Tuesday 3 March 2009

The Smoke Thief by Shana Abe (n)

สาเหตุการอ่านไม่มีอะไรเลย นอกจากเป็น weredragon จิตใต้สำนึกที่ชอบมังกรมากไม่มีทางเลือกแล้ว หาเรื่อง weredragon ที่เป็น UF จริง ๆ ก็หายากหาเย็น (เบื่อมนุษย์หมาป่า เบื่อผีดูดเลือดแล้ว ขอตัวอื่นบ้าง ภูติก็ไม่อยากได้ อยากได้มังกร กรี๊ด กรี๊ด) สรุปว่าก็นั่นแล



ชนิด : Fantasy/ Historical Romance/ weredragons
ชุด : The Drakon, Book 1
สำนักพิมพ์ : Bantam (September 26, 2006)
จำนวนหน้า : 352 หน้า


Clarissa เด็กสาวครึ่งมนุษย์ครึ่งมนุษย์มังกร (ที่ในเรื่องเรียกว่า drakon) ปลอมการตายของตัวเอง (fake her death? สำนวนภาษาอังกฤษชอบกล) และหนีออกไปจากถิ่นที่อยู่เดิมไปอาศัยอยู่ในลอนดอน ก่อนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะ Rue หม้ายสาวสูงศักดิ์ที่มีชีวิตแปลกแยก เธอเป็นหญิงสาวคนเดียวในช่วงสี่รุ่นชีวิตมนุษย์มังกรที่กลายร่างเป็นควันและเป็นมังกรได้ และนั่นก็ทำให้เธอใช้ประโยชน์จากความสามารถที่เธอมีเพื่อขโมยเครื่องประดับมีค่าจากบรรดาคนในสังคมได้อย่างง่ายดาย

หากเมื่อเรื่องราวของ Smoke Thief เริ่มเป็นที่โจษจัน ก็ทำให้ชาวมนุษย์มังกรเริ่มร้อนรน พวกเขาจะต้องจับตัว rogue weredragon (หรือ ‘runner’) ที่หนีออกไปจากสังคมของพวกเขากลับมาลงโทษให้ได้ และดังนั้น Christoff หัวหน้าชาวมนุษย์มังกรจึงวางแผนที่จะใช้ Langford Diamond เพชรเม็ดยักษ์ของเหล่าชาวมนุษย์มังกรมาเป็นตัวล่อหัวขโมยออกมา

เรื่องราวผิดแผนไปเมื่อ Christoff ได้เจอกับ Rue และรู้ว่าเธอสามารถแปลงร่างได้ และในฐานะหัวหน้าชาวมนุษย์มังกร ผู้หญิงที่แปลงเป็นมังกรได้ถูกกำหนดให้เป็นคู่ของเขา ซึ่งความต้องการของเขาที่มีต่อเธอก็เป็นเช่นด้วยเสียด้วย หากแต่เพชรถูกขโมยไปโดยฝีมือของรันเนอร์อีกคน และทั้งคู่ก็มีเวลาเพียงสิบสี่วันที่จะตามหาเพชรและหัวขโมยตัวจริง

จริง ๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรมากเลย นอกจากการทำความรู้จักและตกหลุมรักระหว่างตัว Rue และ Christoff ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะตัว Rue เองหลงรักฝ่ายชายมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่สมัยที่ตัวเองยังเป็นแค่ Clarissa เด็กลูกครึ่งแล้ว ส่วน Christoff ก็หลงรักตัว Rue ตั้งแต่แรกเห็นในลอนดอน เรื่องราวในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นการปูทางเพื่อให้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และตกหลุมรักกันมากขึ้นกว่าเดิม และกล้าพอที่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป

พล็อตที่น่าสนใจส่วนตัวก็คือ ประเด็นทางจิตวิทยาที่เกี่ยวกับ Rue เมื่อเธอหนีออกมาจากเผ่าได้ และหวังจะมีชีวิตที่เป็นอิสระหลังจากนั้น เธอไม่ควรใช้ความสามารถที่เธอมีอย่างเด่นชัด และโดดเด่นจนเปิดโอกาสให้มนุษย์มังกรล่วงรู้ถึงการดำรงอยู่ของเธอได้เลย แม้เธอจะถูกจับได้ แต่เธอก็ยังหวังว่าตัว Christoff และสภาเผ่าจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระ และใช้ชีวิตตามลำพังของเธอในลอนดอนต่อไปได้ ซึ่งคิดว่าถ้าวางให้ตัวนางเอกฉลาด ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ดูจะเดียงสามากไป การที่เติบโตมากับขนบธรรมเนียมของชุมชนปิดที่อนุรักษ์นิยมมาตั้งแต่เด็ก น่าจะช่วยให้เธอเห็นบทสรุปเช่นนี้ได้ก่อนที่เธอจะเริ่มต้นชีวิตขโมยแล้ว .... ส่วนตัวแล้ว มองว่าเป็นการเรียกร้องความสนใจมากกว่า เหมือนเป็นการประกาศกร้าวต่อเผ่าที่ไม่เห็นค่าเด็กลูกครึ่งอย่างเธอ ว่า “ดูฉันสิ เห็นฉันสิ เห็นฉันไหม” อย่างมาก

เมื่ออ่านต่อไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งสรุปเช่นนี้ชัดเจน เพราะเธอหลงรัก Christoff มาตั้งแต่เด็ก และเมื่อเธอพบว่าเธอแปลงเป็นมังกรได้ ก็หมายความว่าเธอเป็น female alpha และต้องแต่งงานกับเขา แต่เธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ และถ้าจะแต่งงานกัน ก็อยากให้เขาแต่งงานกับเธอเพราะความรักมากกว่า และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจหนีออกมาจากหมู่บ้าน – และส่วนตัวเอง การรอคอยที่นำไปสู่บทสรุปที่เกิดเมื่อ Christoff มาเจอกับเธอ และไม่ยอมปล่อยเธอไป อาจจะเป็นความปรารถนาลึก ๆ ที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่รู้ใจตัวเองก็ได้

และถ้า Christoff จะเป็นพระเอกที่หลงรักเธอเพราะสิ่งที่เธอกลายเป็น ก็คงจะผิดพล็อตไปหน่อย และดังนั้นเขาก็สังเกตเห็นเธอเสมอมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว (โดยที่ Rue เองก็ไม่เคยรู้) และแม้ว่าจะเกิดแรงดึงดูดใจระหว่างกันขึ้น สิ่งหนึ่งที่ปฎิเสธไม่ได้ว่าทำให้ชายหนุ่มรักเธอก็คือ เขาเติบโตมาโดยถูกคาดหมายให้เป็นหัวหน้าคนต่อไป และด้วยความสามารถที่มี ก็ยิ่งทำให้ความคาดหวังที่มีต่อตัวเขาสูง และดังนั้น แรงดึงดูดใจส่วนหนึ่งที่เกิดก็คือ หญิงสาวเป็นกบฏและกล้าหลีกหนีออกมาจากชีวิตและสังคมอนุรักษ์นิยมคร่ำครึที่เขาแหนงหน่าย (ซึ่งก็ทำให้ Christoff พยายามทำทุกอย่างที่จะได้ตัว Rue มา อย่างที่ในเรื่องก็โกหก และผิดสัญญาไปหลายรอบ) อย่างที่เจ้าตัวบอกเธอว่า “You do realize that if you don’t end up marrying me, I’ll turn out a sour old man, just like the rest of them. I need you to rescue me.” (หน้า 317) ซึ่งรู้สึกว่าจุดที่น่ารักที่สุดจัดหนึ่งในหนังสือ (หรืออย่างน้อยก็เป็นจุดที่จำได้มากที่สุด)

