวก็ถูกบังคับให้ live ชีวิตใต้น้ำ วันๆ ต้องว่ายน้ำให้คนดูเห็นปลา หอย กุ้ง ปู ปะการังใต้น้ำ และเหล่าคนดูก็ไม่รู้ว่าเป็นเงือกจริง คิดว่าคน live ว่ายน้ำแข็งมาก โดยเฉพาะเมื่อทำหางปลอมมาให้เงือกถอด เวลาขึ้นมาบนบกด้วย
พอเกาะเจริญมากๆ ความเจริญก็ทำให้อัตราการเกิดลูกแมวสูงขึ้น พอ Yu Ge รู้ว่ากำลังจะมีลูกแมวเกิดใหม่อีก 316 ตัวก็อารมณ์ดีมาก นั่งก็หัวเราะ ยืนก็หัวเราะ ขนาดในฝันยังหัวเราะเลย พอสร้างบ้านพักเนิร์ซเซอรีให้เหล่าแม่แมวก็ไปดูแมวทุกวัน วันละเป็นสิบหน แล้วลุ้นว่าลูกแมวจะได้สีขนแบบแม่กับพ่อมาอย่างไร จนกระทั่งช็อคมากที่รู้ว่าลูกแมวจะมีสีขนไม่เหมือนพ่อแม่ คำว่าอะไรนะ ดูตกใจมาก

พอมีลูกแมวเกิดใหม่ ระบบก็แจ้งทั้ง Yu Ge ทั้ง Hua Yu ว่าให้ทั้งคู่ไปอวยพรลูกแมวเกิดใหม่นะ ให้ตั้งใจขอให้ลูกแมวที่เกิดมาสุขภาพดีแข็งแรง แล้วก็ต้องลูบตัวอย่างอ่อนโยน 60 วินาทีอย่างน้อย ถ้าเห็นแสงสีทองขึ้นในแผนที่ก็คือการอวยพรสำเร็จแล้ว และต้องทำใน 1 ชม. หลังคลอดด้วย ถึงขั้นที่สองคนเลยคิดว่าจะไปกินนอนในเนิร์ซเซอรีแมว เพราะว่าช่วงนี้ต้องมีลูกแมวเกิดใหม่ตลอดแน่นอน แต่น่ารักมากว่าลูกแมวที่จะเกิดรู้ความมาก ไม่มีตัวไหนคลอดกลางคืนให้ต้องตื่นมากลางดึกเลย แต่ก็นะ วันแรกขนาด 18 ตัวก็วิ่งไปวุ่นมากันมากแล้ว แล้วก็กลายเป็น 30 ตัว/ชม. แล้ว พอลูกแมวเริ่มโตวิ่งซนก็เลยทำลายเล่นให้ลูกแมว ตอนแรกเป็นพื้นดิน ลูกแมวก็เล่นจนตัวเปื้อนไปหมด เลยต้องเอาพลาสติกมาปู

วันนึงพอ Yu Ge กับ Hua Yu ไปในส่วนลานเล่นลูกแมว เหมือนความฝัน Yu Ge เป็นจริงแล้ว พอไปถึงปุ๊บยังไม่ลงจากรถดีเลย ลูกแมวกว่า 500 ตัวได้ยินเสียงแล้ววิ่งกรูมาเมี้ยวๆ มี้ๆ หา ไม่ต้องเรียกลูกแมวก็เดินตาม ชีวิตดีคล้ายจะวูบเป็นลม อยู่ท่ามกลางทะเลแมว และขนแมว แต่ว่าลูกแมว 500+ ตัวเข้ามาไม่ได้หมด เริ่มทะเลาะกันแล้ว น่ารักที่เพราะมัวแต่เล่นกับลูกแมวจนถูกแมวสามสีงอน ขอให้ช่วยตัวเองออกไปจากทะเลลูกแมว Hua Yu ก็ทำเป็นไม่เห็น จน Yu Ge ต้องขอโทษว่าตัวเองผิดไปแล้ว จะไม่เล่นกับลูกแมวแล้วละเลย Hua Yu อีก

รวมๆ แล้วก็ให้ A นะ ไม่ลบไม่บวก น่ารักดี สรุปได้ว่า “แมวโอ๋ปลา ปลาโอ๋แมว” น่ารักสำหรับคนที่ชอบแมว และสนุกสำหรับคนที่ชอบสร้างเมือง จริงๆ เหมือนยังเขียนต่อได้ ช่วงหลังรวบไปนิด ถ้าเอาจากเขียนสรุปเร่งๆ มาเล่นเรื่องต่อก็ยังอ่านต่อไปได้ โดยเฉพาะตอนที่เหล่าหุ่นยนต์ 4 ตัวพัฒนาต้นถั่วยักษ์กลางเกาะให้กลายเป็นที่เที่ยวกับห้องพักเพิ่ม สูงเสียดฟ้าจนไม่มี wi-fi ไปถึงก็จริง แต่เหมาะกับคนที่ชอบความสงบและชอบวิวท้องฟ้ามาก และก็ยังอยากอ่านต่อ กับรู้สึกว่าปมหุ่นยนต์สองพี่น้องใส่มาคร่าวไปหน่อย ก็รู้ว่าเป็นแค่เรื่องรอง แต่เขียนแล้วลงแบบผ่านๆ ก็เลยรู้สึกค้างอยู่เหมือนกัน คนเขียนมีเรื่องอื่นแนวสร้างเมืองอีก แต่เพราะว่าไม่มีแมวเลยขอดูก่อนนะ แต่ก็ยังอยากอ่านต่ออยู่ดี ชอบวิธีคิด แล้วก็สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้เรื่องสนุก

ตอนพิเศษ 1 น่ารักดี เพราะ Yu Ge เงือกกัปตันทีม Mermaid Treasure Hunt Team ไม่มีอะไรทำ เป็นเงือกไฮเปอร์ที่ลากลูกทีมไปหาสมบัติตลอดเวลา เวลาลูกทีมที่เป็นมนุษย์ขึ้นฝั่งก็จะเร่งให้ไปหาสมบัติด้วยกันอีกทีไวๆ รองหัวหน้าทีมเลยแก้ปัญหาด้วยการซื้อเกมเลี้ยงแมวไปให้เล่น แต่ใครจะรู้ว่าหัวหน้าเงือกจะติดเกมหนักจนหายไปติดต่อไม่ได้เพราะมัวแต่เล่นเกมไม่สนใจอะไรอื่นในโลก

ตอนพิเศษ 2 เงือกกลายเป็นแมว แล้วแมวก็กรีดร้องสงสัยว่าแมวเทาๆ เงินๆ ตัวนี้มาจากไหน ทำไมไม่เคยเห็น

ตอนพิเศษ 3 Yu Ge ทำเกม Let's Build Cat Island Together ออกมากับระบบ แน่นอนว่าพวกบ้าเกาะแมวก็ซื้อไปเล่น โดยที่ถ้าเล่นแล้วมาเกาะแมวก็จะได้ไอเท็มพิเศษเพิ่มเป็นระยะๆ
ตอนพิเศษ 4 เป็นโลก parallel ที่แมว Hua Yu ก็เป็นเงือกเหมือนกัน แถมโตกว่า ตอนนี้เงือก Yu Ge ดูเด็กๆ ผิดกับในตอนหลัก


ปล.
1.
เรื่องนี้หลอกพวกบ้าแมวมาก คำก็แมว สองคำก็แมว เกาะแมว เหรียญแมว ลูกค้าแมว ร้านค้าแมว ธนาคารเหรียญแมว แมวตกปลา ลูกแมว คุณพี่คะ จะหลอกล่อกันไปถึงไหนนะคะ เกาะก็เป็นรูปอุ้งเท้าแมว เงินในเกมก็เรียกว่า cat coin

2.
เพราะช่วงวันเกิดลูกแมว จะเป็นวันเกิดเงือก Yu Ge พอดี ซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ขำที่ห้องแชตที่มีเงือก 2 ตัวอื่นกับ Hua Yu ตั้งชื่อห้องว่า Cat Eat Fish Action Plan Group เป็นห้องคิดแผนการให้แมวได้กินปลา ก่อน Hua Yu จะเปลี่ยนมาเป็น Happy Birthday to Yuge แต่ทำไมมันกลายเป็น Cat Eats Fish อีกรอบก็ไม่รู้

ขำดี I want to have a small fish with him! The kitten is ok!

