Friday 13 March 2009

The Scent of Shadows by Vicki Pettersson (n)

เห็นมาหลายครั้งที่คิโนะ แต่พอจะเอามาจริง ๆ หนังสือก็หมด เพิ่งได้ตอนสั่งเข้ามาใหม่ปลายเดือนกุมภาฯ นี่เอง ...



ชนิด : Urban Fantasy / Epic
ชุด : Sign of the Zodiac, Book 1
สำนักพิมพ์ : Eos (February 27, 2007)
จำนวนหน้า : 464 หน้า


ก่อนวันเกิดอายุยี่สิบห้าปี เรื่องวุ่นวายกำลังล้อมรอบตัว Joanna ทายาทเจ้าพ่อคาสิโนแห่งลาสเวกัส นับตั้งแต่นัดบอดที่คิดจะฆ่าเธอระหว่างมื้ออาหาร คนรักในอดีตที่กลับมาเจอกันใหม่โดยไม่คาดฝัน และคนจรจัดท่าทางประหลาดที่บอกว่าเธอกำลังถูกตามล่า

หากคืนก่อนวันเกิด น้องสาวของเธอถูกฆ่าต่อหน้า และ Joanna ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรับความช่วยเหลือจาก Warren ชายจรจัดที่ดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดและรู้เรื่องราวทั้งหมด เขาอธิบายให้เธอฟังอย่างคร่าว ๆ ว่าพวกเขาเป็นกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีหน้าที่สู้กับเหล่าร้ายที่เรียกว่า Shadows และปกป้องมนุษย์

และสถานการณ์ก็บีบบังคับให้ Joanna ต้องละทิ้งตัวตนของตัวเอง และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชื่อใหม่ .. ขณะที่ต้องสู้กับเหล่า Shadows ไปด้วย

ทั้งนี้ หลักเรื่องซุปเปอร์ฮีโร่ถูกอิงมาจากหนังสือการ์ตูน คนเหล่านี้จะเป็นองค์กรที่เรียกตัวเองว่า Zodiac troops และคอยกระจายตัวอยู่ตามเมืองใหญ่ต่าง ๆ เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัย โดยที่สมาชิกกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ส่วนที่ต่อสู้จะมีอยู่ด้วยกัน 12 คนตามราศีในแต่เมือง ขณะที่ฝ่ายร้ายก็เป็นเช่นเดียวกัน และที่ล้อเลียนอีกอย่างก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ทั้งหมดจะถูกบันทึกเป็น manuals ผ่านหนังสือการ์ตูน (คิดถึง Marvel Comics ไว้เพราะเป็นเช่นนั้นเลย) และคนที่อ่านคือเด็ก ๆ

เรื่องย่ออย่างย่อก็คงได้แบบนี้ ช่วงที่เปิดเรื่องมา และดำเนินเรื่องถึงกลางเรื่อง ทำให้คิดถึงเรื่อง La Femme Nikita และหนังแอ็คชั่นฮอลลีวูดตรงที่ทางเลือกที่ปิดตายบังคับให้ตัวเอกต้องทิ้งตัวตนของตัวเอง เข้าร่วมกับองค์กรที่ไม่รู้จักไม่เข้าใจมาก่อนเพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม และต้องถูกสร้างตัวตนมาใหม่ ซึ่งไม่ได้เกิดจากความสมัครใจของตัวเองแต่อย่างใด ... ซึ่งในกรณีของ Joanna นอกเหนือจากชีวิตที่เธอต้องละทิ้งไปแล้ว เธอก็ยังต้องสูญเสีย Ben คนรักในอดีตที่กลับมาเจอ และกำลังจะเริ่มต้นกันใหม่เสียด้วย ส่วนตัวเองในช่วงนี้ถือเป็นดราม่ามาก และทำให้รู้สึกสงสารตัวละครทั้งสองตัวจนทำให้หงุดหงิดกับพล็อตเรื่องไปด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังหน้าที่ 300 โดยประมาณ การปูเรื่องที่เนิ่นนานเริ่มเข้าไปสู่ฉากแอ็คชั่นจริง ๆ หรืออย่างน้อยก็จะเรียกว่าฉากเริ่มสู้เริ่มบู๊ของ Joanna ซึ่งไม่ใช่แค่การรบกับตัวร้าย แต่เป็นในองค์กรด้วยกันเอง เพราะการที่เธอมาจากนอกองค์กร และมีสายเลือด Shadows อยู่ในตัวครึ่งหนึ่ง ทำให้สมาชิกกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ไว้วางใจเธอ และหวาดระแวงจนสร้างความเป็นศัตรูให้เกิดขึ้นระหว่างกัน ซึ่งการที่เธอถูกแปลกแยกออกไป ก็ทำให้เธอต้องใช้ความสามารถของเธอเพื่อสร้างที่อยู่ของเธอให้ได้ – ในแง่ที่หากเธอไม่ได้ความไว้วางใจ ก็ได้ความหวาดกลัวต่อตัวตนของเธอ

