Monday, 7 June 2021

DASH by 이젠(ijen)

//สปอยล์แหลก เพราะกรีดแหลกกก อยากกรีดร้องก่อนอกจะแตกตายย และยาวมากก เพราะจะพิมพ์ทุกอย่างที่นึกออก และอยากกรีดด!//


คือปกติไม่อ่านเรื่องแนวปัจจุบัน แล้วยิ่งเป็นเรื่องกีฬาอีก ยิ่งไม่อ่านเข้าไปใหญ่ แต่ว่ามาอ่านตามอีเวนต์ที่เปิดให้อ่าน 30 ตอนแรก แล้วเป็นอย่างไรคะ? ไม่ไหวแล้ววว สนุกมาก ดีมากกก ปาดซื้อหมดครบ 189 ตอนแล้วอ่านไม่หลับไม่นอนกันไป!! พล็อตไม่มีอะไรมาก แต่คนเขียนลงรายละเอียดอารมณ์ละเมียดมากก โอ๊ยย รักมากก ชอบมากก เอาไป A++ เลยยยย!!

Jung Jiheon เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแต่หลังปลดระวางตัวเองก็ทำงานในบริษัทเอเจนซี่ที่คอยดูแลนักกีฬา และเมื่อบริษัทต้องการทำสัญญากับนักกีฬาว่ายน้ำดาวรุ่งคนดังอย่าง Kwon Jaekyung ตัว Jiheon ที่เคยฝึกว่ายน้ำที่สระเดียวกับ Jaekyung ก็ต้องเป็นคนติดต่อประสานงาน

เอาจริง เปิดมามันไม่มีอะไรมากเลย มีแค่แบบนี้จริงๆ แต่ว่าเรื่องของเรื่องก็คือแม้ว่าจะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้ข้อเสนอดีมาติดต่อ แต่ Jaekyung ก็ยอมทำสัญญากับบริษัทเล็กๆ ของ Jiheon โดยมีเงื่อนไขในตอนแรกว่า Jiheon จะต้องอยู่ในทีมดูแลด้วย ซึ่งก็เข้าใจได้เพราะสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน และ Jiheon ก็เคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหมือนกัน แต่วันเซ็นต์สัญญา ระหว่างที่สองคนแยกไปคุยตามลำพัง ตัว Jaekyung ก็เพิ่มเงื่อนไขมาว่าจะยอมถ่ายโฆษณาให้กี่ครั้งก็ได้ แต่ทุกครั้ง Jiheon จะต้องยอมทำตามคำขอของ Jaekyung ให้หนึ่งเรื่อง 

การดูแลนักกีฬาเก่งขนาดที่เคยได้เหรียญทองระดับนานาชาติทุกสระมาแล้วไม่ยาก เพราะความมีวินัย จริงจัง และขยันซ้อมของ Jaekyung แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือทัศนคติและการเข้าสังคมของเจ้าตัว ไม่ว่าจะเป็นความเอาแต่ใจ ไม่ฟังใคร และมีหลักการส่วนตัวของตัวเอง ไหนจะเกรี้ยวกราดและขี้โมโหอีก แต่ Jiheon ก็รับมืออย่างอดทน ใจเย็น เพราะส่วนหนึ่งคือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ตัวเอง และส่วนหนึ่งก็คือ Jaekyung เป็นรุ่นน้องของตัวเองมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า Jaekyung จะว่าง่ายและเชื่อฟังเป็นพิเศษเมื่อ Jiheon เป็นคนออกปาก 

และเมื่อถ่ายโฆษณาชิ้นแรกเสร็จ คำขอของ Jaekyung ก็คือให้ Jiheon ลงมาในสระด้วยกัน 

ซึ่งเพราะตัว Jaekyung เองก็ต้องซ้อม และ Jiheon ก็ไม่ต้องการกวนอีกฝ่าย ดังนั้นก็เหมือนต่างคนต่างว่ายน้ำไปเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่สถิติแต่ละวันของ Jaekyung ดีขั้นเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่สองคนไม่เคยคุยกัน หรือมีปฎิสัมพันธ์กันระหว่างนั้นเลย แต่แต่ละวันเดิมที เวลาพักตัว Jaekyung จะขึ้นไปนั่งหมดสภาพ เอาผ้าปิดหน้าอยู่นิ่งๆ บนม้านั่ง ก็กลายเป็นพักอยู่ในสระแล้วเกาะเชือกกั้นลู่ว่ายน้ำ แล้วมอง Jiheon ว่ายน้ำไปเงียบๆ แทน

จนช่วงใกล้แข่ง Jiheon ออกปากให้ Jaekyung ระวังตัวเวลาคบหากับเพื่อนดาราที่สนิทและมีข่าวด้วยกันหลายครั้ง ตัว Jaekyung ก็พูดออกมาเป็นแค่เพื่อนและตัวกันเวลาเพื่อนดาราและแฟนตัวจริงเจอกัน และในที่สุดก็พูดเป็นนัยๆ ว่าคนที่ตัวเองชอบเป็น Jiheon ต่างหาก

ซึ่งก็ทำให้ตัว Jiheon หลบหน้า และให้รุ่นน้องในทีมเป็นคนคอยดูแลแทน ... จนกระทั่งตัวเลขค่าความเครียดของ Jaekyung เพิ่มขึ้น และ Jiheon ก็ต้องกลับไปดูแลเหมือนเดิม แล้วก็กลายเป็นว่า Jaekyung สร้างเรื่องเพื่อให้ตัว Jiheon กลับมา

จนกระทั่งแข่ง Pan-Pancific เสร็จ และ Jaekyung ได้เหรียญทองตามที่คาด

เหตุการณ์น่าจะจบด้วยดี โดยที่การแข่งครั้งนี้น่าจะเป็นการแข่งครั้งสุดท้ายของตัว Jaekyung ก่อนที่ตัวเองจะเลิกว่ายน้ำ อย่างไรก็ตาม เพราะตัวบริษัทใหญ่ที่ Jaekyung เคยคิดจะทำสัญญาด้วย พยายามทำลายภาพลักษณ์ของตัว Jaekyung เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับนักกีฬาว่ายน้ำในสังกัดของตัวเองในฐานะตัวแทนของ Jaekyung ก็ทำให้ทางออกมีแค่เจ้าตัวต้องลงแข่งโอลิมปิกอีกรอบเพื่อกู้ชื่อเสียงและทำลายข่าวฉาวที่มีเสีย

แต่ว่าคนที่ได้รับผลกระทบอย่าง Jaekyung กลับไม่สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย และเมื่อ Jiheon เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม Jaekyung ก็ไม่ฟัง จนกระทั่งหนักๆ เข้าก็ประชดว่าถ้า Jiheon ยอมนอนด้วย จะยอมลงแข่ง

และ Jiheon ที่ไม่อยากให้ตัว Jaekyung เสียใจทีหลังก็ตัดสินใจรับปาก และดังนั้น ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้สถานะระหว่างกันของทั้งสองคนเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ตัวตนของแต่ละคนก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ร่วมกับอีกคนด้วยด้วย

.