กับ น่ารักที่บอกว่าอยากลักพาตัวแมวพาลงทะเลไปอยู่ด้วยกัน อาจจะฟังดูแปลก แต่ว่าเป็นวิธีที่เงือกดาวเนปจูนแสดงความรักนะ

เรียก my cat... my cat... มาตลอด พอตกลงปลงใจกัน แมวก็เรียกคน (เงือก) my fish... my fish... บ้างล่ะ 

ตรงนี้น่ารักมาก


3.
ตอนที่ค่าความเจริญเกาะพุ่งสูง แล้วเปิดทางเชื่อมเกาะกับดาวเนปจูนได้น่ารักดี เพราะว่า Yu Ge คิดถึงเพื่อนที่อยู่ในทีมกันมาตลอด ถึงขั้นที่พยายามทำรางวัลชิงโชคแล้วให้เพื่อนตัวเองถูกรางวัลเพื่อมาหาที่เกาะด้วยซ้ำ แล้วพอคนนึงมาแล้วรู้เรื่องก็บอกว่าจะไปบอกคนอื่นให้มาหา Yu Ge ให้หมดด้วย ... ซึ่งระหว่างที่หายไปก็ไม่มีคนรู้เลยว่า Yu Ge ถูกระบบส่งมาอยู่ที่เกาะแมวบนดาวอื่นแล้ว ทุกคนต่างคิดว่าที่หายไปติดต่อไม่ได้ก็เพราะหัวหน้าทีมตัวเองบ้าเล่นเกมสร้างเกาะแมวจนไม่สนใจโลกมากกว่า



thread กรีดในทวิตเตอร์

________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

Friday 20 May 2022

穿到鸟部落后想种田 // I Want to Farm After Crossing to The Bird Tribe

ติดแนว infra + farming โลกบีสต์ออกมาไม่ได้เช่นเดิม! ก็ได้มาจากการเสิร์ชตามหมวดจิ้นเจียงเช่นเคย //อยากเขียนกรีดร้อง แต่รู้ตัวอีกทีเขียนจริงจังมากไปแล้ว เวอร์ชั่นกรีดในทวิตน่าจะดีกว่า กับยาวเว่อร์อีกแล้ว เก็บช่วงกรีดเล็กๆ น้อยๆ ไปอยู่ใน ปล. แล้วกัน



คนเขียน: 月寂烟雨

แนว: โลกบีสต์, ทำฟาร์ม, ก่อสร้าง

ความสัมพันธ์: นักบวช X คนประหลาดในเผ่า (?)

จำนวนตอน: 184 ตอน ( 173 ตอนหลัก  + 11 ตอนพิเศษ) 

ปี: 2021-22

Bai Wu รู้สึกตัวอยู่ในโลกบีสต์ และได้ความทรงจำชาติที่แล้วที่เป็นคนยุคปัจจุบันมา และเมื่อมาอยู่ในโลกบีสต์ เผ่านกของตัวเอง ก็รู้สึกว่าสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้ด้อยมาตรฐานเมื่อเทียบกับชาติก่อน และดังนั้นก็เลยอยากจะเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตของตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้น

เริ่มแรกจากที่ในบ้านทำอาหารแล้วกินไม่ลง ก็เลยคิดว่าจะต้องเริ่มจากหาวัตถุดิบมาทำอาหาร และปรุงให้ได้รสชาติแบบที่ตัวเองพึงใจก่อน ก่อนจะตามมาด้วยการสร้างบ้าน แทนที่จะอยู่ในรังที่เป็นกึ่งๆ กองหินเรียงแล้วมีต้นหญ้าและเศษไม้มาคลุมหลังคาอย่างเดิม ยิ่งพอฝนตกหนักแล้วน้ำรั่ว ความมุ่งมั่นอยากสร้างบ้านดีๆ ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

โดยที่โลกบีสต์นี้มีบีสต์ที่แข็งแรง และครึ่งบีสต์ที่อ่อนแอ และบอบบางกว่า แทนที่จะเป็นเพศหญิงตามปกติ และทั้งสองเพศก็แปลงร่างเป็นสัตว์ได้ มีทั้งร่างคน และร่างสัตว์ตามเผ่าตัวเอง และในครอบครัวของ Bai Wu ก็มี Mo พ่อที่เป็นบีสต์แข็งแกร่ง ไม่ค่อยพูด แต่ว่าจริงจัง และรักครอบครัว Chuan พ่อเล็ก (ไม่รู้จะเรียกอย่างไร ขอแปลเองจากคำจีนบวกบริบทแล้วกัน) ที่อ่อนโยน ใจเย็น และพี่ชาย An ที่ร่าเริง เป็นมิตร เป็นครอบครัวหนึ่งบีสต์และสามครึ่งบีสต์ที่อยู่ด้วยกันอย่างรักใคร่ อบอุ่น

การที่ Bai Wu ลุกขึ้นมาปฎิวัติทุกอย่างตอนแรกก็ถูกครอบครัวสงสัยพอควร แต่ด้วยความที่ตามใจลูกคนเล็กที่อ่อนแอมาตลอด ทุกคนก็ยอมตามใจ และการทำอาหารครั้งแรกก็จบลงที่อาหารอร่อยที่ทุกคนในครอบครัวชื่นชอบ ... ถึงขนาดที่เวลาทำอาหารแต่ละที พ่อ Mo ก็จะให้ลูกชายทำอาหารเผื่อนักบวชในเผ่าอย่าง Nan Yao และบินเอาไปให้ด้วยความภาคภูมิอีกด้วย

และเมื่อในครอบครัวตามใจลูก (และน้อง) และตัว Bai Wu ทำอาหารออกมาได้ดี คำขอที่ดูเอาแต่ใจแต่ละอย่างของ Bai Wu ก็ได้รับความเห็นชอบจากคนในครอบครัวเหมือนกัน แม้จะไม่เข้าใจลูกและน้องตัวเองก็ตามที ไม่ว่าจะเป็นการเก็บพืชรสฉุนจัดจนไม่มีใครกินอย่างต้นหอมมาเสียบปลูกไว้เป็นเครื่องปรุงทำกับข้าวที่ข้างบ้าน การขอเลี้ยงแกะที่จับมาเป็นอาหาร รวมไปถึงการขอร้องให้ได้สิทธิการเผาจานชามจากเตาเผาของเผ่าเร็วขึ้น และเป็นการปั้นจาน ชาม ไหจำนวนมากอีก และแม้แต่การที่เจ้าตัวเอาเถาวัลย์และกิ่งไม้มาสานเพื่อไปดักจับปลามาเป็นอาหารในแต่ละวัน เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ตัว Bai Wu สรรหาเมนูอาหารแปลกใหม่มาทำเลี้ยงคนในครอบครัวทุกวัน และกว่าจะรู้ตัว มาตรฐานอาหารของบ้านก็แซงหน้าคนอื่นๆ ในเผ่าไปแล้ว

ต่อมา ด้วยความที่ฝนตกทำให้น้ำรั่วจนรังเปียกนอนไม่ได้ ตัว Bai Wu ก็อยากสร้างบ้านขึ้นมาแทนรัง แต่อธิบายบ้านไปก็ไม่มีใครเข้าใจ แถมครอบครัวยังคิดไปว่าอยากสร้างบ้านเพราะมีมีบีสต์ที่ชอบแล้วอยากแยกไปอยู่ด้วยอีกต่างหาก ... เจ้าตัวก็เลยตัดสินใจสร้างบ้านคนเดียวไม่พึ่งครอบครัว 

แต่เพราะแนวคิดแปลกๆ ที่ต่างจากคนในเผ่าก็เลยทำให้ Nan Yao นักบวชที่คอยดูแลคนในเผ่าคอยจับตามอง เพราะไม่แน่ใจว่าความคิดแปลกประหลาดของครึ่งบีสต์อย่าง Bai Wu จะเป็นอันตรายกับคนในเผ่าหรือไม่ แต่เพราะความคิดแหวกแนวนี้ก็ทำให้ตัว Nan Yao อยากรู้ และสนใจตัวสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ เริ่มตั้งแต่การใช้ไฟเผาหินริมแม่น้ำให้แตกเป็นก้อนเล็กๆ เพื่อเอามาสร้างบ้านแทนที่จะต้องทุบหินให้แตกอย่างปกติ การเอาทรายมาผสมกับวัตถุหลายๆ อย่างเพื่อสร้าง “กระจก” และกว่าจะรู้ตัว ตัวเองก็มาสังเกตการณ์ และจบที่ลงมือช่วยด้วยอีกแรง จนบ้านที่ Bai Wu สร้างก็เป็นฝีมือของ Nan Yao เกินครึ่งเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อความสามารถทางกายภาพของบีสต์ดีกว่าครึ่งบีสต์บวกกับมือไม้ที่แคล่วคล่องของเจ้าตัว 

ระหว่างนี้ การปลูกผักในพื้นที่รอบๆ ก็มี Nan Yao มาช่วยเช่นเดียวกัน ถึงขั้นที่ว่าหลายอย่างที่ Bai Wu ต้องทำทั้งวันหรือหลายวัน เสร็จลงภายในครึ่งวันและวันเดียวด้วยการช่วยเหลือของ Nan Yao เสมอ 

คนในครอบครัวของ Bai Wu ง่วนอยู่กับการล่าสัตว์ และหาของป่า และเมื่อบอกว่าจะมาช่วย Bai Wu สร้างบ้าน ก็พบว่าบ้านเสร็จแล้ว ... และ Bai Wu ก็ให้ทุกคนย้ายมาอยู่ด้วยกัน 

.

.

.

