Saturday, 26 October 2019

สามีของอาลักษณ์หลวง โดย Rain-at-Rose

- สปอยล์แหลกเอาแต่ใจจ -


เมื่อ “มุจลินทร์” บุตรชายสุดที่รักคนสุดท้องของท่านราชครูเริ่มเกินวัยจะออกเรือน ผู้เป็นพ่อก็ร้อนใจทนไม่ไหวจนต้องใช้เล่ห์และอำนาจเงินตราซื้อตัว “วสภะ” นายกองหนุ่มอนาคตไกลมาเป็นสามีให้ลูกชาย — สูตรสำเร็จคลุมถุงชนเหมือนจะเป็นไปด้วยดี หากด้วยการไม่ยอมใครของทั้งคู่ก็ทำให้การแต่งงานที่ควรจะราบรื่นปรองดองเต็มไปด้วยการทำร้ายทำลายกัน! 


ถ้าจะสรุปสั้นๆ ก็ได้แบบนี้ ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ ตัวมุจลินทร์แค่อยากให้วสภะผู้เป็นสามีอยู่ในห้องหอด้วยกันจนเช้าเพื่อที่จะลบคำครหาจากคนนอก หากแต่ก็เพราะความถูกตามใจเสียคน ทำให้วาจาที่เอ่ยกับวสภะเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยามที่จบลงด้วยการที่วสภะโกรธาจนลงเอยด้วยการขืนใจมุจลินทร์

เจ็บทั้งร่างกายทั้งจิตใจเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่มุจลินทร์ผู้เป็นดวงใจของคนทั้งบ้านจะไม่พอใจ และแทนที่จะอ่อนข้อลง เจ้าตัวก็กลับโต้ตอบด้วยการเกรี้ยดกราดกับผู้เป็นสามี สลับกับการหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท ที่ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังคบชู้ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเป็นถึงขนาดนี้ วสภะที่ทั้งเสียหน้าและอับอาย ก็เริ่มที่จะกักขังภริยาของตนไว้ในบ้าน เพื่อให้มุจลินทร์ไม่ต้องออกไปเจอใครจนสร้างความเสื่อมเสียกับวสภะได้อีก

การกักขังในนิยามทหารแบบวสภะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ และมุจลินทร์ก็ถูกกักตัวเสมือนนักโทษที่ไม่สามารถพบเจอผู้ใด หรือแม้แต่ก้าวพ้นออกไปนอกห้องที่เป็นเหมือนกรงขังตัวเองได้ สภาพความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที เมื่อมุจลินทร์ท้อง แต่วสภะเข้าใจว่าลูกในท้องเป็นลูกของชู้ และคิดจะวางยาขับเลือดเพื่อกำจัดลูกที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเองออกไป หากแต่เคราะห์ดีที่วสภะเลือกที่จะให้ยาบำรุงครรภ์กับมุจลินทร์เพื่อเป็นการลองใจก่อน แต่ถึงแม้จะรักษาลูกในท้องไว้ได้ แต่ความเกลียดชังที่ทั้งสองมีให้กันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมุจลินทร์ก็เกลียดและโกรธที่จะต้องตั้งท้องและคลอดลูกให้กับคนที่ขืนใจและเหยียดหยามตัวเอง

จนกระทั่งลูกเกิดมา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็มาถึงจุดแตกหัก และวสภะก็กลับไปใช้ชีวิตแม่ทัพที่ชายแดนกับลูกสาวที่เพิ่งเกิด ขณะที่มุจลินทร์กลับบ้านไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านตัวเอง — จนกระทั่งสองปีให้หลังที่ครอบครัวของมุจลินทร์ให้เจ้าตัวเดินทางไปหาวสภะและลูกเพื่อจะที่จะพูดคุยและจัดการกับสภาวะแต่งงานที่ค้างคาให้ลงตัว

ส่วนตัวแล้ว ชอบเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะหลังช่วงอ่านเรื่องจีนมานาน เจอสภาพที่พระเอกหลงรักและตามใจให้ท้ายตัวเอกมาตลอด พอกลับมาเจอเรื่องแนวเกลียดกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสภาพขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่ เพราะการทะเลาะกันของทั้งคู่อยู่เกินเลยการทะเลาะเบาะแว้งของสามีภริยาในครัวเรือนธรรมดาไปมากโข ไม่ว่าจะเป็นตัววสภะเองที่ใช้โซ่ล่ามมุจลินทร์ไว่ในบ้าน และให้ทหารมาคอยดูแลเหมือนเฝ้าระวังเชลยสงครามชนิดที่ถ้าไม่ยอมกินข้าวก็จับกรอกปากไปจนกว่าจะกิน และส่วนตัวมุจลินทร์เอง แทนจะนั่งร้องไห้หรือเศร้าสร้อยกับการเป็นผู้ถูกกระทำกลับเลือกที่จะใช้ความเกลียดชังมาต่อสู้กับผู้เป็นสามี คงศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองโดยที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเลย สภาพร้ายมาร้ายกลับไปของทั้งคู่ทำให้อ่านด้วยความหลากใจทั้งกับระดับการตอบโต้กัน และกับความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีหรือแม้แต่ลงเอยกันได้ ส่วนตัวจุดนี้ทำให้ค่อนข้างพอใจเรื่องนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถูกใจที่วางมุจลินทร์มาให้ไม่อ่อนข้อและไม่ใจอ่อนแม้ว่าตัวเองจะท้องก็ตาม หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการที่คนเป็นแม่จะใจร้ายกับลูกในท้องจนถึงขั้นเกลียดจนอยากจะฆ่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ส่วนตัวคิดว่าสมจริงมาก และบ่งบอกสภาพจิตใจของมุจลินทร์เลยว่าสิ้นหวังขนาดไหน เพราะถ้ามองตามข้อเท็จจริง วสภะขืนใจมุจลินทร์จนเจ้าตัวตั้งท้อง และเมื่อท้องก็ถูกกักขังอยู่ในห้องไม่สามารถไปไหนหรือพบเจอใครได้เป็นแรมปี ถึงขั้นที่พอกลับไปอยู่บ้านและเวลาผ่านไปแสนนาน มุจลินทร์ก็ยังสภาพหวาดกลัวความมืดและการอยู่ในห้องแคบๆ อยู่ดี การมีลูกเป็นการตอกย้ำสภาวะสิ้นหวังและไร้ทางออกของตัวเองด้วยซ้ำ ในสภาพโดดเดี่ยวที่แม้กระทั่งครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้เจอ จะทำให้ตัวมุจลินทร์รักลูกในท้องที่เป็นเสมือนหนึ่งในเงื่อนไขที่ตัวเองต้องสูญสิ้นอิสรภาพได้อย่างไร?

ส่วนตัว ชอบการดำเนินเรื่องช่วงที่ทะเลาะกันมากกว่าช่วงที่รักกัน เพราะว่าช่วงที่ปูพื้นถึงความสัมพันธ์เลวร้ายใช้เวลานานและรู้สึกสมจริง หากเมื่อมุจลินทร์เดินทางไปเจอวสภะและลูกจนวสภะได้พบกับมุจลินทร์อีกครั้งและตกหลุมรักเป็นช่วงที่รู้สึกว่าเร่งรีบจนไม่น่าคล้อยตามสักเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะหน้าหนังสือไม่อำนวยด้วยก็ได้ ชอบเงื่อนไขความพึงใจที่เกิดเมื่อลูกสาวของทั้งคู่จมน้ำ และมุจลินทร์ช่วยปฐมพยาบาลจนเด็กหญิงฟื้นขึ้นมาได้ ความประทับใจกับการแปลกใจต่อตัวมุจลินทร์นี้ก็ทำให้ตัววสภะรู้สึกตกหลุมรักคนที่อยู่หน้าตัวเองเป็นครั้งแรก และคิดว่าอยากจะเกี้ยวพาอีกฝ่ายให้รักตนกลับคืน เอาจริง ช่วงนี้ก้ำกึ่งว่าเร่งร้อนก็ได้ หรือว่าสวยงามก็ได้ เพราะบางครั้งความรักก็ไม่มีเหตุผล และความประทับใจก็เป็นที่มาของความถูกใจและพึงใจอยู่แล้ว  — แต่การพึงใจวสภะกลับของมุจลินทร์เป็นสิ่งที่อยากให้ทอดเวลาออกไปมากกว่าจะเป็นอย่างที่เกิดขึ้นในหนังสือ เพราะถ้าเกิดการเกลียดและกลัวใครสักคนหนึ่ง การจะถอนความรู้สึกนั้นออกให้กลายเป็นกลาง และเพิ่มพูนจนกลายเป็นบวกเป็นสิ่งที่น่าจะต้องใช้เวลา หากแต่ระยะเวลาในเรื่องดำเนินไปต่อเนื่องเลย จนทำให้รู้สึกกระชั้นและกระโดดไปอยู่เหมือนกัน

เพราะตามจริงแล้ว สิ่งที่วสภะทำเอาไว้ เป็นสิ่งที่ร้ายแรง ซึ่งถ้าอยู่ในสังคมปัจจุบัน การกระทำของสามีที่ต่อภริยาของวสภะสามารถนำไปสู่การลงโทษทางกฎหมายได้เลย ซึ่งก็เข้าใจว่าตามสังคมโบราณ การเป็นใหญ่ของสามีและการเป็นใหญ่ที่อยู่เหนือคู่ครองเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่คนที่ได้รับคำครหาและถูกตราหน้าว่าเลวร้ายจากสังคมกลับเป็นตัวมุจลินทร์เอง ซึ่งแม้กับตัวครอบครัวของมุจลินทร์เองยังมองว่าเจ้าตัวเป็นฝ่ายผิดเสียด้วยซ้ำ จุดนี้เป็นจุดที่ขัดใจมาก แม้ว่าถ้ามองกันตามเกม วสภะฉลาดที่จะเลือกที่จะดีนอกบ้านและร้ายในบ้าน ตรงข้ามกับมุจลินทร์ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเองนอกบ้านจนถูกสังคมประนาม ซึ่งแม้ว่าตัววสภะจะสร้างบาดแผลทั้งทางใจและกายให้มุจลินทร์มาตลอดช่วงปี แต่มุจลินทร์เป็นคนผิดสำหรับสังคม

ซึ่งในแง่นี้ก็อยากได้ตัวละครแบบมุจลินทร์ที่ร้ายลึกกว่าเดิม และดำเนินเกมอย่างที่เป็นเพื่อดึงคะแนนความสงสารมาให้ตัวเองได้ — อยากได้ตัวเอกที่ร้ายกว่าเดิมและต่อกรกับพระเอกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อหรือแม้แต่ชนะมาก โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่สังคมคาดหวังบทบาทของเพศแม่ การเอาชนะและดึงคะแนนสงสารจะเป็นไปได้อย่างไรได้?

