จริง ๆ เห็น Wicked Lovely ที่คิโนะ เอ็มโพเรี่ยมมาตั้งแต่ปีที่แล้วแล้ว ด้วยความที่ปกสวยถูกใจ แต่ก็แค่พลิก ๆ มาดู ไม่ได้ติดใจอะไรจนกระทั่งวันก่อนไปที่ B2S ชิดลม เจอฉบับเปเปอร์แบ็ค อ่านแล้วสนุกใช้ได้ ก็เลยตัดสินใจซื้อกลับมา จะว่าไปก็เป็นหนังสือแฟนตาซีเล่มแรกที่ไม่ได้ซื้อมาจากคิโนะน่ะเนี่ย – และก็คิดว่าสงสัยถึงช่วง 'หลบหนี' ของชีวิตอีกแล้ว มิฉะนั้นก็คงไม่แสวงหาแฟนตาซีเล่มใหม่มาอ่านเป็นแน่
ชนิด : Young Adult/ Urban Faery
สำนักพิมพ์ : HarperTeen (Paperback) (April 29, 2008
จำนวนหน้า : 352 หน้า
Aislinn อาจจะเหมือนเด็กสาวไฮสคูลธรรมดา แต่เธอต่างออกไปด้วยความสามารถมองเห็นเหล่าแฟรี่ที่อยู่รอบตัวได้เหมือนกับแม่และยายของเธอ และนั่นก็ทำให้ Aislinn ต้องปฏิบัติตามกฏสามข้อที่ยายสอนมาอย่างเคร่งครัด นั่นคือ อย่าจ้องแฟรี่ที่มองไม่เห็น อย่าพูดกับแฟรี่ที่มองไม่เห็น และที่สำคัญที่สุด อย่าดึงความสนใจจากพวกนั้นมา เพราะแฟรี่เป็นตัวอันตราย
แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อแฟรี่ทรงพลังสองตน ทั้ง Keenan พระราชาของเหล่าซัมเมอร์แฟรี่ และ Donia สาวน้ำแข็งที่ดูไร้ชีวิต กำลังติดตามอยู่รอบ ๆ ตัวเธอ และโชคร้ายว่าการเมินเฉยอย่างที่ทำมาตลอดชีวิตไม่ได้ผลอีกต่อไป ทั้งสองก้าวเข้ามามีบทบาทกับ Aislinn มากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่ Aislinn จะใช้เป็นที่พึ่งได้ก็คือ Seth เพื่อนหนุ่มที่อาศัยอยู่ในบ้านรถไฟ ผู้เป็นที่พึ่งทางใจให้เธอตลอดมา ทั้งจากความสงบและเข้าใจที่ Seth มีให้ และจากสภาพบ้านของเจ้าตัวที่เป็นเหล็ก ซึ่งหมายถึงแฟรี่จะไม่มีทางเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม การหนีอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด และ Aislinn ก็ต้องตัดสินใจที่จะเลือก!
จริง ๆ หนังสือเล่มนี้สนุกเพราะ "การเลือก" อย่างที่ตัว Melissa Marr พูดเอาไว้ เพราะเมื่อมีสถานการณ์อย่างหนึ่งออกมา ตัวละครหลักถูกคาดหวังให้ทำตามบทบาทที่ตัวเองได้รับ เพราะความเชื่อและทัศนคติที่สืบต่อกันมา แต่เพราะการกล้าคิดนอกกรอบ และเปิดให้ตัวเองได้เลือก และเลือกได้ (แม้จะมีผู้อื่นมาช่วยตัดสินใจด้วยก็ตามที) ก็เลยทำให้สามารถทำในสิ่งที่ต่างออกไปได้ และก็เป็นสิ่งที่ลงตัวที่สุดเสียด้วย ซึ่งเมื่อมองจากโครงเรื่องที่วางไว้ แม้จะคาดเดาได้บ้าง ตามลักษณะหนังสือ Young Adult ที่ไม่ได้วางโครงเรื่องไว้ลึกนัก ก็ยังสนุกที่จะได้อ่าน และได้ลุ้นคาดหวังผลลัพธ์ที่น่าจะถูกต้องสำหรับทุกฝ่ายไว้ ... ซึ่งถ้าพูดไปก็ไม่แน่ใจว่าจะ spoil หรือเปล่า แต่ก็คงไม่มีคนอ่านแน่ ทั้งบล็อกนี้และทั้งตัวหนังสือ ก็เลยขอเล่า และพูดบันทึกให้ตัวเองเลยก็แล้วกัน ว่า ถ้า Keenan ได้เจอ Summer Queen แล้ว และทิ้งผู้หญิงที่ยอมทิ้งตัวเอง และยอมทนทุกข์ทรมานมานานไปแล้ว Keenan จะเป็นตัวละครหลักที่กลวง ไม่มีหัวคิด และไร้น้ำใจที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยทีเดียว
อีกประการหนึ่งก็คือ เมื่อเลือกแล้ว เราจะทำตามสิ่งที่เลือกอย่างไร จะยอมรับ หรือจะเสียใจทุกข์ทนกับสิ่งที่ตัวเองเลือกอย่างไร ซึ่งในคามหมายนี้ก็รวมถึงเมื่อเริ่มแรกถูกบังคับให้ต้องเลือก และต้องกระทำด้วย จะยืดอกยอมรับช่องทางที่เปิดไว้ให้อย่างไร – ยอมรับ และหาหนทางที่ดีที่สุดที่จะรับมือ และอยู่ร่วมกับสิ่งนั้น ผลลัพธ์เช่นนั้น หรือจะทนทุกข์ทรมานและเสียใจ ซึ่งยิ่งทำให้สิ่งที่เลือกทุกข์ใจไปมากว่าเดิม?
อย่างหนึ่งที่อ่านบทวิจารณ์แล้วรู้สึกขำก็คือ หลายคนมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง love triangle รักสามเส้าที่การอ่านและจินตนาการเป็นตัวนางเอกทำให้เกิดความสุขใจ เป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่หนอ เพราะอ่านแล้วไม่รู้สึกตาม และการอ่านเรื่องรักสามเส้าในครั้งนี้ ถ้าดูตามสถานการณ์ก็พอจะเดาได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ... กับสิ่งหนึ่งที่มีคนวิจารณ์ไว้ก็คือ การพูดถึง sex ในหนังสือ Young Adult ถึงแม้ว่าเน้นการบอกเป็นนัยให้รู้ว่ามี มากกว่าการบรรยายฉากเช่นนั้นจริงจัง นั่นสิ ถือว่าเป็นความผิดไหมหนอ? เพราะคนที่พูดพูดด้วยความหงุดหงิดว่าการกล่าวถึงฉากเช่นนั้นเป็นกระแสใหม่ในโลกแฟนตาซี Young Adult เสียเหลือเกิน ถ้าจะถามความรู้สึกส่วนตัวก็รู้สึกปกตินะ ไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรจนกระทั่งมาอ่านเจอบทวิจารณ์นี่แหละ เรื่องเช่นนี้เป็นเรื่องที่เปิดเผยในสังคมตะวันตกมิใช่หรือ และการเปิดให้รับรู้ก็ดีกว่าจะปิดไว้อย่างที่ทำในสังคมเราเสียด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกก็คือไม่ได้อ่าน urban fantasy ที่เป็น sub genre fairy เท่าไหร่ พูดกันตามจริงก็อ่านเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ดังนั้น ถ้าจะบอกว่าคนเขียนทำการบ้านหรือค้นคว้าเรื่อง fairy มาดี ก็คงจะพูดหรือลงไปแตะไม่ได้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ fairy genre ที่เห็นมีแต่ film noire เป็นหลักชอบกล
ก็นั่นแล ก็ขอจบด้วยประโยคที่น่าจะอธิบายได้หมด There is always a choice.
ปล. ณ ขณะนี้ มีเรื่องที่เซ็ทในโลกเดียวกัน และใช้ตัวละครเดียวกัน พูดง่าย ๆ ก็คือเป็น sequal แบบไม่ค่อย sequal เท่าไหร่ คือ Ink Exchange ที่เล่าเกี่ยวกับ Leslie เพื่อนสนิทของ Aislinn และก็เกรงว่าดิฉันจะต้องหามาอ่านอีกเป็นแน่ แต่เนื่องจากไม่ชอบ hard cover ก็เลยจะลองไปอ่านก่อน ถ้าชอบจริง ๆ อาจจะซื้อ หรือมิฉะนั้นก็รอปีหน้า
No comments:
Post a Comment