หลักๆ ช่วงแรกๆ ก็เป็นอย่างนี้ เพราะ Bai Wu รู้สึกแปลกแยกจากคนในเผ่า การย้ายออกมาสร้างบ้านไกลออกไปอยู่บนเนินเขา ก็ทำให้เป็นอิสระจากการติดต่อยุ่งเกี่ยวกับคนในเผ่า (ต้องใช้เวลา 40 นาทีในการบินเดินทาง) แต่ว่าก็กลายเป็นเพื่อนบ้านกับ Nan Yao ไปแทน เพราะท่านนักบวชอาศัยอยู่ติดกันบนยอดเขาสูงขึ้นไป 

จริงๆ ชอบเรื่องมากอย่างหนึ่งก็เพราะ ปกติถ้าเป็นแนวบีสต์ทำฟาร์ม ตัวเอกมักจะเป็นสถานะกึ่งนักบวชหรือนักบวช ขณะที่พระเอกจะเป็นหัวหน้าเผ่าหรือนักรบประจำเผ่าตลอด พอมาเจอนักบวชเป็นพระเอกก็รู้สึกแปลกใหม่มาก โดยเฉพาะเมื่อคิดสภาพนักบวชหรือหมอผีประจำเผ่าที่จะอายุมาก คร่ำครึ ... แต่ว่าตัว Nan Yao ตรงกันข้าม เปิดมา คุณพี่นักบวชเหมือนหมอผีประจำเผ่าทั่วไปที่มีความรู้ทางการแพทย์และพืชสมุนไพร และมีคนในเผ่านับถือเลื่อมใส แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว เหมือน Nan Yao อยู่ในสถานะผู้นำทางจิตวิญญาณและที่ปรึกษาด้านวิชาการของเผ่าด้วย และไม่ใช่แค่เผ่านกของ Bai Wu แต่ว่าเป็นเผ่านกหลักทั้ง 9 เผ่าในพื้นที่รอบๆ ตอนที่บรรยายว่านั่งบดสมุนไพรทำยา หรือต้มยาไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่ แต่มีลาดตระเวนดูแลความปลอดภัยให้กับเผ่านกทั้งหลายด้วยนี่สิ .... ตรงที่บรรยายว่าบินมาเจอ Nan Yao สู้กับจระเข้ด้วยมือเปล่าในร่างคน และฉีกจระเข้เป็นชิ้นได้น่าเกรงขามมาก ยิ่งอ่านไปยิ่งเจอว่าเป็นทั้งบีสต์และนักรบที่แข้งแกร่งที่สุดในเก้าเผ่านกอีก (...)

เปิดมา ตัว Nan Yao ก็เป็นผู้ใหญ่ และมีความน่าเชื่อถือ เลื่อมใส ถึงขั้นที่พ่อ Mo ที่เป็นนักรบแกร่งแข็งและเก่งกาจพอที่จะชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าได้ยังนับถือและให้ความเคารพอย่างมาก และเมื่ออยู่กับ Bai Wu ช่วงแรก ความสูงส่งจับต้องไม่ได้ และการนิ่งเฉย สงบเย็นก็เป็นภาพลักษณ์ประจำตัว Nan Yao เหมือนกัน ... การติดต่อมีปฎิสัมพันธ์กับ Nan Yao ทำให้ตัว Bai Wu  ต้องแข็งเกร็งและกังวลใจเสมอ แต่เพราะ Bai Wu สนใจอยากตามหาอาหารและวัตถุดิบแปลกๆ ความรอบรู้และเข้าใจสภาพแวดล้อมและพืชสัตว์ในพื้นที่ก็ทำให้ Nan Yao เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วย Bai Wu ให้ได้ของตามที่ต้องการ โดยที่ตัว Bai Wu ได้พืชอย่างที่ตัวเองอยากได้ และ Nan Yao ก็ได้รู้จักคุณสมบัติของวัตถุดิบที่ Bai Wu รู้จักเหมือนกัน 

หากเมื่ออยู่ด้วยกันเรื่อยๆ สองคนก็เหมือนเป็นคู่หูหาอาหาร หาของ คนนึงเอาทรัพยากร/แหล่งทรัพยากรมาให้ อีกคนก็แปลงร่างทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ทั้งเป็นอาหาร ทั้งเป็นของใช้ เป็นการเติมเต็มกันโดยที่ Bai Wu รู้สึกว่าตัวเองสามารถจะพูดคุยทุกเรื่องทุกอย่างกับ Nan Yao ได้ ไม่ว่าจะทำอะไร Nan Yao ก็เข้าใจและพูดภาษาเดียวกับตัวเอง และตัว Nan Yao ก็มีเพื่อนคิดและมองเห็นสิ่งที่ต่างออกไปเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อ Bai Wu เป็นคนเดียวที่เข้าหา Nan Yao ที่เป็น Nan Yao และไม่กลัวสถานะนักบวชสูงส่งของ Nan Yao ที่ทำให้เจ้าตัวต้องโดดเดี่ยวมาตลอดเลย ... จากที่เกรงใจท่านนักบวชที่อาสาคอยเป็นแรงงานให้ ตอนนี้คือออกปากใช้งานเป็นธรรมชาติแล้ว อย่างพอได้รากบัวมาก็ใช้ให้ Nan Yao ไปขุดดินสร้างบ่อบัวและให้ผันน้ำมาเป็นบ่อบัวอีก

และนั่นก็ทำให้การหวงคนของ Nan Yao เกิดขึ้นมาภายหน้าหน้านิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ ชัดที่สุดก็ตอนที่บ้านเสร็จแล้ว บ้าน Bai Wu เลี้ยงคนทั้งเผ่าเพื่อขอบคุณที่คอยช่วยเหลือ และพอมีบีสต์ดึง Bai Wu ออกไปเต้นรำ และมีเสียงร้องชื่นชมจากบีสต์โต๊ะข้างๆ ว่า Bai Wu น่ารัก Nan Yao ที่ได้ยินไม่ว่าอะไร แต่ตะโกนเรียก Bai Wu มาหา แล้วพอคุยกันบอกว่าจะชวนไปเก็บของป่าอีก Bai Wu ที่กำลังตื่นเต้นดีใจก็นั่งลงคุยกับ Nan Yao อย่างจริงจัง .. อยู่ในโลกสองคนถึงขั้นที่หัวหน้าเผ่าที่นั่งอยู่ข้างๆ และพยายามชวนสองคนนี้คุยด้วยแทรกเข้ามาไม่ได้เลย

แน่ชัดว่าทุกครั้งที่ Bai Wu จะออกไปเก็บของป่ากับคนอื่นในช่วงหลัง ตัว Nan Yao ที่รู้ก็จะบอกว่าตัวเองมีทำเลที่ดีกว่า และตัว Bai Wu ก็จะเก็บได้คนเดียวโดยไม่ต้องแย่งกับเหล่าครึ่งบีสต์อื่นที่ไปด้วย หรือไม่ก็หลอกล่อหาของและกิจกรรมที่น่าสนใจกว่ามา และสุดท้าย Bai Wu ก็บินไปไหนมาไหนกับ Nan Yao สองคนตลอดเหมือนกัน 

หรือว่าตอนงานเทศกาล Bai Wu ที่ถูกพี่ชายและเพื่อนพี่ชายจับแต่งตัวเต็มยศก็มีคนเข้ามาคุยด้วยตลอด และพอถูก Nan Yao ช่วยออกไปได้ และชมว่าแต่งตัวแบบนี้เหมาะดี (ในแง่ว่าอยากให้แต่งอีก) พอ Bai Wu บ่นว่าอึดอัด และมีแต่คนเดินเข้ามา Nan Yao ก็กลับลำแล้วบอกว่างั้นอยากถอดเครื่องประทับทั้งหลายออกไหม เดี๋ยวจะช่วย ... ไม่นับว่านัดแนะตอนจะกลับบ้านว่าให้กลับด้วยกัน และปฎิเสธเสียงเย็นชากับบีสต์ที่อาสาไปส่ง Bai Wu ที่บ้านอีก 

ทั้งไปเก็บของป่าด้วยกัน ทั้งช่วยกันทำไร่ และรับส่งกันขนาดนี้ พี่ชายก็สังเกตเห็น และเข้าใจไปแล้วว่าสองคนนี้ชอบพอกัน (ถึงแม้ว่าตอนนั้นความรู้สึกยังไม่สุกงอมก็ตามที) และก็น่ารักที่พอ Bai Wu ขอครอบครัวว่าจะเดินทางไปเผ่านกอื่นกับ Nan Yao เพื่อสำรวจและหาของป่าเป็นเวลาหลายวัน พ่อก็ออกปากห้าม ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากให้ไปรบกวนท่านนักบวช แม้ว่าพ่อเล็กจะบอกว่าถ้าอย่างนั้นจะห้ามสองคนนี้คบหากันเหรอ? กลายเป็นว่าทุกคนยกเว้นพ่อ Mo เห็นและเข้าใจ ... และสุดท้ายก็กลายเป็นว่าตัวพ่อที่มองท่านนักบวชอย่างเคารพมาตลอดไม่เคยคิดเลยว่า Nan Yao จะมาชอบลูกตัวเอง กว่าจะรู้ว่ามิตรภาพของสองคนเปลี่ยนไปเป็นความรักก็อีกนาน  