เรื่องนี้ทำให้คิดถึงคำว่า What if? อย่างมาก เพราะถ้าเกิดคืนแรกที่เจอกัน ถ้ามุจลินทร์ยอมพูดจากับวสภะด้วยดี ก็ไม่น่าที่ทั้งสองคนจะต้องเสียเวลาเป็นแรมปี และทำร้ายทำลายกันจนต้องเจ็บตัวเจ็บใจและเสียหน้ากันไปทั้งคู่เลย โดยเฉพาะถ้าวสภะพิศมุจลินทร์ให้ดี ด้วยหน้าตารูปร่างของมุจลินทร์จะทำให้อีกฝ่ายรักไม่ยากเสียด้วย 

สรุปสั้นๆ ว่า นี่คือ Omegaverse ผสมกับความรักตบจูบแบบภารตะนั่นเองงง! ชอบเซ็ตติ้งความเป็นเอเชียใต้ที่เปลี่ยนเรื่องความสัมพันธ์อัลฟ่าและโอเมก้าให้สละสลวยเข้ากับสภาพสังคมได้อย่างลงตัว อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากความรัก ก็เลยรวดร้าวกันทั้งคู่จริงๆ ทำร้ายทำลายกันแรงมากยิ่งกว่าละครไทยหลังข่าว แต่ความสุดโต่งก็ทำให้เรื่องสนุก ทั้งจากการโต้ตอบกันและการลุ้นว่าทั้งสองฝ่ายจะรักกันอย่างไร ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์แบบนี้มาก ขิงก็ราข่าก็แรงนี่คือสะใจมากก แต่ติดที่อยากให้ช่วงที่ปรับความเข้าใจกัน และทำความรู้จักกันยืดยาวได้กว่านี้  แต่รวมๆ ก็ชอบความแปลกใหม่จากการเป็น omegaverse แบบภารตะอยู่ดี

ให้คะแนน B- “How the first mistakes deteriorate and destroy, and how the first impressions soar and spawn.”  

และต้องสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว ตัวละครที่ชอบมากกว่าคู่หลักกลับเป็นบุคลิกของท่านแม่และท่านพ่อด้วยซ้ำ — ชอบจนในแง่หนึ่งการที่ให้คะแนนเรื่องนี้อาจมีผลมาจากตัวละคนทั้งสองตัวด้วยก็เป็นได้ ก็รอเล่มท่านพี่ และ hopefully ท่านแม่จ๊ะ!

Thursday, 24 October 2019

Loveless Cabin: กระท่อมลวงรัก โดย Trajan

-เตือนก่อนนน สปอยล์จ๊ะ-

เมื่อช่วงผสมพันธุ์ระหว่างอัลฟ่าและโอเมกามาถึง “ลีแอนเดอร์” เอฟบีไอหนุ่มจะหนีไปซ่อนตัวกลางป่าลึกเพื่อหลีกหนีการจับคู่และถูกตีตรา หากแต่ปีนี้ต่างออกไป เพราะแทนที่จะกบดานอยู่เพียงลำพัง เจ้าตัวตัดสินใจที่จะช่วยชายแปลกหน้าที่บาดเจ็บมาอยู่ที่หน้ากระท่อมของตัวเองเข้าไปอยู่ด้วยกัน เพราะมองว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมกาที่หลบหนีการถูกจับคู่เหมือนตน

ลีแอนเดอร์หรือลีโอเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอก็จริง แต่เขามีความจริงที่ปิดบังคนทั้งโลกไว้ เจ้าตัวเป็นโอเมกาที่มีฮอร์โมนอัลฟาอยู่ในตัว และนั่นก็ทำให้สามารถกลบกลิ่นอายความเป็นโอเมกาของตัวเองไว้ได้ ลีโอสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากความแปลกแยกอันตรายนี้ก็ทำให้เจ้าตัวต้องขีดเส้นกั้นระหว่างตัวเองกับคนรอบข้างเอาไว้ และเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะจากข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าตัวเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งเอาไว้

เมื่อช่วยชายแปลกหน้าที่ลีโอมารู้ชื่อภายหลังว่า “ซีซาร์” ไว้ได้ น่าแปลกที่แรงดึงดูดระหว่างกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของซีซาร์เพิ่มขึ้นในตัวของลีโอมากขึ้นทุกที โดยที่เจ้าตัวมองว่าเป็นเพราะฮอร์โมนอัลฟาที่อยู่ในร่างกายตัวเองกำลังทำงานให้เกิดความรู้สึกพิเศษกับโอเมกาที่อยู่ตรงหน้าตน แต่เพราะความเหมือนจะใช่และไม่ใช่โอเมกาของซีซาร์ก็ทำให้ลีโอเกิดความสงสัยและรู้สึกถึงความผิดปกติด้วยเช่นกัน

เหมือนกำลังเล่นกับไฟ ... ลีโอพยายามส่งข้อมูลของซีซ่าร์ไปให้เพื่อนตรวจสอบ แต่ปริศนาหลังตัวตนของซีซาร์ก็ยิ่งทวีคูณ เขารู้สึกผิดที่เหมือนจะไม่ไว้ใจซีซาร์ แต่ขณะเดียวกันความต้องการซีซาร์ก็เริ่มจะเลยเถิดไปไกลแล้วเช่นกัน

ทุกอย่างประทุขึ้น เมื่ออาการฮีทของลีโอเริ่มขึ้น แม้เจ้าตัวจะพยายามฉีดยาข่มเอาไว้ก็ตาม แต่อาการดื้อยาเริ่มมากขึ้นจนแม้กระทั่งยาแรงที่สุดก็เริ่มทานไว้ไม่อยู่ ความหวาดกลัวที่ไร้ทางออกผสมกับความรู้สึกต้องการเพิ่มขึ้นมากขึ้น จนในที่สุด ลีโอก็ยอมตามให้กับความรู้สึกตัวเองที่จะอยู่ร่วมกับซีซาร์
แต่หลังตัดสินใจ ลีโอก็ได้รับรู้ความจริงอันเจ็บปวดว่าซีซาร์ไม่ใช่โอเมกาที่มีฮอร์โมนอัลฟาหากแต่เป็นอัลฟา และที่สำคัญ ข้อมูลที่ได้จากเพื่อนสนิทก็ทำให้รู้ว่าซีซาร์เป็นอัลฟาคิงที่สยบได้แม้แต่กับอัลฟาด้วยกัน

จุดไคลแมกซ์ของเรื่องถูกจุดเมื่อเหล่าอัลฟามุ่งหน้ามาหากระท่อมของลีโอ และซีซาร์ก็อยู่ในสภาพที่คล้ายจะเข้าช่วงโคม่า จนเจ้าตัวตัดสินใจที่จะปกป้องซีซาร์เอาไว้และออกไปเสี่ยงตายกับอัลฟาที่กำลังจะมาถึง

.....

เอาจริง อยากจะปิดไว้อย่างนี้มาก เพราะจุดสำคัญในเรื่องก็คือปฎิสัมพันธ์ของคนคู่นั่นเอง ซีซาร์เป็นอัลฟาคิง และลีโอก็เป็นโอเมกา/อัลฟาด้วย แรงดึงดูดระหว่างกันและกันก็เลยเข้มข้นและดิบมาก ชอบความรู้สึก suspense ในเรื่อง เพราะลีโอไม่รู้ที่มาที่ไปของซีซาร์เลย ทำให้ความรู้สึกอยากใกล้ถูกรั้งไว้ด้วยความระแวงระวังตัว ซึ่งสำหรับคนอ่านเป็นจุดผสมผสานตรงกันข้ามที่ทำให้ต้องอ่านไปลุ้นไป ใจหนึ่งก็ลุ้นให้ลีโอตั้งป้อมตีกรอบไม่ให้ซีซาร์ รุกล้ำเข้ามา แต่อีกนัยหนึ่งก็ต้องการให้ลีโอลดการระวังตัวและเดินเข้าไปหาซีซาร์ด้วย

การจับคู่ระหว่างอัลฟาและโอเมกาดูเป็นเรื่องปกติ แต่พอมาอยู่ในเรื่องนี้ กลับเพิ่มความรู้สึกของการเป็นโชคชะตากำหนดมาด้วย และเพิ่มความรู้สึกช่างฝันเข้ามา เพราะว่าด้วยความที่เป็นโอเมกา/อัลฟาเลยยากที่ลีโอจะคู่กับใครได้ และกับตัวซีซาร์เอง ความเป็นอัลฟาคิงก็ทำให้ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับโอเมกาธรรมดาได้ — สองคนถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยลักษณะพิเศษของอีกฝ่าย และถ้าไม่มีอีกคนตรงหน้าก็จะไม่สามารถจับคู่ได้เลย อย่างที่ชอบตอนพิเศษของซีซาร์ เพราะการได้เจอลีโอ ก็คือการที่เจ้าตัวบอกว่าการตามหามาทั้งชีวิตได้สิ้นสุดลง

ซึ่งในแง่นี้ก็ชอบความเจ้าเล่ห์ของซีซาร์ด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วก็อย่างที่คนอ่านคาดการณ์ไว้ นั่นก็คือ เพื่อให้เข้าถึงตัวลีโอได้ ตัวซีซาร์เองก็สร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนเขาเป็นโอเมกาที่กำลัง “หนีตาย” จากการถูกจับคู่มา เจ้าตัวพยายามทำทุกอย่างแม้กระทั่งเล่นละคร โกหก และใช้มีดคว้านท้องตัวเองเพื่อให้การบาดเจ็บสมจริง

ตอนแรกอ่านไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อ่านเพราะไม่มีอะไรอ่าน และอ่านเล่นๆ ก่อนนอนจากการซื้อใน Meb ด้วยซ้ำ แต่โอยย ชนะเลิศดีงามมาก! ชอบปฎิสัมพันธ์ทั้งสองคน ถูกใจที่เป็น manly couple ชอบการดึงดูดระหว่างกัน intense และดิบได้ใจมากกก! ให้ B+ ไปเลยยย! ส่วนตัวคิดว่า “the deadly pull of attractions and the intense push of reasons” ไม่ก็ “intense and raw” 

อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียดายที่ช่วงหลังออกจากกระท่อม/ พ้นฤดูจับคู่มีสั้นเกินไปจนดูตัดจบ ถ้าเป็นไปได้ อยากเพิ่มความสัมพันธ์และความผูกพันของทั้งคู่ ที่มากกว่าแค่ความเข้ากันได้ของฮฮร์โมนมากกว่านี้ เนื้อเรื่องจะสมบูรณ์มากขึ้น

นอกจากนี้ เนื่องเพราะจุดเริ่มต้นของทั้งคู่อยู่บนการโกหกของซีซาร์ที่ทำให้ลีโอโกรธที่ถูกหลอก ก็ทำให้ซีซาร์เลือกที่จะรอให้ลีโอใจเย็นและเดินเข้ามาหาตัวเอง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะซีซาร์ภูมิใจกับความเป็นอัลฟาคิงที่ใครก็ปฎิเสธตัวเองไม่ได้ด้วย แต่ในแง่หนึ่ง ถ้ามองว่าซีซ่าร์กล้าที่จะเข้าหาลีโอขนาดนั้นแล้ว ก็อยากให้ซีซาร์กล้าที่จะรุกต่อไปให้ลีโอยอมรับตัวเองให้ได้เอง — ซึ่งในแง่หนึ่งก็เข้าใจว่าอยากเป็นปมที่ให้เลโอเป็นคนเลือก แต่ก็นะคะ ซีซาร์ ทำมาขนาดนี้แล้วเถอะ ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะ

คิดว่าจะเก็บหนังสือด้วยนะ

Sunday, 20 October 2019

มยุรา ของ Rain-at-Rose

- สปอยล์นะคะ -

"เวทางค์" แม่ทัพปราบอสูร ได้รับแจ้งว่ามีแม่ลูกอสูรก่อกวนมนุษย์ หากแต่เดินทางไปปราบกลับพบว่าตนหลงรัก "กิริฏา" อสูรเผ่านกมยุราตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อเห็นชีวิตที่แร้นแค้นยากลำบากของคู่แม่ลูกอสูร เจ้าตัวก็ไม่ลังเลที่จะออกปากให้สองแม่ลูกมาอยู่ในความคุ้มครองตัวเอง แม้จะรู้ว่ามยุราจะมีคนรักได้แค่เพียงคนเดียวชั่วทั้งชีวิต และการออกหน้าปกป้องอสูรอาจจะทำให้ชื่อเสียงตัวเองมัวหมองในภายหลังก็ตาม ....