.

.

โอยยยย เอาจริง มันคือเรื่องของลูกหมาเด็กที่หลงรักอีกคนมาตั้งแต่เด็กค่า เรื่องเล่าจากมุมมอง Jiheon ตอนแรกก็เหมือนว่าทั้งสองคนไม่เคยมีปฎิสัมพันธ์ใดๆ อะไรกันเลย ยกเว้นที่เวลาฝึก/เรียนว่ายน้ำของทั้งสองคนชนกัน และตัว Jiheon ที่ไปถึงสระเสร็จ ก็จะไปนั่งดู Jaekyung ตอนเด็กฝึกว่ายน้ำระหว่างรอ แต่พออ่านไปเรื่อยๆ จะพบว่าจริงๆ แล้ว Jaekyung ปลื้มรุ่นพี่อย่าง Jiheon มาก เพราะเป็นคนที่เพิ่งไปเอาชนะได้เหรียญทองแดงฟรีสไตล์ในการแข่งโอลิมปิกที่เบอร์ลินมา และครอบครัวของ Jaekyung ก็ถึงขนาดที่ยอมย้ายบ้านข้ามจังหวัดมาเพื่อที่จะให้ Jaekyung ได้ฝึกในสระเดียวกับรุ่นพี่ที่ลูกชายคนเล็กปลื้มด้วยซ้ำ แต่เพราะตัวลูกหมาเด็กของเราเป็นเด็กขี้อายมาก ก็ไม่กล้าพูดโต้ตอบอะไรเวลาที่  Jiheon มาทักเลย หรือเพราะระหว่างโต ด้วยความที่ต้องระวังตัว ก็เลยกลายเป็นพวกเก็บตัว และไม่สนใจคนอื่นไป แม้ว่าจะตื่นเต้นดีใจขนาดไหนที่ได้เจอ และอยู่ร่วมกับรุ่นพี่ที่ตัวเองชื่นชมก็ทำให้ไม่ยอมพูดอะไร กลายเป็นลูกหมาซึนที่ทำท่าขู่แยกเขี้ยว แต่ข้างในตาแป๋วกระดิกหางอยากให้ลูบหัวเล่นด้วยตลอดเวลา 

ช่วงหลังจากที่สองคนมีอะไรกันแล้ว ก็จะมีตัดไปเป็นมุมมองของตัว Jaekyung ช่วงสั้นๆ แล้วก็จะพบว่า “รถไถ” (Jiheon แอบเรียก Jaekyung ในใจว่า bulldozer ในแง่ที่ว่ามีอะไรก็ลุยเดินหน้าดะ พุ่งชนแหลก ได้คืบก็จะเอาศอก) แอบชอบรุ่นพี่มาตลอด เวลาที่ไม่ได้ว่ายน้ำก็จะนั่งดูวีดีโอตอน  Jiheon แข่ง โดยเฉพาะหลังได้ย้ายมาแล้วรู้จักตัวกันจริงๆ ก็เริ่มเห็นอีกฝ่ายเป็นมากกว่าแค่นักกีฬาว่ายน้ำ แต่เป็นคนที่มีชีวิตจริงๆ อยากรู้ว่าชอบฟังเพลงอะไร นิสัยเป็นอย่างไรทุกอย่าง และหลังที่รู้ว่าตัว  Jiheon เลิกว่ายน้ำแล้ว Jaekyung ในวัย 11 ขวบก็มีอาการเศร้า และหดหู่ ถึงขั้นร้องไห้ทุกครั้งตอนขึ้นจากสระมาพัก แต่เพราะอยากให้รู้ว่าตัวเองเริ่มว่ายน้ำและอดทนมาก็เพราะ Jiheon เลยกัดฟันเพื่อให้วันหนึ่งที่ชนะได้เหรียญทองว่ายน้ำครบ 4 สระหลัก (Grand Slam ของกีฬาว่ายน้ำ) ก็จะไปบอกรุ่นพี่ว่าได้แรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นมาจากใคร 

แต่จริงๆ ก็เป็นความหมกมุ่นลุ่มหลงที่ Jaekyung มีกับ Jiheon ด้วย เพราะตัว Jaekyung ดูวีดีโอการแข่งของ  Jiheon มาตลอด ตั้งแต่เด็กก็นั่งกินข้าวไป ดูวีดีโอในมือถือไป นั่งรถตอนกลับจากสระก็เปิดดู และเป็นการดูทุกวัน ไม่เคยขาด ไม่มีวันที่ไม่ได้ดู และทั้งชีวิตก็ไม่เคยดูวีดีโอนักว่ายน้ำคนอื่นเลย แม้ว่าควรจะต้องศึกษาคู่แข่งก็ตาม (แม้ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะตัวเองเก่งมากจนไม่ต้องเข้าใจรู้จักคู่แข่งแต่อย่างไร) ยิ่งไปกว่านั้น ท่าว่ายน้ำของตัวเองก็เอามาจากท่าของ Jiheon ยิ่งไปกว่านี้ ถึงขนาดที่ฟรีสไตล์ซึ่งเป็นท่าถนัดที่สุดของ Jaekyung ก็เพราะ Jiheon แข่งด้วยท่านี้ และก็มีช่วงที่เพื่อนนักกีฬาว่ายน้ำของ Jaekyung มาแฉให้ Jiheon ฟังว่าจะปลื้มนักกีฬาในดวงใจแล้วนั่งดูทุกวันไม่แปลกหรอก แต่สิ่งที่แปลกก็คือการอยากนอนด้วยต่างหาก มิหนำซ้ำคนที่เคยมีข่าวกับ Jaekyung ก็ล้วนแต่เป็นคนที่หน้าตา รูปร่างเหมือน  Jiheon ด้วย (ซึ่งก่อนหน้านี้ ตอนที่ Jaekyung สารภาพรักไป ตัว  Jiheon ก็บอกว่า ถ้าเจอคนที่เหมือนตัว Jiheon แต่ดีกว่าล่ะ และ Jaekyung ก็พูดสวนขึ้นมาเลยว่า พยายามทำมาแล้วสองรอบ แต่ไม่เคยได้ผลเลย)