ซึ่งสองคนก็ความรู้สึกช้าด้วยเหมือนกัน (อย่างน้อยก็กับตัว Bai Wu) เพราะไม่ได้มองว่าสัมพันธภาพของตัวเองและ Nan Yao จะไปในทางคนรักเลย รู้แต่ว่าพอมีคนบาดเจ็บมารักษาที่บ้าน Nan Yao ก็รู้สึกอึดอัดว่าไม่ได้อยู่กับ Nan Yao สองคนแล้ว แต่มีคนอื่นมาอยู่ด้วย และพอ Nan Yao หายไปเพื่อเอาคนเจ็บเผ่าอื่นไปส่งคืน เจ้าตัวก็คิดถึง Nan Yao อยู่ตลอดด้วย และพอ Nan Yao กลับมาสิ่งแรกที่ทำก็คือพุ่งไปหา Bai Wu ที่พูดออกมาว่าคิดถึง และ Nan Yao ก็บอกว่ารู้สึกแบบเดียวกัน และที่รีบเอาสองคนไปส่งคืนเผ่าก็เพื่อจะได้อยู่กับ Bai Wu สบายๆ กันสองคนต่อ 

ไม่นับว่าตอนเอาอาหารไปให้ Nan Yao ที่บ้านตอนมีคนบาดเจ็บมารักษาตัวอยู่ด้วย พอ Bai Wu เอาอาหารไปเลี้ยงคนอื่นด้วย ตัว Nan Yao ก็หงุดหงิดอยากอาละวาด แต่พออีกคนมากระซิบว่าใส่เนื้อเค็มตากแห้งให้เป็นพิเศษนะ และใส่ชีสให้เยอะมาก คุณพี่ที่เหลือบไปมองอาหารในจานบีสต์แล้วกลับมามองเนื้อชิ้นยักษ์ในจานตัวเองก็หายโมโหไปได้ ตรงที่คิดว่าอาหารของคนอื่นเป็นแค่ lower-end versionใจร้ายมาก

ชอบที่สองคนรักกันเพราะเริ่มจากเพื่อนและรู้จักเข้าใจอีกคนก่อน เป็นการเติมเต็มกันและกัน ท่านนักบวชตำแหน่งสูงส่งไม่มีใครกล้าเข้าหา อีกคนก็เป็นครึ่งบีสต์ความคิดแปลก และแปลกแยกจากเผ่า พอสองคนมาอยู่ด้วยกันก็รู้ใจเข้าใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ พึ่งพากันและยึดติดอีกฝ่าย เหมือนคบหากันแล้วโดยที่ต่างคนต่างไม่รู้ตัว น่ารักมากตอนที่ Bai Wu เมาแล้วเล่าเรื่องตัวเองให้อีกคนฟังทั้งหมด และสารภาพว่ามีความทรงจำที่เคยอาศัยอยู่โลกอื่น แล้วก็ถามว่าตัว Nan Yao มีความลับอะไรมาบอกบ้างไหม พอ Nan Yao บอกว่านักบวชมีคู่ได้นะ (บอกเป็นนัยมากพี่) Bai Wu ก็ถามกลับว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วปิดกั้นโอกาส Nan Yao จากคนที่มาชอบหรือเปล่า ซึ่งคุณพี่ก็ตอบไปว่า "Besides you, who else can I be a partner with?" Nan Yao glanced at him, "I guess in all my heart, you are my backup partner." ชัดมากว่าไม่ต้องการใครอีกแล้ว แค่ Bai Wu เพียงคนเดียว

หลังจากนั้น Bai Wu ก็คิดหนัก พอคิดว่าถ้าอยู่ด้วยกัน ตัว Bai Wu จะทำให้ Nan Yao ถูกคนอื่นมองไม่ดีหรือเปล่า โดยเฉพาะเมื่อมีคนมาชอบ Nan Yao ก็ตั้งมาก หาก Nan Yao ก็ตอบไปว่า ไม่มีใครที่ชอบตัวเองจริงๆ ทุกคนหลงรักนักบวชที่แต่ละคนคิดว่าเป็น มีแค่ตัวเอกคนเดียวที่รัก Nan Yao ไม่ใช่นักบวช ตรงนี้น่ารักมากกก

ตอนเปิดตัวก็น่ารักเหมือนกัน เพราะว่าสองคนไม่มีใครอยากพูดอะไรเองให้คนอื่นรู้ An ก็เลยอาสาเป็นคนกระจายข่าวกลายๆ ผ่านผองเพื่อนที่มี และข่าวที่ว่าท่านนักบวชกำลังมีความรักแพร่สะบัดไปทั่วเผ่านกทั้ง 9 เผ่าก็ไปเร็วมาก และไกลมาก ถึงขั้นออกไปนอกเผ่านก ไปถึงเผ่าอื่นอื่นอย่างเผ่าสิงโตด้วยแล้ว ซึ่งมีทั้งหลายคนที่ไม่รู้ แล้วก็มีหลายคนที่คิดว่าว่าแล้ว ชัดเจนกันขนาดนี้มาตลอด

พอเปิดตัวแน่นอนว่าคนที่มีปฎิกิริยาที่สุดก็คือพ่อสองคน แต่ตอนค่อยๆ ปรับตัวว่าไม่ใช่ท่านนักบวชผู้สูงส่งแต่ว่าเป็นคนรักลูกชาย และกลายเป็นสมาชิกในครอบครัวน่ารักดี ...แต่สงสารพ่อ Mo นิดนึงที่เหงาว่าถึงเวลาจัดการกับปลาตัวใหญ่ ปกติพ่อ Mo เป็นคนลงมือจัดการ ลูกไม่เรียกให้ไปช่วยแล้ว ให้คนรักทำให้แทน ก็ต้องปรับตัวเข้าหากันไป ตอนที่ Bai Wu แตกตื่นว่า Nan Yao ขานเรียกพ่อ Chuan ตัวเองว่าพ่อเต็มปากเต็มคำน่ารักมาก เพราะพอคิดว่าคนในเผ่าจะได้ยิน Nan Yao เปลี่ยนคำเรียกไปแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าทำหน้าอย่างไรเหมือนกัน แต่คิดอีกแง่คือจากแรงงานเถื่อนหลบๆ ซ่อนๆ ที่ถ้าพ่อรู้จะถูกตำหนิว่าทำไมกล้าใช้งานท่านนักบวชก็กลายเป็นว่าท่านนักบวชกลายเป็นแรงงานชอบธรรมและถูกกฎหมายไปแล้ว มีอะไรก็ยุ่งวุ่นวายกันสองคน (หรือบางทีก็รวมพี่ และทั้งครอบครัว) ชัดว่า Nan Yao ช่างเป็นแรงงานชั้นดีที่ทำงานเร็ว และแรงเยอะ ให้ทำอะไรก็ทำได้ 

อยู่กันสองคนทำโน่นทำนี่กันตลอดเวลาจริงๆ  เห็นดอกกุหลาบป่าก็ไปเก็บดอกไม้มากะมาสกัดเอาน้ำมันไปทำสบู่หอมแล้ว พอคนในบ้านกลับมา คำแรกที่ทักก็คือ ประดิษฐ์อะไรกันอีกแล้ว คือสองคนนี่อยู่ว่างไม่ได้เลย ต้องมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มาทดลองกันตลอด Bai Wu คิด ท่านนักบวชก็ตามใจทำจริงจังไปด้วยกันทุกครั้งไป พอบอกว่าทำสบู่เหมือนเดิม แต่อัพเกรดขึ้นมาเพื่อดูดเงินพ่อค้าเร่เผ่าหงส์ กะทำเป็นสีสันสวยงาม เทพิมพ์แกะสลักรูปดอกกุหลาบ แล้วก็มีกล่องไม้ลายกุหลาบให้ด้วย ไม่นับกล่องลายใบไม้ และลายลูกแกะสำหรับสบู่กลิ่นอื่นอีก ก็ถูกพ่อ Chuan ทักว่าไม่รู้ล่ะว่าฝั่งนั้นเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ก็คือคงดูดเงินจากกระเป๋าคนในเผ่ากันเองก่อนแน่นอน ... ซึ่งก็จริง สบู่ฮิตมาก ไม่ต้องไปไหน แค่กับใน 9 เผ่าก่อน ทุกคนเอาทุกอย่างที่มีในบ้านมาแลกแล้วนะ ครอบครัวนี้ล่ำซ่ำขึ้นเรื่อยๆ เลย ยิ่งหลังๆ ถึงขั้นเปิดร้านขายของในเผ่าอีก

