Monday, 19 April 2021

รักนิรันดร์ของนายท่านแมว // 神木挠不尽

นี่คือรีวิวสุดท้ายก่อนกลับไปทำงานนน 5555 

//สปอยล์แหลกสปอยล์ลานนน เพราะว่าจะกรีดด//

เอาจริง อ่านเพราะไปๆ มาๆ ก็เป็นแฟนงานเขียนลวี่เยี่ยนเชียนเฮ่อมาแบบงงๆ ไม่รู้ตัว ตั้งแต่ “อร่อยล้นวัง” แล้ว แต่ว่ากว่าจะอ่านจริงๆ ก็ช้า เพราะว่าเมื่อก่อนไม่ชอบให้กงดำเนินเรื่อง จนกระทั่งจับพลัดจับพลูไปอ่านเนี่ยแหละ ติดจริงจัง อ่าน mtl จบก็กรีดไปคนเดียว แล้วก็เป็นบุญมาก เพราะปกติตกข่าวนิยาย LC สุดๆ กว่าจะเห็นก็รอบวางขาย แต่งวดนี้เดชะบุญไปเจอโดยบังเอิญ

เอาล่ะ เรื่องมีอยู่ว่า “จอมมารต้วนเทียน” หรือ “โม่เทียนเหลียว” ปรมาจารย์การหลอมอาวุธหลบหนีการไล่ล่าของทั้งฝ่ายธรรมะและมารที่อยากได้อาวุธเทพที่ตัวเองเพิ่งหลอมได้มาถึงหุบเขา และสุดท้ายเมื่อจนตรอกก็ตัดสินใจตกตายตามกันไปกับเหล่าผู้ไล่ล่าทั้งหมด เหลือความเสียใจอย่างเดียวก็คือต้องทิ้ง “อุ้งน้อยโม่” ลูกแมวสีขาวสุดที่รักเอาไว้ตามลำพัง

แต่ว่าถึงเวลา กลับกลายเป็นว่าดวงจิตของตัวเองถูกพลังรักษาไว้ และก็ล่องลอยไปเรื่อยๆ จนเจอต้นไม้เทพ ซึ่งพอผ่านไป 300 ปีก็ได้โอกาสที่จะใช้ต้นไม้นี้เป็นร่างใหม่ไป 

และเป้าหมายก็คือตามหาแมวสุดที่รักของตัวเองให้เจอ

แต่ว่าเทียบกับร่างเดิมที่พลังการฝึกปรือดี ตอนนี้ร่างใหม่ยังไม่มีความสามารถอะไรเลย และดังนั้น ก็เลยตัดสินใจสำนักเพื่อฝึกปรือ และตัวเลือกสำนักว่ออวิ๋นที่ไม่น่าจะเคยเห็นหน้าจริงตัวเองมาก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

พอเข้าสำนักมาแล้ว กลับได้รับเลือกจากเจ้าถ้ำ “ชิงถง” ผู้รูปงามแต่เย็นชาให้เป็นศิษย์สืบทอด และด้วยพลังปราณไม้ไฟก็ตัวเองได้ก็ได้วิชาฝึกที่แปลกประหลาดคือไปตัดไม้มาย่างเนื้อสัตว์ และระหว่างที่กำลังก่อไฟก็เจอลูกแมวน้อยสุดที่รักของตัวเอง ทำให้เจ้าตัวดีใจและโล่งใจมากที่ลูกแมวที่เป็นสัตว์ภูตยังอยู่ดีมีสุขในสำนัก

ซึ่งความจริงแล้ว แมวน้อยก็คือท่านอาจารย์ชิงถงเจินเหรินนั่นเอง และช่วงแรกการสลับมาตรวจตราคนเลี้ยงและศิษย์สืบทอดก็ดำเนินต่อไปด้วยร่างแมวร่างคน ก่อนที่วันหนึ่งอาการบาดเจ็บก็ทำให้โม่เทียนเหลียวเริ่มสงสัยและรู้ความจริงในที่สุด

รักแมวมาขนาดนี้แล้ว คราวนี้พอแมวกลายเป็นคนขึ้นมา อาการโอ๋ สปอยล์ เอาแต่ใจก็ตามมาไม่มีที่สิ้นสุด!!!

.

.