เอาเถิด ถ้าเปิดมาก็จะได้แบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องโดดเด่นก็คือบุคลิกตัวละครอย่าง “เวทางค์” ที่แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นที่เคารพบูชาเทียมเท่าเทพแต่กลับมีจิตใจกระจ่างใส ดำรงค์ศีลและอยู่ในธรรมจนถึงขั้นถือพรหมจรรย์ ขณะเดียวกันก็ให้เกียรติและใส่ใจคนรอบข้างมาก อย่างแม้จะเชิญ กิริฏา ให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้านับตามสิทธิและจากที่เห็น ด้วยฐานะเจ้าตัว ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องถึงขนาดนั้น และเมื่อเชิญมาอยู่ก็เคารพและให้เกียรติใส่ใจชื่อเสียงและความรู้สึกของอีกฝ่ายมาก ซึ่งความรู้สึกนี้ก็เผื่อแผ่ไปถึง ทยุ ผุ้เป็นลูกด้วย ซึ่งถึงแม้ทนุจะมีรูปลักษณ์เป็นครึ่งคนครึ่งอสูร เวทางค์ก็ไม่รังเกียจแต่อย่างใด กลับให้ความรักและใส่ใจอบรมสั่งสอนจนได้ความรักและนับถือจากทยุกลับมา

อีกฝ่ายก็คือ กิริฏา มยุราตกยากผลัดถิ่น เห็นบุคลิกตัวเองมาหลายเรื่อง แต่คนที่จิตใจบริสุทธิ์สดใส และเห็นแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนไม่สนใจแม้กระทั่งคำนินทาว่าร้ายจากคนอื่นหาได้ยากนักหนา เจ้าตัวเป็นคนที่เอื่อยเรื่อยกับทุกอย่างรอบตัว ไม่คิดจะทุกข์ใจ หรือเสียใจใดๆ จนอยู่เหมือนจะเอื่อยเฉื่อยเกินไปจนถึงขั้นขี้เกียจ ทั้งที่มีปัญญาและความคิดแหลมคม แต่เจ้าตัวก็พอใจจะอยู่อย่างเรียบเรื่อยไปวันต่อวัน

ชอบบุคลิกของทั้งสองคน และถูกใจความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ และชอบที่ค่อยๆ ปูให้ตัวเวทางค์มีความรู้สึกผูกพันกับกิริฏาอย่างที่เห็นแค่เพียงครั้งแรกก็ตกหลุมรัก มีความรู้สึกอยากปกป้อง และอยากดูแลอีกฝ่าย ถึงขั้นได้ยินว่าที่ผ่านมาหลังจากสามีตาย กิริฏาต้องเลี้ยงดูลำบาก เจ้าตัวก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจร้อนรน — เสียใจที่เพิ่งมาเจอกัน และเสียใจที่อีกฝ่ายต้องลำบาก

ซึ่งก็เปิดประเด็นต่อมา ว่า ในอดีต "ศาละ" เจ้าแห่งอสรพิษ  ครองคู่อยู่กับมเหสีต่างเผ่าพันธุ์ เป็นที่เดียจฉันท์ของคนของทั้งสองเผ่า โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายกิริฏาตั้งท้อง ก็ยิ่งเป็นที่เดียจฉันท์และชิงชังจากเหล่าอสรพิษและมยุรามากขึ้นจากคำทำนายที่ว่าลูกของทั้งคู่จะก่อให้เกิดอาเพศสร้างความสูญเสียสิ้นเมืองกับทั้งสองเผ่าพันธุ์ จนเกิดการกบฎล้างอำนาจของศาละ เจ้าตัวถูกวางยาพิษ และแม้จะพากิริฏาที่กำลังท้องหนีไปถึงเขตแดนมนุษย์ได้ ก็ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องกิริฏา โดยที่บอกกิริฏาก่อนจากว่าจะกลับมา และจะปกป้องทั้งแม่และลูกให้ได้

เมื่อปูทางมาเช่นนี้ การกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นสิ่งที่คนอ่านคาดไว้ในใจ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ชอบเงื่อนไขการมาเกิดใหม่ของ ศาละ ที่กลายมาเป็น เวทางค์ มาก ทั้งจากเงื่อนไขบุคลิกนิสัย และสถานะ เพราะอย่างแรก ในชาติที่แล้ว ศาละไม่ได้อยู่กับกิริฏาด้วยความพอใจตั้งแต่เริ่ม หากแต่เป็นเพราะตกกระไดพลอยโจนจากการเล่นสนุกอยากทำลายศักดิ์ศรีของเผ่ามยุรา แต่กลายเป็นต้องตั้งกิริฏาเป็นรานีตัวเองและทำสัญญาเลือดจับคู่จนไม่สามารถมีใครอื่นนอกจากกิริฏาได้ และดังนั้นความโกรธแค้นกับนิสัยเอาแต่ใจก็สร้างความเดือนร้อนและเสียใจกับกิริฏามาเสมอ จนกระทั่งกว่าสองคนจะปรับความเข้าใจกันได้ ก็เป็นเวลาที่ฝ่ายนาคาที่ทั้งหวาดกลัวและรังเกียจรานีต่างพันธุ์ปะทุถึงขึ้นที่คิดต่อต้านและก่อกบฎขึ้นมา ดังนั้น ความเสียใจที่ไม่ได้ดูแลอีกฝ่ายให้ดี ความย่ามใจที่คิดว่าการมีพิษร้ายแรงกว่าใครจะกดเผ่าพันธุ์ตัวเองในกำมือโดยไม่ต้องฟังใครก็ได้ ทำให้เกิดบุคลิกของ เวทางค์ ที่ทางหนึ่งก็คอยดูแลกิริฏาอย่างดี ทั้งทะนุถนอม ดูแล ให้เกียรติ ให้ความสำคัญ และคอยใส่ใจความรู้สึกและสภาพอารณ์อีกฝ่ายมาก และอีกทางหนึ่งก็เกิดบุคลิกเที่ยงธรรม จิตใจใสกระจ่างแน่นหนัก เป็นผู้ปราบอสูรที่ใช้ปัญญา และมีความเห็นใจเข้าใจแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ต่างเผ่าพันธุ์ เชื่อกับการกระทำและผลของการกระทำมากกว่าจะยึดติดงมงายอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาเลื่อนลอยใด ๆ

นอกจากนี้ สถานะการเป็นผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์ปราบอสูรของเวทางค์ ก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้การดำเนินเรื่องน่าสนใจอีกเช่นกัน เพราะในอดีต การถูกไล่ล่าจากทางเผ่านาคาและมยุราทำให้ศาละและกิริฏาไม่สามารถอยู่ในแดนอสูรได้อีก จนไม่มีทางเลือกต้องตั้งความหวังไว้ว่าจะหนีไปขอพึ่งพาผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์คนเก่า หากแต่ความปรารถนานั้นก็ไม่สำเร็จ เมื่อศาละต้องสิ้นใจขณะปกป้องกิริฏา และอีกฝ่ายก็หลับใหลไปเป็นเวลานาน และดังนั้น การให้ศาละกลับมาเกิดใหม่และเป็นถือครองศรไวกูณฐุ์ก็เป็นการเติมเต็มความปรารถนาของทั้งคู่ และทำให้เวทางค์ผู้ที่ได้รับเลือกมีหนทางในการปกป้องครอบครัวตัวเองขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายอสูรทั้งทางนาคาและมยุรายังคิดจะฆ่าแม่ลูกอยู่

ชอบภาษาสละสลวย เล่าเรื่องละเมียดละไม และชอบการดำเนินเรื่องที่ช่วงกลางตัดกลับไปให้เห็นอดีต และสร้างเงื่อนไขความรักที่ค่อยๆ เกิดของศาละกับกิริฏาที่ไม่ใช่แค่ความพึงใจจากหน้าตาของอีกฝ่ายจากที่ได้เห็นครั้งแรก แต่เป็นเพราะได้อยู่ร่วมกันและอยากเห็นอีกฝ่ายดีใจและสุขใจเมื่ออยู่ร่วมกันกับตน และชอบเงื่อนไขความรักของเวทางค์ที่ไม่คิดว่าจะต้องกลับไปให้รู้อดีต เพราะเห็นค่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และคิดอยากจดจำตัวเองที่เคารพและให้เกียรติกิริฏา

นอกจากนี้ การเอาตำนานความเชื่อทางปกรณัมอินเดียมาดำเนินเรื่องก็ทำให้เกิดความน่าสนใจ  เพราะแม้ความเชื่อเกี่ยวกับครุฑ และนาคจะเป็นความเชื่อที่อยู่ในสังคมไทยมานาน แต่ก็จางหายไปทุกทีเมื่อเทียบกับกระแสใหม่ที่เข้ามา พอได้อ่านก็เป็นความสนุกปนความคิดถึงด้วยเช่นกัน

ส่วนตัวให้คะแนนเรื่องนี้ A สรุปส่วนตัวว่า “the beautiful and affectionate tale of reincarnation and promise” 

แต่ติดใจว่าถ้าเวลาซื้อเล่มต้องซื้อทั้งชุดใหญ่เป็นเรื่องภาคลูกด้วย ซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่พออ่านด้วยกัน รู้สึกว่าความคาดเดาได้ของเรื่องหลังทำให้เรื่องแรกที่ดำเนินมาลงตัวรู้สึกด้อยไปอยู่เหมือนกัน

ปล. ตัวละครที่ชอบมากอีกตัวคือ องค์อนุรุทธ์ น้องชายต่างมารดาของเวทางค์ เพราะเจ้าตัวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ได้เพราะเวทางค์ผู้เป็นยุพราชในตอนนั้นถูกรับเลือกให้เป็นผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์ จนอนุรุทธ์ขึ้นมาเป็นยุพราชและกษัตริย์ครองเมืองแทน และแม้จะอยู่กับพี่ชายที่มีสถานะโดดเด่นเป็นผู้ปราบอสูร แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้สึกว่าถูกคุกคามหรือหวงแหนอำนาจของตัวเองเลย กลับให้ความเคารพและยกย่องตัวเวทางค์จากใจจริง และมีจิตใจที่เปิดกว้างจนถึงขั้นคิดเล่นสนุกด้วยซ้ำ (อย่างที่ลุ้นว่าทยุจะถูกคลายสะกด ให้ตัวเองให้เห็นร่างอสูรที่ทำลายเมือง)

Tuesday, 15 October 2019

Undead

จริงๆ เล็งมานานมาก เพราะว่าอยากอ่านแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ แต่ว่าติดที่เป็น ABO ด้วย ก็เลยลากยาวมาจนกระทั่งไม่เหลือแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ใดๆ แล้วนั่นแหละ แต่นะคะ กรี๊ดดด กรี๊ดดด กรี๊ดดด ทำไมมันดีอย่างนี้ แล้วเสียเวลามาเพื่ออะไร ฮือออ เมื่อคืนก็ยาวไปต่อ mtl หลังหมดแปลอังกฤษเรียบร้อยย!