จุดที่ไม่ชอบที่สุด ก็คือ เมื่อถูกจับ เธอต้องการอิสระ และดังนั้น เธอก็แลกเปลี่ยนกับ Christoff และสภาว่าจะหาทางนำเพชรกลับมา และนำตัวรันเนอร์ที่เป็นคนขโมยเพชรไปกลับมาให้ได้ ซึ่งเมื่อความรักของเธอกับเขาลงตัวแล้ว Rue ก็ไม่น่าทำเช่นนั้นเลย (สปอยล์)[โดยเฉพาะเมื่อความจริงปรากฏออกมาว่าคนที่ขโมยเพขรไปจริง ๆ ไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น] ถ้าเธอจากมาเพราะสภาพสังคมและชีวิตที่มีระเบียบสังคมและชนชั้นจัด เธอก็น่าจะเข้าใจคนที่หนีมาในสภาพเดียวกับเธอ และไม่ควรจะนำตัวรันเนอร์ที่สิ้นหวังและต้องการหลีกหนีจากเผ่าจนถึงขั้นกล้าตัดมือตัวเองออกมา .. เธอกลับไปเผ่าในสถานะคู่ของ Christoff, Queen และ female alpha แต่สิ่งที่รอคอยรันเนอร์อีกคนอยู่ไม่ใช่เช่นนั้นการหลีกหนีมาจากเผ่ามีโทษอยู่สองสถานก็คือ การทำให้ตาบอด (เพื่อที่จะเปลี่ยนร่างไม่ได้ตลอดไป) กับการตายด้วยน้ำมือหัวหน้าเผ่า ซึ่งเป็นทางเลือกที่ถูกเลือกเสมอเท่านั้น

ก็อ่านได้เรื่อย ๆ แบบจบแล้วจำอะไรไม่ได้ ตอนแรกให้ B- แต่พอมารีวิวได้ C+ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะว่าเล่มต่อไปเป็นเรื่องของ Zane เด็กในความดูแลของ Rue ที่กลายเป็นพระเอกเล่มสองไหม พออ่าน excerpt เล่มสองแล้วก็ให้อยากอ่านต่อไปจนคะแนนที่เกิดจากความดึงดูดเล่มต่อไปสูงขึ้นมาก สรุปให้ว่า Another love story. (ย่อมาจาก Another love story … that happens to be weredragons!

ปล. ถ้าไม่เคยหลงไปอ่าน Secret Swan อาจจะอ่านเล่มนี้เร็วกว่านี้ หรือก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ ๆ เห็นรูปแบบ arrogant male ชอบกล

อื่น ๆ
รีวิวเรื่องจากบล็อกคุณแม๊กซ์ Mostly Romance

- เขียนได้ครอบคลุมและมองได้ลึกซึ้งมาก ๆ


19 comments:

  1. จับใจความช่วงท้ายได้ว่า ไม่ค่อยชอบ Secret Swan ใช่ไหมคะ (ชักไม่แน่ใจตัวเองว่าคิดถูกไหม) เพราะเมย์ก็ไม่ชอบเรื่องนั้นเช่นกัน เลยทำให้ยังไม่อ่านเรื่องชุดนี้มาจนถึงตอนนี้เลย

    เท่าที่ได้อ่านงานของนักเขียนคนนี้ (ซึ่งก็คือแค่เล่มเดียวแหละ) ไม่ค่อยชอบการดำเนินเรื่องของเธอที่อืดทึด ๆ มาก ส่วนตัวละครที่ดูเริ่มต้นจะน่าสนใจ แต่ก็กลายเป็นน่าเบื่อได้อย่างไม่อยากเชื่อ

    แต่หลายคน (พยายาม) บอกว่า เธอเขียนชุดดราก้อนนี่ในสไตล์ที่แตกต่างออกมาจากเดิม และน่าอ่านขึ้นมาก แต่ยังทำใจเชื่อไม่ได้เลยค่ะ