แต่จริงๆ ที่สองคนเข้าคู่กันได้อีกอย่างก็คือขยันมากทั้งคู่ ไม่คิดจะหยุดพักกันเลย คนนึงมีงานในมืออีกคนก็มาช่วยทำ ไม่ใช่แค่สักแต่ว่าเสร็จแต่ว่าช่วยคิดช่วยแก้ไขปัญหาให้ด้วย เป็นคู่รักจอมขยันและวิชาการจริงๆ อย่างออกไปแต่เช้าขุดมันฝรั่งทั้งไร่กลับมา พอ Bai Wu บอกว่าให้ทุกคนพัก จะเข้าครัวไปทำอาหารมาเลี้ยงทั้งครอบครัว Nan Yao ก็เดินตามเข้าครัวไปช่วย กลายเป็นว่าช่วยกันคิดทำโน่นนี่นั่นตลอดเวลา ได้ของอะไรมาใหม่ก็หาวิธีใช้ประโยชน์ หรือมีปัญหาก็พยายามหาเครื่องมือมาอำนวยความสะดวก พอเห็นสองคนสุมหัวกัน ตอนแรกในบ้านก็จะถามว่า คิดจะทำอะไรอีกแล้วเหรอ แต่พอนานๆ ไป ก็กลายเป็นคนเผ่านกทั้งหลายก็รู้ แล้วก็ถามแบบเดียวกันว่า ประดิษฐ์อะไรใหม่อีกแล้วเหรอ และก็กลายเป็นว่าไม่ถามเฉยๆ แต่เสนอตัวอย่างออกนอกหน้าที่จะมาช่วยงาน ไม่ว่าจะทั้งในรูปแบบแรงงาน หรือสิ่งของ โดยไม่สนใจว่าจะทำอะไรกัน เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ทั้งสองคนทำต้องเป็นของดีแน่นอน และการออกตัวช่วยงานก่อนก็ทำให้ได้ความรู้นั้นก่อนใคร

ชอบเรื่องนี้มากอีกอย่างที่ทุกคนมีทัศนคติดีบวกมาก เพราะว่าตัว Bai Wu อยากได้อาหารอร่อย อยู่สบาย และมีความมั่นคงทางอาหาร นอกจากจะไม่ต้องหวาดกลัวว่าจะต้องอดในหน้าหนาว ก็อยากกินอาหารอย่างที่เคยกินในโลกปัจจุบัน และนั่นก็ทำให้เจ้าตัวมุ่งมั่นที่จะตามล่าหาพันธุ์พืชทั้งหลายมาปลูกในพื้นที่ตัวเองและเอามาทำเครื่องปรุงและทำอาหารอย่างที่อยากกิน ก็เลยเป็นว่าทั้งครอบครัว (และ Nan Yao) ก็ต้องมาง่วนช่วย Bai Wu ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ และทำงานอื่นๆ ตามที่ Bai Wu จะคิดได้ด้วย และตัว Bai Wu ก็รู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องมาเหนื่อยกับตัวเอง ทั้งที่ตามมาตรฐานโลกบีสต์แค่ล่าสัตว์หรือเก็บของป่าวันละสองสามชั่วโมงก็พอแล้ว แต่บ้านนี้เวลาที่จะพักผ่อนสบายๆ กลับต้องมาทำงานหนัก แต่พอบอกกับพี่ชายว่าทำให้ทุกคนต้องมาทำงานหนัก ตัวพี่ก็บอกว่า “แล้วบ้านอื่นมีกินแบบบ้านเราไหม ถึงจะทำงานหนักกว่าคนอื่น เราก็กินดีกว่าคนอื่นมาตลอด” ซึ่งตอนนั้น บ้านนี้ก็เป็นบ้านเดียวจากทั้งเผ่าที่มีนมแกะกิน กลายเป็นของฟุ่มเฟือยที่แม้แต่เพื่อนๆ ของ An ก็ยังติดใจ ไม่นับอาหารพิเศษอื่นๆ ทั้งที่เป็นอาหารมื้อหลัก และอาหารมื้อย่อยอีก ทั้งทำชีส โยเกิร์ต เค้กไข่ ชานมไข่มุก แซนด์วิช ฟราย น้ำสลัด ลูกกวาด และอื่นๆ อีกมาก ถึงขั้นที่เวลาเพื่อนพี่ชายมา ก็จะถอนใจแล้วบอกว่าอยากให้ที่บ้านเลี้ยงวัวบ้าง หรือว่าอยากมีแป้งมาทำอาหารแบบบ้าน An บ้าง

กับอีกตอน Bai Wu Nan Yao เอาวัวกลับมาบ้านบอกว่าอยู่คอกในไร่ไม่ไหวเพราะหนาวมาก จะสร้างคอกติดกับครัวให้ พ่อก็ลุกขึ้นมาทันทีบอกว่าจะลงมือสร้างคอกให้เลย แล้วพี่ชายก็บอกว่าจะวิ่งไปช่วยดูหมูกับแกะด้วย ทุกคนน้ำหนึ่งใจเดียวกันอีกแล้ว ไม่มีใครคิดอยู่เฉยหรือดูดายเลย

หรือด้วยความที่อาหารของครอบครัวเป็นที่โด่งดังเลื่องลือในหมู่เผ่านกทั้ง 9 เผ่าหลัก จะเอาไปขายในงานเทศกาลลิสต์ของที่ขายได้ก็มาเป็นสิบเพราะทุกอย่างในบ้านอร่อยหมด มีกัน 5 คนแต่เหมือนเป็นสายผลิตของส่งซุปเปอร์ที่ผลิตได้ทั้งของกินและของใช้ และตอนออกงานทุกคนช่วยกันคนละไม้ละมือมาก หลังจากที่ตั้งแผงแล้วของหมดไปแล้ว 1/3 ทันที พ่อ Mo ก็อาสาบินกลับไปเอาของเพิ่มที่บ้าน ตัว Bai Wu อาศัยความดังส่วนตัวเรียกลูกค้า พี่ชายช่วยพูดโฆษณาขายของ พ่อ Chuan หยิบของในตะกร้าออกมาเรียง มีถ้วยเล็กๆ ให้หยิบลองชิม แล้ว Nan Yao ก็หั่นเป็ดเป็นชิ้นให้ลองชิมต่อ ทำงานเป็นหมู่คณะน่ารักจริงๆ

นอกจากนี้ ทุกคนที่ได้รับความช่วยเหลือจาก Bai Wu และครอบครัว Bai Wu ก็ไม่มีใครที่คิดจะเอาเปรียบได้ความช่วยเหลือและของเปล่าๆ เหมือนกัน ถ้าได้อะไรไป ทุกคนก็จะเอามาตอบแทนในปริมาณที่เยอะกว่าด้วยซ้ำ เพราะให้คำปรึกษา ถ่ายทอดความรู้ให้กับเผ่าอื่นๆ คนจากเผ่าอื่นก็เลยเอาของมาให้ และพอพวก Bai Wu เกรงใจให้กลับไปอีกรอบ ทุกคนที่ให้ของมาก็เปลี่ยนวิธีเป็นเอาอาหารสัตว์มาให้แทน จะได้ไม่ต้องรับของกลับไป น่ารักที่สุดท้ายก็ต้องรับไว้ เพราะไม่งั้นทุกคนจะใช้วิธีเอาหญ้าและฟางไปวางทิ้งให้เงียบๆ ที่หุบเขาเลี้ยงสัตว์ โดยไม่บอกว่าใครเป็นคนเอามา

ชอบอีกอย่างที่ Bai Wu เริ่มจากเป็นคนชายขอบของเผ่า ในแง่ที่ว่าคิดแปลก เห็นแปลก และเข้ากับใครไม่ได้ ทุกอย่างที่ทำก็เพราะอยากให้ตัวเองอยู่สุขสบายเท่านั้น แต่ก็กลายเป็นว่าช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเผ่าตัวเองไปโดยปริยาย เพราะว่ารู้สึกว่าใส่หนังสัตว์แล้วร้อน ขึ้นผื่นแดงก็คิดอยากเอาทอผ้าเพื่อจะเครื่องนุ่งห่มที่สบายขึ้น และเพราะออกแบบมาดี ใส่แล้วสบายและดูดี พี่ชายที่ลองใส่ก็ตื่นเต้นเอาไปอวดเพื่อนเหมือนกัน และกว่าจะรู้ตัว เหล่าครึ่งบีสต์เกือบทั้งเผ่าก็ได้ลองชุดกันหมดแล้ว กลายเป็นทุกคนลุกขึ้นมาทอผ้าแล้วตัดเย็บเสื้อผ้าที่อิงมาจากชุดของ Bai Wu กัน และเพราะมีคนบ่นว่าอยากได้สีสันแทนที่จะเป็นสีเนื้อผ้าเลย Bai Wu ก็หาลูกไม้มาช่วยทุกคนย้อมผ้าเป็นสีๆ ได้สมใจ .... กลายเป็นที่นิยมในเผ่ามากถึงขั้นที่เผ่านกรอบนอกก็สนใจ ถึงขั้นที่ Nan Yao (ในตอนที่ยังไม่สนิทกัน) ต้องมาเป็นคนกลางเพื่อเจรจาให้ Bai Wu ช่วยสอนหัวหน้าเผ่าอีก 8 เผ่าทอผ้าและย้อมผ้าแลกกับหนังสัตว์ที่ทางโน้นจะให้ตอบแทนค่าความรู้ด้วย 

