Sunday 1 March 2009

Nightwalker by Jocelynn Drake (n)

กว่าจะโพสต์ได้ blogger มีปัญหามาสองวัน โอ อยากจะกรี๊ด



ชนิด : Urban Fantasy/ vampires/ bad elves/ magic
ชุด : Dark Days, Book One
สำนักพิมพ์ : Eos (July 29, 2008)
จำนวนหน้า : 384 หน้า


Mira แตกต่างและแปลกแยกจากผีดูดเลือดอื่น ๆ (หรือที่ในเรื่องเรียกว่า nightwalker) ด้วยความสามารถในการสร้างและควบคุมไฟของเธอ เมื่อบวกกับความแข็งแกร่งที่มีก็ทำให้เธอสามารถสร้างเขตอิทธิพลของเธอขึ้นมาได้ แต่แล้วอำนาจของเธอก็ถูกท้าทายจาก Danaus นักล่าผีดูดเลือด ที่ปรากฏตัวและลงมือฆ่าผีดูดเลือดในเขตของเธอติดต่อกัน

หากเมื่อการเผชิญหน้ามาถึง Mira พบว่าอันตรายจาก Danaus ไม่ใช่สิ่งที่เร่งด่วนที่สุด เพราะตอนนี้ Naturi เผ่าพันธุ์อันตรายที่ถูกขับออกจากไปจากโลกเมื่อ 500 ปีก่อนกำลังจะกลับมา และเธอก็ต้องร่วมมือกับพันธมิตรที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่าง Danaus ต่อสู้กับเหล่า Naturi

กระชับได้ใจความที่สุดก็เป็นแบบนี้ แล้วก็เหมือนกับเวอร์ชั่นหลังปกในเวบของ Jocelynn Drake ชอบกล (ย่อหลังปกหนังสือจริงมีแค่ย่อหน้าแรกที่ทำให้ความเข้าใจเรื่องตอนซื้อผิดไปอย่างไม่น่าให้อภัยจริง ๆ ) และดังนั้น เปิดเรื่องมาก็เป็นเรื่องการเผชิญหน้า และการท้าทายธรรมดา จนกระทั่งปริศนาเกี่ยวกับ Naturi ค่อย ๆ เปิดเผย และกลายเป็น Mira ต้องร่วมมือกับ Danaus เพื่อหาทางที่จะหยุดยั้งการกลับมาของเหล่า Naturi ตั้งแต่การตามหา Jabari ผีดูดเลือดทรงพลังในอียิปต์ การคุ้มครอง Sadira หนึ่งในสามผีดูดเลือดที่ปิดผนึกกัก Naturi ไว้ที่ต่างโลก และหาตัวแทนที่จะมาเสริมเต็มการสร้างผนึกนี้อีกครั้ง

แรก ๆ บุคลิกของ Mira จะดูเย็นชา ยโส และเชื่อมั่นในตัวเอง จนถึงขั้นล้อเล่น (ในความหมาย toy) กับทุกสิ่งรอบ ๆ ตัวในเขตของเธอ และกับ Danaus อย่างมาก และเมื่ออ่านไปบุคลิกของเธอก็พัฒนาขึ้น และดูจะน่ารักมากขึ้นในสายตาของผู้อ่านอย่างอีฉัน ความหวาดกลัวที่เธอมีต่อ Naturi โดยเฉพาะเมื่อเธอเคยถูกจับไปทรมานอยู่เป็นนาน ทำให้ระดับความกลัวที่มีไปถึงขั้นประสาทเสีย ซึ่งถึงจะดูเป็นจุดอ่อนต่อตัวเอกที่ควรจะแกร่ง tough as nail กลายเป็นสิ่งที่ชอบ เพราะทำให้เห็นด้านที่เปราะบางของตัว Mira และเพราะตัวเอกไม่จำเป็นจะต้องสมบูรณ์แบบ รวมถึงอีกอย่างที่รู้สึกว่าเธอดูน่ารักก็คือ เธอดูแลและใส่ใจคนรอบข้างของเธออย่างจริงจัง (บอดี้การ์ดที่เป็นมนุษย์ทั้งสองคนของเธอเป็นตัวอย่างที่ชัดมาก แล้วก็รวมไปถึง Tristan ผีดูดเลือดอีกตัวด้วย – ซึ่งดูแล้วตัวละครนี้ก็น่าจะเพิ่มบทบาทในอนาคตเหมือนกัน) ซึ่งแม้ไม่ต่างจากด้านละเอียดของตัวเอก Urban Fantasy ปกติ แต่สิ่งที่เธอแสดงออกก็อ่อนโยน ละเอียดอ่อน และช่างคิดกว่าตัวละคร Urban Fantasy ทั่วไป