และก็ต้องบอกว่า ทัศนคติและความอารมณ์ร้ายใจร้อนของตัวละคร urban fantasy เป็นสิ่งที่เด่นชัดก็จริง แต่ในกรณีนี้เทียบกับวาจาเราะร้ายของเธอไม่ได้เลย นอกเหนือผลด้านอารมณ์ที่เธอสร้างให้เกิดได้แล้ว การต่อกรด้วยคำพูดของเธอซื้อเวลาให้เธอในสถานการณ์ร้ายมาหลายครั้ง และก็สร้างโอกาสในการหนีเอาตัวรอด หรือแม้แต่เอาชนะให้เธอด้วย เป็น calculated, strategic bite อย่างที่สุด ดังที่เมื่อเธอเผชิญหน้ากับหัวหน้าใหญ่ของเหล่าร้าย (ซึ่งเป็นพ่อที่แท้จริงของเธอด้วย)
“I fucked your mother!”
“You men,” I said, shaking my head when silence fell again. “I don’t know why you always think that lends you some sort of power. I mean, let’s be honest, okay? Just between you and me. My mother? She fucked you.” (หน้า 434)

ตัวตนของ Joanna เป็นแบบตัวเอก urban fantasy ทั่วไป ทั้งแกร่ง ห้าว กล้า และพึ่งพาตัวเองได้ และดังนั้นเมื่อเธอต้องถูกบังคับให้กลายเป็นคนอื่น (สปอยล์) [ซึ่งจริง ๆ ก็คือ Olivia น้องสาวของเธอ และกลายเป็นว่าเธอเป็นคนที่ถูกฆ่า และน้องสาวเป็นคนรอดชีวิต] และอยู่ในร่างสาวบลอนด์ Bimbo ก็เป็นทั้งเรื่องที่น่าขันและน่าหงุดหงิดไปพร้อมกัน เมื่อกางเกงหนังแนบเนื้อและรองเท้าบู๊ตอย่างเดิมถูกแทนที่ด้วยกระโปรงสั้นปรี๊ดและส้นสูงสี่นิ้ว คนรอบตัวอาจจะมองที่รูปลักษณ์ภายนอกของเธอและประมาทจากสิ่งที่พวกเขาเห็น แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาเชื่อด้วย จุดที่ชัดมากคือเมื่อเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ถามว่าเธอฆ่าตัวร้ายก่อนหน้าได้อย่างไร เพราะรูปลักษณ์ของเธอไม่ทำให้คนอื่นเชื่อว่าเธอมีความสามารถพอ และเธอตอบว่า ตัวร้ายนั้นล้มเพราะสะดุดแมวของเธอ ก่อนที่จะเล่าเรื่องที่เกิดในภายหลัง

ในบรรดาเรื่องที่อ่านมา เรื่องนี้มีมิติความสมจริงแง่ ugly reality ที่สุด นอกจากจุดดราม่าที่ชัดในช่วงแรก ๆ จากอารมณ์ที่เธอต้องเผชิญในช่วงแรกแล้ว การไม่ยอมรับของสมาชิกคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดอีกเรื่องหนึ่ง พวกเขาแปลกแยกจากเธอและคิดว่าเธอที่มีส่วนมืดอีกครึ่งหนึ่งอยู่ในตัวไว้ใจไม่ได้ โดยเฉพาะกับสมาชิกคนหนึ่งที่คิดว่าตัวเองจะได้ตำแหน่ง และผิดหวังเพราะ Joanna จนทำให้เกลียดชังและรังเกียจเธอมากกว่าใคร – ซึ่งส่วนตัวคิดว่าสมจริง แต่ก็น่ารำคาญไปพร้อมกัน เพราะถ้าแปลกแยก หันหลังให้ และคิดว่าเธอจะทรยศไปสู่อำนาจมืดแล้ว การไม่เป็นที่ยอมรับน่าจะเป็นตัวผลักดันที่รุนแรงและชัดเจนได้

หรืออย่างอดีตของ Joanna เอง เธอถูกข่มขืนเมื่ออายุสิบห้าปี ถูกทำร้าย และปล่อยทิ้งให้ตายโดย Shadow ซึ่งได้รับคำสั่งมาจากพ่อของเธอ (ซึ่งไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเขา) เพื่อทำลายเธอที่อาจกลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ตำแหน่ง Archer คนต่อไป ซึ่งนอกจากทิ้งเธอให้แตกสลายแล้ว ยังทำให้เธอต้องแยกจาก Ben ในตอนนั้น เพราะเขารู้สึกผิดที่ปกป้องเธอไว้ไม่ได้