    ReplyDelete
  2. จริงค่ะ ไม่ชอบ Secret Swan อย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่อ่านจบแล้วแทบจะปาหนังสือทิ้ง อย่างที่คุณเมย์บอกเรื่องตอนแรกเหมือนจะน่าสนใจ แต่พออ่านไปไม่มีอะไรเลย แล้วที่ไม่ชอบที่สุดก็คือทัศนคติของพระเอก ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ พระเอกแนวโรแมนซ์หรือย้อนยุคควรเป็นแบบไหน แต่พออ่านแล้วเป็นแบบนี้ อ่านแล้วโกรธ ไม่ชอบมาก ๆ ... รู้สึกว่าพระเอกผิดแล้วก็หยาบ อืม อธิบายไม่ถูกเหมือนกันเพราะอ่านนานแล้ว จำได้แต่ว่าเคือง พี่แกพยายามไม่พอ

    พล็อตบางส่วนคล้าย ๆ กัน อย่างเช่นนางเอกรักพระเอกแบบไกล ๆ มาตั้งแต่เด็ก แล้วก็เป็นเล่นกับความรักที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน แต่เรื่องนี้ไปเร็วกว่า แล้วก็ลงตัวกว่าเยอะ อ่านได้ (เกือบ) สนุก แต่ไม่ติดใจหลังอ่านนะคะ อย่างไรก็ตาม คงต้องอ่านเล่มสองต่อค่ะ เพราะมีตัวละครที่ชอบ แล้วก็มีคนบอกว่าเล่มนี้ดีกว่า .. ถ้าอย่างไรคงจะรู้กัน (ว่าจะกรี๊ดปาหนังสือทิ้งไหม)

    ReplyDelete
  3. ปล. แต่ชอบพระเอกเล่มสองมากกว่า แนวโน้มลำเอียงสูง

    ReplyDelete
  4. บอกตามตรงค่ะว่าจำเรื่อง The Secret Swan ไม่ค่อยจะได้แล้วล่ะ อ่านไปเมื่อนานมาก แต่จำได้แม่นว่าไม่สนุกเลย น่าเบื่ออีกต่างหาก (รู้ัสึกว่าจะใช้คำนี้บ่อยมาก)คิดคล้ายกันว่า รู้สึกเหมือนพระเอกเป็นฝ่ายผิด แต่สุดท้ายดูจะไม่ได้ไถ่โทษตัวเองเท่าไหรเลย

    ได้ยินมาเหมือนกันว่า เล่มสองสนุกค่ะ เพื่อนกล่อมจนทำให้เรายอมซื้องานของชาน่าชุดนี้เลย ตั้งท่าจะอ่านหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่ถึงคิวสักที (พูดถึงคิวหนังสือแล้ว ไม่เคยทำได้ตามคิวเลยนะคะ บางทีเมย์ก็หยิบอะไรก็ไม่รู้มาอ่านบ่อยมาก)

    คำถามอีกแล้ว คุณมิ้งอ่านงานของCollen Gleason ไหมคะ คือตอนนี้เมย์กำลังจะลงแดงเอาให้ได้ เพราะอยากอ่านเล่มสุดท้ายในชุดของเธอมาก แต่มันก็ไม่เข้ามาที่คิโนะสักที (ถอนหายใจหนึ่งรอบด้วยความอยากอ่าน)

    ReplyDelete
  5. เห็นว่าเล่มสองเป็นเรื่องเดียวของคุณเธอที่ New York Times bestseller list ได้ใช่ไหมคะ ก็คงจะมีดีอยู่บ้างเนอะ ว่าจะไปคิโนะตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วเพื่อการนี้ (กับเล่มสาม เอามาเผื่อชอบจะได้อ่านต่อไปเลย) ก็ยังไม่ได้ไปสักที เล่มสองพระเอกไม่เป็นคุณชายสูงศักดิ์ (แบบ SS กับ ST) แต่เป็นโจร ชอบค่ะ กับชอบบุคลิกนางเอกที่อ่านเจอด้วย

    ไม่เคยอ่านงานของ Collen Gleason เลยค่ะ เมื่อกี้แอบดูในอเมซอนมาคือชุด Gardella Vampire ใช่ไหมคะ ปกติอ่านแฟนตาซีกับ UF ไม่ค่อยข้ามไปโรแมนซ์มากนักน่ะค่ะ ... ว่าแต่ว่าเหตุผลที่ทำให้ไปสิงคโปร์จริง ๆ คือไปตามล่า As Shadows Fade หรือเปล่าเอ่ย