โดยเฉพาะชื่อเรื่อง DASH ตอนแรกคิดว่าหมายถึงการว่ายน้ำเร่งเร็วอย่างเดียวตามชื่อกีฬาในเรื่อง แต่พออ่านไป คำว่า DASH ไม่ได้แค่หมายถึงช่วงเร่งความเร็วเพื่อแตะขอบสระ แต่เป็นความตั้งใจของ Jaekyung มาตลอดที่จะเอื้อมถึงตัว Jiheon อย่างที่เจ้าตัวพูดว่าเป็นการว่ายน้ำระยะไกล อดทนมาตลอด ตอนนี้เป็นช่วง DASH แล้ว ยังไงก็จะไปให้ถึงขอบสระให้ได้ และภายหลังตอนที่ Jiheon สารภาพรักกลับ ก็ใช้นัยยะเดียวกัน บอกว่าตัว Jaekyung แตะขอบสระ (ใจของ Jiheon) มานานแล้ว ฮือออ 

ตอนแรกที่อยู่ด้วยกันใหม่ๆ ก็เหมือนว่าจะมีแค่เรื่อง sex เพิ่ม—ขึ้นมา และเพื่อให้เจ้ารถแทรกเตอร์มีสมาธิกับการซ้อมก็เลยว่ามีอะไรกันได้แต่ช่วงเสาร์อาทิตย์ที่พักซ้อม แต่เพราะแม่ของ Jaekyung อยู่ที่บ้าน ก็เลยต้องไปที่บ้านของ Jiheon แทน และที่น่ารัก (?) ก็คือว่าเพราะตัวรถไถติดรุ่นพี่มาก แทนที่จะไปนอนด้วยกันแล้วต่างคนต่างแยกย้ายก็กลายเป็นว่าเจ้าตัวไปสิงอยู่ที่บ้าน  Jiheon ช่วงวันหยุดไป ครั้งแรกที่ไปนัดกัน 4 โมงก็ไปถึงตั้งแต่ 2 โมง กับพอบอกว่าถึงเวลากินข้าวเย็นก็ตื่นเต้นว่า  Jiheon จะเป็นคนลงมือทำกับข้าวเหรอ แม้จะกลายเป็นกินซูซินอกบ้านไป และที่ขำมากก็คือ Jaekyung ทำเตียงพัง (ทำจนเตียงพัง!) และ Jiheon ต้องซื้อฟูกใหม่ ลูกหมาพยายามจะออกเงินซื้อฟูกคืนเพื่อชดใช้ให้ แต่ Jiheon ออกปากปฎิเสธ เพราะกลัวว่าจะเป็นข้ออ้างที่ให้เด็กรถแทรกเตอร์เดินหน้าลุยมาอยู่บ้านตลอด จบที่เจ้าตัวบอกว่า พูดอะไรอย่างนั้น ยังไงก็จะไปอยู่ที่บ้านด้วยอยู่ดี 

ยิ่งอยู่ด้วยกัน ก็ยิ่งปิดโลกไม่มิด เนื่องจากลูกหมาที่ขวางโลกแสนจะเชื่องแล้วก็ติดหนึบกับรุ่นพี่เสียเหลือเกิน เพราะ Jaekyung เป็นขวัญใจคนทั้งประเทศ เป็นนักกีฬาที่เก่งเป็นที่ชื่นชม พอมีรายการทีวีมาถ่ายทำเรื่องการซ้อมเก็บตัวเพื่อการแข่งโอลิมปิก และอยากให้ทีมของเอเจนซี่ที่ดูแลนักกีฬาปรากฏตัวในรายการด้วย ตัว Jiheon พยายามเลี่ยงให้รุ่นน้องคนอื่นไปแทน แต่ก็เลี่ยงไม่พ้น ถึงขั้นที่พอนัดคุยกับทีมงานแล้วพบว่าเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยตัวเองก็พยายามทำเป็นไม่สนิทใดๆ กับรถเกลี่ยดินไซส์ยักษ์เลย เรียกชื่อเต็มเป็นงานเป็นการ แต่ก็พังไม่เป็นท่าเพราะตัว Jaekyung เข้ามาประชิดตัวทำจมูกฟุดฟิดถามว่าเปลี่ยนยี่ห้อบุหรี่เหรอ ทำไมกลิ่นต่างไปจากเดิม ถึงขั้นนี้แล้ว ใครจะเชื่อว่าไม่สนิทกันอีก ยังไงก็เลี่ยงการถ่ายทำด้วยกันตอนซ้อมไปไม่พ้น