เนื้อเรื่องดำเนินไปด้วยฉากต่อสู้เร้าใจอยู่ทั้งเล่ม โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้และรับมือกับเหล่า Naturi บ้าเลือดที่บุกเข้ามา และการสู้รบด้วยดาบประชิดตัวก็เป็นสิ่งที่เร้าใจเมื่อได้อ่าน เพราะการสู้ประชิดตัวหมายถึงเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายที่ยากจะคาดเดา และผลลัพธ์ที่คาดหมายได้อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด ... มีอยู่หลายครั้งที่ตัว Mira ถูกทำร้ายเลือดสาด หรือไปถึงขั้นปางตาย ถึงจะไม่ชอบตอนที่บรรยายความตกใจของเธอทุกครั้งที่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แต่คิดว่าสมจริงที่สู้กับตัวร้ายหลาย ๆ คนแล้วเจ็บกลับมา (ถ้าไม่เป็นอะไรเลย ก็คงเก่งเกินไปแล้ว)

ชอบประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่ตัว Mira มีต่อเหล่า nightwalker โดยเฉพาะเมื่อเธอเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับความทรงจำที่หายไประหว่างการต่อสู้ครั้งสุดท้าย เธอเข้าใจว่าเธอถูกจับไปทรมานเป็นเพราะความสามารถในการใช้ไฟที่ทำให้แม้แต่เหล่า Naturi ก็ต้องการเธอ หากแต่ความจริงมีมากกว่านั้น .... (สปอยล์) [และเธอเข้าใจว่าเธอรอดพ้นจาก Coven เป็นเพราะการช่วยเหลือและคุ้มครองของ Jabari] และก็ชอบประเด็นการหักหลังตรงนี้ ถึงแม้จะสงสารตัว Mira ช่วงใกล้จบอย่างมากก็ตาม และก็แอบ ironic ที่สุดท้ายแล้ว คนที่กลายเป็นว่าเธอไว้ใจได้มากที่สุดกลายเป็น(สปอยล์) [ตัว Danaus]

ดูเหมือนมีความไปได้ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง Mira กับ Danaus จะพัฒนาต่อไปในอนาคต เมื่อทั้งคู่มี chemistry ระหว่างกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูต่อไปว่าจริง ๆ แล้ว Danaus เป็นอะไรกันแน่ (น่าจะเป็นพวก Bori แต่ก็ยังไม่แน่ใจร้อย ช่วงหลังอ่าน Urban Fantasy แล้วเริ่มเบื่อที่ต้องตั้งคำถามว่าพวกนี้เป็นตัวอะไร มากกว่าพวกนี้เป็นใคร แต่ถ้าไขหมด บอกหมดตั้งแต่ต้น คนอ่านก็คงไม่สงสัย และก็คงไม่อยากรู้อยากเล่นจนไม่สนุกไปก็เป็นไปได้) แต่ทั้งนี้ ก็มี underlying อธิบายความรู้สึกของ Danaus เป็นระยะ ๆ (สปอยล์) [ ชอบตอนที่ Mira ถูก Rowe หัวหน้ากลุ่ม Naturi จับตัวไป แล้วคิดว่าจะยอมตายมากกว่าตกเป็นเชลยของพวกนี้อีกครั้ง และ Danaus ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ยอมให้ตาย .... และก็กลายเป็นว่าตัวเขาเองก็ศึกษาและตามหาตัว Mira มาก่อนหน้านี้เป็นสิบ ๆ ปีอีกต่างหาก ]

ชอบอีกอย่างที่เล่นกับระบบความเชื่อของเรา ปกติเรามองว่าผีดูดเลือดเป็นตัวร้าย และพวกภูติพวกเอล์ฟเป็นคนดี แต่เล่มนี้ผีดูดเลือดตัวร้ายกลับกลายป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ (อย่างน้อยก็ในความหมายที่ว่าสู้เพื่อตัวเอง และมนุษย์ได้ประโยชน์ไปด้วย) ขณะที่พวกภูติเป็นเผ่าพันธุ์ที่กระหายเลือดยิ่งกว่า และมีพิธีกรรมเลือดสาดฆ่าล้างหมู่บ้านอยู่ตลอดเวลา daywalker อาจจะโหดร้ายกว่า nightwalker ก็ได้

คิดว่าคงอ่านต่อ เพราะอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป และกลับมาที่ระบบการให้คะแนนนิด ตกลงมันเชื่อถือได้ไหมเนี่ย เพราะมันดูไม่ absolute ชอบกล ขึ้นกับอารมณ์ที่อ่าน แล้วก็หนังสือที่อ่านก่อนหน้านั้นอีกด้วย แต่ถ้าดูที่ความต่อเนื่องที่มีผลต่อเล่มถัดไปในชุด นับความหมายของตัวเองว่า A กับ B คืออ่านต่อแน่ ออกเมื่อไหร่ซื้อ เล่มนี้ก็ได้ B ล่ะ และถ้าบวกกับความรู้สึกต่อว่ากรี๊ด อยากรู้อยากอ่านต่อกรี๊ด ก็คงได้คะแนน B+ ไป แต่ทั้งนี้ระบบนี้เชื่อไม่ได้ ระบบคะแนนวัดอะไรไม่ได้เลย ชอบการสรุปเป็นประโยคมากกว่า ดูมีมากกว่าแค่ปริมาณ (การตีความเศรษฐศาสตร์และตัวเลขเป็นเรื่องยาก)