และเพราะความรู้ทางสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ก็ทำให้ Bai Wu เป็นที่รู้จักและนับถือมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนแรกที่ Bai Wu สร้างบ้าน ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาด แต่เพราะมาเห็นกับตาว่าอยู่สบาย ทุกคนในเผ่าก็เริ่มอยากมีบ้านแบบ Bai Wu บ้าง ซึ่งเมื่อตัว Bai Wu เริ่มติดต่อกับเผ่านกอื่น และเผ่าสัตว์อื่น ชื่อเสียงของบ้านก็ไปก่อนตัวแล้ว ทุกคนเคยได้ยินและรู้ว่า Bai Wu มีบ้านที่สวยงามและพิเศษกว่าใครก่อนเจอตัว Bai Wu อีก ... และในฐานะที่เป็นเจ้าของวิทยาการ ทุกคนก็เข้ามาหาตัว Bai Wu เพื่อขอความรู้และคำปรึกษาเหมือนกัน 

และเพราะตัว Bai Wu เดินทางไปไหนมาไหนกับ Nan Yao อยู่เสมอ เมื่อ Nan Yao เจอปัญหา ก็มี Bai Wu คอยช่วยเหลือและให้ปรึกษาที่ต่างไปจากมุมมองของ Nan Yao เหมือนกัน ... ในตอนแรกหัวหน้าเผ่าและคนที่ได้ยินก็หันไปหา Nan Yao ทุกครั้ง และคำตอบของ Nan Yao ก็คือ “ให้ทำตาม Bai Wu บอก” จนพอผ่านไปนานๆ ความศรัทธาและความนับถือที่มีต่อ Bai Wu ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าที่ Nan Yao ได้รับเหมือนกัน ถึงขั้นที่มีคำเรียก 大 นำหน้าชื่อที่เหมือนกับ Elder ... ถึงขั้นที่พอ Nan Yao ต้องไปอวยพรให้ไข่ (เด็กๆ ที่ยังไม่ฟักออกจากไข่) ในเผ่า ตัว Bai Wu ก็ถูกคาดหวังว่าจะให้เขียนคำอวยพรต่อจาก Nan Yao ด้วย และหลังจากนั้น หัวหน้าเผ่าก็มาหา Bai Wu บอกว่าให้ช่วยฝากดูแลไข่ในเผ่าให้ด้วย เพราะพ่อแม่เด็กหวังว่าถ้าอยู่กับนักปราชญ์อย่าง Bai Wu กับนักบวชอย่าง Nan Yao เด็กๆ ที่ได้ยินได้ฟังสองคนนี้คุยกัน ก็จะออกมาก็จะฉลาดและรอบรู้เหมือนสองคนด้วย และพอเผ่านกอีก 8 เผ่ารู้ ทุกคนก็หอบไข่มาให้ตัว Bai Wu ช่วยเลี้ยงเหมือนกัน 

กลายเป็นสถานะขึ้นมาเสมอกันกับ Nan Yao ในที่สุด คนหนึ่งเป็นนักบวช คนหนึ่งเป็นนักปราชญ์อยู่ด้วยกัน ... ตอนที่พี่ชายปลื้มว่าน้องตัวเองมีคำนำหน้าว่า 大 โดยที่ไม่คิดอิจฉาหรือคัดค้านอะไร และในเผ่าเองก็ดีใจและปลื้มใจด้วยว่าคนในเผ่าได้รับการเคารพจากเผ่านกๆ อื่นด้วย  

ในแง่หนึ่งการที่ทั้ง 9 เผ่าเคารพและเชื่อถือ Nan Yao กับ Bai Wu ก็ทำให้เผ่านกในปกครองของ Nan Yao จากที่เคยอยู่ห่างๆ เป็นแค่เพื่อนบ้านกัน กลายมาเป็นพันธมิตรกันไปด้วย เพราะเมื่อมีอะไร สองคนก็จะเรียกทั้ง 9 เผ่ามาคุยและหารือ โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญหาอะไรก็จะช่วยกันแก้ และเมื่อมีสิ่งประดิษฐ์อะไรใหม่ทุกคนก็จะช่วยกันลงมือสร้าง ทั้งแบ่งปันสิ่งของและช่วยเหลือกันโดยมีทั้งสองเป็นศูนย์กลางและกาวยึดประสานทุกคน ไม่ใช่แค่ bird tribe ต่างคนต่างอยู่ 9 เผ่า แต่กลายเป็น bird clan ที่รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว

กับการดำเนินเรื่องไม่เกินจริง เรื่องนี้ไม่มีระบบ และไม่มีความทะเยอะทะยาน เป็นแค่ความปรารถนาของ Bai Wu ที่จะอยู่สบายเท่านั้น อยากแค่กินอิ่มนอนอุ่น แต่เพราะความอยู่สบายของ Bai Wu ชัดและแตกต่างจากคนอื่นมาก ทำให้ทุกคนต้องการที่จะได้ความสบายอย่าง Bai Wu และครอบครัวด้วยเหมือนกัน และการคิดที่จะสร้างสิ่งต่างๆ ของเจ้าตัวก็เกิดขึ้นอย่างกระทันหันและเป็นธรรมชาติ อย่างเช่นหนังสัตว์ใส่แล้วไม่สบายอยากได้ผ้า อาบน้ำแล้วรู้สึกตัวไม่สะอาดก็คิดสบู่ขึ้นมาใช้ เห็นหมาป่าที่ที่บ้านเลี้ยงไว้ตัวใหญ่ ก็คิดจะทำลากเลื่อนขึ้นมาให้สองตัวช่วยกันลาก เกิดเป็นเลื่อนตามสถานการณ์ตรงหน้า เป็นเรื่อง slices of life ที่ไปเรื่อยๆ สบายๆ หากแต่เห็นความแตกต่างในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของทั้งครอบครัวและทั้งเก้าเผ่าเมื่อเวลาผ่านไป และสภาพสังคมก็เปลี่ยนจากนักล่าและหาของป่าเป็นการทำกสิกรรมด้วย

ชอบตัว Nan Yao อีกอย่างที่จริงจังและเข้มงวดกับหน้าที่ของตัวเองมาก อย่างที่วันที่หิมะตกหนักโดยไม่มีสัญญาณเตือนบ่วงหน้า แทนที่จะอยู่ในบ้านอบอุ่นสบายก็ฝ่าพายุหิมะไปดูคนในเผ่า อย่างที่หนังสือบรรยายว่า การที่ Nan Yao ได้รับความเคารพอย่างสูงไม่ใช่เพราะตัวตนในฐานะนักบวช แต่เป็นเพราะการกระทำของ Nan Yao เอง และน่ารักที่เพราะสองคนเตือนให้ทั้งเก้าเผ่ารับมือกับหน้าหนาวที่จะมาเร็วและรุนแรงกว่าปีอื่นอยู่ตลอด ก็กลายเป็นทุกคนในเก้าเผ่าช่วยกันเตรียมตัวรับมือ โดยเฉพาะการทำไร่นาตามแบบ Bai Wu การเก็บตุนขนสัตว์ ถ่าน ฟืน โดยเฉพาะพวกที่สร้างบ้าน และโดยเฉพาะสร้างเตาเตียงตามแบบทั้งสองคน และสุดท้ายหน้าหนาวก็ผ่านไปโดยไม่มีคนอดตายหรือหนาวตายเลย วิกฤตที่ดูน่ากลัวตอนแรกก็คลี่คลายไปง่ายกว่าที่กังวลไว้เยอะ

สารภาพว่าตอนแรกกะข้ามเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะว่าชอบอ่านเรื่องบีสต์ตระกูลเสือสิงโตมากกว่า เห็นเป็นนกก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไร ยิ่งเห็นปกเห็นคำโปรยก็ไม่แน่ใจด้วย ซึ่งสุดท้ายก็พิสูจน์ให้เห็นอีกหนว่าชื่อเรื่อง ปก และคำโปรยใดๆ ในจิ้นเจียงเชื่อถือไม่ได้เลย จะอาศัยแรงค์ก็ลำบากอีก เพราะเป็นแนวเฉพาะ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับที่ลองอ่านเองจริงๆ และก็ดีใจที่ลองอ่านแล้วได้อ่านจริงจังนะคะ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้ A++ ไปอีกเรื่อง ตอนนี้ติด Top 3 อยู่กับ 带着游戏面板穿越原始 // Crossing to the Primitive กับ 位面交易之原始世界 // The Primitive World of Planar Trading อีกเรื่อง แล้วก็เป็น Top 3 ในแง่ที่เกือบจะคะแนนเท่ากันด้วย เพราะจุดดีจุดแข็งแต่ละเรื่องต่างกันไปเลย (แม้ว่าเรื่องแรกจะชนะกว่าใครเพื่อนก็ตาม)

กับดีใจที่ช่วงนี้เจอแนวสร้างเผ่าที่สนุกเกือบหมด แล้วคนเขียนเรื่องนี้ก็เป็นสายเขียนแนวทำฟาร์มสร้างเผ่าด้วยก็จะตะลุยอ่านไปทีละเรื่องนะคะ ตอนนี้อ่าน 兽世种江山 // The World of Beasts Breeds the Country อยู่ ชอบเวลาอ่านเรื่องคนเขียนคนเดียวกันแล้วเห็นสูตรตามตัวของคนเขียนมาก 


ปล.