และที่สำคัญ จริงๆ แล้วตัวลูกหมาเด็กเป็นพวกที่ต่อต้านโลก เกลียดการเข้าสังคมอย่างหนัก ถึงขั้นที่แทบไม่มีปฎิสัมพันธ์กับใครเลย แต่พอถ่ายทำรายการ แล้วพี่ Jiheon มาออกทีวีด้วยกัน แทนที่จะปิดปากเงียบก็ให้ความร่วมมืออย่างดีเกินกว่าเหตุทุกครั้ง ตอนที่จะให้ Jiheon ยกเวทด้วยก็ให้ยืมเสื้อผ้าตัวเอง พอกำลังยกเวทก็เอ่ยปากชมทั้งกล้ามเนื้อ ทั้งท่าทางตอนออกกำลัง ถึงขั้นบอกว่าคนที่ได้ดูโชคดี และการดูตอน Jiheon ซ้อมได้ผลมากกว่าฟังตามครูฝึกสอน ยิ่งตอนไปห้องส่ง ที่ทุกคนส่ง Jiheon ไปประกบเพราะแม้แต่เด็กสามขวบ (ตามคำในหนังสือเลย) ยังรู้ว่าขืนให้ Jaekyung ตอบคำถามเองคงมีมากสุดแค่ “ใช่” กับ “ไม่ใช่” แต่บังเอิญพิธีกรเผลอไปถามเรื่องของ Jiheon เข้า และก็ไม่เหลือ เด็กปากหนักเล่าเรื่องเป็นพารากราฟ และร่ายยาวแถลงสุนทรพจน์อย่างชื่นชม ยกย่อง และเทิดทูน จบด้วยคำว่า ที่มาถึงได้อย่างวันนี้ก็เพราะ Jiheon เป็นทั้งแรงบันดาลใจ ความมุ่งมั่น นี่คือสิ่งที่อยากบอก Jiheon มาตลอด แถมยังจ้องหน้า Jiheon สบตาอย่างจริงจังอีก

ซึ่งดังนั้น พอออกทีวีจริงๆ สิ่งที่ Jiheon กลัวก็กลายเป็นเรื่องจริงจนได้ อัจฉริยะว่ายน้ำที่ทุกคนรู้ว่าขวางโลกออกมาแสดงออกถึงขนาดนี้ แทนที่ประเด็นสนทนาจะอยู่ที่ว่าเป็นนักว่ายน้ำความหวังของเกาหลีอย่างไร ซ้อมหนักตั้งใจขนาดไหน ก็กลายเป็นหลักว่า นี่คือการเปิดตัวเหรอ? อยากอวดคนรักขนาดนี้เสียใช่ไหม? กลายเป็นประเด็นร้อนของชาติไป และที่ผิดทิศทางก็คือว่า ไปๆ มาๆ ทุกคนก็คาดฝันไปแล้วว่าในอนาคต  กีฬาว่ายน้ำของเกาหลีต้องรุ่งแน่นอน เพราะว่ารุ่นที่สอง ก็ต้องเป็นนักว่ายน้ำที่ดีไม่แพ้ตัว Jaekyung กับ Jiheon แน่นอน เป็นการยอมรับและเปิดตัวไปโดยปริยาย

และเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ ตัว Jiheon ก็เลยต้องไปสารภาพกับแม่ของ Jaekyung กับตัว แต่ทว่ากลายเป็นตัวแม่รถไถโล่งใจถึงขั้นร้องไห้แทน บอกด้วยซ้ำว่าเห็นลูกตัวเองแบบนี้คิดว่าจะต้องอยู่คนเดียวไปจนตายแน่ แต่พอมี Jiheon ด้วยก็โล่งใจ โดยเฉพาะเมื่อลูกชายตัวดีตัวเองหลงรัก Jiheon มาตั้งแต่เด็ก — แม่ที่รู้จักลูกชายตัวเองเกินไป มองว่าทั้งหมดเป็นความผิดและการกระทำของลูกชายทั้งสิ้น ตั้งแต่ไปเกาะอยู่กับ Jiheon ที่บ้านแล้ว ถึงขั้นคิดด้วยซ้ำว่าที่ต้องมาอยู่ด้วยกันก็เพราะตัวลูกชายบังคับขู่เข็ญ Jiheon แลกกับเรื่องไปโอลิกปิกแน่นอน (คุณแม่แม่นจน Jiheon มากอึ้งว่าแม่ลูกสืบทอดลางสังหรณ์แบบนี้มาเหมือนกันใช่ไหม)

แต่จะว่าไป การที่ความแตกก็ไม่ใช่ความผิดของรถไถเอาแต่ใจฝ่ายเดียว เนื่องจากส่วนตัว ด้วยความที่เป็นคนใจเย็น และผ่อนปรน ตัว Jiheon ก็ยอมให้ Jaekyung เสมอ มีอะไรก็พยายามทำให้ลูกหมาน้อยพอใจ และเมื่ออยู่ด้วยกันและลูกหมามีอาการติดและอ้อนตัวเอง ด้วยท่าทีเด็กๆ ตรงไปตรงมา และแสดงความรู้สึกชัดเจน ตัว Jiheon ก็เริ่มคิดว่านิสัยเด็กๆ เช่นนี้น่ารัก และอดไม่ได้ที่จะเอาใจอีกฝ่าย จนไปถึงขั้น “โอ๋” ด้วยซ้ำ อย่างตอนมีนักกีฬาอีกคนสังกัดบริษัทมาเกาะแขน Jiheon แล้วเรียก “พี่” ลูกหมาน้อยก็แยกเขี้ยวพร้อมขวางแล้ว พอ Jiheon ลากไปคุย เจ้าลูกหมาก็งอแงว่าทำไมปล่อยให้เรียก นัยว่าชื่อนี้ ตำแหน่งนี้ตัวเองเรียกได้คนเดียวนะะ! ไม่ยอมอาละวาดว่าต้องไปบอกนะว่าเรียกไม่ได้ แล้วพอรุ่นพี่ที่รักถามว่างั้นจะให้บอกเหตุผลฝ่ายนั้นอย่างไร ก็รีบพูดไปว่า บอกไปสิว่าแฟนไม่ชอบ ซึ่งคุณพี่ก็พูดจริงๆ ด้วย พอบอกไปว่า ไม่ได้นะ แฟนไม่ชอบ และด้วยความที่เพิ่งเกาะแขนสนิทสนมแล้วมีฟีคแบ็คจากคุณแฟนทันทีเช่นนี้ อีกฝ่ายก็รู้ว่า “แฟน” ที่พูดถึงจะต้องอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยแน่นอน ซึ่งก็น่าจะเป็นใครไม่ได้ นอกจากลูกหมายักษ์แน่ 