ทั้งชอบและไม่ชอบความรู้สึก Larger-than-life ในเรื่องไปพร้อมกัน -- สรุปว่า Fire starter, fun starter? คิดไม่ออก ไม่ใช่ด้วย สรุปไม่ได้ คิดไม่ออกเช่นเดิม A Fire starter let a fun started? ห่วยเหมือนเดิม

ปล. อย่างไรก็ตาม อดรู้สึกไม่ได้ว่าคนเขียนค่อนข้าง bias กับความเป็นตะวันตก โดยเฉพาะความเป็น ‘British’ มาก ไม่รู้สึกว่าคิดมากไปหรือเปล่า แต่รู้สึกตอนที่เธอเปรียบเทียบอียิปต์กับลอนดอนมาก ๆ

บทวิจารณ์ Nightwalker ของ Jennifer Ray ใน amazon
-ตรงใจที่สุดระดับหนึ่ง

คิดถึง
1. ตอนที่ผจญภัยไปสามทวีป อดไม่ได้ที่จะคิดถึง The Six Sacred Stones ของ Matthew Reilly เพราะเป็นการผจญภัยรอบโลก และแข่งกับเวลาเพื่อหยุดยั้งอำนาจชั่วร้าย โดยที่มีเรื่องของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาเกี่ยวข้องอีก (โดยเฉพาะ Stonehenge กับ Abu Simbel) ความเร่งรีบและฉากไล่ล่าที่ตัวร้ายมักจะรู้ทันและไวกว่าก้าวนึงนี้ใช่เลย เพียงแต่ว่าเล่มนี้อธิบายด้วยเวทย์มนต์แทนที่จะเป็นวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยี ... กับอีกประเด็นที่ไม่เกี่ยว แต่ขอกัด สองเรื่องนี้ก็ทำให้คนอ่านต้องรออ่านต่อทั้งคู่

2. ช่วงที่สู้กับ Naturi คิดถึงตอนเพชรพระอุมาตอนสู้กับสางเขียว เพราะความกระหายเลือดเอาเป็นเอาตายของสองเผ่านี้คล้ายกันจริง ๆ ถึงคนเขียนเขียนให้ Naturi มีความสามารถทางเวทย์มนต์ แต่ดูพวกนี้ primitive และ savage เกิน delicate concept ที่เรามีต่อพวกภูติ (ซึ่งในเรื่องก็บอกอย่างนี้)

3. ความสัมพันธ์ระหว่าง Mira และ Jabari เหมือน Mercy กับ Samuel ที่ความเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นความเป็นไปไม่ได้เพราะฝ่ายที่เป็นคนดูแลไม่เคยและไม่มีวันที่จะยอมรับคนในความคุ้มครองในระดับเดียวกัน และเมื่อคนในความคุ้มครองต้องการเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง สิ่งนี้ก็ไม่มีทางเกินขึ้นได้ หากแต่ความสัมพันธ์ในเรื่องอยู่ในระดับที่ความเป็นได้มีโอกาสน้อยกว่า (สปอยล์) [และก็ยิ่งกลายเป็นศูนย์ เพราะที่ผ่านมา Mira เป็นแค่เครื่องมือของ Jabari เท่านั้น]

4. ความรู้สึกสู้กับ Larger-than-life ทำให้คิดถึง Undone ตอนจบ แต่ทำไมรู้สึกว่าตัวละคร ใน Undone ดูจะเหนื่อยนรกกว่าคะ?

เล่มต่อ
เล่มสอง Dayhunter จะออกปลายเดือนเมษา และเล่มสาม Dawnbreaker ออกปลายเดือนกันยา แล้วก็มีเรื่องสั้น "The Dead, The Damned, And The Forgotten" ที่เป็นกึ่ง prequel ของเรื่องในหนังสือชื่อ Unbound ร่วมกับ Kim Harrison, Melissa Marr, Vicki Pettersson และ Jeaniene Frost - อ่านกันให้หนำใจกันไปข้างถ้ายังไม่เบื่อซะก่อน

ไม่เกี่ยวกัน
ไหน ๆ ก็พูดถึง แล้ว ขอบอกว่าจริง ๆ ชอบ Samuel มากกว่า Adam นะคะ แล้วก็อยากให้มี spinoff Samuel ออกมาจริง ๆ แต่คงยาก ตอนนี้ แค่ชุด Mercy กับ Alpha Omega ก็คงเต็มที่แล้ว แล้วก็โอกาสเห็น Mercy มาเจอกับ Anna คงเป็นศูนย์ -- avidbookreader.com สัมภาษณ์ Patricia Briggs ไปแล้ว ใน Avidbookreader Catches Up with Fantasy Writer, Patricia Briggs (07/28/2008)

9 comments:

  1. ดีใจมากที่เห็นคุณรีวิวเรื่องนี้ เพราะเล็งมานานมาก แต่มีความรู้สึกว่าไม่อยากเริ่มต้น UF เพิ่มมากไปกว่านี้อีก (เพราะที่ตามอ่านตอนนี้ก็เยอะมาก และแต่ละชุดมันก็ไม่จบในตัวเลยสักเล่ม กำลังเกิดอาการเบื่อตามอ่านน่ะค่ะ) ก็เลยยังไม่ได้ซื้อมาเสียที ทั้งที่ได้ยินหลายคนร่ำลือให้ฟังแล้วล่ะ

    คำถามด้วยค่ะ ถ้าในมุมมองของคนที่อ่านโรแมนซ์เป็นหลักของเรา จะโอเคกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกไหม ในแง่ที่ว่า จะมีชายคนที่สองเข้ามาในชีวิตของไมร่าอีกเปล่า เข้าใจว่ายังไงคงไม่ถึงกับลงเอยกันในเล่มแรกหรอกนะคะ

    คือบอกตามตรงว่าเบื่อสุดสุดกับเรื่องที่นางเอกมีผู้ชายมาให้เลือกหลายคนน่ะค่ะ เพราะบางครั้งเราก็เลือกคนละคนกะคนแต่ง ทำให้อ่านไปก็กล้ำกลืนไปพอสมควร (แต่ยังโชคดีที่เราเชียร์อดัมนะคะ หรือจะว่าไป เราคิดว่าแซมมัวเหมาะสมกับคนอื่นมากกว่าเมอซี่)

    อยากอ่านเรื่องของแซมเดี่ยว ๆ เช่นกันค่ะ แต่ีดีใจที่เธอเลือกชาร์ลให้กับแอนนานะคะ

    ReplyDelete
  2. จริงค่ะ เข้าใจเลยว่าอ่านไปเรื่อย ๆ ไม่มีวันจบเป็นอย่างไร
    เหมือนคนเขียน UF ถ้าดัง ได้สัญญาได้เรื่อย ๆ ก็ไปได้เรื่อย ๆ นะคะ
    ก็ไม่รู้ว่าเทียบกับปัญหาอีกอย่างคือลองซื้อเรื่องใหม่ ๆ มาอ่าน
    แล้วจบแค่เล่มหนึ่ง ไม่ดีพอให้อ่านเล่มสองสามต่อไป อะไรจะร้ายกว่ากัน

    ตอนแรกเข้าใจว่าคุณเมย์อ่านเรื่องนี้แล้วนะคะเนี่ย
    ไม่แน่ใจว่าคุณเมย์ลากตรงสปอยล์หรือเปล่า แต่เหมือนว่าโอกาสที่จะเป็นอาเฮียนักล่าแวมไพร์สูงชอบกลค่ะ
    เพราะ (ขอสปอยล์) นอกเหนือจาก chemistry ที่ดูจะมีระหว่างกันแล้ว
    เรื่องระหว่างเธอกับ Jabari จบไปแบบเห็น ๆ ในอดีตเหมือนเกือบจะเป็นคนรักกันได้ (ในความหมายโรแมนซ์) แต่ก็ไปไม่ถึง
    แล้วยิ่งพอท้ายเรื่อง บอกให้เห็นว่าจบถาวรแน่

    ตอนแรกเห็นความผูกพันที่เธอมีกับบอดี้การ์ดของเธอ (ซึ่งเธอเรียกว่า angel อยู่ตลอดเวลา)
    จะก็สงสัย แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งไม่ใช่ เพราะเป็นแค่นายกับบอดี้การ์ด
    ระดับไม่เคยเท่าเทียมอย่างที่ Danaus เป็นกับเธอ

    อ๊ะ กลับไปอ่านใหม่ ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ ว่าจะมีชายคนที่สองเข้ามาหรือเปล่า
    แต่อ่านหลังปกเล่มสอง ก็ยังให้ความสำคัญกับตานี่มากเหมือนเดิม
    ดูเข้าวินชอบกล

    เบื่อด้วยกับเรื่องรักสามเส้าสี่เส้าห้าเส้า รู้สึกว่ามักจะสงสารทุกคน
    ตั้งแต่ตัวนางเอกที่รู้สึกอิลักอิเหลื่อ (เหมือนที่เมอซี่เป็นในเล่มสาม)
    ก็ยังสงสารคนที่ผิดหวัง แต่ไม่ค่อยเจอ UF ที่มีผู้ชายคนเดียวและมาวินเห็น ๆ เหมือนกัน
    (นึกออกแค่ Undone กับ Cry Wolf) หรือว่านางเอกเลือกใครชัด ก็ต้องมีคนที่รักนางเอกและผิดหวังอยู่เงียบ ๆ อยู่ดี
    คุณเมย์เคยเห็น Carrie Vaughn บ่นเรื่อง pet peeve ของ UF ไหมคะ
    แอบขำมาก ๆ ถึงทุกคนต้องหลงรักนางเอก ชีก็ยังจะเปรียบเทียบตัวเธอกับพื่อนที่เป็นสาวผมบลอนด์อยู่ตลอดเวลาด้วยอยู่ดี

    http://carriev.wordpress.com/2009/01/06/carries-analysis-of-urban-fantasy-part-ii-when-things-go-wrong/