ตัวเอก Si Nan ตื่นขึ้นมาในห้องขัง โดยที่จำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย ระหว่างที่นายทหารสองนายกำลังเคลื่อนย้ายเขาเองออกไป เจ้าตัวก็รู้ว่ารัฐบาลมีคำสั่งให้รวบรวมเหล่าโอเมก้าที่เป็นทรัพยากรหายากไปไว้ในที่ปลอดภัย 

และดังนั้น ระหว่างขนย้ายเหล่าโอเมก้าแข่งกับเวลาที่ประตูเหล็กจะทานเหล่าซอมบี้ไว้ได้ Si Nan ก็ฉวยโอกาสวุ่นวาย จับทหารที่อยู่กับตัวเองมาเป็นตัวประกัน จนสามารถหลบหนีโดยกระโดดลงไปกลางฝูงซอมบี้! 

นี่ค่ะ แค่โผล่มาฉากเปิดก็แอคชั่นแบบฮอลลีวูดแล้ว! เจ้าตัวใช้รถยนต์หลบหนีไปด้วยความเร็วสูงกลับเข้าไปในเมือง แล้วก็ไปเจอกลุ่มทหารหน่วยรบพิเศษที่กำลังเข้าตาจนถูกซอมบี้รุมล้อมพอดี ด้วยความที่เจ้าตัวต้องการยาปกปิดสถานะโอเมก้าตัวเองก็เลยกลายเป็นตัวล่อเบี่ยงเบนความสนใจของซอมบี้ เป็นช่วยเหลือกลุ่มทหารโดยปริยาย และดังนั้น เมื่อกลุ่มทหารช่วย Si Nan ที่กำลังเหมือนจะเข้าตาจน ก็กลายเป็นเจ้าตัวเข้าร่วมกลุ่มกับเหล่าทหารหน่วยพิเศษโดยปริยาย

หลังจากนั้นเมื่อเข้าฐานหลบภัยได้ และส่งความช่วยเหลือไปยังฐานใหญ่ ความแสวงหาที่ปลอดภัยมั่นคงก็เริ่มขึ้น!

คืออยากเขียนแค่นี้จะได้ไม่สปอยล์มากค่ะ แต่ว่าคุณพระคุณเจ้า! นี่คือสิ่งที่อยากอ่านมานานมากกก และอยากเห็นมาตลอด ฮือออ ตัวเอกเก่งมากเทพมากกกกกก ความสามารถในการต่อสู้ก็ดี ความสามารถในการใช้ปืน ความเยือกเย็นและความเด็ดขาด เด็ดเดี่ยวเวลาตัดสินใจนี่คืออ่านไปกรีดไปมากกก ขิงข่าปลาฉลามดีงามสามโลกจริงๆ ชอบตอนที่อาวุธหมดแล้ว ตอนที่อยู่โรงงานปุ๋ย เจ้าตัวก็เอาสารเคมีที่มีมาผสมกันเพื่อเป็นระเบิดเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินมาก กับอีกตอนที่อาวุธจะหมด แล้วมีคนบอกว่าให้ช่วยฆ่าตัวเองให้ตายก่อน ก็เสนอตัวเองเป็นคนลงมือแทน โดยใช้มือเปล่าอย่างรวดเร็ว และเนียนมากกกก

อย่างที่เปิดประเด็นมาว่าเจ้าตัวความจำเสื่อม และสิ่งที่เหลืออยู่คือความสามารถทางกายภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่ติดตัวอยู่ก็คือ ทัศนคติที่เกลียดและดูถูกอัลฟ่ารุนแรง จริงๆ แล้วเหล่าทหารหน่วยรบพิเศษทุกคนเป็นอัลฟ่า แต่เพราะถูกส่งมาทำภารกิจพิเศษก็สร้างกินยากลบฟีโรโมนตัวเองจนดูเหมือนเป็นเบต้า และดังนั้น ก็เลยได้ความเชื่อใจระดับหนึ่งจาก Si Nan ด้วย

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Zhou Rong หัวหน้าหน่วย ที่แสนจะอยากจะฟันธงว่าพี่เขาคือพระเอกมากกกกกกก สภาพแวดล้อม เงื่อนไขก็เหมือนจะใช่มากกกด พี่จะใช่พระเอกไหมคะ เปิดกันมาขนาดนี้แล้ว เป็นเถอะนะคะ เป็นเถอะ! ชอบโปรไฟล์พี่มากก หล่อ หน้าตาดี เก่งกล้า และฉลาดดด ถึงแม้พี่จะมีความกวนน่าถูกซอมบี้งาบหัวก็เถอะ อย่างคนในหน่วยคุยกันว่ามันจะต้องมีพวก curve-wrecker น่ารังเกียจที่เวลาสอบทำคะแนนสูงนรก แล้วอีพี่ก็หันไปตอบหน้าตาเฉยว่า อือ ก็เป็นเหมือนกัน ได้คะแนนท๊อปมาตลอดที่เรียนทหารสี่ปี ตอนจบยังได้เหรียญมาเลยนะ ไม่เคยให้ดูเหรอ

เวลาสองคนอยู่ด้วยกัน สุดแสนจะเป็น power couple มากก เอาจริง เป็น super power couple คนนึงจะเล็งหัวซอมบี้กอริลล่า อีกคนเอาไหล่เป็นฐานให้ยิงระหว่างรถวิ่งเนี่ยยย ไม่ไหวแล้ววววว มีตอนนึงที่ผิดใจกัน แล้วพี่เขารู้ว่า Si Nan ชอบของหวาน ตอนกวาดอาหารออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เอาแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลติดมือมาด้วย แล้วก็ตะโกนถามคนในกลุ่มว่าจะกินไหม ก่อนจะยัดใส่กระเป๋าให้โผล่มาครึ่งล่อน้องวิ่งมาหยิบไป

เรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องสายซอมบี้เรื่องแรกที่เหล่าตัวละครไม่มีการพัฒนาพลังวิเศษ ทุกอย่างเป็นเรื่องของเทคโนโลยี และทักษะทางการทหารล้วนๆ ดังนั้น ฉากที่เจอจนชินตาก็คือ เหล่าฉากปฎิบัติการทางทหาร ที่ไม่ว่าจะเป็นเอาปืนกลมายิงถล่มเหล่าซอมบี้ที่แห่กันเข้ามา การอพยพพลเรือนทั้งทางเฮลิคอปเตอร์และรถบัส การขวางระเบิดใส่ซอมบี้ การยิงพื้นซีเมนต์ให้เป็นรูพรุนเพื่อเปิดทางหนี action-packed ถึงขั้นที่อ่านไปพักใหญ่ก็ถึงขั้นคิดในใจว่าขอเถอะ พักบ้างได้ไหม ดูหนังแนวสงครามมา สู้กับผู้ก่อการร้ายยังไม่ตึงเครียดเท่านี้เลย

ก็นั่นแหละค่า อ่านด่วนนนน! 


Sunday, 13 October 2019

พวกท่านอย่ารังแกศิษย์พี่ของข้านะ // Who Dares Slander My Senior Brother

สปอยล์ทั้งหมดทั้งสิ้นนนน! 

ตามสูตร ตัวเอกอ่านนิยายบนเวบอย่างหมกมุ่น แล้วก็หลุดไปอยู่ในนิยายที่ตัวเองอ่าน

ตามท้องเรื่อง ร่างที่ไปอยู่จะถูกตาที่เลี้ยงมาสวมวิญญาณชิงร่าง แต่ด้วยความที่อ่านนิยายมาติดหนึบรู้เนื้อหาล่วงหน้าก็ชิงกำจัดตาได้ก่อน ... ด้วยความช่วยเหลือของเหล่าผู้ฝึกตนฝึกหัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีคุณพี่พระเอกของนิยายอยู่ด้วย

ดังนั้น ความเลิฟอินนนพี่พระเอกก็ทำให้น้องสมัครตัวเป็นลูกศิษย์ของสำนักเดียวกัน และมุ่งมั่นที่จะอยู่ยอดเขาเดียวกันให้ได้ — แม้ว่ายอดเขานี้ จะเป็นยอดเขาตกอับที่ไม่มีคนนิยมก็ตาม 

วันๆ ก็ไม่มีอะไร ฝึกวิชาตามประสาตัวใครตัวมัน แล้วก็ปลูกผักปลูกสมุนไพรสร้างรายได้ให้ยอดเขายากจนของตัวเองไปด้วย แต่ทีนี้ ด้วยความที่ปลาบปลื้มพี่เขาออกนอกหน้ารุนแรงก็เลยทำให้เหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายในเขารับรู้ และตัวพี่เขาก็เหมือนจะระแวงน้องขึ้นมาาา เพราะความชื่นชมไม่มีเงื่อนไขและไม่มีขอบเขตช่างดูมีเลศนัย และแล้ว พี่เขาก็สะกดจิตน้องซักถามความจริงมันซะเลย!

ซึ่งความจริงที่ออกมาก็พาใจพี่เขาแล่นมากกก ศิษย์น้องมีแต่ความซื่อ และที่เข้าหาพัวพันตัวเองนี่ก็มาจากความชื่นชมเกินจะกู่กลับล้วนๆ — และอีพี่ที่ทนความปลาบปลื้มไม่ได้ก็เริ่มคิดไม่ดีไม่งามกับน้องแทน 

โอ คุณพระคุณเจ้าา เอาจริงแนวศิษย์พี่ศิษย์น้อง หรือศิษย์อาจารย์มันมีเงื่อนไขแบบเดียว คือคนนึงแอบรักอีกคนที่โอ๋ตัวเองแหลกลาญไร้จำกัดเป็นหลัก โดยที่ฝ่ายโอ๋ไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้ตัวก็ถูกจับกิน ได้เห็นทั้งความคิดติดเรทเต็มหัวคนที่ดูสูงส่ง/ใสซื่อ ทั้งความ darken ชั่วร้ายเป็นฝ่ายมารที่ตอนนี้สายไปทำอะไรไม่ได้แล้ว

แต่ความพีคคคอีเรื่องนี้มันก็คือความรุกรุนแรงแบบไม่เหลือความเนียนสำหรับคนอ่านของพี่อีนั่นเอง กระบวนการเซอร์วิสทั้งอ่อย ทั้งยั่ว ทั้งรุก ทุกอย่างทุกทางที่ชีวิตนี้จะทำได้ รู้ว่าศิษย์น้องหลงใหลรูปโฉมตัวเองก็ขายมันสารพัด ทั้งใส่เสื้อหลวมๆ เจียนจะหลุด ทั้งถอดเสื้อ ทั้งอาบน้ำตัวเปียกโชว์ ทำหน้าซื่อตาใสสูงส่งเคร่งขรึมน่าเคารพแล้วแอบลวมลามน้องโดยอ้างว่าเป็นการฝึกวิชา หลอกจูบน้อง ให้น้องจูบบอกว่าเป็นการถ่ายพลังเพราะตัวเองหนาว จ้องดูน้องอาบน้ำแล้วบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันก็มี ขนาดน้องเค้าพยายามยับยั้งใจก็พยายามถึงขั้นไปหิ้วเหล้ามา เผื่อเหล้าเข้าปาก น้องเขาจะเมาให้ไฟติดให้คุณพี่ get lucky ก็ทำมาแล้ว