    คิวหนังสือมันอยู่กับสภาพหลังอ่านเล่มสุดท้ายในมือจบมังคะ เหมือนพอจบแล้วรู้สึกว่าอยากอ่านโน่น-นี่-นั่นตามเล่มสุดท้ายเป็นเกณฑ์ อย่างบางทีตัวเองมีอาการใกล้มือคว้าด้วยล่ะค่ะ ถ้าเล่มที่มีอยู่ไม่ได้อยากอ่านจัด ๆ ก็จะหยิบเล่มไหนก็ได้มา แล้วพออ่านก็ไม่สนใจเล่มอื่นจนกว่าเล่มในมือจะจบเสียด้วย

    ReplyDelete
  6. คิดว่าเธอเกิดจากเล่มสองในชุดเลยนะคะ ได้ยินคนที่อ่านเล่มทุกคนบอกว่าอยากอ่านเล่มสอง เพราะคาแร็คเตอร์ของเซนเด่นมาก

    ส่วนชุดการ์เดล่า ออกแนว UF มากกว่าโรแมนซ์นะคะ (หรืออย่างน้อยเมย์ก็คิดอย่างนั้น) แต่เป็น UF ที่มีจุดจบชัดเจน แล้วก็ไม่ได้ดำเนินเรื่องโดยบุคคลที่หนึ่งเท่านั้นเอง ตอนที่เมย์หยิบเล่มแรกมาอ่าน ก็คิดว่าเป็นโรแมนซ์ธรรมดา เลยออกแนวช็อคไปเล็กน้อย (กับตอนจบ) เพราะมันคลิฟแฮงเกอร์มาก ขนาดที่ว่าถ้ารู้มาก่อนคงจะไม่หยิบมาอ่านเลยแน่ (คงรอให้ครบห้าเล่มแล้วค่อยอ่านทีเดียว)

    อ่านข่าวเรื่อง The Shadow Queen แล้วได้ความมาว่า เรื่องนี้เป็นแค่ครึ่งแรกของเรื่องเท่านั้นเองนะคะ ครึ่งหลังจะออกขายปีหน้าโน่นแน่ะ (เลยคิดว่าจะไม่ซื้อแล้วล่ะ รอปกอ่อนแล้วกัน)

    ReplyDelete
  7. พอบอกว่าไม่ได้ดำเนินเรื่องโดยบุคคลที่หนึ่งนี่ ทำให้น่าสนใจขึ้นมาเลยนะคะ จริง ๆ ถ้าเลือกได้ไม่ชอบบุคคลที่หนึ่งเล่าเรื่องเลย รู้สึกมัน insight แต่ไม่รอบด้านเท่าไหร่ (อย่างน้อยก็ไม่รู้ที่คนอื่นคิด) เว้นแต่ว่าหลัง ๆ เจอตลอดเวลา ก็เลยชิน ๆ จนเพลา ๆ ความรู้สึกไม่ชอบกลายเป็นปกติไป ... ฟังคุณเมย์เล่าแล้วชักจะสนใจขึ้นมาแล้ว ชุดนี้มีห้าเล่มใช่ไหมคะ จะมีต่อไหมเอ่ย ชอบหนังสือ UF อย่างหนึ่งเพราะมันมีให้อ่านไปเรื่อย ๆ ชนิดที่ว่าถ้ารักตัวละครตัวไหนก็มีให้อ่านสะใจไม่มีวันจบ แต่ก็ไม่ชอบเวลาที่ต้องรอร๊อรอนะคะ



    เห็นเหมือนกันค่ะ ว่าจะมีเรื่องของแคสซิดี้ต่อไปอีกเล่มนึง แล้วก็มีเรื่องสั้นในชุดอีกเล่มต่อ เวลารอให้ปกแข็งเป็นปกอ่อนเหมือนจะนานก็นานนะคะ แต่พอทีก็เหมือนว่ารอ ๆ อ่านอะไรไปก่อน แป๊บ ๆ ก็ปีนึงแล้ว