    เรื่องเมอซี่นิด เห็นด้วยค่ะ ว่ายังไงก็ต้องเป็นอดัม แซมเป็นแค่คนในอดีตจริง ๆ
    ถ้าเลือกให้จับคู่กับเมอซี่ เลือกอดัม แต่ถ้าให้เลือกเดี่ยว ๆ เลือกแซมเท่านั้น
    อยากอ่านเรื่องแซม เขาน่าเจอคนที่ละเอียดกว่าเมอซี่นะคะ

    แต่คู่ชาร์ลกับแอนนานี่ถูกใจแล้วล่ะ
    อยากอ่านเล่มสองมากกว่าชุดเมอซี่เสียอีก
    อยากรู้ว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่จะเป็นอย่างไร (ตอบจบ Cry Wolf) รวบไปนิด
    และบุคลิกของแอนนาจะเปลี่ยนไปไหม อย่างไร

    ReplyDelete
  3. ลากสปอยล์เรียบร้อยค่ะ อ่านปกหลังก็เก็งว่าเป็นเฮียคนนี้เหมือนกัน เพียงแต่รู้สึกว่า ระยะหลังเรื่องแนว UF กะรักสามเส้ามันเป็นอะไรที่ต้องมาคู่กันจังเลย ก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร

    บางครั้งก็เบื่อมากนะคะที่ทำไมทุกคนต้องรักนางเอกใน UF อาจเพราะเราอ่านโรแมนซ์มามั้งคะ พอเปลี่ยนแนวบางครั้งพอเห็นตัวละครที่เรื่องอื่นก็มีเหตุผลดีนะ แต่มาถึงนางเอกก็ดูจะตกหลุมรักเธอกันไปเสียหมด ก็เลยเกิดอาการขัดใจนิดหน่อย (แบบว่า มันไม่มีผู้หญิงคนอื่นที่น่าจะรักในเรื่องเลยหรือไง) ตอนแรกยอมรับว่า แปลกดี (ชุดอนิต้า เบลค) เพราะไม่เคยเห็นรักสามเส้าอย่างนี้ (ในโรแมนซ์ไม่มีหรอกค่ะ) แต่พอหลายเรื่องแนวมันไปทางเดียวกันหมด ก็เลยชักจะ...

    กลับมาเรื่องเมอร์ซี่ คิดเหมือนคุณมิ้งมาก ตรงที่เราเห็นว่าเมอร์ซี่เหมาะกับอดัม แต่เราชอบแซมมากกว่า (ในฐานะบุคคล)

    ส่วนชาร์ลนี่ ลำเอียงเป็นพิเศษ เพราะตอนแรกที่อ่าน เขาทำให้เมย์นึกถึงตัวละครอีกตัวที่เรากรี๊ดสลบ (เคลย์ตันจากชุด Otherworld ของแคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์) ไม่ได้เหมือนกันในแง่บุคลิกหรอกนะคะ แต่เหมือนในสิ่งที่เขาเป็น นั่นก็คือ enforcer ที่คนกลัว และเกรงยิ่งกว่าหัวหน้าเผ่า

    รอ Hunting Ground ด้วยใจจดจ่อค่ะ (ชอบที่ไทม์ไลน์ในเรื่องย้อนหลังชุดเมอร์ซี่นิด ๆ ด้วยค่ะ อ่านไปแล้วเหมือนได้ระลึกถึงเมอร์ซี่หน่อย ๆ ดี)

    คุณมิ้งเคยอ่านงานของ Keri Arthur ไหมคะ อยากทราบความเห็น

    ReplyDelete
  4. จริงค่ะ ถ้าออกแนว ๆ เดียวกันไปหมดก็เริ่มจะอยากปาหนังสือทิ้งแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มเบื่อการเริ่มต้นอ่าน UF เล่มใหม่แล้วลุ้น ๆ ว่าตัวละครและพล็อตที่ได้อ่านจะถูกใจไหม จะไปแนวหลักอีกเหมือนเดิมหรือเปล่า แล้วก็เริ่มสงสัยว่าถ้าอีกสักพัก เบื่อแนวนี้จะไปอ่านอะไรต่อแทนดี แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นแนวที่ชอบที่สุดอยู่ดีค่ะ (ยิ่งหลังอ่าน Daughter of the Forest แล้วเจอนางเอกเข้มแข็งในแง่ที่รับมือสถานการณ์ได้ แต่กำหนดอะไรไม่ได้นี่หลอนไปเลย)

    จริง ๆ บุคลิกชาร์ลกับแซมนี่ไม่ค่อยต่างกันมากตรงความสุขุมนะคะ แต่การแสดงออกนี่คนละแบบเลย แล้วก็มิติการเป็น enforcer แล้วก็ magic element ทำให้เจ้าตัวดูลึกลับแล้วก็เข้าถึงยากกว่าชอบกล (ขอบคุณแอนนาที่ทำให้เราเห็นชาร์ลอีกแบบหนึ่ง) ขอเลียนคำพูดของ Asil มาอีกรอบ “... To see Charles, the original lone wolf, caught with a foot in the trap of amor – this will amuse me for a while longer, I think.”

