Tuesday 10 March 2009

Queen of Dragons by Shana Abe (n)

หลังอ่าน Dream Thief จบก็หลุดไปอ่านเรื่องโน้นเรื่องนี้เล่มละสองบทอยู่หลายเล่ม ก่อนที่จะกลับมาอ่าน Queen of Dragons ต่อ ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมไม่อ่านต่อเลยเหมือนกัน ... แต่ที่แน่ ๆ การอ่านอะไรแล้วถูกใจไปก่อนหน้าทำให้หาอย่างอื่นอ่านต่อยากมาก ยาก ยาก ยาก



ชนิด : Fantasy / Historical Romance / weredragons
ชุด : The Drakon, Book 3
สำนักพิมพ์ : Bantam; Reprint edition (November 25, 2008)
จำนวนหน้า : 336 หน้า


การผจญภัยของ Lia และ Zane ที่ไปตามหา Draumr ทำให้รู้ว่าใจกลางเทือกเขาคาร์เพเธียนในทรานซิสวาเนีย ยังมีมนุษย์มังกรอีกกลุ่มอาศัยอยู่ ซึ่งทำลายความเชื่อที่ว่าพวกในอังกฤษเป็นเผ่าพันธุ์สุดท้ายไปอย่างสิ้นเชิง ... แต่ก็เปิดความหวังให้สภามุ่งหวังให้เกิดการรวมตัวกันของทั้งสองเผ่าผ่านการแต่งงานระหว่างกันด้วย

เรื่องเริ่มต้นเมื่อ Maricara เจ้าหญิงและผู้ปกครองของเผ่าทรานซิสวาเนียนล่วงรู้ถึงการล่ามนุษย์มังกรจากกลุ่มนักล่าที่ถูกเรียกว่า sanf inimicus และดังนั้น เธอจึงเดินทางมาที่อังกฤษเพื่อแจ้งข่าวนี้ด้วยตัวเอง

ซึ่งอาจจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก เพราะหลังการหนีไปของ Lia ส่งผลให้ Christoff กับ Rue พ่อและแม่ของเธอผู้เป็นหัวหน้าเผ่าได้ตัดสินใจหนีหายไปเพื่อตามเธอกลับมา และปล่อย Kimber ลูกชายคนโตเป็นคนรับภาระการดูแลเผ่าไว้ ขณะที่การหายออกไปของคนทั้งสามหมายถึงการสั่นคลอนความเชื่อและกฎระเบียบของเผ่าที่มีมานาน และทำให้ความตึงเครียดเกาะกุมจิตใจมนุษย์มังกรในเผ่า

เมื่อ Mari (cara) เดินทางมาถึง นอกเหนือความปั่นป่วนที่เธอ –คนนอกเผ่าที่อยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์- มีต่อเผ่าและต่อตัว Kimber เองแล้ว มนุษย์มังกรทั้งหมดยังต้องรับมือกับการมาถึงของนักล่าอีกด้วย

ในบรรดาสามเล่ม คิดว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่ไร้ทิศทางที่สุด เพราะเมื่ออ่านหลังปก คิดว่าจะเป็นว่าทั้ง Mari และ Kimber ต้องกลายเป็นพันธมิตรต่อกันในการออกล่า sanf inimicus ก่อนที่จะเป็นฝ่ายถูกล่าเสียเอง แต่ในเล่ม ... บอกไม่ถูกว่าเป็นอะไรจริง ๆ เพราะว่าเป็นกึ่งกลางของทุกอย่าง กลายเป็นว่าหนังสือตามตัวละครสองตัวโดยที่แทบจะไม่มีโครงเรื่องที่ชัดเจนแต่อย่างใดเลย (เทียบกับเล่มแรก Smoke Thief ที่ออกตามหาเพชรที่หายไปและจับโจร กับเล่มสอง Dream Thief ที่เดินทางไปหา Draumr) เพราะแบ่งไปพูดถึงเกี่ยวกับบุคลิกและความขัดแย้งของตัวละคร การพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองคน และอันตรายที่มาจากเหล่า sanf inimicus และไม่มีจุดเน้นที่ชัดเจน

