Tuesday 10 March 2009

7 Seeds by Yumi Tamura (n)

นานทีจะมีการ์ตูนเข้ามา ทั้งที่ก็อ่านตลอด แต่หลังจบ 7 Seeds เล่ม 12 แล้วรู้สึกอยากพูดถึงจริง ๆ เพราะไม่ใช่ทั้งเรื่องรักตามประสาการ์ตูนเด็กผู้หญิง และการผจญภัยต่อสู้สำหรับเด็กผู้ชาย .... แต่เป็นเรื่องของการเติบโต และการเรียนรู้ หลังจากอ่านแล้วทำให้คิดตามต่อยอดไปมากจริง ๆ


ชนิด : Shōjo manga/ Sci-Fi/ Horror
สำนักพิมพ์ : บงกช
จำนวนเล่ม : ถึงปัจจุบัน 12 เล่ม ( หรือ 14 เล่ม ภาษาญี่ปุ่น)
รางวัล : Shogakukan Manga Award for shōjo manga (2007)

เมื่อมีการทำนายถึงอุกาบาตที่จะมาพุ่งชนโลก รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ จึงริเริ่มโครงการลับที่ชื่อว่า ‘7 Seeds’ โดยการนำเด็กหนุ่มสาวที่แข็งแรง สุขภาพดีและถูกคัดเลือกไว้มาแช่แข็ง เพื่อให้พวกเขาดำรงเผ่าพันธุ์ต่อไป หลังจากสภาพแวดล้อมกลับเป็นปกติและเด็กกลุ่มนี้ตื่นขึ้นมา

สำหรับประเทศญี่ปุ่นเอง ได้แบ่งเด็ก ๆ ออกเป็น 5 ทีมตามชื่อฤดูกาลตั้งแต่ ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ฤดูร้อน A และ ฤดูร้อน B โดยแต่ละกลุ่มประกอบไปด้วยเด็กเจ็ดคนที่ไม่รู้ล่วงหน้าว่าพวกเขาจะต้องถูกแช่เแข็ง และไกด์นำทางหนึ่งคนที่จะเป็นคนสอนวิธีเอาชีวิตรอด

เรื่องเริ่มต้นที่การตื่นขึ้นของเหล่าสมาชิกในทีมฤดูร้อน B ที่ตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง โดยเฉพาะก่อนที่จะหลับไปทุกอย่างยังเป็นเหมือนปกติ หากเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพวกเขาอยู่ในโลกหนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างไปจากเดิม และคนที่เคยรู้จักและผูกพันหายไปเกือบหมด ซึ่งทำให้เด็กกลุ่มนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจกับความเป็นไปที่เกิดขึ้นรอบตัว และในขณะเดียวกัน เรียนรู้เพื่อนรอบตัวและเอาตัวรอดให้ได้ โดยที่การเล่าเรื่องในภาคนี้จะเน้นที่ตัว นัตซึ เด็กผู้หญิงที่เก็บตัว และขี้อายเป็นหลัก

สำหรับทีมฤดูใบไม้ผลิ เราไม่ได้เห็นการปรับตัวในช่วงแรก แต่เป็นหลังจากที่สมาชิกในทีมเรียนรู้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และดังนั้นจึงเป็นการสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและการอยู่ร่วมกันของสมาชิกทั้งหมดเป็นหลักมากกว่า โดยมี ฮานะ เด็กผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่เข้มแข็งและเชี่ยวชาญการผจญภัยเป็นตัวเอก และฮานะก็เป็นแฟนของ อาราชิ ในทีมฤดูร้อน B ผู้คอยปกป้องและช่วยเหลือนัตซึ

ทีมฤดูหนาวอาจจะเป็นทีมที่โชคร้ายที่สุด กลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรกที่ฟื้นขึ้นมาหลังการแช่แข็งสิบห้าปีก่อนเนื้อเรื่องหลัก โดยที่สมาชิกสามคนในกลุ่มตายไประหว่าง “การตื่น” และในระหว่างเดินทางจนเหลือเพียง อารามากิ ผู้เดียวที่เดินทางเร่ร่อนและเอาชีวิตรอดสืบมา และมีเพื่อนร่วมทางเป็นหมาป่าสองตัวที่ถูกตั้งชื่อตามสมาชิกในกลุ่มที่จากไป