    ยังไม่เคยอ่านงานของ Keri Arthur เลยค่ะ ชุด Guardian ใช่ไหมคะ คุณเมย์แนะนำไหมเอ่ย ปกติจะดูหนังสือแค่ในชั้น Fantasy แต่ไม่ค่อยข้ามไปถึงฝั่ง Romance มากนัก บางทีก็เลยพลาดหนังสือที่สนุกน่าอ่านไปอยู่เหมือนกัน ยิ่งเดี๋ยวนี้เส้นแบ่งไม่ค่อยชัดมาก เดี๋ยวจะไปลอง ๆ ดูแล้วมารายงานผลนะคะ ตอนนี้กำลังเล็งชุด Sign of the Zodiac ของ Vicki Pettersson ล่ะค่ะ เล็งมาหลายรอบ พอจะซื้อหนังสือหมดเสียได้ แต่รู้สึกว่าคิโนะสั่งเข้ามาใหม่แล้ว คุณเมย์เคยอ่านชุดนี้ กับ Night Huntress ของ Jeaniene Frost ไหมคะ

    ท่าทางปีนี้ได้อ่านเรื่องไมร่ากับอาเฮียฮันเตอร์กระหน่ำแน่ค่ะ เพราะเล่ม 2 จะออกปลายเดือนเมษา และเล่มสาม ปลายเดือนกันยา แล้วก็มีเรื่องสั้นที่เป็น prequel ของเรื่องในหนังสือชื่อ Unbound ร่วมกับ Kim Harrison, Melissa Marr, Vicki Pettersson และ Jeaniene Frost อีก ปีหนึ่งสามเรื่องสำหรับนักเขียน UF ก็ดูว่าเยอะใช้ได้เลยนะคะ

    วันก่อนไปอ่านในอเมซอนเห็นใครสักคนตั้งข้อสังเกตว่าตอนนี้หนังสือ YA จะเริ่มมาแนวประวัติศาสตร์โดยเฉพาะช่วงยุค C19 แล้ว ...ว่าง ๆ จะไปสอยมาเหมือนกัน :D

    ปล. อ่านแถมพกเรื่องความผิดพลาดของฟีฯ แล้ว เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ขอบคุณมากนะคะ ว่าแต่ว่าไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ความผิดชอบเช่นนี้ของผู้หญิงก็ยังอยู่นะคะ

    ReplyDelete
  5. เมย์อ่าน Keri Arthur ไปเล่มแรกน่ะค่ะ แต่ไม่ค่อยปิ๊งเท่าไหร เรารู้สึกว่า มันไม่ได้สร้างสรรในแง่ UF เลย เพราะพล็อตก็เหมือนกะแนวนี้หลายเล่ม ไม่มีพล็อตที่เป็นจุดบอกว่า มันเหนือกว่าเรื่องอื่น

    เลยกะถามเพื่อคุณมิ้งอ่านน่ะค่ะว่า เล่มหลัง ๆ ที่ออกมีพัฒนาการขึ้นมาบ้างไหม

    หนังสือแนว UF หลายเล่มถูกร้านคิโนะเอาไปขึ้นชั้นโรแมนซ์ค่ะ ว่าง ๆ แวะไปดูก็ได้นะคะ เราว่าทางร้านยังมีปัญหาในการจัดชั้นหนังสือพอสมควรเลยล่ะ (สรุปว่ามั่ว)

    งานของ Jeaniene Frost สอบผ่านสำหรับแฟนโรแมนซ์อย่างเราค่ะ คือพล็อตส่วนนางเอกกะพระเอกถือว่าผ่าน คงเพราะนี่เป็นหนึ่งใน UF ไม่กี่เรื่องที่บทสรุประหว่างนางเอกกะพระเอกค่อนข้างได้ข้อสรุปตั้งแต่ต้น (เล่มสอง) ซึ่งตรงกับที่ที่เมย์อยากอ่านพอดี (อย่างที่บอกว่าเบื่อรักสามเส้ามาก) แต่ในแง่มุมของ UF เรายังว่า นางเอกของเรื่องมีความหยิ่งยะโสจนถึงขั้นโง่ในบางครั้ง (โดยเฉพาะเล่มแรกที่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจไปเลย) แต่คาแร็คเตอร์ของแคท (นางเอก) ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจของคนแต่งที่ทำให้เหมือนนางเอกมีการเติบโต หรือว่าเธอยิ่งเขียนแล้วพัฒนาฝีมือดีขึ้นกันแน่