    เพิ่งไปเจอเรื่อง Night’s Rose เป็น UF ที่ย้อนยุค (อย่างน้อยก็อย่างที่คนเขียนพยายามบอก) เธอเป็น sleeping beauty ภาควิ่งไล่ฆ่า orge ค่ะ ... หนังสือยังไม่ออก ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะมีอะไรแปลก ๆ สำหรับการอ่าน UF บ้างนะคะ

    ReplyDelete
  8. ชุดการ์เดล่ามีห้าเล่มจบค่ะ แต่ดูท่าทางคนแต่งยังหวังจะเขียนต่อ เพราะ (ข่าวว่า) ทิ้งประเด็นหลายอย่างเอาไว้ แต่จะไม่ใช่เรื่องของตัวนางเอกแล้วค่ะ น่าจะเกี่ยวกันตัวละครที่อกหัก (จากรักสามเส้า) มากกว่า

    Night’s Rose ที่ Annaliese Evans แต่งรึเปล่าคะ ถ้าใช่เมย์ก็เล็งเรื่องนี้อยู่ แต่เพิ่งรู้ว่าเป็น UF ค่ะ เพราะคนแต่งคนนี้เป็นนักเขียนแนวอีโรติคโรแมนซ์มาก่อน แต่นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เธอเปลี่ยนนามปากกาก็เป็นได้

    ReplyDelete
  9. คนเขียนหวังว่าจะเขียนต่อ แล้วได้สัญญาอะไรต่อไหมคะ
    วันนี้ก็กะว่าจะไปดูชุดการ์เดล่าตามที่คุณเมย์บอกมา
    แต่ไป ๆ มา ๆ แค่เลือกดู UF กับ YA ก็หมดเวลาแล้ว
    หรือว่ารอคุณเมย์อ่านแล้วรีวิวก่อนดีคะ :D

    ใช่ค่ะ ของ Annaliese Evans วันนี้ไปที่คิโนะก็ขอให้ที่ร้านสั่งหนังสือให้
    คุณเมย์เคยอ่านที่เธอเขียนมาก่อนไหมคะ เธอเขียนดีใช้ได้ไหมเอ่ย
    เหมือนหลอน ๆ ได้ยินว่าเรื่องนี้เป็นกึ่ง ๆ PR พารานอมอลโรแมนซ์มากกว่าจะเป็น UF แต่ว่าพล็อตถูกใจไปแล้ว
    ยิ่งเป็น fairy tale twist แล้วยิ่งชอบค่ะ

    ว่าแต่พูดเรื่อง retelling มีเรื่อง Beauty and The Beast แนะนำไหมคะ

    หนีไปอ่าน DT แล้วค่ะ มือไม้สั่นอยากอ่านมาก ๆ
    (ขนาดที่ได้ Tangled Web มาด้วย ยังไปไม่ถึงเลย ทั้ง ๆ ที่รอมาน้านนานแท้ ๆ )

    ReplyDelete
  10. วันนี้แวะไปคิโนะเหรอคะ เมย์ก็ไปเหมือนกันค่ะ แต่เป็นช่วงเที่ยง ๆ หนีเจ้านายไปค่ะ

    งานของ Annaliese Evans ที่เมย์อ่านเขียนในนามปากกา Anna J. Evans ค่ะ เมย์ไม่รู้สึกว่ามันดีขนาดจนต้องเอามาพูดต่อน่ะค่ะ ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ที่มาสนใจพรินต์บุ๊คของเธอเพราะดูพล็อตเรื่องแล้วเข้าท่าดีค่ะ อีกอย่างสังเกตนักเขียนอีบุ๊คหลายคนแล้วว่า พอมาเจอบรรณาธิการของนิวยอร์คแล้ว งานเขียนมีพัฒนาขึ้นอย่างได้ชัด เลยอยากรู้ว่าทอร์จะทำให้งานของเธอดีขึ้นมาได้ไหม เรื่องนี้เราก็สั่งไปทางคิโนะค่ะ