ถ้าจะสรุปให้ชัด เรื่องนี้ก็คือ “คนหลงแมว แมวติดคน” ได้อย่างเดียว เพราะจอมมารต้วนเทียนโหดร้ายฆ่าคนได้ไม่กระพริบตาอย่างไร ตลบตะแลงอย่างไร พอมากับแมวที่รักก็คือละลายเป็นทาสแมวระดับเกินเต็มแมกซ์ อะไรที่ดีที่ใช่ ก็คือสรรหามาให้แมวตัวเองทั้งหมด ในเรื่อง การจะมีมิติพิเศษเพื่อเก็บสิ่งมีชีวิตเป็นไปไม่ได้ แต่เพื่อใส่ของกินของเล่นของนอนอุ้งน้อยโม่ที่รักแล้ว ทำไมจะใส่สิ่งมีชีวิตไปไม่ได้? ถ้าอุ้งน้อยอยากจะเก็บหนู ผีเสื้อ นก ก็ต้องทำได้อยู่ดี ออกแบบกำไลพิเศษมาเป็นคู่เข้าเซ็ทกับตัวเองต่างหาก 

นอกเหนือจากนี้ของใช้ในชีวิตประจำวันก็ห้ามขาด ชามแมวก็คือหยกเย็นที่ทำให้อาหารไม่ร้อนเกินไปสำหรับลิ้นแมว แถมยังแกะสลักให้ตรงกลางนูนขึ้นมาเพื่อให้เวลากินแล้วหนวดไม่เปื้อนอีก รังแมว (ที่นอนแมว) ก็ต้องมีรังไหมหิมะไว้เพื่อที่จะนอนเล่นอยู่ในห้องหลอมอาวุธได้โดยที่ไม่รู้สึกร้อนเกินไป ที่ลับเล็บก็ไม่ต้องพูดถึง ก็ต้องเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์หายากที่ลับแล้วสัมผัสดีถูกใจแมวสิคะ 

แล้วด้วยความที่ปรมาจารย์หลอมอาวุธ คนทั้งโลกหล้ารู้กันหมดว่าของที่จอมมารต้วนเทียนทำล้วนแต่เน้นการใช้งาน ไม่เน้นรูปลักษณ์ พูดได้ตรงก็คือ อัปลักษณ์ แต่ความจริงก็คือขี้เกียจเท่านั้น ของเล่น ของใช้แมวตัวเองต่างหากที่ท่านจอมมารให้ความสำคัญ ใคร่ครวญพิจารณาว่าต้องดีทุกอย่างไม่มีผิดพลาด แล้วด้วยความที่เป็นคนชอบพลิกแพลงคิดนอกกรอบ การสร้างซัพพลายโดยที่ท่านแมวยังไม่เกิดดีมานด์ก็เป็นเรื่องปกติ ถึงขนาดอยากทำบ้านแมวที่ขยายใหญ่ได้ให้ด้วยซ้ำ แต่เพราะตายก่อน ยังไม่ได้ทำ แต่ระหว่างที่สำนักใหญ่ 3 สำนักมาประลองกันก็เลยถือโอกาสนี้หลอมบ้านแมวเสียเลย ทั้งปราณีตทั้งงดงามทั้งความคิดแปลกใหม่จนได้รางวัลชนะเลิศไป น่ารักที่ตอนอธิบายสรรพคุณให้กรรมการฟังแล้วเงียบเสียง เพราะกำลังเคลิ้มว่านายท่านแมวจะถูกใจบ้านแล้วคาบตัวเองเข้าบ้านไป แต่พอคนอื่นแห่เข้ามาจะลูบบ้านแมวไซส์เท่าบ้านของจริงก็รีบย่อส่วนไม่ให้ใครได้สัมผัส อ้างว่าพลังไม่เสถียร แล้วในใจรีบกรีดร้องว่าจะให้มือสกปรกมาแตะได้อย่างไร

นอกเหนือจากสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมอลังการเพื่อแมวแล้ว การเอาใจใส่แมวก็ยิ่งใหญ่ไม่แก้กัน เพราะว่าท่านแมวไม่ชอบอะไรสกปรก ผลไม้ที่ใหญ่เกินปากตัวเองกินแล้วเปื้อนก็ไม่อยากกิน คนเลี้ยงแมวก็รู้ทัน หั่นผลไม้เป็นชิ้นขนาดพอดีคำให้เสมอ น่องไก่ก็เอามีดมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เอาตะเกียบคีบง่าย ปลาก็ต้องเอามาเลาะก้างก่อนจะวางในจาน น้ำชาก็ต้องทิ้งไม่ให้ร้อนเกินไป ถึงขั้นที่ศิษย์พี่ของชิงถงอย่างเสวียนจีน้ำตาตกในเสมอ ว่าทำไมลูกศิษย์ตัวเองไม่ใส่ใจแบบนี้บ้าง  หรือถ้าอยู่ในร่างแมว ถ้าเห็นนายท่านแมวหงุดหงิดที่เท้าสกปรกก็รีบเอาน้ำมาล้างแล้วเช็ดให้ พอไปมีเรื่องไปกัดนกแก้ว นกยูงคนอื่น สิ่งที่รีบกรีดก็คือ ระวังขนเข้าปาก เดี๋ยวจะสำลักแล้วไม่สบายตัว หรือย้อนกลับไปตอนที่อยู่ในวังมารเวลาอุ้งน้อยโม่ปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาแล้วลงมาไม่ได้ร้องเหมียวเรียก ไม่ว่าจะคุยอะไรกับใคร ทาสแมวก็พร้อมจะรีบออกมา แล้วปีนหลังคาพานายท่านแมวลงมาเหมือนกัน

สรุปได้ว่า คนทั้งโลกรู้กันว่าปรมาจารย์ต้วนเทียนเป็นพวกหลงแมว ทั้งรักทั้งบูชา ไปไหนก็ต้องไปด้วย สิ่งเดียวที่มองเห็นก็คือนายท่านแมว ทั้งโลกพยายามประจบโดยการเอาคนงามมาเป็นบรรณาการขนาดไหน ตัวเองก็ไม่เคยใส่ใจ ไล่คนเหล่านั้นไปเผาฟืนบ้าง รดน้ำต้นไม้บ้างแค่นั้น ส่วนในชาตินี้ ก็เป็นลูกศิษย์กตัญญูที่ในหัวมีแต่การคิดปรนนิบัติอาจารย์ตัวเอง มีอะไรก็อยู่ข้างตัวชิงถงเจินเหรินพัดวีให้ทุกอย่างโดยที่ทางท่านอาจารย์ไม่ต้องเอ่ยปากพูดใดๆ 

ช่วงแรกดูผิวเผินเหมือนว่าโม่เทียนเหลียวเป็นทาสแมวรนหาที่ตายเสมอ เพราะว่าจะเอาหน้าไปซุก หรือโผไปกอดแมวก็จะถูกนายท่านแมวทั้งตบทั้งข่วนทั้งกัดกลับมา แต่พออ่านไปก็จะพบว่าอุ้งน้อยโม่เป็นแมวซึนตัวจริงเสียงจริงตัวเองก็มีความสุขกับการอยู่ร่วมกับทาสแมวของตัวเองอย่างมากเสมอ อย่างพอตอนกลางคืน หนีไปนอนที่ตำหนักตัวเองได้สักพักก็ต้องแปลงร่างกลับมาเป็นแมวเพื่อจะมาซุกอยู่ในอกเสื้อของโม่เทียนเหลียวเพื่อจะหลับ หรือเหตุผลจริงๆ ที่ท่านอาจารย์รูปงามมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังก็เพราะตัวเองฉีกทึ้งจิตตัวเองไปเพื่อรักษาจิตของโม่เทียนเหลียวไม่ให้หายไป เป็นการเสียสละให้เงียบๆ แต่ไม่เคยพูดออกมา 

เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งที่โม่เทียนเหลียวทำให้ชิงถงก็เป็นสิ่งที่สลักอยู่ในใจของนายท่านแมวเหมือนกัน อย่างที่เจ้าตัวคิดว่าช่วงตอนที่ยังเล็ก พ่อแม่ตายไป การอยู่ร่วมกับอาจารย์และศิษย์พี่ทั้งสองก็ไม่ได้เติมเต็มได้เหมือนที่อย่างโม่เทียนเหลียวทำ เพราะโม่เทียนเหลียววางให้อุ้งน้อยโม่เป็นที่หนึ่ง ทั้งรักทั้งใส่ใจเกินกว่าที่จะใครอื่นทำให้ได้ และกว่าจะรู้ตัวก็ทำให้ตัวเองยึดติดกับตัวโม่เทียนเหลียวไปด้วยแล้ว ชื่อตัว “ชิงถง” ก็เป็นชื่อที่ตั้งให้ตัวเองเพื่อให้เข้าคู่กับชื่อโม่เทียนเหลียวจากบทกลอนที่วังมารอีก 