และดังนั้น เพื่อแก้แค้น ฝ่ายนี้ก็รีบพูดขึ้นมาว่า แฟนเด็กไม่ดีเพราะเด็กเกินไป แล้วยกเรื่องแฟนเก่าตัวเองเพื่อที่จะหาเรื่องแขวะ Jaekyung แต่คือ Jiheon ก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า แล้วแบบนี้ไม่ดีเหรอ น่ารักออกนะ มีอะไรก็แสดงออกชัดเจน ไม่แสแสร้ง ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง ไม่ทำว่าตัวเองรู้มากกว่าเหมือนผู้ใหญ่ กับอีกอย่างก็คือตัวเองตัวใหญ่อยู่แล้ว ไม่เคยเจอใครตัวใหญ่กว่าเลย ก็เลยชอบมาก (Jiheon สูง 184 ซม. ขณะที่ตอนนั้น Jaekyung สูง 192 ซม.) พูดไปก็หันไปคีบซูซิปลาไหลในจานตัวเองไปให้ Jaekyung อีก ไม่ได้ทำเพราะอวดเอาใจ แต่เป็นอัติโนมัติเพราะรู้ว่า Jaekyung ชอบ ทำกันถึงขนาดนี้ 

กับอีกตอน ตอนรุ่นพี่ที่มาถ่ายทำรายการบอกว่าอยากได้ชีวิต Jaekyung นอกเหนือไปจากตอนซ้อมว่ายน้ำอีก มีอะไรจะใส่เพิ่มไปได้ไหม ตัว Jiheon ก็รีบบอกเลยว่า ไม่ต้องห่วง มีอยู่แล้ว น่ารักมากๆ แน่ รุ่นพี่ถามว่า ทำอะไร ฝ่ายนี้ก็รีบบอกว่ากินไอติม Mcไง น่ารักมากๆ รุ่นพี่ได้ฟังก็นิ่งไป ก่อนจะถามว่าน่ารักตรงไหน ธรรมดาจะตาย ก่อนจะคิดว่าตัว Jiheon เป็นเหมือนพวกผู้จัดการดาราที่คิดว่าเด็กปั้นของตัวเองดีที่สุด น่ารักที่สุดสินะ 

แต่จริงๆ โทนเรื่องนี้มีช่วงค่อนข้างหนักเข้ามาเป็นระยะๆ ส่วนหนึ่งที่อ่านแล้วเครียดมากก็คือเรื่องของตัว Jiheon เอง ด้วยความที่คนทำอะไรจริงจัง และทุ่มเทลงไปสุดตัวตั้งแต่ช่วงว่ายน้ำและพอเลิกว่ายก็หันมาทุ่มเทกับการเรียน และความรัก ด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดี และมีชื่อเสียงในฐานะนักว่ายน้ำมาก่อน ก็เลยมีคนมาชอบเยอะ และเมื่อมีคนมาขอเป็นแฟน เจ้าตัวก็ตอบตกลงตลอด เพราะรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องตอบรับ แต่ว่าฝ่ายที่เข้ามาก็เพียงแต่ผิวเผิน ทำให้ต้องเสียใจและกลัวความรักความสัมพันธ์ และขณะเดียวกัน มีอะไรก็เก็บไว้กับตัวคนเดียว พยายามจัดการและแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งในแง่หนึ่งก็คือโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองอยู่เสมอ อย่างที่ตัว Jaekyung บอกว่า Jiheon จะใจดี เปิดกว้างกับคนอื่น แต่ว่าเข้มงวดกับตัวเอง 

และพออ่าน แนวโน้มทำร้ายตัวเองเช่นนี้ของ Jiheon ก็ทำให้กดดันเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวเป็นโอเมก้าที่ฟีโรโมนมีผลกระทบกับ Jaekyung มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการ imprint/ engrave ระหว่างกันโดยไม่รู้ตัวในวัยเด็ก ที่ทำให้ Jaekyung ตอบสนองและอ่อนไหวกับฟีโรโมนของ Jiheon มาก และเพื่อไม่ให้กระทบกับการฝึกของ Jaekyung ตัว Jiheon เลยตัดสินใจเพิ่มปริมาณยากดฟีโรโมนตัวเอง ซึ่งก็ส่งผลให้ไม่สบายตามมา ทั้งปวดหัว เวียนหัว อาเจียน จนน้ำหนักลด และเมื่อสุดท้าย หนักถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลก็ทำให้ Jaekyung รู้เรื่องในที่สุด 

กับอีกอย่าง เพราะการต้องงดยากดฟีโรโมนก็ทำให้เกิดอาการฮีท ที่ไม่ใช่แค่ Jiheon แต่เป็นกับ Jaekyung ด้วย และเมื่อผ่านค่ำคืนร้อนแรงไป ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Jiheon ท้องขึ้นมา และแม้จะรู้ว่าตัว Jaekyung เริ่มมีความตื่นเต้นคาดหวังที่จะมีลูก (จากตอนที่อยู่ด้วยกัน และฮอร์โมน และความรู้สึกที่พูดว่า ถ้าท้อง อยากได้ลูกสาวหน้าเหมือน Jaekyung) ก็เลยทำให้ไม่กล้าบอกความจริงกับเจ้าตัว เพราะรู้ว่าโอเมก้าชายมีแนวโน้มที่จะแท้งในช่วง 12 สัปดาห์แรก และหากจะมีอะไรผิดพลาด ก็ไม่อยากให้ Jaekyung มีหวัง แล้วเสียใจ โอย ความรู้สึกบอก-ไม่บอก-บอก-ไม่บอก นี่ช่างกดดันเกินจะอ่านไหวจริงๆ ซึ่งจนในที่สุด Jiheon เกิดมีเรื่อง แต่ว่าเก็บลูกไว้ได้ ก็เลยทำให้ตัดสินใจบอก Jaekyung ในที่สุด 

กว่าจะถึงนาทีนี้ โอยยย แทบจะหยุดหายใจไปไม่รู้กี่รอบบบ น่ารักที่ตัว Jiheon เอารูปอัลตร้าซาวด์ให้ดูก่อน และขอน้อง Jaekyung แต่งงาน ซึ่งก็กลายเป็นว่าตัว Jaekyung ดีใจจนไม่รู้จะดีใจอย่างไร และก็ตื่นเต้นเกินจะตื่นเต้น ความให้ค่าและคาดหวังอยู่ที่ประโยคที่เจ้าตัวบอกว่า Jiheon ให้ของขวัญที่ดีขนาดนี้มาแล้ว แล้วตัวเองจะสู้ได้อย่างไร การที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะเอาชนะเหรียญว่ายน้ำโอลิมปิกเพื่อมาขอแต่งงานก็สู้ไม่ได้แล้ว