1. Nan Yao เป็นผู้ชายหน้านิ่ง .... ที่ช่วงหลังเริ่มไม่นิ่งแล้วเท่าไหร่ แต่ที่เหมือนเดิมคือ with a smile in his eyes น่ารักก หรือฉันจะแพ้แนวนี้มากกว่า large dog นะคะ แต่หลังๆ สองคน tacit understanding ตลอดเวลา มองตาก็รู้ใจใช่ไหมคุณๆ

ตอนที่ Bai Wu เล่นกับหมาป่าสองตัว แล้วลูบตัวบอกว่าขนนิ่ม จับหูหมาพับเล่น หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวจน Nan Yao หันมามอง แล้วบอกว่าตัวเองในร่างบีสต์นกก็ขนนิ่มกว่าอีกนะ ดูเป็นพวกขี้อิจฉาแบบงงๆ มาก ผิดภาพนักบวชเคร่งขรึมแบบที่โผล่มาในตอนแรกเลย ตอนที่ไปทะเล แล้วเจอปลาหมึกที่ไม่เคยมาก่อน แล้ว Bai Wu ตื่นเต้นอยากกิน จน Nan Yao มองหน้า Bai Wu สลับกับการจ้องปลาหมึก ในแง่ว่าสัตว์หน้าตาแบบนี้กินได้ด้วยเหรอ ทำไมดูอยากกินก็ขำดี 

ช่วงแรกๆ ยังไม่สนิทกัน เวลาคุณพี่ Nan Yao มาช่วยหรือให้ของ ทาง Bai Wu ที่เกรงใจก็พยายามเอาของที่มี กับอาหารไปตอบแทนเหมือนกัน แต่ว่าทางนั้นก็มักจะไม่ยอมรับ ด้วยประโยคว่า ไม่จำเป็น ให้เก็บไว้เอง แต่พออยู่ด้วยกัน พอจะไปจับปูบ้าง ปลาบ้าง คุณพี่ไม่เคยออกปากว่าตัวเองอยากกินนะ แต่ว่าเห็นได้ว่าความเร็วในการจับสัตว์เวลาอีกคนบอกว่าจะเอาไปทำอาหารอะไรกินตอนเย็นเพิ่มมากขึ้นตลอดเวลา กับถ้ามาดูตอนกิน จะพบว่าท่าสวยสง่างาม แต่ว่าสปีดในการคีบตะเกียบ ตักของเข้าปากก็เร็วชนะเลิศด้วยเถอะ

มีอยู่ตอนนึง Bai Wu จ้องเครื่องประดับจากพ่อค้าเร่เผ่าหงส์เขม็งมาก Nan Yao เลยบอกว่าถ้าชอบเครื่องประดับจะเอาของมาแลกไหม แต่ว่าคนฟังเป็นพวก utilitarian ที่ตอบกลับไปว่าที่จ้องเครื่องประทับ เพราะคิดว่าในอนาคตเราน่าจะทำเครื่องประดับแบบนี้แล้วเอาไปขายกันได้ รับรองว่าฝีมือและการออกแบบดีกว่าที่เห็นกันอยู่อีกนะ และ Nan Yao ก็พยักหน้าเห็นด้วย เค้าก็เข้ากันได้ในแบบของเค้าเนาะ

เวลาสองคนปรึกษากันก็ถกลงประเด็นลึกชนิดที่หัวหน้าเผ่าอื่นมาฟังแล้วก็งงเหมือนกัน พูดอะไรกัน ศัพท์ยาก ประเด็นงง แถมที่สำคัญยังมีภาษากายที่รู้กันสองคนเพิ่มอีก ถ้าไม่ใช่ Nan Yao ก็ไม่มีใครเข้าใจ Bai Wu ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ Bai Wu ตัว Nan Yao ก็ไม่สนใจใครเหมือนกัน

ก่อนจะมาเป็นสมาชิกในบ้านอย่างชอบธรรม ก็คิดไปก่อนนานแล้วว่าสมาชิกในบ้านมี 5 คน เพราะท่านนักบวชเริ่มมาอยู่สิงด้วยเรื่อยๆ เป็นระยะๆ แล้ว ตอนที่ทั้งครอบครัวเดินไปที่เลือกหมูเพื่อเอามากินแล้วให้ช่วยโหวตขำมาก เพราะว่าพี่ชายเลือกตัว พ่อ Chuan เลือกอีกตัว แล้วตัว Bai Wu เข้าข้างพี่ ตัวพ่อ Mo เข้าข้างพ่อเล็ก สุดท้าย สมาชิกคนที่ห้าอย่าง Nan Yao ก็ต้องเป็นคนโหวตปิดเลือกตัวหมูที่อ้วนสุดและโตสุดมากิน และเจ้าตัวก็เข้าข้าง Bai Wu และทำให้พ่อ Mo มองว่า Nan Yao เลือกแบบโกงเข้าข้าง Bai Wu

ตอนที่ยังไม่สนิทกันมาก แล้วบ้าน Bai Wu บอกว่าจะเลี้ยงทั้งเผ่า ตัว Nan Yao ที่กลัวว่าอาหารจะไม่พอ ก็ไปจับจระเข้มาเป็นเนื้อเพิ่มให้ ตอนบอก Bai Wu ก่อนหน้าไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่พอกลับบ้านไปแล้วพี่ชายบอกว่าท่านนักบวชเอาจระเข้มาให้ดูอลังการดี เพราะจระเข้ยักษ์ตัวใหญ่สี่หน้าเมตรขวางเต็มหน้าบ้าน และก็ดูเป็นสัตว์ร้ายอันตรายจน Bai Wu ต้องระวังจนพี่บอกว่า Nan Yao ถอนฟันจระเข้ออกไปหมดแล้วนั่นแหละ 

ชอบประโยคนี้มาก 

“The priest gives you a crocodile!”

ก่อนเปิดตัว ด้วยความที่ท่านนักบวชไม่สุงสิงกับใครก็ไม่มีใครรู้เลยว่าจริงๆ แล้วมาหมกตัวตัวติดอยู่กับ Bai Wu แถมยังเป็นแรงงานชั้นดีที่ทำงานอย่างตั้งใจ รวดเร็ว และที่สำคัญสมัครใจทำอีกต่างหาก (ชนิดที่หลายครั้งถ้าบินมาเจอ Bai Wu ทำงานวุ่นวายอยู่คนเดียวก็จะบ่นว่าทำไมไม่เรียกมาช่วยด้วยซ้ำ) อย่างตอนที่เลี้ยงตอบแทนคนในเผ่าที่คอยช่วย พอคุณพี่ Nan Yao มา แล้วอาสาผสมถูก Bai Wu ใช้ให้ถือโหลน้ำจิ้มออกไปข้างนอก พ่อ Mo ก็มาบ่นว่าใช้งานนักบวชได้อย่างไร ไม่ได้รู้เลยว่านี่คือแรงงานหลักตอนสร้างบ้าน แล้วแรงงานหลักก็ไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะ มีสถานะสูงกว่าหัวหน้าเผ่าอีก 

หรือตอนทำเค้กแล้ว พ่อ Chuan กลับมาบ้าน เจอสองพี่น้องนั่งยองๆ เกาะหน้าเตาอบน้ำลายสออยู่ เห็นว่าท่านนักบวชถูกใช้แรงงาน ทำงานอยู่คนเดียว ก็ดุว่าทำไมกล้าใช้ท่านนักบวช พอ Bai Wu บอกว่าไม่เป็นไร คนกันเอง ให้ Nan Yao ทำต่อ แล้ว พ่อ Chuan นั่งพักเถอะ ก็เจอ พ่อ Chuan ทำตาขวางใส่ แต่คือไม่ได้รับรู้เลย เพราะกำลังหมกมุ่นกับเค้กที่อบอยู่ สงสารใครดี

แต่ทุกครั้งที่พ่อสองคนมาเห็น Nan Yao สร้างอะไรปลูกอะไรกับ Bai Wu หลายครั้ง เจ้าตัวก็จะมีข้ออ้างว่าท่านนักบวช (เรียกชื่อ Nan Yao สนิทสนม และลามปาม (?) ต่อหน้าพ่อๆ ไม่ได้ เคยเรียกแล้วถูกพ่อดุรุนแรงไปแล้ว) มามีส่วนร่วมแรงงานด้วยเพื่อให้มีส่วนเสบียงอาหารของตัวเอง และก็เป็นข้ออ้างในการทำอาหารเผื่อ Nan Yao หรือเรียก Nan Yao มาร่วมโต๊ะด้วยเหมือนกัน จากเดิมที่พ่อ Mo กระตือรือล้นในการเอาอาหารอร่อยให้ท่านนักบวช กลายเป็น Bai Wu เป็นคนที่กระตือรือล้นยิ่งกว่าไปแล้ว จนพี่ชายบ่นนั่นแหละว่าทำไมไม่อ้างมา Nan Yao มาอยู่ด้วย เพื่อศึกษาเก็บเกี่ยวความรู้จากสิ่งที่ Bai Wu ทำไปสอนคนในเผ่าล่ะ 