    เรื่องรีวิวการ์เดล่านี่ คงต้องรอว่าจะได้เล่มห้าเมื่อไหรนะคะ เท่าที่เห็นตอนนี้เหมือนไม่มีความหวังเลยว่าจะเข้ามา

    เรื่องแนวโฉมงามกับอสูรนี่ ที่นึกออกเป็นโรแมนซ์หมดเลยอ่ะค่ะ ที่นึกออกเป็นเรื่องแรกเลยก็คือ Beast ของจูดิธ ไอวอรี่ เป็นโรแมนซ์แนวย้อนยุคค่ะ

    ReplyDelete
  11. สงสัยว่าดีหรือไม่ดี คงได้ลุ้นกันระหว่างอ่านหลังได้หนังสือมาแล้วนะคะ
    ฮ่า ฮ่า (หัวเราะจิตหลุด) แต่ถ้าเขียนแนว fairy tale twist สนุกแล้วมีต่อไปเรื่อย ๆ ได้ก็คงดี

    พูดถึง Beauty and the Beast แล้วเพิ่งอ่านเรื่องสั้นของ Marjorie M. Liu ใน Hotter Than Hell ไปค่ะ ตลกดีที่เพิ่งพูดถึงก็อ่านเจอ ถึงแม้ตัวเอกจะเป็น Minotaur แต่ว่าก็ได้อารมณ์ BatB เป็นที่สุด
    อ่านเรื่องนี้แล้วอ่าน Iron Hunt เธอเขียนถึง labyrinth บ่อยจัง โดยเฉพาะที่เป็นความรู้สึกกึ่งจริงกึ่งฝันของตัวละครในเรื่อง เลยสงสัยว่าในชุด Dirk & Steele ของเธอมีพูดถึงบ้างไหมคะ

    กับสงสัยมาสักพักแล้วว่าปก Iron Hunt ตัวเอกดูเป็นเอเชี่ยนชอบกล

    ReplyDelete
  12. เมย์อ่านเรื่องสั้นของมาร์เจอรี่เรื่องนั้นแล้วเช่นกัน แต่รู้สึกว่ามันไม่ใช่การ showcase ที่ดีของเธอเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสั้นไป หรือเราไม่ชอบการนำเสนอเรื่องที่ดูมีลักษณะกึ่งความฝันอย่างนั้น

    อึมครึมไปหน่อยน่ะค่ะ

    แม็กซีน คิสเป็นเอเชียหรือไม่นี่ ไม่แน่ใจ (ไม่คิดว่าเป็น แต่ในเรื่องสั้นที่อ่านก็ไม่ได้ระบุดยังไงชัดเจน) แต่คนแต่งนี่เป็นเอเชียแน่ เลยไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกันไหมเนี่ย

    ReplyDelete
  13. ชอบเรื่องนี้ที่เอามิโนทอร์มาเป็นตัวเอกค่ะ ปกตืไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ แล้วก็เวลาเล่นเกม พวกนี้เป็นได้แค่ตัวร้ายเท่านั้น เลยรู้สึกว่ากลับด้านดี มีความรู้สึกว่าเรื่องมันสั้นไปจริง ๆ ค่ะ เพราะอธิบายหลายอย่างไม่ได้เลย ท่าจะดีถ้าเอามาเขียนเป็นเล่มนะคะ แต่ก็ไม่รู้ว่ารายละเอียดจะเยอะ กลายเป็นทำให้เข้าใจมากขึ้น หรือจะเป็นมากเกินไปจนน่ารำคาญ

    อ๋อ ๆ ไม่คิดว่าเป็นเอเชี่ยนค่ะ แต่ที่พูดถึงเพราะรู้สึกว่าปก Iron Hunt ดูเป็นผู้หญิงเอเชียเท่านั้น

    ReplyDelete
  14. (ยังไม่อ่านรีวิวของ QoD เช่นเดิมนะคะ เห็นคุณมิ้งพูดถึงชุดนี้อย่างนี้ เริ่มทำให้ความอยากอ่านมาแล้วล่ะ)