ตอนที่บอกถึงความยึดติดที่สุดก็คือตอนที่คิดว่าอีกหน่อย โม่เทียนเหลียวก็จะสำเร็จเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์แล้วทิ้งตัวเองไป กลายเป็นประเด็นในใจ จนพอโม่เทียนเหลียวรู้ก็บอกว่างั้นจะไม่สำเร็จเป็นเซียน จะอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ร้อยปี พันปี หมี่นปีก็จะอยู่ด้วยกันไป แล้วพอชิงถงบอกว่าบนสวรรค์มีคนที่งดงามดีกว่าตัวเองเยอะ แต่พี่โม่ก็ย้อนถามว่าแล้วจะมีแมวที่ไหนกล้าฉีกทึ้งจิตตัวเองให้ หรือว่ากล้าเอาตัวมารับฟ้าผ่าให้อย่างที่แมวตัวเองทำไม เอาจริงก็เป็นการยึดติดสิ่งกันและกัน และก็เป็นฉากที่อ่านแล้วน้ำตาร่วงได้เลย เพราะว่าสำหรับตัวโม่เทียนเหลียวเองก็เหมือนกัน ว่าอุ้งน้อยโม่หรือชิงถมก็คือคนที่ตัวเองรักที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม 

กับการยึดติดสิ่งกันและกัน อีกตอนที่จะกลับไปวังมาร แล้วกลายเป็นว่าแม้ตัวชิงถงจะหาวิธีให้ไม่ใครเข้ามาข้างในได้เลย แต่เจ้าตัวไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาอีกเลยในช่วง 300 ปี เพราะเหตุผลคือไม่อยากกลับบ้านคนเดียว แล้วพี่โม่พูดอยู่ตลอดคำเดียวว่ากลับบ้านของเรา พออุ้มชิงถงร่างคนเข้าบ้านไป เจ้าตัวก็กลายร่างเป็นแมวไปนอนในที่นอนเดิมอย่างสบายใจ กับพอจัดการผู้บุกรุกเรียบร้อย และเรียกลูกน้องเก่ามาก สิ่งที่บอกก็คือสิ่งที่สำคัญเร่งด่วนที่สุดคือหาคนเลี้ยงปลา !!! ใช่ค่ะ ปลาของอุ้งน้อยโม่เป็นปลาน้ำพุเย็นที่ต้องเลี้ยงดี อร่อยนุ่มลิ้นถูกใจนายท่านแมว

แต่ด้วยความที่มาเป็นที่หนึ่งเสมอ ก็ทำให้นายท่านแมวใจแคบมาก และคิดเล็กคิดน้อยมาก เวลาทาสแมวไม่สนใจตัวเอง อย่างที่ลึกๆ จงเกลียดจงชังวัตถุดิบหลอมอาวุธหายากราคาแพงเสมอ เพราะว่าถ้าเจ้าตัวติดพันอยู่กับการหลอมอาวุธ ก็จะต้องให้ข้ารับใช้ในวังมารเตรียมอาหารให้ตัวเอง แทนที่เจ้าทาสแมวจะลงมือเอง หรือตอนหนึ่งก็เข้าใจผิดคิดว่าตัวโม่เทียนเหลียวใช้เวลากว่าค่อนเดือนหลอมอาวุธให้ภูติจิ้งจอก (เพราะรู้ว่าทาสโง่แพ้สัตว์ขนปุกปุย แม้จะรู้ว่าที่หนึ่งในใจก็คือตัวเอง) กว่าจะรู้ว่าหลอมจี้ให้ตัวเองก็น้อยใจไปแล้ว 

และด้วยมีคนเอาใจดูแลก็ทำให้ชิงถงเป็นแมวขี้เกียจไปด้วย เจ้าตัวก็ยอมรับเองว่าถึงขั้นขี้เกียจแม้เวลาจะเดิน เวลานอนหิวน้ำขึ้นมายังให้ทาสแมวป้อนน้ำให้โดยที่ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือมาหยิบจอกน้ำชาด้วยซ้ำไป แต่ส่วนตัวที่น่ารักก็คือ ตอนที่โม่เทียนเหลียวเอาจี้คล้องคอให้ แล้วอธิบายอย่างตั้งใจว่ามีคุณสมบัติอย่างไร ใช้งานอย่างไร นายท่านแมวก็ไม่ได้ฟังเข้าหูเลย เพราะคิดว่าทาสโง่อยู่แล้ว เดี๋ยวก็มีคนดูแลจัดการให้เอง