มีจุดหนึ่งที่คิดว่าน่าจะเกิดต่อไป ตัว Joanna มีพลังทั้งด้านสว่างและด้านมืดอยู่อย่างละครึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดมาก่อน และก็ทำให้เธอเป็น Kairos ตามคำทำนายที่ว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับความสมดุล และคนที่ได้ตัวเธอเป็นพวกจะชนะ (ทำนองนี้) แต่หลายอย่างในเรื่องเหมือนจะใบ้ให้เห็นว่าไม่มีอะไรที่แบ่งชัด คนเราทั้งดีและเลวในตัวเอง และทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา คิดว่าน่าจะมีที่เธอจะปรับสมดุลทั้งหมดในภายหลัง ความคิด Us and Others ทำลายคนอื่นไม่น่าจะใช่สิ่งที่คนเขียนอยากจะสื่อ (แต่ก็ไม่แน่ใจ อาจเป็นจุดที่ไม่ชอบเองก็ได้)

เมื่อเปิดเรื่องมา เราเห็นความผูกพันระหว่าง Joanna กับ Ben ชัดมาก มากจนคิดว่าเขาเป็นพระเอกแน่ ๆ แต่หลัง ๆ อ่านไปก็ไม่แน่ใจ เพราะเมื่อชีวิตเปลี่ยน Joanna กลับไปหา Ben ไม่ได้ และการอยู่ห่างไว้ก็ทำให้คนที่เธอรักปลอดภัย คิดว่า Warren หัวหน้าหน่วยซุปเปอร์ฮีโร่แห่งลาสเวกัสดูจะมีบทบาทมากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเขาเป็นคนที่เชื่อว่าเธอคือ Kairos และคอยดูแลช่วยเหลือเธอ แต่พออ่านถึงตอนหลังกลับเป็นว่า คนที่ดูดึงดูดเธอเป็นคนอื่น(สปอยล์) [ Hunter ซุปเปอร์ฮีโร่ที่เป็นนักรบ นักวางแผน และคนสร้างอาวุธ] และหลังจากสองคนแลกเปลี่ยนพลัง (เรียกให้ง่ายได้เช่นนี้) ก็ทำให้ความเชื่อมโยงระหว่างกันชัดเจนขึ้น

อ่านแล้วหลงรักความแกร่ง ไม่ยอมใคร และหลักการตาต่อตาฟันต่อฟันของเธอมาก ๆ ให้คะแนนที่ B+/A (จริง ๆ จะให้ A แต่ก็รู้สึกว่าไม่ชอบช่วงแรกที่ดูไร้ทางเลือกไปหน่อย แต่หลัง ๆ สนุกจนลืมได้ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรให้เท่าไหร่? 4.75?) สรุปว่า Viciously enticing, I love that snap bitch!

มีรีวิวหลังปกบอกว่า Read at your own risk – it’ll keep you up past bed time. (Charlaine Harris) แต่ก็ออกจะบอกว่า อ่านเล่มไหน อีฉันก็เป็น แค่นี้ประกันอะไรไม่ได้นะคะ

ปล. เนื่องจากอ่านเล่มสองไปจะครึ่งเล่มแล้ว ทำให้รีวิวไม่ดี เพราะเวลาเขียนชอบเอามาปนกัน ทั้งที่จะเขียนก่อนอ่านเล่มสองแล้วเชียว เฮ้อๆๆ ก็น่าจะพูดหมดแล้ว แต่ตอนนี้กำลังเกลียด และรำคาญ Warren มาก ๆ

5 comments:

  1. รอยืมมือคุณมิ้งรีวิวเล่มสอง (และสาม ถ้ายังจะอ่านต่อ) ก่อนนะคะ แล้วค่อยตัดสินใจ (ว่าจะซื้อไหม) อีกรอบ เพราะรู้สึกว่า เล่มสองจะมีปัญหานะคะ

    ReplyDelete
  2. อ่านจบสามเล่มแล้วล่ะค่ะ ส่วนตัวเองคิดว่าเล่มหลัง ๆ มันด้อยลงไปเรื่อย ๆ
    แต่ก็ยังอยู่ในขั้นที่คิดว่าจะซื้อเล่มสี่ต่อนะคะ - ยังได้ช่วงคะแนน B อยู่
    พรุ่งนี้น่าจะได้เริ่มรีวิวค่ะ :D :D

    ReplyDelete
  3. ปล. เกือบลืม
    คุณเมย์ ในเรื่องมีตัวละครชื่อเซนด้วยค่า

    ReplyDelete
  4. ตอนนี้เจอตัวละครชื่อเซนบ่อยมาก ในเรื่อง The Vampire's Bride ที่เพิ่งอ่านจบไป ก็มีเซนอยู่เหมือนกัน

    แต่ก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อยมากนะคะ คำบางคำ ชื่อบางชื่อ แทบจะไม่เคยได้มาตลอดชีวิต แต่พออ่านเจอ (หรือเห็น) ก็จะเจอจนนับครั้งไม่ถ้วนหลังจากนั้น

    ReplyDelete
  5. จริงค่ะ พอมาก็จะมาไม่หยุด :D
    ตอนอ่านเล่มแรก ยังคิดถึงเซนโน้นอยู่ทุกครั้ง พอสองสามถึงชักจะเริ่มชิน
    คนที่บอกว่าชื่อมีพลังมีอำนาจนี่พูดถูกจริง ๆ :D :D

    ReplyDelete