    พูดถึงมิโนทอร์ คุณมิ้งเคยอ่านเรื่อง Bull God ไหมคะ ของโรเบอร์ต้า กิลลิส ที่เอาตำนานเรื่องมิโนทอร์มาเขียนใหม่ในแนวแฟนตาซี ปกติเราก็ไม่ได้อ่านแนวนี้หรอกนะคะ แต่ตามงานของโรเบอร์ต้า กิลลิสตั้งแต่สมัยเธอเขียนโรแมนซ์ (ซึ่งเธอเอาเรื่องตำนานกรีกมาเขียนเป็นโรแมนซ์หลายเรื่อง) แต่เล่มนี้จะออกเมนสตรีมมากกว่าเรื่องอื่น ไม่ถึงกับเป็นเล่มที่ชอบมากที่สุดของเธอที่เมย์อ่านหรอกนะคะ แต่เรื่องนี้ก็เขียนดีค่ะ เป็นการตีความตำนานในอีกรูปแบบนึง

    ReplyDelete
  15. คุณเมย์ขา จริง ๆ ต้องรีบเตือนนะคะ ว่าชอบที่สุด และคิดว่าดีที่สุดที่ Drean Thief ค่ะ ชอบอารมณ์ แล้วก็การพลิกพล็อตจากกรอบความคิดที่สร้างให้คนอ่านเชื่อมาก ๆ (ฟังดูเฉย ๆ แต่อ่านจริงทำได้ดีและลงตัวมากๆ) ส่วนตัวเอง Smoke Thief นั้นอ่านได้ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรพิเศษกว่าเล่มอื่นไหมนี่ ไม่ค่อยรู้สึกนะคะ อย่างที่บอกว่าเป็น Another love story … that happens to be weredragons!

    แต่สำหรับเล่มสามนี่ ไม่กล้าแนะนำนะคะ รู้สึกว่าจุดโฟกัสไม่คอยชัด และดำเนินเรื่องช้ามาก ๆ (คือถ้าตัวละครไม่เด่นนี่ ตายสนิทยิ่งกว่า Secret Swan อีกค่ะ)
    ส่วนตัว ให้คะแนน ST - B- / DT-A และ QoD-C ค่ะ

    ยังไม่เคยอ่าน Bull God เลยค่ะ ไปอ่านเรื่องย่อใน amazon มาแล้ว แอบสงสัยว่าดำเนินเรื่องกับจบเศร้าไหมคะ (ตอนนี้เป็นเงื่อนไขการอ่านไปแล้วค่ะ)

    ปล. ลุ้นให้อ่าน DT เร็ว ๆ ค่ะ อยากฟังเสียง :D

    ReplyDelete
  16. ส่วนตัวนะคะ ตอนอ่านพล็อตมีความรู้สึกว่าจะปิ๊งกะเรื่อง QoD มากที่สุด เพราะรู้สึกว่าเป็นเล่มเดียวที่นางเอกมีความเท่าเทียมกับพระเอกในด้านฐานะ และรู้สึกเฉยถึงไม่ชอบกับ TDT เพราะนางเอกที่หลงรักพระเอกมาตั้งแต่เด็ก (แต่อย่างที่บอกค่ะ เล่มนี้เพื่อนเชียร์สุด ๆ)

    กำลังจะเริ่ม TST แล้วค่ะ (ถ้าอ่านเล่มที่อ่านวันนี้จบได้นะคะ)

    ReplyDelete
  17. งั้นยังไม่คุยต่อนะคะ


    รอ รอ รอ ค่ะ :D

    ReplyDelete
  18. The Smoke Thief ใกล้จบแล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่ารีวิวจะออกมาถูกใจคุณมิ้งไหมนะคะ

    กลับไปอ่านต่อแล้วค่ะ

    ReplyDelete
  19. เล่มนี้ไม่เป็นไรเลยค่ะ DT ต่างหาก :D

    แต่เอ คุ้มกับการอ่านไหมคะ ถามลุ้น ๆ มาก ๆ

    ReplyDelete