2. พี่ชายก็เหมือนกัน ขานี้เวลาน้องชายทำอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ มา ถ้าเป็นเครื่องปรุงไม่คุ้น หรือได้กินอาหารแปลกๆ ก่อนสุกก็จะกรีดร้องก่อนว่ากินได้หรือเปล่า ตัวเองไม่กินหรอกนะ แต่ว่าเวลาน้องทำแล้วอร่อย สุดท้ายก็จะมีประโยคติดปากว่านี่เป็นอาหารโปรดตัวเองแล้วนะ คราวหน้าให้ทำอีกเยอะๆ ด้วย แล้วอาหารโปรดก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เหมือนกัน หลังๆ เวลาน้องบอกว่าจะทำอะไรก็จะไม่พูดมากแล้ว แต่จะถามว่า วันนี้จะทำอะไร ให้เตรียมอะไรให้บ้าง หรือว่าถ้าเป็นอาหารที่เคยทำแล้ว เวลาน้องกลับมาก็จะบอกว่าเตรียมเครื่องปรุงให้หมดแล้วนะ ลงมือผัด (หรือต้ม นึ่ง ทอด แล้วแต่กรณี) ได้เลย กับเวลาออกไปนอกบ้านแล้วกลับมา ถ้าน้องอยู่ในครัวก็จะพุ่งเข้ามาบอกว่าหอมจัง ทำอะไรกินได้ หรือยังตลอดเวลา เป็นพวกร่าเริง ไม่คิดมากจริงๆ 


3. พ่อ Mo เป็นพวกเงียบมาก ถึงขั้นที่ลืมไปแล้วว่าคุณพ่อ Mo แข็งแกร่งมากถึงขั้นสามารถเป็นตัวแทนคัดเลือกเป็นหัวหน้าเผ่าได้ เพราะที่ผ่านมาบทน้อยมาก และเงียบมาก เห็นก็แต่ตอนที่อาสาช่วยลูกทำงาน ไม่ก็ตื่นเช้าเลี้ยงวัวแกะหมูเป็ด รดน้ำต้นไม้ ล่าสัตว์อยู่ ... กับตอนที่ชอบเนื้อที่ทอด น่ารักที่ตอนแรกเห็นเนื้อสเต็กที่ผ่านการหมักแบบบังเอิญก็ถาม Bai Wu ว่ากินได้เหรอ บ้านเราของกินเยอะ ถ้าเนื้อเสียก็เอาไปทิ้งเถอะ ไม่ต้องเสียดายกิน แต่พอเข้าปาก กลายเป็นหมดก่อน แถมยังอยากเติมอีก แค่นั้นจริงๆ บทพูดยิ่งแทบไม่มี

กับครั้งแรกที่สร้างบ้านเสร็จ และ Bai Wu พาไปดูบ้านเพื่อให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เจ้าตัวก็คิดจะปฎิเสธ เพราะบอกว่าไม่มีพ่อที่ไหนให้ลูกสร้างบ้านใหม่ให้หรอกนะ มีแต่พ่อต่างหากที่ต้องสร้างบ้านให้ลูกอยู่ แต่พอตัว An โน้มน้าวว่าให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพราะบ้านอยู่สบายมาก กับพ่อ Chuan บอกว่าลูกอุตส่าห์สร้างให้ จะได้อยู่ด้วยกันทั้งครอบครัวก็ขัดทุกคนไม่ได้ ทุกคนไปเก็บของแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน แล้วพ่อ Mo ที่มาแบบเขินๆ ขัดๆ ก็ชอบบ้านใหม่มากอีกต่างหาก (ทุกคนชอบ)


4. ตลกเผ่าเสือดำมาก ตอนมีเทศกาลแลกเปลี่ยนของกัน พอมาเจอซุ้มขายของบ้านนี้ สบู่ก็ไม่เอา ผ้าย้อมก็ไม่เอา แต่ที่อยากได้คือของกินล้วนๆ เป็ดในซอสก็ดี เนื้อหยองก็อร่อย บะจ่างก็ชอบ แลกของกันเหมือนทั้งขายทั้งแจกเพราะว่า Bai Wu ชอบลูกเสือดำในเผ่ามาก (อีกแล้ว) อะไรก็ขายอะไรก็ให้ อยู่กันในครอบครัว 5 คน แต่เหมือนรวยกว่าทั้งเผ่ารวมกันอีกนะ 

และวันต่อมา เผ่าเสือดำก็มาขอซื้ออาหารอีกแล้ว น่ารักจริงๆ เมื่อวานก่อนกลับก็ย้ำนักย้ำหนาว่าจะมาอีก ให้เตรียมของกินไว้แลกเยอะๆ นะ แล้วของที่เอามาแลกก็คือเนื้อที่กลับไปล่ามาเมื่อคืนเพื่อการนี้เลย เพราะว่าของที่มีแลกหมดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว จริงจังมาก เหล่าเสือทั้งหลายย น่ารักดีนะ


5. ตอนที่กำลังหวานกันอยู่กลางไร่ แล้วพอ Bai Wu เห็นว่ามีนกบินมากินข้าวสาลีที่ตัวเองเพิ่งหว่านไปขำดี เพราะเปลี่ยนโหมดเป็นอาละวาดไล่นกที่มากินภายในช่วงไม่ถึงประโยค ชนิดที่ว่า “แหม Nan Yao พูดอะไร .. อ๊ะ ตัวบ้าอะไรมากินข้าวบ้านเรา!!” แล้วเปลี่ยนร่างเป็นนกไปไล่ขำมาก โดยเฉพาะที่บรรยายว่า as aggressive as fighting jet สุดท้าย Nan Yao ก็ต้องแปลงร่างเป็นนกมาช่วยไล่อีกคน


6. ตอนเผ่านกแปลงร่างแล้วบรรยายว่าโดยรองเท้าไปที่ตระกร้าด้านหลัง แล้วผ้าขนสัตว์ก็ขึ้นมาที่คอกลายเป็นผ้าพันคอจินตนาการเห็นภาพ+แปลกใหม่ดีนะ 


7. ตอน Nan Yao เปิดตัวว่ารักกับ Bai Wu ก็คิดว่าสร้างบ้านแล้วก็เตรียมของสร้างบ้านโดยที่ตัว Bai Wu ไม่ได้รู้เรื่องเลย มารู้ตอนจะลงมือสร้างด้วยซ้ำ แล้วพอวันจะลงมือสร้างจริง กลายเป็นคนจากทั้ง 9 เผ่ามากันหมด ดูเหมือนปรารถนาดี แต่จริงๆ คือมาชิมลางด้วยว่าถ้าจะสร้างบ้านตัวเองต้องทำอย่างไร เหมือนเป็น technical workshop ที่สุดท้ายมากันกว่า 100 คนแล้ว กลายเป็นไม่ถึงอาทิตย์บ้านก็เสร็จเรียบร้อย เพราะแรงงานเยอะมาก คนฉาบก็ฉาบ ทาน้ำมันเสาก็ทาไป กระตือรือล้นกันมาก


8. ตอนที่ Bai Wu Nan Yao อยู่ด้วยกันสองคนในบ้านครอบครัวแล้วทำเตียงพังจนตกลงใจเปลี่ยนเป็นเตียงเตาน่ารักดี เริ่มมาจากเหตุผลที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าเล่นกันจนทำเตียงพัง ... หนีกลับมาบ้าน Nan Yao เพราะอายคนในบ้าน แต่กลายเป็นสองคนช่วยกันออกแบบและสร้างเตียงเตาแทน ง่วนอยู่ 2-3 วัน พอกลับบ้านไป ถูกพ่อ Chuan โกรธจนพูดประชดใส่ แต่พอสองคนบอกว่าไปสร้างเตียงกันอยู่ และอยากให้คนในบ้านไปดูว่าจะสร้างบ้างไหม เพราะทั้งมั่นคง และอุ่นสบาย โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่กำลังมาถึง พ่อสองคนก็หายโกรธ แล้วกลายเป็นจะลงมือและหาของเพื่อสร้างเตียงบ้างทันที จากตอนโผล่กลับไปที่บ้านหลังจากหายหัว (คงคำพ่อ Chuan) กลายเป็นพ่อ Mo ตบไหล่ว่าเหนื่อยมากแล้ว พักก่อนเถอะ นี่คือหน้ามือหลังมือจริงๆ นะ พ่อ Mo ไม่ค่อยพูด เป็นแนวเงียบๆ จริงจัง แต่โอ๋ลูกพอกัน … และหลังจากนั้น คนในเผ่าก็ทำตามอีกแล้ว trendsetter จากนักบวชและนักปราชญ์นะคะ


9. พออยู่ด้วยกัน จากที่อ่อนแอมาก ตอนนี้ถึงขั้นไปล่ากวางด้วยกันได้แล้ว พอถามว่าเทียบกับบีสต์ได้ยัง แล้วบอกว่าได้แล้ว ก็บอกว่างั้นจะพยายามมากขึ้นเพื่อให้เก่งกว่านี้ได้อีก ให้ช่วยสอนให้หน่อยน่ารักมาก ช่างเป็น power couple มาก .... ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชอบแนวนี้ พึ่งพาช่วยเหลือกัน ไม่ใช่แค่ใครมาแบกใครเนาะ


thread กรีดในทวิตเตอร์