กับอีกตอนที่เครียดมาก เครียดแบบอ่านไปจะจบตอนแล้วยังไม่รู้เรื่อง อ่านไม่เข้าหัวเลยเพราะกดดันตามคือช่วงที่ Jaekyung บาดเจ็บจากการไปช่วยเด็กในงานเลี้ยง โอ๊ยย อยากจะลุกขึ้นมาอาละวาดปาข้าวของ เพราะเจ้าตัวอุตส่าห์ดูแลตัวเองมาอย่างดี Jiheon ก็คอยถนอมเสียขนาดนั้น แต่เพราะเด็กเล่นซนไม่เข้าเรื่องทำให้เกิดอาการบาดเจ็บจนได้ ฮืออ แต่คือพอหายบ้าตั้งสติตาม ก็รู้สึกว่าแบบนี้ดีกว่าเขียนให้ผ่านไปราบรื่นไม่มีปัญหา เพราะอุปสรรคที่เข้ามาท้าทายทำให้ทั้งสองคนโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้กับปัญหาที่เกิด เผอิญหน้าอย่างมีสติ เอาชนะและข้ามผ่านไป เพราะตัว Jaekyung ตั้งเป้าว่าจะแข่งกีฬาให้ได้ 8 อย่าง และพอบาดเจ็บ Jiheon ก็ตัดสินใจว่าลดกีฬาที่กินแรงวัน qualify ลง เหลือแค่ 7 ชนิดพอ ซึ่งคนที่ชนะมาตลอดอย่าง Jaekyung ก็ยอมไม่ได้ จนสุดท้าย บาดเจ็บจนทนไม่ไหวจริงๆ ก็เลยต้องยอมประนีประนอมกัน — และที่น่ารักและขำก็คือ แม้เจ้าตัวจะเหลือกีฬา 7 อย่างแต่พอรายชื่อนักกีฬาตัวจริงมาก็มีชื่อหมาน้อยอยู่ในกีฬา 8 ประเภทเหมือนเดิม ตอนที่ Jaekyung ย้ำว่า 8 นะ ไม่ใช่ 7! พี่ Jiheon ก็โอ๋ไปว่าใช่ๆ 8 เพราะคิดว่าเจ้าตัวยอมรับการล้มเหลวไม่ได้ แต่คือเพื่อให้เป้าหมายเดิมบรรลุ Jaekyung ก็ย่องไปบอกสมาคนว่ายน้ำว่าจะยอมแข่งกีฬาประเภททีมให้นะ กลายเป็น 8 ประเภทได้เหมือนเดิม

ส่วนตัวเรื่องเกาหลีที่อ่าน จะเจอลักษณะ double salvation เสมอ ในแง่ที่ว่าไม่ใช่แค่เรารักกัน เราเติมเต็มกันและกันอย่างแนวเรื่องจีน แต่จะเป็นถึงขั้นที่ลงลึกว่าเราช่วยดึงอีกฝ่ายขึ้นมาจากก้นบึ้ง ดึงมาจากตัวเองด้วยเหมือนกัน อย่างที่ตัว Jiheon เองก็เลิกที่จะเก็บปัญหาไว้กับตัวและจัดการแก้คนเดียวเหมือนกัน เพราะจากเรื่องที่ใช้ยาเกินโดสจนป่วยและลามเป็นเรื่องใหญ่ กลายเป็นมีอะไรก็บอกและปรึกษากับรถไถยักษ์ด้วย ในแง่ที่ว่าไม่อยากให้เสียใจ ไม่อยากให้เศร้า ถ้าต้องมารู้เรื่องทีหลัง และทำในสิ่งที่อีกฝ่ายไม่อยากให้ทำ โดยเฉพาะเรื่องที่อาจต้องทำร้ายตัวเอง และในเรื่องของความรักและความสัมพันธ์ แม้ว่าตัว Jiheon จะรัก Jaekyung กลับ แต่กว่าจะยอมรับว่าตัวเองผูกใจ และกล้าเปลี่ยนสถานะก็ใช้เวลานาน แต่เพราะตัว Jaekyung เองที่ทุ่มเทลึกซึ้งและให้ค่า Jiheon มากก็ทำให้ตัว Jiheon กล้าที่จะรักและตอบตกลงกลับกับ Jaekyung ด้วย ตอนที่ Jiheon คิดในใจเสมอว่าอย่าเพิ่งเบื่อกันนะ ทุ่มเทใจให้ด้วยกันต่อไปก่อน คืออ่านไปแล้วตื้อมาก ฮือ

หรือตัว Jaekyung เองเริ่มเรียนว่ายน้ำเพราะปลื้มรุ่นพี่ จากเด็กๆ ขี้อายเข้าสังคมไม่เก่ง แต่เพราะความสามารถทางกีฬาดีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกคนรอบข้างจับตามอง ไม่ว่าจะเป็นเพราะจับผิด หรือคาดหวัง และท้ายที่สุด เจ้าตัวก็เลือกที่จะไม่รับรู้และสนใจสังคมรอบข้าง หากแต่ใช้วิธีอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง และไม่ยุ่งกับใคร แต่เพราะเมื่อมาอยู่กับ Jiheon และรู้ว่า Jiheon แบกรับทุกอย่างเอาไว้ คิดเผื่อตัวและให้น้ำหนักกับ Jaekyung เสมอก่อนเสมอ ก็ทำให้ Jaekyung เริ่มที่จะเริ่มโต เพื่อจะอยู่ข้างๆ ช่วยเหลือและแก้ปัญหาไปกับ Jiheon พัฒนาการจากช่วงต้นเรื่องมาช่วงกลางๆ เกือบปลายคือชัดมากว่าพร้อมที่จะแบกรับความรับผิดชอบขนาดไหน โดยเฉพาะเมื่อตัวเองรู้ว่า Jiheon ท้องขึ้นมา 