    อ่านรีวิวของคุณเรื่อง Daughter of the Forest รู้สึกสนใจมาก แต่กลัวใจเรารับไม่ไหวกับอุปสรรคของนางเอกน่ะค่ะ ยิ่งคุณบอกว่าเล่มต่อจะยิ่งไปกว่านี้อีก เราเลยถอยเลยค่ะ (อันนี้เป็นข้อเสียของเมย์เองแหละที่กลัวเรื่องเศร้า ที่ไม่ได้แฮ็ปปี้ตอนจบ)

    งานของวิกกี้ แพ็ตเตอเซ่น เมย์เองก็เล็ง ๆ อยู่ค่ะ เพราะมีเพื่อนบอกมาว่าสนุกดีเดียว (แต่ก็ยังติดตรงที่ไม่ค่อยอยากเริ่มต้นชุดใหม่ ๆ นี่สิ)

    นี่เป็นเรื่องแปลกมากเลยนะคะ เพราะเมย์เพิ่งคุยกะเพื่อนเรื่อง แนว YA ที่เป็นยุครีเจนซี่ไปหมาด ๆ เอง (แล้วก็มาอ่านเจอคอมเม้นต์ของคุณนี่แหละ) เพื่อนกำลังล็อบบี้ให้เมย์อ่านแนวนี้อยู่ เธอกำลังคลั่งอย่างรุนแรง ส่วนเมย์ยังสองจิตสองใจค่ะ เพราะทุกวันนี้ก็อ่านรีเจนซี่จากโรแมนซ์จนเดาเรื่องได้เกือบหมดแล้ว

    ตบท้ายด้วยเรื่องความลับของฟี ตอนแรกที่ไม่ทำสปอยล์เอาไว้ เพราะคิดว่า คนที่อ่านรีวิวน่าจะเดาได้อยู่แล้วล่ะ เพราะในโรแมนซ์นี่ ลองพูดว่า ความผิดพลาดในอดีต ร้อยทั้งร้อยก็เรื่องนั้นแหละ

    ReplyDelete
  6. จริงค่ะ ว่าทางร้านคิโนะวางหนังสือมั่วขึ้นเรื่อย ๆ พอตั้งแต่อ่าน IAD (เรื่องแรกที่ข้ามมาฟากโรแมนซ์) ก็เลยใช้เวลาสำรวจชั้นฝั่งนี้ดูบ้าง แล้วก็เจอ Weather Warden เล่มใหม่ ๆ อยู่ที่ชั้นโรแมนซ์ที่เอ็มโพเรี่ยม อย่าง Devil Inside ก็ไปเจอมาจากฟากนี้เหมือนกัน แนวเส้นแบ่งหนังสือมันไม่อาจชัด แต่มันก็ไม่ยากเลยที่จะแบ่งให้ถูก ว่าไหมคะ? รู้สึกว่าเมื่อก่อนทางร้านระบบดีกว่านี้นะคะ
    วันก่อน ไปตามหา Jennifer Scales ที่พารากอน ซึ่งเป็นชุด YA แท้ ๆ แต่พอพนักงานที่ร้านเห็นว่าเป็น MaryJanice Davidson ก็เลยเดินนำไปที่ชั้นโรแมนซ์แล้วก็ทิ้งไว้ตรงนั้นเลย รู้สึกบริการแย่มาก ถ้าเกิดมีร้านที่ขายหนังสือภาษาอังกฤษเยอะ ๆ อีก รับรองไม่เกิดแน่ แค้นๆๆ (แต่ก็นะคะ คิโนะก็ยังเป็นร้านในดวงใจอยู่ดี)

    เรื่อง YA ยุครีเจนซี่ เพื่อนคุณเมย์อ่านเรื่องอะไรเป็นหลักหรือเปล่าคะ ที่ไปเจอเองก็คือชุด Luxe ที่ติดใจตรงปก แต่ก็ได้แต่เล็ง ๆ ไม่แน่ใจ ตอนนี้ออกมา 3 เล่มแล้วก็เลยว่าน่าจะถึงเวลาลองอ่านสักที

    Keri Arthur นี่จริง ๆ อ่านในรีวิวคุณเมย์นะคะ ก็เลยนึกว่าคุณเมย์อ่านต่อ ๆ มาด้วย เพราะเคยเห็นแล้วรู้สึกว่ามันเน้นความสัมพันธ์เป็นหลักชอบกล ไม่ชอบที่นางเอกมีตัวเลือกมากไปด้วย

    Daughter of the Forest อ่านเองแล้วก็ถอยเหมือนกันค่ะ ถ้าถามส่วนตัวเอง ชอบ Cybele's Secret มากกว่า เบากว่า และมืดน้อยกว่ามาก ทั้งที่องค์ประกอบหลาย ๆ อย่างก็คล้ายกัน อาจทั้งเพราะเป็น YA และไม่ใช่ยุคมืดเหมือน DotF ... บอกตัวเองว่าเล่มนี้มันรันทดเพราะเหตุหลักที่เธอพูดไม่ได้ และต้องไม่พูด ก็เลยไม่รู้ว่าถ้าอ่านเล่มอื่นจะดีกว่าไหม แต่ไม่อยากลองต่อจริง ๆ