ขณะที่สมาชิกกลุ่มอื่นอยู่ด้วยกันในฐานะเท่าเทียม ฤดูใบไม้ร่วงเป็นกลุ่มเดียวที่ถูกปกครองโดยสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดสองคน คือ อากิโอะ กับ รัน ผู้ใช้ความหวาดกลัวเป็นอำนาจ สมาชิกกลุ่มนี้ลงหลักปักฐานมากที่สุด แต่คนอ่านได้เห็นเรื่องราวในกลุ่มนี้จากมุมมองของ นัตซึ และ ฮานะ เท่านั้น

ทีมฤดูร้อน A แตกต่างจากสมาชิกในกลุ่มอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง เด็กเหล่านี้เป็นเด็กพิเศษที่ถูกเลี้ยงอย่างแปลกยากจากสังคมมาตั้งแต่เริ่มต้น และก็ถูกฝึกให้เข้าใจกับการเอาตัวรอดและใช้ชีวิตในสภาพทุรกันดารได้อย่างดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขที่ทำให้พวกเขาเป็นคนที่ถูกเลือกก็คือการทดสอบที่เด็กคนอื่นนอกเหนือจากเจ็ดคนนี้ถูกคัดออกและจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย ทำให้กลุ่มเด็กที่มีความหวังและความสามารถเด่นชัดที่สุดกลายเป็นกลุ่มที่สิ้นหวังและเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่สุด

ช่วงแรกจะเป็นการเล่าถึงเนื้อหาการผจญภัยและเอาชีวิตรอดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การปรับตัวและการพยายามใช้ชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิมของสมาชิกในแต่ละกลุ่ม ซึ่งสมาชิกก็จะมีทั้งไปจนถึงขั้นเกลียดต่อต้าน และไม่เข้าใจสิ่งที่เกิด กับพวกที่ปรับตัวได้ และพยายามมากจนเกินไปในระดับต่าง ๆ กัน พร้อมกับการอยู่ร่วมกับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกหลังการลืมตาตื่นขึ้นมา ซึ่งจะต้องไว้ใจ และเรียนรู้กันและกันให้ได้ในฐานะกลุ่ม ขณะที่รักษาความต้องการและชีวิตของตัวเองในระดับบุคคลให้ได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปัจจุบัน (เล่ม 12) เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง และมีการขมวดปมเรื่องมากขึ้น เมื่อแต่ละกลุ่มเริ่มการผจญภัย มีการแยกตัว และรวมตัวกับสมาชิกในกลุ่มอื่น และการผจญภัย และชีวิตที่เปลี่ยนไปนั่นเองที่ทำให้แต่ละคนเติบโต และเรียนรู้หน้าที่ของตัวเองมากขึ้น ดังเช่นในเล่มนี้ที่ นัตซึ เรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้า และพยายามหลุดออกมาจากกรอบของตัวเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของกลุ่มให้ได้มากขึ้น หรือที่พวกเขาพยายามเป็นคนที่ดีกว่าเดิม ด้วยการกำจัดปีศาจในใจของตัวเองออกไป อย่างที่อาราชิบอกกับเด็กหญิงจากกลุ่มอื่นที่เขาช่วยไว้ว่า เขาเคยขับไล่อารามากิไป ทั้งที่รู้ว่าชายโดดเดี่ยวที่เขาเจอต้องการเพื่อน เขาเสียใจกับการกระทำของตัวเอง และทำให้เขาตั้งใจที่จะช่วยทุกคนที่เจอระหว่างทาง

ยูกิ ทามูระเขียนการ์ตูนไว้หลายเรื่อง และแต่ละเรื่องก็เป็นการเติบโต และเรียนรู้เข้าใจชีวิตของตัวละครทั้งสิ้น แม้ว่า Coming-of-Age ในความหมายของเธอจะเป็นการเห็นโลกที่ต่างไปจากกรอบไร้เดียงสาที่เคยมี เป็นการรู้จักโลกด้วยความเป็นจริงที่ค่อนข้างโหดร้าย ขณะที่พยายามรักษาตัวตนที่ตัวเองเป็นเอาไว้ การอ่านหนังสือของเธอเพียงเล่มเดียว อาจจะไม่เห็นภาพใด ๆ นอกจากการเดินเรื่องที่อาจดูเนิบนาบ แต่เมื่ออ่านทั้งหมดก็จะเห็นภาพการผจญภัยและการเติบโตที่ชัดเจน

เล่ม 13 คงได้เห็นอะไรมากขึ้น และก็แทบจะอดใจไว้ไม่ไหว

7 comments:

  1. ไม่ค่อยกล้าอ่านการ์ตูนที่ยังเขียนไม่จบค่ะ (แต่ความจริงคือไม่ค่อยได้อ่านการ์ตูนเท่าไหรแล้ว) เพราะเคยตามอยู่เรื่องนึง ก็โดนตัดจบชนิดที่ยังไม่ได้ต่อยอดแก้ปริศนาที่วางมาตลอดทั้งเรื่องเลย (เรื่องชาร์แมนคิง)

    อ่านพล็อตเรื่องนี้แล้วคิดว่าน่าสนใจดีค่ะ

    ReplyDelete
  2. อ่านชาร์แมนคิงตอนแรก ๆ แต่หลัง ๆ ก็ไม่ได้อ่านต่อค่ะ แต่ก็เพิ่งรู้ไม่นานนี้เองว่าถูกตัดจบ ทำให้ต้องจบแบบแปลก ๆ ไป จริง ๆ การอ่านการ์ตูนที่ยังไม่จบนี่น่ารำคาญตอนต้องรอนะคะ แต่ก็เป็นรสชาติอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน

    ดีจังค่ะ คุณเมย์ไม่ค่อยอ่านการ์ตูนแล้ว นี่ยังติดการ์ตูนอยู่เลย (แต่ก็น้อยลงมาก เทียบกับเมื่อก่อน) มีเรื่องที่ชอบหลายเรื่อง แต่บางเรื่องเท่านั้นที่รู้สึกว่าให้อะไรมากกว่าความสนุกสนานตอนอ่าน

    แอบไปเจอเวบการ์ตูนที่เรื่องเด่น ๆ หลายเรื่องเร็วกว่าบ้านเราค่ะ
    http://www.onemanga.com/
    http://www.mangafox.com/

    แล้วก็แอบนอกเรื่องไปที่การ์ตูนอีกนิด คุณเมย์เคยได้ยินการ์ตูนชื่อ Claymore ไหมคะ เป็นเรื่องนักรบกึ่งปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สู้กับปีศาจ แต่เรื่องมีอะไรมากกว่านั้นเยอะมาก เป็น dark fantasy ที่สนุกที่สุดเรื่องหนึ่ง และถ้าคิดว่าการ์ตูนคือ graphic novel ก็คู่ควรกับการอ่านเลย
    http://www.onemanga.com/Claymore/ บ้านออกมา 14 เล่ม แต่ในเวบน่าจะเร็วกว่าเกือบ 4 เล่มมังคะ

    ReplyDelete
  3. เคยได้ยินค่ะเรื่องนี้ เด็กข้างบ้าน (เป็นชื่อเรียกเพื่อนซึ่งเป็นคนข้างบ้านนั่นแหละ) ซึ่งเป็นเซียนการ์ตูนประจำกลุ่มก็โฆษณาให้เมย์อ่านอย่างมาก

    แต่ยังเข็ดกับชาร์แมนคิง ฝังใจมากเลยนะคะ เพราะเป็นการ์ตูนเรื่องที่เมย์แล้ววิเคราะห์แล้ววิเคราะห์อีก เรื่องนี้ทำให้เมย์เข้าใจเลยว่า การ์ตูนน่ะไม่ได้มีไว้ให้เด็กอ่านอย่างเดียว (เมย์เป็นเด็กที่โตมาแบบไม่ได้อ่านการ์ตูนค่ะ เพราะแม่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้เอาการ์ตูนเข้าบ้าน ก็เลยต้องอ่านแบบยืมเพื่อน เลยไม่เคยได้อ่านเป็นเรื่องเป็นราว และมักคิดว่าการ์ตูนเป็นหนังสือของเด็ก ๆ (เมย์เริ่มอ่านนิยายตอนเด็กมาก)

    จนได้มาเริ่มอ่านชาร์แมนคิงนี่แหละ (เพราะไปเข้าห้องน้ำของเด็กข้างบ้าน ไม่มีอะไรอ่านก็หยิบมาเลย แล้วก็ติดสนิท) ทำให้เปิดตามาก แต่เจอตอนจบเข้าไปเลยเครียด

    เดี๋ยวนี้ก็อ่านนะคะ แต่เลือกเรื่องที่มันจบแล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนผู้ชายค่ะ เพราะเด็กข้างบ้าน (อีกแล้ว) เป็นคนแนะนำ แล้วรายนั้นก็ชอบแต่การ์ตูนผู้ชาย (ชนิดที่เลือดสาดเป็นส่วนใหญ่)

