ชนิด : Urban Fantasy / Epic
ชุด : Sign of the Zodiac, Book 3
สำนักพิมพ์ : Eos (May 27, 2008)
จำนวนหน้า : 416 หน้า
หลังจากที่ Joanna ละเว้นชีวิต Regan ในเล่มที่แล้ว Regan เลือกที่จะใช้ Ben เป็นเกราะคุ้มกันตัวเธอโดยปลอมเป็นหญิงสาวที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ Joanna ในอดีตเพื่อเข้าไปใกล้ชิดกับ Ben ซึ่งก็ทำให้ Joanna อยู่เฉยไม่ได้
หากแต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ถูกติดตามจาก Doppelgänger ที่ทั้งพยายามบอกใบ้ข้อความพิเศษให้เธอ และทั้งพยายามจะทำร้ายเธอ ... รวมทั้งตัว Tulpa ที่ต้องการให้ Joanna เข้าเป็นพันธมิตรเพื่อทำลาย Doppelgänger ปริศนาอีกด้วย
และหากสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายพอ สัญญาณอย่างที่สาม – การที่ตัว Kairos จะตอบรับความมืดภายในตัว - ที่จะเกิด ก็ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดในหมู่ซุปเปอร์ฮีโร่
ในบรรดาสามเล่ม เล่มนี้เป็นเล่มที่อ่านหงุดหงิดอารมณ์เสียที่สุด เพราะว่า เมื่อมีเรื่องที่เกี่ยวกับ Ben เข้ามาก็ทำให้ Joanna หมกมุ่นอยู่กับความคิดเกี่ยวกับ Ben และเต้นไปตามทิศทางที่ Regan ต้องการตลอดเวลา ซึ่งหนึ่งในหลายอย่างก็คือ เธอลงมือทำร้ายคนธรรมดาเพราะคิดว่าเป็น Regan และเสียอาวุธคู่มือ ( เรียกว่า ‘Conduit’ โดยที่แต่ละคนจะมีอาวุธเฉพาะตัวแตกต่างกันไปตามบุคคลทั้งฝ่ายสว่างและมืด และเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ซุปเปอร์ฮีโร่และชาโดว์ถูกฆ่าได้) ให้ Regan ไป (ซึ่งหลังจากเหตุการณ์ท้ายเล่มสามก็สงสัยว่าเธอจะตามคืนมาได้อย่างไรมาก)
และอย่างที่ Regan บอกว่าเธอต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบความผิดพลาดหรือแม้แต่สิ่งที่เธอทำหลายอย่างและหลายครั้งแสดงให้เห็นว่า เธอมีข้ออ้างเสมอที่จะลงมือทำอะไร และมีข้อแก้ตัวเสมอในการปฎิเสธความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเพราะบ้าบิ่น ไม่คิดก่อนทำหรืออย่างไรก็ตาม แต่เหตุผลทั้งหลายทั้งปวงที่ยกมา ไม่ให้แสดงให้เห็นว่าเธอรอบคอบ หรือช่างคิดแต่อย่างใด หากเป็นการแสดงให้เห็นการรักตัวเอง และการหมกมุ่นกับตัวเองที่มากเกินไป อย่างที่เธอทำให้ Regan ฆ่าพ่อของตัวเอง ซึ่งแม้ว่าเขาจะเป็นอาชญากรที่สมควรถูกฆ่าก็ตาม แต่เธอทำให้เขาถูกฆ่าในฐานะพ่อของศัตรูคู่อาฆาตของเธอ เป็นการแก้แค้นทางอ้อม มากกว่าจะเป็นการฆ่าเพื่อกำจัดอาชญากร