แต่ โถ หน้าซื่อตาใสของจริงก็คืออีน้องงง ด้วยความที่ตัวเองปลื้มคุณพี่พระเอกมาตั้งแต่เป็นแฟนนิยาย ยิ่งตัวหนังสือบรรยายถึงพี่เขาสูงส่งดีงามขนาดไหน อีน้องก็ปลื้มเท่านั้น แถมยิ่งมาเจอของตัวประชิดตัวตนที่มีเลือดเนื้อจริงของคุณพี่ น้องก็ยิ่งกราบไหว้บูชาพี่เขายิ่งขึ้น ขนาดระบบตรวจสอบค่าความดีคุณพี่ติดตัวแดง น้องก็ยังคิดว่าระบบมันรวนชั่วหาเรื่องศิษย์พี่เลย มีอะไรก็วิ่งออกหน้าช่วยศิษย์พี่อย่างจริงจังตั้งใจทุกครั้ง น้องไม่เคยคิดเลยว่าพี่เขาจะหวังงาบตนเอง

แต่ขอโทษนะคะ น้องขา ในหนังสือนิยายที่น้องอ่าน ตัวพี่เขาเป็นคนดีเป็นพระเอกนิยายแนวพ่อพระที่แม้จะมีหญิงงามมาวนเวียนรอบตัวก็ไม่เคยฉวยหาโอกาสใดๆ ก็จริง แต่พี่เขาเวอร์ชั่นนี้จะปล่อยโอกาสหลุดลอยไปเหรอคะ? ภาพที่อ่านมาตลอดหลอกน้องอยู่นะคะ ตอนศิษย์น้องหญิงคนงามตกลงทะเลสาปไป พี่เขาเป็นสุภาพบุรุษไม่แตะต้องตัวก็จริง แต่พอเปลี่ยนเป็นน้องตกน้ำไปด้วยกันเท่านั้น ทั้งมือ ทั้งขา ทั้งปาก ทั้งลิ้นมาหมดไม่รู้ว่าจะมายังไง แถมจูบพัวพันจนหนำใจพี่ยังมีหน้าเคร่งเครียดมาทำสำนึกผิดบอกน้องว่าอุกอาจทำไปเพราะช่วยน้อง ขอให้น้องเข้าใจอีก

ที่สำคัญ ศิษย์พี่ก็ยังมีออฟชั่นเสริมคอยถึงเนื้อถึงตัวน้องอีกอย่างอีก นั่นก็คือ พี่เขามีอีกร่างเป็นงูไงล่ะคะ น้องไปเจอตอนตรวจยามกลางดึกพอดี พอเห็นว่างูเหมือนจะบาดเจ็บก็สงสารคอยช่วยเหลือ ซึ่งตอนแรกอีพี่ที่ยังระแวงน้อง พออยู่ในร่างงูก็พลอยระแวงไปด้วย แต่พอรู้ว่าน้องแอบชื่นชมตัวเองเท่านั้นแหละ ร่างงูก็มาเนียนๆ ด้วยทันที ดึกๆ ก็เข้ามานอนด้วย ทั้งรัดทั้งพันไม่รู้จะเอายังไง แถมบางทีช่วงอีพี่อารมณ์พีคหนักๆ ก็แอบแทะๆ เล็มๆ น้องไปด้วยอีกอย่างหาก

เพราะความที่น้องซื่อเกินไป และเพราะความที่อีพี่เจ้าเล่ห์เกินไป ก็ควรจะมีตัวช่วยมาปกป้องน้องบ้างงง เสียดุลมาขนาดนี้ แลละสิ่งนั้นก็คือ .... ท่านอาจารย์ และระบบนั่นเองง! แม้เป็นตัวถ่วงดุลย์ที่มีก็เหมือนไม่มี แต่อย่างน้อยก็ช่วยน้องได้นิดนึงล่ะนะ

ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่มาขัดจังหวะได้อย่างเหมาะสมเกินจะกล่าวมากก อย่างน้อยๆ ช่วงที่อีพี่กะงาบน้องแรงๆ ท่านอาจารย์ก็จะโผล่มาพอเหมาะพอเจาะพอดี อีพี่หิ้วเหล้ามาหลอกน้อง เจอท่านอาจารย์กำลังตรวจสอบความก้าวหน้าอีน้องรอบนึง หรือพอทำให้อีน้องเผลอใจกับตัวเองไปแล้ว ท่านอาจารย์โผล่มาก็มีเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นคราวซวยอดงาบของอีพี่ไม่พอ ยังเป็นคราวเคราะห์ซวยยิ่งกว่าของอีน้องเหมือนกัน พอมาทีไร เจอสองคนนี้อยู่ด้วยกัน ท่านอาจารย์ที่โคตรจะหวังผลสำเร็จสูงไม่มีอ่อนข้อก็มองว่าเพราะอีน้องไม่มีสมาธิมัวแต่ติดหนุ่ม เอ๊ย อีพี่นั่นเองง ถึงขั้นที่เอาอีน้องไปกักตัวฝึกวิชาเป็นปีปล่อยให้อีพี่ดิ้นกระแด่วๆ อยู่คนเดียว

กับคุณระบบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาจริงมีประโยชน์หรือไม่มี เพราะมาทีไรไม่เคยช่วย มีแต่จะก่อปัญหา ยกเว้นแต่ว่าทำให้น้องตื่นขึ้นมาเพราะกรีดร้องว่ามารโผล่เป็นระยะๆ และที่สำคัญ อย่างท้ายเล่มหนึ่ง น้องตื่นมาเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอีกต่างหาก อืม กางเกงหลุดไปอยู่ที่ข้อเท้าแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าใคร และเพราะอะไร

เอาจริง ส่วนตัวสงสัยการมีอยู่ของระบบมาก นอกจากจะช่วงขวางมือขวางเท้าแล้วก็ยังทำให้คู่รัก เอ๊ยย ศิษย์พี่แอนด์ศิษย์น้องเข้าใจผิดกันอีก เอาจริง คุณพี่เค้าก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ เพราะว่าพี่เขาเป็นทายาทคนเดียวที่เหลือรอดมาของสำนัก ที่คนในสำนักหลายร้อยชีวิตถูกฆ่าโหดในช่วงคืนเดียว และด้วยที่พี่เขาจำอะไรไม่ได้ ก็เลยเป็นความคลุมเครือระหว่างความชั่วร้ายของศิษย์พี่กับความบริสุทธิ์ไร้มลทินกระนั้น ก็มีส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ดี เพราะจะฆ่าคนในสำนักเองก็ดี หรือบริสุทธิ์จริงก็ดี ศิษย์พี่รู้ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังและก็คิดจะแก้แค้นรวบยอดอยู่แล้ว ดังนั้นฉากหลังก็เลยเข้าสู่วิถีมาร และดำเนินแผนการของตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อการแก้แค้นเต็มที่ และแม้เรื่องนี้จะสลับซับซ้อนกว่าที่เป็น และมีตัวชั่วจอมบงการสร้างเรื่องอยู่เบื้องหลัง ตัวระบบก็ทำให้ตัวน้องเชื่อเต็มที่ว่าศิษย์พี่เป็นตัวร้าย ทำให้รู้ความจริงครึ่งๆ กลางๆ ผิดใจกันอีก

เอาจริงช่วงที่ทะเลาะเข้าใจผิดกันน่าเบื่อมาก ด้วยความที่หนังสือเขียนมาตลอดว่าศิษย์พี่ดูสูงส่งน่าเลื่อมใส และศิษย์น้องก็เชื่อถือศรัทธาศิษย์พี่มาก พอสองคนมีเรื่องผิดใจกัน เพราะน้องรู้ความจริงว่าศิษย์พี่อยู่เบื้องหลังเหตุร้ายหลายอย่าง พอไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ กลายเป็นคิดว่าสองคนมีเรื่องผิดใจกันแล้วตัวศิษย์น้องพาลอาละวาดงอแงไปเสียอีก เพราะภาพศิษย์พี่ดีมาก และอีศิษย์น้องก็กางปีกปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายอีพี่ตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ยิ่งไปกว่านั้น พอศิษย์น้องเริ่มรู้ความจริงว่าตัวเองก็มีส่วนที่เข้าใจผิดไป ก็เอาทุกอย่างมากองว่าเป็นความผิดของตัวเองคนเดียวที่ไม่เข้าใจ/ เชื่อใจทั้งที่จริงๆ แล้วอีพี่เองก็มีส่วนทำผิดต่อคนอื่น และต่อศิษย์น้องด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบภาพ power imbalance แบบนี้เท่าไหร่ กับที่สำคัญด้วยนิสัย molester อีศิษย์พี่ นานๆ เข้าศิษย์น้องโคตรซื่อก็คล้อยตามไป แต่ก็กลายเป็นคิดว่าตัวเองผิด ที่คิดไม่ดีไม่งามกับศิษย์พี่แทนที่รู้เห็นความจริงว่าอีพี่นั่นแหละที่ใจติดตม — และที่น่าสงสารก็คือ พอช่วงเล่มสองรู้ว่าอีพี่ black belly ท่าทางหน้าเลื่อมใสแต่ใจดำมืด น้องก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว เพราะพี่ไม่ปล่อยน้องแน่ และความรู้สึก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งเทิดทูนที่อยู่ในกระดูกสันหลังสั่งการก็ทำให้ไม่ปฎิเสธิอีพี่ไป

อ่านเรื่อยๆ ชอบช่วงต้นๆ มากกว่าเพราะบรรยายเรื่อยๆ เลี้ยงใจกัน และขำเวลาเห็นศิษย์พยายามขุดทุกสิ่งอย่างเท่าที่จะคิดได้มาล่อหลอกศิษย์น้อง ถึงขั้นที่พีคหลอกถามอายุเป็นระยะๆ เพราะว่านับเวลากิน ... แล้วพอบอกน้องว่าเคาน์ดาวน์นับถอยหลังให้น้องโต อีน้องถามว่าทำไม อีพี่ก็บอกว่าจะสอน “วิชาอย่างหนึ่ง” ให้ อีเด็กซื่อนี่ก็ดันดีใจกรีดร้องขอบคุณอีก โถ! จะถูกขายแล้วยังช่วยเค้านับเงินเนอะหนู

สปอยล์ที่สุดดด 
.
.
.
.
.
.
.
ตอนนึงที่ขำมาก คือตอนที่อีน้องเพิ่งรู้ความจริง แล้ววิ่งเข้าไปบอกอาจารย์ก็ทำให้อีพี่โกรธมากก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าศิษย์น้องที่ว่าง่ายมาตลอดแข็งข้อกับตน แล้วคิดจะกดศิษย์น้องกินแบบโหด เต่าของศิษย์พี่ที่ศิษย์น้องเป็นคนเลี้ยงก็มาช่วยกัดอีศิษย์พี่ แล้วพอศิษย์พี่จะทำร้ายเต่า อีน้องที่ไม่มีแรงกำลังจะเสียท่า ก็ลุกขึ้นมาปรี๊ดดดทันที แบบห้ามทำร้ายเต่านะ! พออีพี่ทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ อีน้องก็ยิ่งกรี๊ดขึ้นมาว่า แล้วไง ที่ผ่านมาใครเป็นคนเลี้ยงงง? ถึงขั้นที่ทำให้อีพี่ที่โกรธหน้ามืดถึงขั้นสงบใจได้ และเลิกบ้าจะกดน้องไปเลย