    มันไม่ใช่การ์ตูนแบบที่คนส่วนใหญ่

    ReplyDelete
  4. ที่ทราบมา การ์ตูนส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกบังคับให้จบง่าย ๆ นะคะ ตอนฟังเรื่องชาร์แมนคิงใหม่ ๆ ยังสงสัยว่า เอ้อ มีเคสนี้ด้วย ปกติถ้าดังก็มีแต่ให้เขียนต่อไปเรื่อย ๆ แท้ ๆ หรือถ้าคนเขียนจะหยุดเขียนจริง ๆ ก็มีแต่เคสป่วย ไม่สบาย อะไรเทือกนี้

    อ่านการ์ตูนผู้ชายเลือดสาดเหมือนกันค่ะ เมื่อก่อนไปเช่าการ์ตูนหน้าร้านมาทดลองอ่าน (ก่อนตัดสินใจว่าจะเก็บ-ไม่เก็บ) ถูกคนที่ร้านถามประจำว่า ทำไมอ่านแต่การ์ตูนโหด ๆ
    แนวเดียวกับชาร์แมนคิง น่าจะมีฮันเตอร์ฮันเตอร์นะคะ (แต่คนเขียนก็หยุดหนีไปสองรอบแล้ว)

    แฟนตาซีมืด ๆ ที่นึกออก ก็มี เบอร์เซิร์ก ตุลาการทมิฬ (จบ) แต่ที่ติดอยู่ตอนนี้เป็น กั๊ซ! กับ ผู้ผนึกมาร ค่ะ

    แล้วเพื่อนข้างบ้านแนะนำเรื่องอะไรบ้างเหรอคะ ถามลุ้น ๆ เผื่อได้เรื่องใหม่มาอ่าน :D

    ReplyDelete
  5. เพิ่งอ่านตุลาการทมิฬจบไป (ขำกับฉากเหยียบชายผ้าตายมาก)

    เรื่องโดนบังคับจบนี่ ก็ได้ข้อมูลมาจากเด็กข้างบ้านนี่แหละ เขาบอกว่ามันมีรูปส้มในฉากจบ ซึ่งเป็นการแปลความว่าโดนบังคับให้จบ (อันนี้เป็นคำกล่าวที่เมย์พิสูจน์เองไม่ได้ค่ะ ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แต่เชื่อเขาเอา)

    ReplyDelete
  6. จริง ๆ ชอบเรื่องนี้เล่มแรก ๆ มากกว่านะคะ พอหลัง ๆ รู้สึกว่าพล็อตมันหลุด ๆ ไปนิด หรือว่าเพราะอ่านทีละเล่มแล้วจำไม่ได้ก็ไม่แน่ใจ

    การ์ตูนผู้ชายเลือดสาดอีกเรื่องที่เป็นหนึ่งในดวงใจ คือ น้องหนูพันธุ์ดุ ของวิบูลย์กิจค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับแก๊งค์ ถึงตอนนี้เอามาอ่านรู้สึกว่า หลายอย่างมันก็เป็นเรื่องของวัย ที่ตอนเด็ก ๆ คิดว่าทำทุกอย่างได้ และหลายอย่างก็ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ก็ยังชอบอยู่ดี ชอบวิธีคิดของตัวละคร

    ได้ความรู้ใหม่เรื่องส้มเหมือนกัน ขอบคุณค่ะ :D :D

    ReplyDelete
  7. เราอ่านใน นิตยสาร PEACH อ่าค่ะ

    มันมากๆ แร้วก็เก็บเป็นการ์ตูนไว้ด้วย

    เล่ม 12 ช่วยเราไว้ได้มาก เพราะสอนเกี่ยวกับการมีชีวิตรอดสุดๆ

    แล้วก็เรื่องของพวกฤดูร้อน A ที่มีแทรกความรู้เข้าไปเล็กๆน้อยๆ ^^

    ดีมากๆเลยค่ะ >.<


    ตอนนี้ในนิตยสาร PEACH ฮานะ รวมกลุ่มกะ ฤดูร้อน A ค่ะ 55+
    แร้วก็ เรื่องพ่อของฮานะแตก ^^ โดนพวกกลุ่มฤดูร้อน A ตัดเชือกระหว่างที่ฮานะปีนเขาลงไป ไม่รู้ว่าจะตายรึป่าว T^T

    รอเดือนหน้าค่ะ - -" แหะๆ

    ReplyDelete