ไม่แน่ใจว่าหนังสือที่ตัวละครดี แต่โครงเรื่องไม่ดี กับโครงเรื่องดีกับตัวละครห่วยอะไรจะแย่กว่ากัน เล่มนี้พูดถึงตัว Mari และ Kimber มาก มากจนทำให้เรารู้จักและเข้าใจตัวละครสองตัวมากกว่าที่เป็นในสองเล่มที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้เนื้อเรื่องไม่คืบหน้าด้วย โดยเฉพาะช่วงที่อ่านครึ่งเล่มแรก มีการบรรยายอยู่มาก และก็เหมือนจะมากเกินไป และในช่วงเกือบจบก็เป็นแบบนี้อีกเช่นกัน และทำให้ไม่เข้าใจว่ามีเหตุการณ์หลายอย่างเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร เป็นครั้งแรกที่อ่านหนังสือแล้วมีทั้ง skim, scan และ skip ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะไม่เกิดขึ้นเลยเวลาอ่านหนังสือเอาอรรถรส โดยเฉพาะหลังจากที่อ่าน Dream Thief จบไป (ซึ่งเล่มนั้นดำเนินเรื่องไวและมีทิศทางมาก) คิดว่า Queen of Dragons น่าจะดำเนินเรื่องได้ดีกว่านี้

สิ่งที่ดีที่สุดในหนังสือเล่มนี้คือ การเติมเต็มกันและกันของ Mari และ Kimber เท่านั้น อย่างที่ปกบอกไว้ว่า "Beautiful, sensual, dangerous – they were the perfect match." แล้วก็อธิบายทุกอย่างในหนังสือเล่มนี้ (อันอาจจะรวมไปถึงสิ่งที่คนเขียนพยายามสื่อสารออกมาเช่นกัน) ตัว Mari เติบโตมาในครอบครัวชาวนา เธอต้องแต่งงานกับ Alpha ของเผ่าทรานซิสวาเนียนตั้งแต่เด็กเพราะความสามารถ และฐานะ Alpha ของเธอ แต่สิ่งที่มีเธอมีก็ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเธอ และหวาดระแวงเธอเสียอีก จนเธอต้องแปลกแยก โดดเดี่ยว ต้องฉลาด มีไหวพริบเอาตัวรอด และสร้างเกราะน้ำแข็งล้อมรอบตัวเองไว้

ขณะที่ฐานะของ Kimber อาจจะดีกว่าเธอที่เขาเป็นลูกชายคนโตของหัวหน้าเผ่า และเป็น Alpha ที่จะปกครองเหล่ามนุษย์มังกรต่อไป ทำให้เขาได้รับความเคารพและการยอมรับจากคนในเผ่า แต่นั่นก็หมายถึงความคาดหวังที่มีด้วย และหลังการจากไปของ Christoff และ Rue ก็ทำให้เขาต้องกลายเป็นหัวหน้าคนต่อไป อยู่ในสถานะที่ยิ่งใหญ่แต่โดดเดี่ยว

การที่ Mari ก้าวเข้ามาในชีวิตของ Kimber เปรียบเสมือนการเจอกันของคนสองคนที่เหมือนกัน และแสวงหาคนที่เท่าเทียมกันมาตลอดโดยที่ไม่รู้ตัว ทั้งในเรื่องพลัง ความสามารถ และความรับผิดชอบที่แบกไว้ อย่างที่ Kimber บอกว่า Mari เข้าใจหน้าที่และความรับผิดชอบในฐานะผู้ปกครอง และเขาต้องการคำปรึกษาจากเธออย่าง “ราชาต่อราชา” แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ Kimber เข้าใจถึงความรักอย่างที่บอกว่า "Uncover the heart; wed the fire." (หน้า 266) ขึ้นมาด้วย และกับ Mari ชายหนุ่มเป็นคนเดียวที่ไม่กลัวเธออย่างที่คนที่ในทรานซิสวาเนียหวาดกลัว และแปลกแยกจากเธอมาตลอด ซึ่งแม้แต่น้องชายของเธอเองก็ยังไม่เข้าใจและเกรงกลัวเธอ การอยู่กับเขาทำให้เธอเจอที่อยู่ของเธอเอง (แม้ว่า Mari ใช้เวลานานในการยอมรับ หลังจากที่ใช้เวลาในการทำลายเกราะของเธอ)

อย่างไรก็ตาม เล่มนี้พูดถึงความรับผิดชอบของคนที่ต้องเป็นผู้นำ และโครงสร้างของเผ่ามากกว่าเล่มอื่น แต่ขณะเดียวกัน“การไล่จับ” และการทำความรู้จักกันมีมากเกินไปจนทำลายเนื้อเรื่อง รวมไปถึงการคั่นเล่าเรื่องที่ไม่ควรมีด้วย กับคิดว่าตอนจบยังอธิบายหลายอย่างได้ไม่ดีพอ ถ้าคิดว่าการอ่าน Dream Thief ทำให้เกิดฉันทาคติแล้ว ก็ยังให้คะแนนมากที่สุด ได้ที่ C - Can’t find my way in, can’t follow without breaking screaming frustrating!