เอาจริง ชอบช่วงฝึกวิชามาก ชอบที่ศิษย์น้องท่าทางเด๋อๆ แต่ตั้งใจฝึกวิชาจริงจัง อีดาบเทอะทะ แต่ว่าเรียบง่าย ได้ประสิทธิภาพมาก

ส่วนตัวก็อ่านได้เรื่อยๆ ส่วนตัวชอบตัวเอกฉลาดลึกซึ้ง รู้ว่าเซ็ตติ้งน้องมาต้องซื่อนิดนึง แต่บางทีก็อดขัดใจอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกต่ออีพี่ทั้งตอนชื่นชม และโดยเฉพาะรู้สึกผิด อยากให้น้องอัพเกรดมาสู้กับอีพี่ได้บ้างงงง ก็ให้ C+/B- กันไป

Monday, 16 September 2019

เรียกข้าว่าคุณหนูอันดับหนึ่ง โดย เชียนซานฉาเค่อ

//1. สปอยล์ไม่ต้องสงสัย — เป็นบันทึกการอ่านนะคะ//

// 2. อ่าน e-book 3 เล่มแรก ที่เหลือเป็น mtl จากจีน ไม่แน่ใจเรื่องความเหมือน/ต่างจากฉบับภาษาไทย//

เอาจริง เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องกลับมาแก้แค้นของเชียนซานฉาเค่อแบบผลาญ แล้วก็นางพญาท้ารบ แนวทางมาเหมือนกันทั้งสามเล่ม แต่ก็นะคะ พวกที่ชอบสายนางเอกเก่งกลับมาแก้แค้นอย่างอีฉันก็ยังงมงายอ่านต่อไป

ส่วนตัว เล่มนี้เป็นส่วนผสมของผลาญ แล้วก็นางพญาท้ารบ ในแง่ที่ว่าเอาการแก้แค้นเฉียบไวของเรื่องแรก มาผสมกับขั้นตอนการดำเนินเรื่องที่ไปเป็นทีละขั้นตอนอย่างมีเหตุผลมากขึ้นของเรื่องหลัง แต่จุดที่ต่างกันก็คือ แทนที่ตัวคนรักที่นางเอกถูกหลอกใช้จะเป็นแบบองค์ชายที่จะขึ้นครองบัลลังค์ เปลี่ยนเป็นจอหงวนคงแก่เรียนที่รักและแต่งงานกันที่ต่างจังหวัด ก็เลยทำให้แนวทางแก้แค้นของนางเอกและแนวทางเดินเกมทางการเมืองของพระเอกแยกออกเป็นคนละส่วนกันต่างจากสองเรื่องแรก 

ดังนั้น เซวียฟังเฟย ที่ถูกองค์หญิงที่กลายเป็นคนรักของสามีเก่าสร้างเรื่องให้เสื่อมเสีย และฆ่าตายโดยทำให้เป็นเหมือนกับการฆ่าตัวตายเอง ก็ได้กลับมาอยู่ในร่างของ เจียงหลี คุณหนูรองของมหาอำมาตย์ ที่ถูกส่งมาทิ้งอยู่ที่อารามแม่ชี ด้วยข้อหาทำร้ายแม่เลี้ยงและลูกในท้องของแม่เลี้ยง และการเริ่มต้นแก้แค้นทั้งสามีเก่า กับการประมือกับแม่เลี้ยงหน้าเนื้อใจเสือก็เริ่มขึ้น

เรื่องนี้พระเอกไม่ได้รักนางเอกชัดเจนหรือว่าเร็วเหมือนในผลาญ แต่เป็นเหมือนนางพญาท้ารบที่เริ่มจากความไม่ไว้ใจถึงขั้นระแวงของพระเอก ก่อนที่จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นความเข้าใจ และรู้ใจกัน — ความสัมพันธ์เป็นไปในเชิงที่เจียงหลีต้องพึ่งพา จีเหิง ที่เป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลแม้กระทั่งกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในว่าจะในเรื่องของการปกป้องดูแล หรือแม้กระทั่งการให้ความช่วยเหลือ และส่วนของจีเหิงเอง การยอมให้ความช่วยเหลือก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวสนใจกับความบันเทิงที่เกิดจากพฤติกรรมและแรงจูงใจจะแก้แค้นที่คาดเดาไม่ได้และดูเหมือนจะไม่มีที่มาที่ไปของ ‘คุณหนูรองเจียง’

หลักๆ แล้ว ในส่วนของการแก้แค้นเรื่องนี้ทำได้สนุกเหมือนเดิม แม้ว่าจะดูเหมือนอ้อมโลก เพราะว่าศัตรูเป็นถึงองค์หญิงที่ดูจะมีฐานะสูงเกินไปต่อกรด้วยไหว แต่ด้วยความใจเย็น คอยหาวิธีการและวางแผนการของเจียงหลีก็ทำให้เรื่องราวเหล่านี้สนุกและคาดเดาไม่ได้ กับขณะเดียวกันก็มีการปะทะคารมและสู้ด้วยแผนการกับแม่เลี้ยงเป็นระยะๆ ระหว่างทางเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นไปตามเงื่อนไขไม่ต่างจากสองเรื่องแรก ไม่ว่าจะเป็นวางยาสร้างเรื่องฉาวชู้สาว ไล่ปีศาจและความอัปมงคล ฯลฯ และแม้ว่าการแก้ปัญหาจะไม่ต่างจากเดิม แต่รายละเอียดเล็กน้อยที่แผกออกไปก็ยังทำให้ยังสนุกและน่าตื่นเต้นเหมือนเดิม

ความรักเรื่องนี้ไม่ค่อยเด่นชัดเท่าไหร่ อย่างที่ช่วงแรกเน้นการแก้แค้นกับสามีชั่วและชู้รักเป็นหลัก พอแก้แค้นได้จบก็เหมือนตัวนางเอกจะเนือยลงไป กลับมาเป็นคุณหนูลูกขุนนางธรรมดา และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือช่วงที่พระเอกมองว่าจบการแก้แค้นได้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนก็ควรจะจบสิ้นด้วยเหมือนกัน เพราะจีเหิงไม่ต้องให้ความช่วยเหลือนางเอกแล้ว และก็อยากที่จะทุ่มความใส่ใจไปที่การแก้แค้นส่วนตัวของตัวเองมากกว่าที่จะต้องติดต่อยุ่งเกี่ยวกับเจียงหลี กว่าที่จะมีเรื่องที่ทำให้เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ก็นาน และถึงแม้ว่าจะเข้าใจได้ ตัวจีเหิงก็มอง เจียงหลี/เซวียฟังเฟย ในฐานะผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการรบของตัวเองอีกต่างหาก — ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้ขัดใจมาก มีความรู้สึกว่าตัวนางเอกมีความรู้ความเข้าใจบ้านเมืองและมีสมองที่คิดแผนการและรู้เท่าทัน ก็ควรจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าเก็บนางเอกเอาไว้บนหิ้ง แล้วตัวเองออกไปจัดการกับปัญหาคนเดียวโดยไม่ยอมให้นางเอกมีส่วนรู้เห็น อย่างที่หายไปแล้วปล่อยให้นางเอกต้องรอ

เมื่อในแง่นี้ทิศทางเรื่องหลังการแก้แค้นเปลี่ยนไปให้ตัวเจียงหลีกลับมาเป็นคุณหนูในห้องหอที่ถูกตระกูลกำหนดทิศทางให้เดิน ก็เลยมีเรื่องอย่างการวางตัวในตระกูล และการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับลูกชายบ้านอื่นเข้ามา — ก็การแก้ปัญหาก็เป็นการช่วยเหลือจากฝ่ายชายแทนที่จะเป็นการใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองอย่างที่เคยเป็น (พระเอกมาช่วยก็ดี แต่บางครั้งก็อยากให้นางเอกหาทางขวนขวายด้วยตัวเองก่อน แทนที่จะอยู่เฉยๆ ให้พระเอกมาช่วย)

นอกจากนี้ ที่รู้สึกพล็อตไม่นิ่งก็มีอีก 2 ประเด็น คือ หนังสือวางตัวให้ตัวจีเหิงมีอำนาจและมีอิทธิพลมาก และภาพที่เห็นก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่พอครึ่งหลัง ทำไมดูพระเอกไม่มีกำลังคนของตัวเองเลย พวกที่เคยรายล้อมรับใช้เป็นมือสังหารในเงามืดอย่างที่เคยมีไปไหนหมด? ทั้งในส่วนของการสู้ที่หางโจว และก็การรบสุดท้าย โดยเฉพาะเมื่อเปิดประเด็นให้มีเรื่องในอดีตของครอบครัวจีเหิงเข้ามา

กับตัว (คนที่เหมือนจะเป็น) พระรองแต่กลายมาเป็นตัวร้ายสุดท้ายก็ดูไม่มีแรงจูงใจขนาดนั้น ส่วนตัวถ้าจะเขียนบุคลิกนิสัยออกมาให้ดีตอนแรก และเปลี่ยนเป็นตัวร้ายอย่างที่เป็น ดูสงสารตัวละครและไม่สมจริงกว่าที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ติดใจในแง่ที่คิดต่อเองมีอยู่ว่า เรื่องผลาญก็ดี นางพญาท้ารบก็ดี เป็นเรื่องที่นางเอกสามารถย้อนเวลากลับมาในอดีตได้ และสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เต็มที่ แต่เรียกข้าว่าคุณหนูอันดับหนึ่งเป็นการดำเนินเรื่องต่อจากจุดที่เกิดเหตุ และดังนั้นแม้ว่าจะมีการพยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างไรก็ทำได้ไม่เต็มร้อย ส่วนตัว สงสารตัวละครหลายตัวที่ถูกทำร้ายเพราะแผนการขององค์หญิงมาก โดยเฉพาะน้องชายนางเอก เพราะว่าแม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ต้องเสียขา และเดินไม่ได้ไป (ถ้าเป็นไปได้ อยากแก้ประเด็นนี้มาก ก็รู้ว่าคนเขียนอยากบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดก็คือมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ตัวละครนี้ก็ควรจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ — อยากให้กลับมาเดินได้มากเลย ฮือ)

ถ้าจะให้เปรียบเทียบ 3 เรื่อง ถ้าดูเฉพาะส่วนของการแก้แค้นอย่างเดียว ชอบเรื่องนี้ที่สุด เพราะชอบการแก้ไขปัญหาอย่างแนบเนียบค่อยเป็นค่อยไป และความสัมพันธ์ที่แม้จะไม่ใช่ความรักเชิงชู้สาวชัดเจน แต่กลมเกลียวอยู่ด้วยกัน และการตามใจในแบบของจีเหิง ซึ่งถ้าจะพูดกันตามจริง การให้ความช่วยเหลือและคอยดูแลใส่ใจแบบนี้ ดูพึ่งพาได้กว่าการเอ่ยคำรัก และการฝากใจอีก — อย่างไรก็ตาม เรื่องค่อนข้างนิ่งไปหลังจากนั้น ด้วยประเด็นการกลับสู่สภาพคุณหนูในห้องหอที่อยู่ไปเรียบเรื่อย และการเดินเกมของจีเหิงที่เอาอดีตมาเป็นประเด็น (เทียบกับหมู่ขุนนางใหญ่ และราชวงศ์มีปัญหาอย่างนี้หมด ทำไมจึงกลายมาเป็นประเด็นที่เป็นเรื่องหนักหนาในตอนหลัง?)