    ช่วงอาทิตย์นี้ถ้ามีเวลาจะสอย Sign of the Zodiac มาอ่านแล้วรีวิวนะคะ :D

    ReplyDelete
  7. เพื่อนแนะนำเรื่อง The Season ของซาร่าห์ แม็คคลีนค่ะ แต่ก็พูดถึงชุดลักซ์อยู่เหมือนกัน (เพราะแต่ไม่ใช่หัวข้อสนทนาในตอนนั้น) แต่เขาบอกว่าเรื่องเดอะซีซั่นนี่ค่อนข้างเด็กอยู่พอสมควร ซึ่งเขาคิดว่าสมวัยดี ยิ่งเอามาเทียบกับแนวโรแมนซ์ที่นางเอกอายุพอกัน (สิบเจ็ด)เขาบอกนางเอกโรแมนซ์แก่แดดกว่าเยอะค่ะ

    เมย์อ่านเคอรี่ อาเธอร์ไปเล่มเดียวแล้วแป๊กทันควัน เพราะดันชอบตัวร้ายค่ะ ตอนเขาตายนี่เซ็งมาก เพราะคิดว่าทั้งเรื่องแล้ว คนนี้แหละน่าสนใจที่สุดแล้ว เลยหยุดอ่านต่อไปเลย แต่เห็นเขาก็ขยันออกเล่มต่อมาก ก็เลยชักนึกสนใจขึ้นมาอีกรอบ นี่กำลังคิดว่าจะลองอ่านเรื่อง Destiny Kills ของเธอดูค่ะ

    เรื่องการจัดชั้นหนังสือของคิโนะนี่ บางครั้งเมย์ก็เกิดอาการจัดให้เขาเหมือนกันนะคะ เวลาเห็นหนังสืออยู่ผิดที่ผิดทางนี่ เพราะเราเองก็เดินระหว่างโรแมนซ์กะแฟนตาซีเป็นประจำอยู่

    ไม่รู้ว่าส่วนหนึ่งที่ผิดเป็นเพราะนักเขียนคนเดียวกันนี่แหละ แต่เีขียนหลายแนวรึเปล่า

    คิโนะนี่ถือว่าเป็นร้านหนังสือที่สอบผ่านเลยสำหรับเรา แต่ต้องเป็นนักอ่านที่รู้นิดนึงด้วยนะคะว่า จะอ่านอะไร เพราะถ้าพึ่งพาซีเล็คชั่นที่ร้านเขาเลือกมาให้อย่างเดียวนี่ อาจจะพลาดหนังสือดีดีหลายเล่มไปเลยล่ะ (แต่คิดว่าเมืองไทยได้เท่านี้ก็ดีเหลือหลายแล้ว)

    ReplyDelete
  8. จริง ๆ ปริมาณหนังสือแล้วก็ขนาดร้านที่คิโนะเป็นนี่ก็ถือว่ามหัศจรรย์สำหรับคนไทยแล้วนะคะ จำได้ว่าตอนเปิดสาขาพารากอนนี่ เห็นร้านครั้งแรกแล้วแทบจะกรี๊ดด้วยความดีใจ เป็นร้านที่เข้าไปแล้วมีความสุขมาก (และมักจะหลงเข้าไปเป็นวัน ๆ ถ้าไม่ลากตัวเองออกมา) เคยแอบได้ยินฝรั่งคุยกันว่า เค้าอิมเพรสกะชั้นแฟนตาซี ไม่คิดว่าจะมีเยอะได้ขนาดนี้

    บางทีก็แอบจัดหนังสือให้เหมือนกันค่ะ นิด ๆ หน่อย ๆ อย่างช่วยเรียงชุดเรียงเล่ม ดูว่าเป็นพฤติกรรมประหลาด ๆ ที่ชั้นหนังสือ แต่คนบ้าหนังสือทำแล้วสนุก มีความสุขนะคะ

    เห็นปก Destiny Kills กับเรื่องย่อแล้วดูน่าสนใจนะคะ แต่ตลกที่เรื่องย่อหลังปกทั้งเรื่องนี้กับ Guardian เล่มแรกมีคำว่า lust มาช่วยอธิบายทั้งคู่ รอคุณเมย์อ่านนะคะ :D

    ReplyDelete
  9. นอกเรื่องไปที่คิโนะอีกนิด อยากให้มีระบบออนไลน์ที่ดีกว่านี้จังค่ะ อย่างระบบหาหนังสือนี่ ของห้องสมุดมหาวิทยาลัยยังดีกว่าเลย น่าจะละเอียดกว่านี้นะคะ แล้วก็อยากให้มีระบบ alert หนังสือ/ หนังสือมาก ๆ ซึ่งน่าจะเป็น win-win ทั้งกับร้านและคนซื้อ คนซื้อได้รู้ว่าหนังสือที่ตัวเองหมายตาไว้มาแล้ว ร้านก็ขายหนังสือได้

    ReplyDelete