จริง ๆ การที่เธอยอมปล่อยมือจาก Ben เป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าล้างความทรงจำของคนรักเก่าออกไป แต่เธอก็ทำไม่ได้ และส่วนหนึ่งที่เห็นได้จากบริบทในเรื่องก็คือ นอกเหนือจากที่เธอบอกว่ารักเขาแล้ว ส่วนหนึ่งก็คือ เธอกลัวว่าตัวตนของเธอเองในฐานะ Joanna จะหายไป และนั่นก็ทำให้เธอเลือกที่จะยึดเขาไว้ด้วย นอกจากนี้ หลายอย่างก็แสดงให้เห็นว่าทั้ง Joanna และ Ben ไม่ได้รู้จักกันเพียงพอหลังที่หายจากชีวิตของอีกฝ่ายไปร่วมสิบปีเลย ทั้งคู่รักตัวตนที่คิดว่าอีกฝ่ายเป็น เห็นสิ่งที่ตัวเองอยากเห็น (โดยเฉพาะตัว Joanna ที่ไม่ยอมรับ เมื่อมีหลักฐานหลายอย่างที่แสดงให้เห็นด้านมืดของ Ben) และติดกับภาพในอดีตอยู่ดี ซึ่งแม้การอยู่ร่วมกันหลังจากนั้นจะมีความเป็นได้ “ถ้า” Joanna ไม่ได้กลายเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ แต่ก็อาจจะเกิดปัญหาได้หลังจากนั้นที่ช่วงเวลาหวานชื่นระหว่างกันหมดไป
ซึ่งความคิดคำนึงที่ Joanna มีต่อ Ben ทำให้การตัดสินใจของเธอผิดพลาดหลายครั้ง โดยเฉพาะครั้งสุดท้ายที่เธอทนเห็นความสำคัญที่ Regan ที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กับเขาไม่ได้ จนเลือกที่จะตัดสินใจสารภาพความจริงทุกอย่างให้ชายหนุ่มฟัง ซึ่งเป็นความงี่เง่าที่จะส่งผลร้ายต่อทุกคนที่เกี่ยวข้อง และดังนั้น การที่เมื่อถึงเวลานัด (สปอยล์) [Joanna เจอ Regan ในร่างของ Joanna อยู่บนเตียงกับ Ben] จึงเป็นฉากที่ชอบมากเป็นส่วนตัว เพราะเป็นตัวจัดการที่เด็ดขาดที่ทำให้เธอคิดใหม่หลังจากนั้น (และหลังจากสติหลุดไปทั้งคืนนั้น) ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ส่งผลให้ Joanna ปล่อยมือจาก Ben และจาก Olivia ได้จริง ๆ เธอเรียนรู้ที่จะก้าวต่อไปได้
ซึ่งส่วนนี้ ก็ ironic อยู่นิดหน่อยที่เมื่อสาเหตุการไม่ปล่อยมือจาก Ben ของเธอก็เพราะอยากให้คนที่รู้จักตัวตนของเธอ รู้จัก Joanna หลงเหลืออยู่ แต่กลายเป็นว่าในตอนท้ายเล่ม สมาชิกในกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ (นอกเหนือจาก Warre, Micha, Tekla และ Hunter) ก็ได้ล่วงรู้ว่าที่แท้จริงของเธอที่ไม่ใช่ Olivia แต่เป็น Joanna ในที่สุด (อย่างที่ในบอร์ด Vicki เรียกว่า “JOlivia”) และก็แปลกที่เหล่า Shadows จำนวน หนึ่งรู้ว่าเธอเป็นใครเป็นระยะ ๆ (อย่างน้อยในแต่ละเล่มก็ต้องมีคนรู้) แต่กลับกลายเป็นเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ไม่รู้เรื่องนี้เลย ฉากที่พวกนี้ตกใจกับตัวตนของเธอก็เป็นฉากที่อ่านขำฉากหนึ่งเช่นกัน (เพิ่มเติม-แก้ไข 24/03/09)