ก็เลยกลายเป็นในภาพรวม สุดท้ายแล้วก็ยังชอบผลาญที่สุดอยู่ดี 

Thursday, 5 September 2019

บันทึกเรื่องแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ที่อ่าน

อาจสปอยล์

//พีคสุดชอบสุดที่สี่เรื่องแรก//

อันดับหนึ่ง 
Dangerous Survival in the Apocalypse (รีวิวไปแล้ว) 

ชอบ Shen Shian ตัวเอกที่เก่งเกินสามโลก OP เกินเหตุเพราะ space dimension ใหญ่ยักษ์ไม่มีขอบเขต และเจ้าตัวเหมือนจะทำได้ทุกอย่าง แต่ว่ามีน้ำใจและช่วยเหลือคนอื่น ใครมาอยู่กับ Shian คือชีวิตดีมากรุนแรง ถึงขั้นนั่งรถไปจิบสมูทตี้กินองุ่นบ้างเชอรรี่บ้างไปด้วยแล้ว ชอบที่เน้นสู้กับซอมบี้ แล้วก็เน้นการสู้กับใจคนไปพร้อมกัน ต่างจากเรื่องอื่นนิดหน่อยที่ไม่ได้เป็นการอยู่กับที่ แต่ว่าตะลุยฝ่าไปที่เมืองหลวง แล้วไปตั้งเบสที่นั่น ซึ่งระหว่างนี้ก็เก็บพรรคพวกไปได้ทีละคนสองคน

พระเอกก็มาตั้งแต่ต้น แต่ว่าอยู่ในรูปตั้งแต่ลูกหมา และเด็ก ซึ่งป่านนี้ (ตอนที่ 155) ก็ยังไม่โต แต่ว่าชอบความผูกพันและตายแทนจริงจัง เป็นเรื่องแนวนี้ที่ชอบที่สุด

The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse (รีวิวไปแล้ว)

Luo Xun กลับมาเกิดใหม่ จุดเด่นอยู่ที่เจ้าตัวไม่มีพลังพิเศษ แต่ว่าใช้ประสบการณ์จากชาติก่อนกับสติปัญญาวางแผนและรับมือกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนถึงขั้นเป็นหัวหน้าทีมของกลุ่มได้ ตามชื่อเรื่องก็เลยมีสองขา เน้นทั้งการเก็บของและสร้างฐาน ปลูกผักกับเลี้ยงสัตว์ไปด้วย ซึ่งรู้สึกว่าการสร้างบ้านเสริมความแข็งแรงให้ทนทั้งคนทั้งซอมบี้ในเรื่องอื่นไม่ค่อยทำ ลงรายละเอียดปลูกผัก และสร้างบ้านจะทุกขั้นตอนถึงขั้นหลับตาหลอนตามจริงๆ

ชอบความสัมพันธ์ส่งเสริมกันของตัวเอกกับพี่พระเอก เพราะพี่เขาเก่งจริงแต่ว่าประนีประนอมคุยกันรู้ใจมาก //ตอนจบจบดีมากด้วย ชอบความรู้สึกต่อเนื่องแล้วก็โทนบวกที่ให้เห็นความหวัง

Dominion’s End The Region ทีมสังหาร vs อวสานโลก

เรื่องนี้ก้ำกึ่งว่าจะเป็นวายไหม เพราะว่าตัวเอกกลับมาเกิดใหม่เป็นผู้ชายจริง แต่ว่าเป็นผู้หญิงมาก่อน คนเขียนก็คือ Yu Wo เจ้าแม่สายแฟนตาซี ก็เลยทำให้เรื่องเยอะไปกว่าแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ส่วนใหญ่ กับรายละเอียดแน่น จินตนาการสูง ตัวเอกเก่งเทพมาก และก็หน้าตาดีมาก ตามประสาตัวเอกของ Yu Wo และทีมก็ดีเหมือนกัน เพราะคุณพี่ชายมีเพื่อนที่เป็นทหารรับจ้างในสังกัดอยู่ ดูจากทรงคิดจะครองโลกก็ยังได้

แต่ปัญหาชีวิตก็คือ คนเขียนก็ยังเขียนไม่จบ Enter พิมพ์มาได้ 4 เล่มก็ยังค้างตายกันอยู่ และที่สำคัญเพราะปูพื้นค่อนข้างแน่น มาหลายเล่มแล้วก็ยังไม่ถึงไหน

Thrive in Catastrophe (รีวิวไปแล้ว)

ชอบการคิดนอกกรอบของตัวเอก แล้วก็ความกล้าที่จะดีขึ้นเพื่อคนที่ชอบนะ จุดเด่นก็คือเป็นสังคมวันสิ้นโลกอยู่แล้ว ก็เลยเริ่มเรื่องไปเชิง futuristic/ post-apocalypse ได้เลย แล้วก็ออกไปเชิงทหารแล้วก็การต่อสู้ของกองทัพมากกว่าจะเป็นคนธรรมดาอย่างเรื่องอื่น แต่ว่าส่วนตัวจุดเปลี่ยนที่ถูกลักพาตัวน่าเบื่อไปหน่อย กับไม่ชอบที่ตัวเอกยอมให้คนอื่นมากำหนดตัวเองเป็นช่วงๆ

//ช่วงนี้กลางๆ ค่ะ //

After Brushing Face At The Apocalypse’s Boss For 363 Days

ต่างจากเรื่องอื่น เพราะพระเอกเป็น AI ในเกม และตัวเอกก็หลงรักพระเอกที่เป็น last boss ในเกมก่อนที่จะหลุดไปในโลกเกม/โลก apocalypse ของพระเอก เรื่องนี้ก้ำกึ่งเป็นทั้งสายเกมแล้วก็สายวันสิ้นโลก+ซอมบี้ไปพร้อมกัน น่ารักที่ตอนตัวเอกเข้าไปในเกม สิ่งแรกที่ทำทุกวันคือไปหาพระเอกที่ใน setting ได้แค่ยืนเฉยๆ แต่หารู้ไม่ว่าพี่เขาก็น้ำหยดลงหิน อินน้องไปด้วยเหมือนกัน น้องคุยบ้าง กอดบ้าง โดยที่เพิ่มค่าอินเลิฟพี่เขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และดังนั้น เมื่อหลุดจากเล่นเกมมาอยู่ในโลกเกมจริงๆ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพี่เขาก็ตามล่าหาน้อง และเคยช่วยเนียนบ้างไม่เนียนบ้างไป ถึงขั้นทำเสื้อบอกว่ารักบอสให้ตัวเอกใส่ก็มี กับเป็น last boss ทำตัวร้ายไปจับคนในฐานมา ไม่ใช่อะไรแค่ช่วงนี้น้องไม่เอาช็อคโกแลตมาให้ ก็เลยข่มขู่เอาลูกสาวพ่อครัวมาเพื่อให้ทำช็อตโกแลตและใส่กล่องให้เป๊ะแบบที่น้องให้มา –  คือว่าของเดิมเหลือกล่องสุดท้ายไม่กล้ากิน เป็นการใช้อำนาจตัวร้ายแบบจะร้ายดีไหมคะ

ความ ultimate คือถามน้องตอนที่เจอกันจริงๆ ว่าอยากให้โลกนี้เป็นอย่างไรก็จะให้เป็นตามนั้น จุดจบของโลกขึ้นอยู่กับน้องต้องการ กี๊ซซซซซ

Number One Zombie Wife

ตัวเอกหลุดมาในนิยายที่ตัวเองเขียน ในเรื่องเป็นซอมบี้เพราะถูกฉีดไวรัสเข้าไป แล้วก็เป็นศัตรูกับพระเอกมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อเป็น zombie king ช่วงแรก ๆ เหมือนจะเข้าไปเพื่อฆ่าพระเอก แต่เพราะพระเอกหน้าเหมือนเพื่อนสนิทตัวเองก็เลยฆ่าไม่ลง เปลี่ยนแผนเป็นให้สนิทกันจนฆ่าไม่ลงแทน ช่วงแรกพล็อตไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ รู้สึกว่า loopholes เยอะ แต่ว่าช่วง 100+ สนุกอยู่เหมือนกัน เป็นเรื่องอ่านเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยรู้สึกพีคเท่าไหร่ แต่ว่าเวลาพระเอกอ้อนตัวเอกกับเวลาหึงน่ารัก+น่าขำเป็นระยะๆ

Apocalypse Rebirth: Chief, Don’t Move!

เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ไม่วาย และเหมือนจะเป็นเรื่องแรกแนวนี้ที่อ่านนานมาแล้ว 5555 ตัวเอกย้อนกลับมาเหมือนกัน และก็เป็นอารมณ์พยายาม reunite กับครอบครัวเดิม เอาจริงอ่านไม่ไกล เพราะเรื่องนี้ตอนนั้น raw อ่านยาก

Counterattack of a White Lotus that was Reborn into an Apocalypse

สลับกับเรื่องอื่นเพราะว่าตัวเอกเป็นพระเอก ใช่ค่า seme protag! จากที่ควรจะเป็นแค่ตัวประกอบร้ายๆ เพราะหลุดมาในนิยายที่เพิ่งอ่านก็เลยพยายามหนีจากสถานะมือที่สามของลูกพี่ลูกน้องที่มีแฟนอยู่แล้ว เรื่องนี้ตอนนี้งงโพกับงงพระเอกมาก แต่สุดท้ายแล้วพี่แกนั่นเองที่เป็นที่เป็นพระเอกและตัวเอกควบกันไป ส่วนนายเอกก็คือแฟนของลูกพี่ลูกน้องนั่นเอง กว่าจะเข้าใจก็ผ่านไปหลายบทโข

จริงนายเอกเอาพระเอกมาอยู่ด้วย เพราะว่าอีนางกลับชาติมาเกิดใหม่ (reincanator VS transmigrator นั่นเองง) และก็กะจะแก้แค้นเต็มที่ แต่เพราะพระเอกเด๋อดูโง่แบบงงๆ ก็เลยปักธงนายเอกไปไม่รู้ตัว น่ารักที่พระเอกพยายามพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น และมองโลกในแง่ดี แต่พอนานๆ ไป เหมือนคนเขียนชอบเพิ่มตัวละครใหม่แล้วก็ทิ้งไปตามรายทาง กับหลังๆ ส่วนตัวว่านายเอกดูนิ่งไปนิดนึง สมเป็น tag cold interest มาก

Back to the Apocalypse

ตัวเอกกลับมาเกิดใหม่อีกเช่นกัน กลับมาทั้งพลังพิเศษ ทั้งมิติเก็บของ และด้วยความที่ชาติที่แล้ว ทำให้คนรักตาย ชาตินี้ก็เลยจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนรักที่เป็นหัวหน้าแกงค์ ซึ่งเอาจริงก็เป็นเรื่องที่ loopholes เยอะมาก และเขียนแต่สักว่าเป็นแนวสิ้นโลกซอมบี้ ตามสูตรแต่ไม่มีเสน่ห์ดึงดูดเท่าไหร่ จุดเด่นก็คือ ตัวเอกพลังเยอะ และเป็นลูกนักการเมืองก็เลยใช้อิทธิพล ความรวย และพลังสลับกันไป ส่วนตัวให้ไม่ผ่าน โดยเฉพาะไม่ชอบนิสัยตัวเอกมาก ๆ มีความรู้สึกว่าเห็นแก่ตัว แล้วก็มองโลกแคบ ไม่นับ loopholes และการขาดเสน่ห์