แต่ก็คงอ่านเล่มสี่ต่อ -- ดีที่เล่มสามไม่ดี ทำให้รอปกอ่อนได้ และก็ดีที่เล่มนี้ไม่เป็นเล่มแรก ไม่งั้นคงไม่ได้อ่านต่อ วิธีการดำเนินเรื่องและโครงเรื่องแย่กว่า Secret Swan และก็ทำให้โกรธ ที่มากกว่าผิดหวังอีก -- แต่ก็มีลางสังหรณ์อัปมงคลว่าเล่มสี่อาจจะยิ่งแย่ ไม่กล้าและไม่อยากคิดเลย

ปล. สรุปว่า Runner เล่มแรกไม่ได้ถูกฆ่า และในทางกลับกัน กลายเป็นสมาชิกสภา ... และมีบทบาทของ Zane เล็กน้อย ซึ่งก็ไม่จุใจหรือถูกใจเลย เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ

ไม่เกี่ยว
ความรู้สึกของ Lea ที่มีต่อ Zane ช่วงแรกทำให้คิดถึงเพลง Kinky love ของ Rita Calypso กับช่วงหลัง Perhaps, perhaps, perhaps ของ Pussycat Dolls

You won't admit you love me
And so how am I ever to know?
You always tell me
Perhaps, perhaps, perhaps

If you can't make your mind up
We'll never get started
And I don't wanna wind up
Being parted, broken-hearted

แต่สำหรับ Kimber เป็น If you ever need a stranger ของ Jens Lekman

You think it's funny
my obsession with the holy matrimony
but I'm just so amazed to witness true love

And true love can be measured
through these simple pleasures
they are waiting there for you to be discovered
I would cut of my right arm to be someone’s lover

2 comments:

  1. ชอบพระเอกนางเอกเล่มนี้มากกว่าคู่อื่นๆ ในซีรี่ย์ (ไม่มั่นใจว่าจะชอบเล่มสี่รึเปล่า เพราะพระเอกคนต่อไป เป็นพวกพลาดรักจากเล่มนี้ เหมือนเขียนให้เพราะสงสารงั้นแหละ) โดยเฉพาะคิม นิสัยดีกว่าพระเอกสองเล่มแรก เป็นผู้นำ แต่ถ่อมตน ไม่หยิ่งเหมือนพ่อ ไม่vainเหมือนพระเอกเล่มสองด้วย (ไม่รู้ทำไมอ่านแล้วไม่รู้สึกว่าภาคสองรักกันเลย เหมือนถูกคนเขียนบังคับจับคู่ให้ตรงกับตำนานในเรื่องมากกว่า) นางเอกก็ดิบเถื่อนได้ใจอย่างแรง

    เห็นด้วยว่า เล่มนี้เดินเรื่องมั่วมาก โดยเฉพาะท้ายๆ เล่ม จะตามหาน้อง หรือจะตามล่ามนุษย์ก็เอามันสักอย่างสิ เกลียดที่สุดคือ การคั่นเนื้อเรื่องด้วยนิทานมังกร กำลังจะอินกับเนื้อเรื่อง ก็โดนกระชากออกมาเฉยเลย

    ReplyDelete
  2. จริงค่ะ นิทานมังกรมีมากไปแล้วก็อยู่กระจัดกระจายทำลายเนื้องเรื่องมากไปอย่างรุนแรง
    แอบรำคาญที่ในนิทานไม่มีอะไรใหม่ พูดซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมา
    ทั้งที่เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ถูกเล่าแล้วตั้งแต่เล่มแรก ๆ แล้วก็ย้ำไปมาอยู่ได้
    ถ้าเป็นเรื่องใหม่ ๆ อย่างน้อยก็จะไม่กรี๊ดเท่านี้เลย

    อ่านเรื่องย่อเล่มสี่ไปแล้ว มีความรู้สึกว่าขาด ๆ เกิน ๆ ชอบกลค่ะ
    เพราะอย่งเล่มสามก็ดูยังไม่จบดี แต่นี่พอเป็นเล่มสี่ก็เป็นเรื่องของ Rhys กับ Zoe แล้ว
    Kim กับ Mari ยังไม่ได้ทำอะไรเท่าไหร่เลย (ทั้งที่ความสามารถมากแท้ ๆ)
    ต้องรอลุ้นปีหน้ามังคะ .. ไม่ซื้อปกแข็งแน่ ๆ

    ReplyDelete