และก็ต้องสารภาพว่า เล่มนี้อ่านได้จบรอดฝั่งก็เพราะตัว Hunter ซึ่งกลายเป็นตัวละครที่ชอบที่สุดในเรื่องไปแล้ว หลังจากที่เดินเกมรุก Joanna และทำสัญญา platonic ไปในเล่มสองแล้ว เล่มสามคุณพี่ก็กลับมารุก Joanna อีก และถ้ามองว่า นอกเหนือจากแรงดึงดูดที่มีต่อกัน (แม้ Joanna จะไม่ยอมรับก็ตาม) เขาเป็นคนเดียวที่รับมือกับเธอได้ และ เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ยอมรับด้านมืดในตัวเธอชัดเจนที่สุด อย่างที่บอกเธอว่า “The Light in you is amplified because of your darkness. I’m like a child pressing my nose against a windowpane, seeing the source of the light and wanting to warm myself in.” (หน้า 338) – ซึ่งถ้าไม่ได้ชอบ Hunter มาตั้งแต่ใกล้จบเล่มที่แล้ว ก็มาตกหล่มตรงนี้ได้ ง่าย ๆ แต่แอบแรง
ถ้าเป็น Joanna คนเดิม อาจจะอยู่กับ Ben ที่บอกว่าตัวเองเป็น “….the soft spot where a strong woman can rest.” (The Taste of Night, หน้า 359) ได้ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป คนที่จะเป็นเช่นนั้นได้สำหรับเธอ ไม่ใช่ Ben อีกต่อไป ด้วยความเหมาะสมทั้งปวง และอาจจะเป็นว่า a superhero lover for a superhero ด้วย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ที่เดินหน้าถอยหลังระหว่างกันก็ทำให้เหนื่อยใจเสียเหลือเกินว่าจะเกิดอะไรต่อไป โดยเฉพาะเมื่อ (สปอยล์) [เธอนอนกับ Hunter เพื่อที่จะเป็นทางออกให้ลืมสิ่งที่เห็นระหว่าง Ben กับ Regan แล้วทำร้ายจิตใจเขาเช้าวันรุ่งขึ้น] และที่สำคัญ (สปอยล์) [เมื่อตัว Hunter ปรากฏอยู่ใน Shadow Manuals เล่มถัดไป] (กรี๊ดด จะเกิดอะไรขึ้นคะ) ทั้งที่ เรื่องระหว่างเธอกับ Hunter เหมือนกับเรื่องที่เธอจะปล่อย Ben ไป ที่ว่าขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
ไม่ชอบตอนใกล้จบมากนัก เพราะดูเป็นการขโมยซีนตัวละคนอื่น สร้างสถานการณ์ให้ตัวเองดูฉลาด ขณะที่ไม่ฉลาดที่ทำให้ตัว Tulpa โกรธอย่างหนัก และก็ไม่กล้าคิดถึงสถานการณ์ในเล่มสี่เลย มีหวังเหนื่อยหนักกว่านี้แน่ ๆ ทั้งที่ผ่านมาดูเหมือนเยื่อใยในฐานะพ่อ หรืออย่างน้อยก็ในฐานะคนที่ใช้ประโยชน์ได้ ทำให้เธอถูกไว้ชีวิตมาหลายครั้งก็ตาม และก็ไม่ชอบที่เธอไม่ได้จัดการ Regan ให้เด็ดขาด ตีงูต้องตีให้ตาย อย่าแค่หลังหักแท้ ๆ
อย่างไรก็ตาม เล่มหน้าไม่น่าจะมี Ben แล้ว แล้วก็สาธุลุ้นระหว่างเธอกับ Hunter มาก เพราะอย่างน้อยที่สุด สิ่งที่เขาเสนอให้ ไม่ใช่แค่คนรัก แต่เป็นคนเก็บความลับ พันธมิตร และคนระวังหลังให้
ให้คะแนนที่ B/B- .. too much snappish.