กับพอทุกอย่างลงตัวเป็นเหมือนเมื่อก่อนก็ทำให้นิสัยซุปเปอร์สปอยล์ชิงถงเจินเหรินกำเริบ ปกติการเดินทางด้วยเรือเหาะของสำนักก็เป็นเรื่องปกติ เทอะทะ ช้า แต่ว่าบรรลุทุกคนไปด้วยได้ ทว่าพอกลับมาอยู่ด้วยกัน ได้แต่สิ่งที่ดีสุด ก็ทำให้นายท่านแมวหันไปหาโม่เทียนเหลียวให้เอาบ้านแมวที่แปรสภาพเป็นพาหนะเดินทางได้ออกมาใช้เดินทางแทน หรูหราจนเรือเหาะของสำนักกลายเป็นซอมซ่อไป ซึ่งราคาในการใช้งานบ้านแมวก็คือ แค่ตั้งเฉยๆ เป็นบ้านก็กินหินพลังอย่างดีวันละ 3 ก้อนแล้ว

อีกอย่างที่น่ารักก็คือการที่อุ้งน้อยโม่อยู่ได้อย่างราบรื่นในสำนักก็เพราะสำนักว่ออวิ๋นปกป้องเหล่าสัตว์ภูติ แต่พออ่านไป จริงๆ แล้วสำนักนี่แหละคือดงสัตว์ภูติ! เหล่าอาจารย์จอมถ้ำและศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างก็เป็นสัตว์ภูติด้วยกันทั้งสิ้น และแต่ละตัวก็มีความเพี้ยนในแบบของตัวเองเสียด้วย เช่น ไป๋ลั่ว ศิษย์พี่ที่เป็นกระต่าย และมักตกที่นั่งลำบากเพราะเผลอไปกินสมุนไพรและพืชที่ตัวเองต้องดูแลอยู่ตลอดเวลา หรือว่าศิษย์ใต้สังกัดเสวียนจีเจินเหรินต่างก็กลัวชิงถงตัวสั่นขาสั่นเพราะว่ามีตั้งแต่ปลาไน ผีเสื้อ ความกลัวแมวเกินล้าน

จริงๆ หลังๆ ไม่ค่อยอ่านแนวเทพเซียน/ ฝึกตนเพราะรู้สึกว่ามันมีส่วนที่ขมตับไหม้เยอะ ทั้งจากตัวพล็อต ทั้งจากกรอบธรรมเนียม (โดยเฉพาะ 2HA ที่ใจไหม้ไม่ไหวแล้ว)  แต่ว่าเรื่องนี้ไม่มีแบบนั้นเลย ขอบคุณงานลวี่เยี่ยนเชียนเฮ่อที่ราบรื่นสวีทหวานมาก ไม่ผิดหวังจริงๆ ตอนที่พอกลับวังมารกลายเป็นจอมมารต้วนเทียนก็กลัวว่าจะเกิดอะไรไหม ไหนจะตอนที่เปิดมาว่ารักกับท่านอาจารย์ชิงถงเจินเหรินอีก ทั้งกับตัวเอง ทั้งกับสำนัก ถ้าเป็นเรื่องอื่นดราม่าฝ่ายธรรมะตะโกนกรีดร้องว่าผิดประเพณีอันดีงามมาแล้ว แต่เรื่องนี้ ทัศนคติพี่โม่เทียนเหลียว แล้วอย่างไร So what? มาก ชีวิตฉันเกี่ยวอะไรกับแก ยิ่งพอสำนักมารสำนักธรรมะบุกเข้ามาหาเรื่องว่ออวิ๋นเพราะรู้ว่าเป็นดงสัตว์ภูตินี่คือสะใจมาก พี่โผล่มาคือระเบิดหัวฝ่ายมารไปเลย แล้วพอฝ่ายธรรมะตะโกนด่าว่าชั่วร้ายก็บอกให้พวกมารฆ่าพวกธรรมะเสีย ฆ่าคนจะปล่อยไปคน เป็นการยืมมือคนอื่นฆ่ากันเอง ศิษย์อาจารย์สำนักว่ออวิ๋นที่กำลังเตรียมจะลุยก็เลยเอาของกินมากินพร้อมชมดูไปแทน แถมเพราะเป็นเหล่าสัตว์ภูติที่ไม่ยึดติดธรรมเนียม สุดท้ายก็คือแก้ไขด้วยการตัดขาดจากสำนักธรรมะใหญ่กลายเป็นเอกเทศไป