กับอีกอย่างก็คือเหตุผลที่ตัว Jaekyung จะเลิกว่ายน้ำหลังจบ 4 สระหลักในครั้งแรกก็เพราะตัวเองทำตามเป้าหมายที่อยากไล่ตาม Jiheon ได้แล้ว และก็หมดเหตุผลที่จะแข่งว่ายน้ำต่อไป แต่พอได้เตรียมตัวลงแข่งโอลิมปิกอีกรอบขึ้นมาจริงๆ ก็รู้สึกสนุกเวลาที่ได้สร้างเป้าหมายให้ตัวเองใหม่ๆ และทำลายสถิติไปเรื่อยๆ (ลูกหมายักษ์เก่งขนาดนั้น) น่ารักและน่าดีใจที่ช่วงแข่ง qualify ในประเทศ เจ้าตัวก็หันมาบอกกับ Jaekyung ว่ารักการว่ายน้ำ และสนุกกับการทำลายสถิติใหม่ไปเรื่อยๆ ถ้าตัวเองไหว ก็จะอยากแข่งว่ายน้ำต่อไป ... หลังจากที่ Jiheon บอกเองว่าอยากให้ลูกได้เห็นพ่อแข่งในสระจริงๆ เพราะเห็นตัวจริงก็ยิ่งใหญ่กว่าในดูวีดีโอ  โอยยย คนอ่านที่ลุ้นมานานเพราะเสียดายความสามารถของเจ้าตัวแทบจะร้องไห้ท่วมจอคอม 

Jiheon จะชอบพูดเสมอว่า “นายกับฉันไม่เหมือนกัน” ในแง่ว่าตัว Jaekyung เป็นนักกีฬาที่ต้องดูแลร่างกายตัวเองให้ดี และถ้าจะต้องเสียสละ ตัว Jiheon ก็พร้อมจะเสียสละเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มีเรื่องเพิ่มปริมาณยากดฟีโรโมน ซึ่งก็ทำให้ Jaekyung หงุดหงิดกราดเกรี้ยวเสมอ เพราะทำอะไรไม่ได้ ทำอะไร Jiheon ก็ไม่ฟัง แต่น่ารักที่พอมีเรื่องแล้ว Jiheon ต้องเลิกกินยากดฟีโรโมน ตัว Jaekyung ก็ออกมากินยาปรับฮอร์โมนตัวเองแทน แล้วพอ Jiheon ไม่พอใจว่าถ้าเกิดมีปัญหากับร่างกายมาจะทำอย่างไร ถ้ากระทบการว่ายน้ำล่ะ แล้วน้องรถไถก็พูดว่าแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังไงก็ต้องเปลี่ยนยาเป็นระยะอยู่แล้ว ทีตัว Jiheon ยังเป็นคนเสียสละทุกอย่างมาตลอดเลย ทำไมแค่ครั้งเดียวแบบนี้ Jaekyung  จะทำบ้างไม่ได้ เป็นการให้ค่ากัน เห็นค่ากันขนาดนี้ ..... แต่ว่าขณะเดียวกันก็มีการแก้แค้นด้วยเหมือนกัน เพราะพอ Jiheon ท้อง ตอนนี้ Jaekyung ก็ออกมาพูดได้บ้างว่า “พี่กับผมไม่เหมือนกัน” เพราะอีกฝ่ายหนึ่งมีลูกในท้องต้องดูแล และไม่ยอมให้ Jiheon กินแม้กระทั่งสลัดที่ซื้อมาเก็บค้างในตู้เย็น 

ชอบมาก ชอบเวลาทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน และเติมเต็มอีกฝ่าย เพราะว่าไม่ใช่ Jaekyung ก็ไม่มีใครที่จะทุ่มให้ Jiheon ขนาดนี้ และก็คงไม่มีใครที่จะอดทนและยอมเข้าใจ Jaekyung อย่าง Jiheon ด้วยเหมือนกัน ทั้งในเรื่องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน หรือแม้แต่ในเรื่องการว่ายน้ำ เหมือนอย่างที่มีคนวิจารณ์ในตอนว่า Jiheon เหมือนเป็น muse สร้างแรงบันดาลใจให้ Jaekyung และตัว Jaekyung ก็เป็นคนทำให้ความต้องการของ Jiheon เป็นจริง ให้ A+++ เป็นเรื่องเกาหลีเรื่องที่สองที่อ่านแล้วแทบจะตายไปด้วยกัน ถึงขั้นว่ารู้สึกผิดมากๆ ที่ปลายปีที่แล้วไม่ได้โหวตให้ Jaekyung กับ DASH ไป ฮือ คิดคำย่อไม่ออก แต่นึกถึงคำว่า “แรงบันดาลใจและการเติบโต” ที่สุดตอนอ่าน อืมม เป็น “Best Growth” สุดเท่าที่เคยอ่านมาเลยนะ 

เพราะอย่างเดิมที จะให้ Jaekyung ลงแข่งกีฬาทีมเป็นไปไม่ได้เลย เจ้าตัวเกลียดการมีปฎิสัมพันธ์กับคนอื่นที่สุด แต่คราวนี้ถึงขั้นเสนอตัวขึ้นมาเอง เพราะคิดถึงว่าเพราะ Jiheon ในสมัยก่อน ถึงทำให้กีฬาว่ายน้ำเปิดกว้างมากขึ้นในเกาหลี และทำให้เด็กมีโอกาสฝึกซ้อมมากขึ้น เจ้าตัวก็อยากทำแบบเดียวกันด้วย