สรุปรูปแบบ 3 เล่ม ได้ว่า
1.จะเปิดเรื่องที่ Joanna ทำอะไรตามใจ และตามสัญชาตญาณของตัวเอง และเพราะด้านมืดในตัวก็จะทำให้ฝ่ายซุปเปอร์ฮีโร่หวาดระแวง
2. Sign ในแต่ละเล่มถือเป็น theme ของเรื่อง แต่ก็เป็นเกี่ยวกับตัวเธอในฐานะ Kairos ทั้งสิ้น อันแรก - ‘The Rise of Kairos’ คือบอกว่าตัว Kairos ที่มีพลังทั้งด้านสว่างและด้านมืดอยู่อย่างละครึ่งจะเกิดขึ้น และฝ่ายที่ Kairos เลือกข้างจะชนะ อันที่สอง – ‘The Cursed battlefield’ ซึ่งหมายถึงไวรัสที่ใช้คร่าชีวิตคนในลาสเวกัส อันที่สาม – ‘Kairos embracing her darkness’ อันนี้ ส่วนตัวเอง ไม่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น รู้สึกว่าที่ตีความไว้กับที่เป็นไม่เหมือนกัน
3.ในแต่ละเล่ม อาจจะมีตัว Shadow ออกมามีบทบาทเป็นระยะ ๆ แต่จะมีอยู่ตัวเดียวที่จะคอยตามล่าตามอาฆาตตัว Joanna / ถูก Joanna ตามล่าตามอาฆาต หรือทั้งสองอย่างเลยก็ได้ เรียกว่าเป็นศัตรูในเล่มนั้น ๆ เลย (Ajax, Joaquin และ Regan ตามลำดับ) และตัวเธอก็จะฆ่าพวกนี้ไม่ได้ แค่สวนกันไปสวนกันมาจนจะจบเล่ม จึงจะฆ่าได้
4. ถึงซุปเปอร์ฮีโร่จะคอยหวาดระแวงเธอ แต่ท้ายเล่มตัวเธอเองก็จะเป็นฝ่ายถูกและฝ่ายเอาชนะตัวร้ายได้ และทำให้พวกซุปเปอร์ฮีโร่ต้อนรับเธอในตอนจบทุกครั้ง
5. ระหว่างที่เจอ ”ศัตรู” จากข้อสองตอนท้ายเล่ม เธอจะต้องเจอ Tulpa ทุกครั้ง แต่ก็ไม่ถูกฆ่า รอดชีวิตมาได้ทุกที และก็มีเรื่องกลับไปเล่าให้คนอื่น (โดยเฉพาะ Warren) เกี่ยวกับความคืบหน้าต่าง ๆ เสมอ
6. สิ่งที่อธิบายชุดนี้ได้ดีมาก ๆ คือ คำวิจารณ์ของ Publishers Weekly ที่บอกว่า “Moody, fast-paced … blends fantasy, comic book superheroism and paranormal romance, but holds no promise of a happily-ever-after. [Readers] will embrace Pettersson's enduring, tough-as-nails heroine and anticipate gleefully the next volume… “
(ส่วนตัวเอง no promise of a happily-ever-after จริง ๆ ไม่รู้ว่าเลิกรู้สึกรันทดกับชีวิต Joanna หรือว่าเคยชินแล้ว)
ไม่เกี่ยว
ฟังเพลง "Please don't leave me" ของ Pink แล้วคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง Joanna กับ Hunter มาก (แต่สภาพการเป็น Archer และ Kairos ในกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ นี่ "One Foot Wrong")
I don't know if I can yell any louder,
How many times have I kicked you out of here?
Or said something insulting?
I can be so mean when I wanna be,
I am capable of really anything,
I could cut you into pieces,
But my heart is, broken.
You're my perfect little punching bag,
And I need you,
I'm sorry.
แต่ละ sign นี่หมายถึงยังไงคะ อ่านในรีวิวเล่มแรกเห็นพูดถึงน่ะค่ะ แต่พออ่านเจอว่า มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องด้วย ยังไงคะ (จะเป็นการสปอยล์ไหม แต่เมย์เป็นคนไม่ค่อยกลัวสปอยล์เท่าไหร กับเรื่องแนว UF นี่นะคะ มักจะอยากรู้เรื่องไปหมดทุกที)
ReplyDeleteSign เป็น theme ในแต่ละเล่ม แต่ไม่ถึงกับเป็นจุดโฟกัสเท่าไหร่นะคะ
ReplyDeleteอันแรก - ‘The Rise of Kairos’ คือบอกว่าตัว Kairos ที่มีพลังทั้งด้านสว่างและด้านมืดอยู่อย่างละครึ่งจะเกิดขึ้นค่ะ และฝ่ายที่ Kairos เลือกข้างจะชนะ อันที่สอง – ‘The Cursed battlefield’ ซึ่งหมายถึงไวรัสที่ใช้คร่าชีวิตคนในลาสเวกัส อันที่สาม – ‘Kairos embracing her darkness’ อันนี้ ส่วนตัวเอง ไม่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น ที่ตีความไว้กับที่เป็นไม่เหมือนกัน
(ไม่น่าสปอยล์ค่ะ)
ปล. คุณเมย์ ส่วนตัวคิดว่าชุดนี้อ่านได้ และค่อนข้างสนุกนะคะ ตอนนี้กำลังจะไปเอา Holidays Are Hell มาอ่าน เพราะมีเรื่องสั้นเกี่ยวกับแม่ของ Joanna และดำเนินเรื่องระหว่างเล่มสามกับสี่ค่ะ คุณเมย์อ่านเล่มนี้แล้วหรือยังคะ เรื่องอื่นสนุกไหมเอ่ย?