หรือฉากเปิดตัวกับผู้ใหญ่ (ศิษย์พี่ทั้งสองของชิงถง และอาจารย์) ก็น่ารักและราบรื่นกว่าที่คิด เพราะแม้ตัวเสวียนจีเจินเหรินจะกังวลว่าโม่เทียนเหลียวจะไม่ให้ความสำคัญกับศิษย์น้องของตัวเอง แต่พอไปเจอเจดีย์ที่เก็บของวิเศษของพี่โม่ที่วังมารก็ต้องเปลี่ยนความคิดไป เพราะชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยของใช้ของอุ้งเท้าโม่สมัยเป็นเด็กวางเป็นระเบียบสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นชามบิ่น ผ้าห่มขาด ที่สำคัญคือเอาขนที่ร่วงในแต่ละปีมาทำเป็นตุ๊กตาสะสมเป็นคอลเล็คชั่นในตู้อีก ถึงขั้นท่านเสวียนจีพูดไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อลงไปชั้นใต้ดิน แล้วอาวุธมีค่า ของวิเศษควรเมืองทั้งหลายวางกันเขละขละเป็นภูเขาขยะ หรือพอไปเจอท่านอาจารย์ของชิงถงเอ่ยปากพูดถึงอดีตวัยเด็กของแมวที่รัก เจ้าตัวก็รีบเอาแผ่นหยกที่มีดวงชะตาตัวเองให้ พอท่านอาจารย์ของชิงถงอึ้งเงียบไปว่าแม้แต่ในหมู่ผู้ฝึกตัวก็ไม่มีธรรมเนียมแลกดวงชะตาเหมือนชาวบ้านนะ พี่โม่ก็บอกว่าเพราะไม่รู้ว่าธรรมเนียมสัตว์ภูติเป็นอย่างไร ต้องเตรียมให้พร้อมไว้ก่อน จนอีกฝ่ายต้องเอาหยกมาเขียนดวงชะตาลูกศิษย์ตัวเองให้กลับไป

ชอบตอนพิเศษที่พอไปอยู่บนสวรรค์แล้วล้าลากันมากๆ ทั้งชิงถงได้เจอพ่อแม่และมีตระกูลทั้งตระกูลปู่ย่าไปจนถึงปู่ทวดครบไม่ต้องเหงา ส่วนตัวโม่เทียนเหลียวก็ได้เจออาจารย์ตัวเอง ดูเป็น HEA ที่ความสุขอยู่ตลอดไป 

ก็ให้ A นะคะ สรุปได้อย่างที่พูดไปแล้วว่า “คนหลงแมว แมวติดคน” จริงๆ ยิ่งขึ้นไปบนสวรรค์เป็นการสปอยล์แมวสเกลใหญ่กว่าเดิมอีก เพราะว่าไปเอาใจให้ของเล่นทั้งเผ่าเสือขาวแล้ว

ส่วนตัวกลัว LC อยู่หน่อยๆ เพราะว่าชอบงานเนียนเนี๊ยบ ทั้งชื่อ ทั้งปก ทั้งการแปล แต่สำหรับ “รักนิรันดร์ของนายท่านแมว” ให้ผ่าน เพราะชอบปกมาก แม้อยากจะให้ชื่อทั้งภาษาจีนและภาษาไทยเด่นน้อยกว่านี้ก็เถอะ (เอาจริง ถือว่าค่อนข้างรกตานะ ถึงจะมีโปสการ์ดกับโปสเตอร์ A4 ให้เพ่งก็เถอะ) กับการแปล ดีใจและโล่งใจที่ไม่มีคำภาษาสแลง/ ตามกระแสมา ยกเว้นที่เจอคำว่า “เสื้อผ้าหน้าผม” อยู่ 2-3 ครั้ง  กับอธิบายเตียวม่วงว่า เตียวสีม่วงง อืมม...

แล้วก็คือความบ้างานลวี่เยี่ยนเชียนเฮ่อกำเริบอีกแล้วว กรี๊ดดดด จบดีกว่า ยิ่งเขียนยิ่งยาววว

No comments:

Post a Comment