ตอนที่น่ารักมีหลายตอนมาก ทั้งเป็นเล่าเรื่องชีวิตประจำวัน แต่การลงลึกรายละเอียดและสภาพอารมณ์ทำให้เรื่องมีเสน่ห์จริงๆ ที่พอ Jiheon ถามว่าว่างไหม จะพาไปพบครอบครัว และลูกหมาไซส์ยักษ์ก็กรีดร้องว่าจะไปหาพ่อแม่พี่เหรอ ไม่ได้ไม่พร้อม จะต้องใส่สูทไปนะ งอแงกรีดร้องทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยสนใจใส่เสื้อผ้าออกงานใดๆ เลย จะไปไหนที่ไหนก็ใส่แต่ชุดนักกีฬาตลอดศก แต่นี่คืองอแงมาก ตกใจมากจน Jiheon ต้องพาไปซื้อสูทด้วยกัน  ระหว่างลอง คนขายที่เห็นการเปิดตัวแล้วก็เอ่ยชมสองคนว่าเป็นธรรมชาติเวลาอยู่ด้วยกัน จนลูกหมาเกือบจะเคลิ้มซื้อสูทคู่ออกงานแทน แล้วพอซื้อเหล้าไปฝากพ่อ Jaekyung ก็ร่ำๆ จะซื้อเหล้าแต่งงานมากินด้วยกันกับ Jiheon อีก ... แล้วแม้จะลากลูกหมารถไถออกมาได้ ก็พบว่า .... ร้านที่เจอต่อไปคือร้านขายเสื้อผ้าเด็ก! โอ๊ยย คือ Jiheon ถึงขั้นเรียกว่า unexpected ambush เป็นการดักลอบโจมตีที่น่ากลัวมาก เพราะสองคนโดยเฉพาะ Jaekyung อยากจะโผตัวเข้าไปดูเสื้อผ้าเด็กให้ลูกมากจนแทบจะข่มใจไว้ไม่ได้ .... และพอลากไปกินขนมปลอบใจ ตักไอติมตัวเองให้ Jaekyung กินกับเค้ก ลูกหมาก็กลับมาอารมณ์ดี แต่ก็เป็นการเดทอย่างเป็นทางการที่ทุกคนในห้างถ่ายรูปสองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วโพสต์ลงโซเซียลมีเดียจนถึงขั้นบริษัทยังรู้

ซึ่งจริงๆ เหตุผลที่อยู่ในใจ Jaekyung ก็คือตัวเองเด็กกว่าเยอะ อยากใส่สูทไปจะได้ดูโตเป็นผู้ใหญ่คู่ควรกับ Jiheon ในสายตาคนในครอบครัวได้ และพอพาไปบ้าน พ่อที่ไม่รู้ก็สงสัยว่าพานักกีฬาในสังกัดมาทำไม ไหนบอกว่าจะพาคนรักมาเปิดตัวไม่ใช่เหรอ

กับตอนนึงที่พอ Jiheon รู้ว่าฟีโรโมนตัวเองทำร้าย Jaekyung แล้วคิดว่าจะหนีไปไกลๆ เพื่อจะได้ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการซ้อม เจ้าตัวก็ขึ้นไปอยู่บนชั้นสองดูเจ้าลูกหมาว่ายน้ำ ทั้งที่จ้องเงียบๆ แต่ว่า Jaekyung ก็รู้ว่า Jiheon เฝ้าดูตัวเองจากข้างบนอยู่ดี พอคุยกันตอนอยู่ด้วยกันแล้ว Jiheon ถามว่ารู้ได้อย่างไร ลูกหมายักษ์ก็ตอบกลับว่าจ้องหลังทะลุขนาดนั้น เป็นใครก็ต้องรู้ตัว และให้จ่ายเงินค่ามองมาด้วย พอพี่ Jiheon บอกว่าเป็นคนรักกันต้องจ่ายด้วยเหรอ ลูกหมาก็พ่ายแพ้ไป .... ชอบตอนนี้ที่อยู่ด้วยกัน และก็เป็นตอนที่ Jiheon ตัดสินใจว่าจะยอมเพิ่มโดสยา ไม่ใช่เพราะว่าเสียสละเพื่อ Jaekyung แต่เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวตัวเองที่อยากอยู่กับ Jaekyung ด้วยกันต่อไป 

ชอบที่ตั้งชื่อลูกว่าจีนนี่ เพราะ Jaekyung บอกว่าตัว Jiheon เหมือนเป็นยักษ์วิเศษที่บันดาลให้ทุกอย่างในชีวิตเกิดขึ้น และพอเอาเหรียญทองและเหรียญทั้งหลาย 8 เหรียญไปให้ Jiheon แล้วฝ่ายนั้นเอาแหวนแต่งงานมาให้ ลูกหมาก็โวยวายว่าถ้ามาขอแต่งงานดูดีแบบนี้แล้วตัวเองจะสู้ได้อย่างไร Jiheon ปลอบกลับว่าก็ช่วงที่แข่งว่ายน้ำก็ดูดีอยู่แล้ว ดูดีมาตลอดไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ เป็นตอนขอแต่งงานที่เฉพาะคนบ้ากีฬาว่ายน้ำเท่านั้นที่จะเข้าใจกัน  คือตอนซ้อมขอแต่งงาน รถไถ Jaekyung แอบพูดกับตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำทุกวันว่า "He's the brightest medal I've ever had. I'll cherish and value him all my life." ลึกซึ้งและออกมาจากก้นบึ้งหัวใจจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อมองว่าความสามารถทางภาษาลูกหมาต่ำติดดินมาก แล้วที่ขำก็คือว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่ Jiheon ก็ได้ยินทุกคำพูดทุกวันมาเหมือนกัน ส่วนตอนตอบกลับก็คือ "You are the most valuable medal I have ever received." "Because you are the best medal." 

รอตอนพิเศษอย่างตั้งใจอยู่ และถึงซื้อตอนไปแล้ว พอมีอีบุ๊คก็จะซื้อนะคะ อยากอุดหนุนมันทุกรูปแบบ! พร้อมยอมทุ่มมากกก เป็นเรื่องที่สองที่ระดับการก้มอยากกราบอยากบูชาตาม 오직 네 죽음만이 나를 มาเลยย ผิดมากที่สิ้นปีที่แล้วยังไม่ได้อ่าน ไม่ได้โหวตให้รถไถนักว่ายน้ำของฉันน ฮือออ 

ควรจบเพราะถ้าไม่หยุดก็เขียนต่อได้อยู่ กรี๊ด!

----

272821

ปล. ขอเอาความรู้สึก dash ของลูกหมายักษ์มาลงเพิ่มนะ

 "I started at twelve hundred meters. For ten years alone, I have narrowed it down to one hundred and one thousand meters. I couldn't even see him because he was so far away, but now he's starting to see me. When you start seeing it, you're almost there. One hundred meters left. The last hundred meters is essentially a dash. Do you even know?”


No comments:

Post a Comment