ReplyDeleteHoliday are hell อ่านไปแค่เรื่องของลินเซย์ แซนด์คนเดียวค่ะ ยังไม่ได้อ่านของวิกกี้ เพราะรู้ว่าเกี่ยวเนื่องกะชุด กลัวสปอยล์นะคะ (แต่่อ่านรีวิวอย่างเมามันมาก)
ReplyDeleteเมย์ชอบเรื่อง Dates from hell มากกว่าค่ะ เรื่องนี้เป็นเล่มแรกในตระกูล Hell ที่ออกของเอว่อน แต่เหตุผลที่ชอบก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าว่า มีงานของเคลลี่ย์ อาร์มสตรองค์อยู่ในนั้น
แอบหัวเราะตอนที่บอกว่าอ่านรีวิวอย่างเมามัน แต่กลัวสปอยล์ถ้าอ่านเรื่องค่ะ
ReplyDeleteเห็นใน urbanfantasy.wordpress บอกว่า ไม่สปอยล์อะไรเท่าไหร่ เพราะเป็นเรื่องแทรก (น่าจะได้อารมณ์ประมาณอ่าน Alpha & Omega คั่น Mercy มังคะ) แต่ที่เค้าบอกก็คือ จะงง ถ้าไม่ได้อ่านในชุดมาก่อนน่ะค่ะ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน โอ๊ะๆๆ ไปอ่านมาอีกรอบ น่าจะสปอยล์แล้วล่ะค่ะ
“..Fans of the series know what to expect in this twisty, dramatic world, but I’m guessing that the references and level of detail will confuse those who haven’t read other Zodiac books. Pettersson’s series is action oriented and has a unique comic book setting, but if that sounds interesting then you’d be best off just picking up The Scent of Shadows, this short story would probably be frustrating as an introduction and it spoils a few plot points from the other novels.”
http://urbanfantasy.wordpress.com/2008/12/16/holidays-are-hell-an-anthology/#more-578
ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ
ReplyDeleteไปซื้อมาแล้วล่ะค่ะ ทั้งสามเล่ม แต่นั่งมองความหนาของแต่ละเล่มแล้ว ชักจะสงสารตัวเองอยู่เหมือนกัน
ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นโรคกลัวความหนาของหนังสือค่ะ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
จริงค่ะ ตอนเห็นเล่มแรกยังนั่งคิดเลยว่าหนาคุ้มราคาเกินไปไหม
ReplyDeleteแต่เล่มสองสามหนาน้อยลงนะคะ เหมือนคนเขียนเริ่มกลัวคนอ่านกลัว
ว่าแต่ว่าที่รู้สึกว่าน่ากลัวกว่าหนาคือรายละเอียดเยอะค่ะ ไม่แน่ใจว่ารู้สึกไปเองไหม แต่มันจะมีสักพักที่อ่านไปแล้วงงเป็นช่วง ๆ ต้องกลับมาเก็บเป็นระยะ ๆ ก็มี
คุณมิ้งว่า ชุดนี้เป็นแบบมีบทสรุปของมันภายในเล่มที่จำกัด หรือว่า Open-ended แบบคนเขียนเขียนต่อไปได้เรื่อย ๆ
ReplyDeleteเหมือนได้ยินมาว่าจะเขียนห้าเล่มค่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าตั้งใจไว้เอง หรือว่าได้สัญญาเท่านี้ แต่ส่วนตัว เหมือนเรื่องมันไปได้เรื่อย ๆ นะคะ
ReplyDelete