My Cherry Will Explode in the Apocalypse

ตัวเอกกลับมาเกิดใหม่ เรื่องนี่คล้ายๆ กับ Back to the Apocalypse เพราะตั้งเป้าชีวิตว่าจะปกป้องคนรักให้ได้ แต่น่ารักกว่าเรื่องบน เพราะตัวเอกนิสัยค่อนข้างซอฟท์กว่า และคุณพี่พระเอกเป็นตำรวจ (อย่างน้อยก็สายนอกเครื่องแบบจ๊ะ) จุดเด่น คือพลังวิเศษของตัวเอกที่มีมิติพิเศษ และปลูกผักได้ ซึ่งคุณผักก็ทำให้ทั้งเป็นอาหารรสชาติดีมีคุณค่า และเป็นอาวุธสู้ซอมบี้ ปัฐหาอย่างเดียวที่สงสัย คือทำไมพี่พระเอกอินเลิฟเร็วมาก

Rebirth of MC

พระเอกเกิดมาใหม่อีกเรื่องแล้วค่ะ คราวนี้ เอาจริงชื่อก็บอกอยู่แล้วเนอะ จุดเด่นคือการสู้กับซอมบี้ไม่ได้ใช้พลังพิเศษ แต่ใช้วิชาปราบปีศาจค่า ดังนั้นการทำไม้ท้อมาปลุกเสกเพื่อฆ่าซอมบี้ และการสร้างเขตอาคมก็เป็นเรื่องปกติเรื่องนี้ คุณพี่พระเอกเป็นทหารและแม่นปืนมาก ความขำก็คือ หมอดูบอกว่าพระเอกต้องหาคนที่จะแก้ดวง/ คนรักคือตัวเอกให้เจอ แล้วอีพี่พระเอกก็ใช้วิธีออกหมายจับ! ว๊อทมากก ตัวเอกหนีสุดหล้าฟ้าเขียว แต่สุดท้ายก็กลับมาเจอกัน อยู่ด้วยกันไปพักหนึ่งกว่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร โถ
เพื่อนสมัยเด็กพระเอกก็ได้รับสืบทอดวิชาสร้างของอาคมมาจากบรรพบุรุษเช่นกัน เอาให้พอออ!

อ่านเพิ่มที่นึกออก (29/03/21)

  • Undead (2019)
  • 2013  (2019) (dropped)
  • The Earth is Online  (2019) (dropped)
  • End of World’s Businessman  (2019)
  • Show Love System (2019?)

  • The Rebirth of the Last Days and Return to [Fang] Hao  (2021)
คนเขียน The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse โลกเดียวกัน แต่พอเว่อร์กว่า แล้วก็ OP กว่า ชอบในแง่คนรักอยู่ด้วยกันสองคน แต่ยังขัดใจเรื่องอยู่เป็นทีม แต่รวมๆ ก็เหมือนอ่านเรื่องต่อ แต่ก็ชอบอยู่นะ

  • The Invasion Day (2021)
เปลี่ยนจากสู้กับซอมบี้เป็นสู้กับเอเลี่ยน แต่ฟีลวันสิ้นโลกเหมือนกัน  

  • Rebirth in the days of farming in the last days  (2021) (dropped) 

อ่านจีนจากชื่อ 重生在末世种田的日子 คนเขียน The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse  อีกเหมือนกัน ไม่สนุกเลย

กลุ่มนี้รออ่าน
  • Apocalyptic Rebirth: Earth’s Vast Changes
  • Boss’s Death Guide
  • Fierce Silk Flower
  • The End of The World’s Reborn Cannon Fodder Counter-attacks
  • Quick Transmigration: Rescuing the Blackened Male Lead
  • The End of The World’s Reborn Cannon Fodder Counter-attacks



Sunday, 1 September 2019

Stone Age Husband Raising Journal

แนวยุคหิน + beast world 

อาจจะสปอยล์ 

ใน Beast world ยุคก่อนประวัติศาสตร์ หนุ่มน้อย Xiong Ye ผู้มีร่างสัตว์เป็นหมี รักกันกับ Shi Li ที่เป็นสิงโต ทั้งสองตกลงจะแต่งงานกัน แต่ทว่า...

อี Shi Li ดันกลับร่างมาเกิดใหม่ แล้วก็ตั้งใจที่จะอยู่กับผู้หญิงในเผ่าคนอื่นแทน Xiong Ye ที่แสนจะรักมั่นคง!!!

Xiong Ye ใสซื่ออกหักใจสลาย และอีคนในเผ่าหมีก็แสนจะทึ่มบื้อไม่ได้รับรู้ความเจ็บปวดของหมีน้อยเล๊ยย ยกเว้นแต่คนเดียวก็คือ Zhou Ji ที่เห็นใจหมีใจสลาย และส่งอาหารอร่อยแบบที่ Xiong Ye ไม่เคยได้กินมาปลอบใจ

หลังจากนั้น ตัว Zhou Ji เป็นคนอ่อนแอของเผ่าก็ถูกไล่จากจากถ้ำตัวเอง และเพราะความสงสารประกอบกับเหงานิดๆ หมีก็เลยรับเอาคนอ่อนแอมาอยู่ด้วยในถ้ำ กลายเป็นจุดเริ่มของความสัมพันธ์มิตรภาพขึ้นมา

แต่ทีนี้ Zhou Ji ไม่ได้เป็นแค่คนอ่อนแอไร้กำลังตามที่ฉากหน้าเห็น อันที่จริง เจ้าตัวกลับมาเกิดใหม่หลังจากอยู่ในยุควันสิ้นโลกและสู้รบกับซอมบี้มานานแสนนาน เมื่อได้มาอยู่ในโลกก่อนประวัติศาสตร์ที่น้ำบริสุทธิ์ อากาศสะอาด ผักและผลไม้ยังไม่กลายพันธุ์ เจ้าตัวก็ตั้งใจว่าชีวิตนี้จะขี้เกียจให้มันสุดไป เพราะว่าชาติที่แล้วเหนื่อยโฮกไม่เคยได้พักมามากแล้ว เมื่อพลังสายไม้จากชาติที่แล้วติดตัวมา ก็คิดว่าจะกินผักเขียวให้หนำใจ — โดยที่ไม่ได้รู้เล๊ยว่าในสายตาของคนภายนอกจะดูว่าเจ้าตัวสิ้นไร้ไม้ตอกไม่มีเนื้อสัตว์ให้กินขนาดไหน

ฉะนั้น ความสัมพันธ์อยู่ร่วมกันของหมีกับ “คนอ่อนแอ” ก็เริ่มขึ้นไปอย่างดูแลถนอมใจกัน หมีน้อยล่าเนื้อสัตว์มาให้ และคนในบ้านก็ทำอาหารอร่อยแบบที่ชาตินี้ไม่เคยได้กินมาเลี้ยงหมี 

ที่สำคัญก็คือว่าเอาจริง Zhou Ji เป็นคนเก่ง และมีความสามารถรอบด้านมาก แต่ตอนแรกด้วยความที่ยังไม่เข้าใจภาษาพูดของคนในโลกนี้ และไม่คิดว่าจะยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ก็เลยไม่ได้สนใจอะไรใคร แต่ตัว Xiong Ye นั้นตรงกันข้าม เจ้าตัวเป็นที่รักของคนในเผ่า มีน้ำใจ และเอื้อเฟื้อกับทุกคน ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไป ตัว Zhou Ji ก็เลยมีความเกี่ยวข้องและผูกพันกับคนในเผ่าไปด้วย แต่ทว่าจะไปบอกให้ในเผ่าทำโน่นทำนี่เองก็ดูจะไร้น้ำหนัก สุดท้ายคนเจ้าเล่ห์อย่าง Zhou Ji ก็เลยใช้วิธีสร้างสถานการณ์โชว์ความสามารถ และอ้างว่าตัวเองสื่อสารกับ beast god ได้ กลายเป็นที่เคารพบูชาของคนในเผ่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ซึ่งก็ตามมาด้วยการสร้างความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าของเผ่าหมี จากเผ่าระดับเล็กที่ดูจะไร้อารยธรรมก็เริ่มดูอลังการขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เลี้ยงไดโนเสาร์เป็นอาหาร ปลูกผัก ไปจนถึงทำเครื่องปั่นดินเผา แหตกปลา และทุกอย่างอลังการเท่าที่จะคิดมาได้ และก็มีคนมาขออยู่ด้วยจนกระทั่งกลายเป็นเผ่าขนาดใหญ่ไปในที่สุด

เรื่องนี้ตอนแรกอ่านแบบไม่คิดอะไร เพราะไม่ชอบแนวยุคหินอยู่แล้ว ดูว่าความรู้สึกทางจิตใจมันแล้ง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก Banished to Another World) แต่อ่านไปอ่านมา น่ารักกกกกว่าที่คิดไปเยอะมากจนติดหนึบ เพราะตัวละครหลักอย่าง Xiong Ye เป็นตัวละครที่น่ารักมาก ๆ อยากจะใช้คำว่า clean character เพราะทัศนคติดีมาก เอื้อเฟื้อช่วยเหลือคนอื่นไม่พอ ยังเป็นคนที่ขยันใฝ่หาความก้าวหน้าอีก จนตัวเองเก่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวชอบตัวละคนที่ขยันขันแข็งทำงานอยู่แล้วก็เลยถูกใจมากไป กับอีกอย่างก็คือชอบอารมณ์ clan-building ที่สร้างเผ่าชายขอบที่แทบจะไม่มีอะไรเลยให้กลายเป็นเผ่าที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรได้ ขำมากตอนที่ทั้งคู่กับคนในเผ่าเดินทางไปที่เผ่าใหญ่ และกลายเป็นว่าเผ่าหมีมีหมดทุกอย่าง นี่คือช่วงตบเกรียนโชว์เหนือจริงๆ เผ่าอื่นเครื่องดินเผาใช้ได้แค่หัวหน้าเผ่ากับผู้อาวุโสเผ่า แต่อะไรนะ เผ่าหมีมีใช้กันทุกคนตามจำนวนคนค่ะ คุณ!  ไม่มีใครเลี้ยงไดโนเสาร์ได้ แต่เผ่าหมีก็เลี้ยงมาแล้วว! ที่สำคัญ เผ่าอื่นมีนักรบระดับ beast master ได้สักคนก็เทพแล้ว แต่ให้มาดูภายหลัง มานับเร็วว่าเผ่านี้เก็บตก beast master มาได้กี่คน เกลื่อนตลาดจนดูเป็นของโหลไปเลย โฮะโฮะ

ตัว Zhou Ji ในเรื่องจะดูเหนือยๆ อืด ๆ เพราะนิสัยเจ้าตัว แต่เพราะว่าอยากกินของอร่อย และอยากอยู่สบาย ก็เลยพัฒนาคุณภาพตัวเองและหมีคู่ชีวิตอย่างจริงจัง และก็เลยกลายเป็นผู้กำหนดเทรนให้คนในเผ่าทำตามด้วย ชอบที่ทุกครั้งเวลาได้อะไรใหม่ๆ มาก็จะทำอาหารเลี้ยงหมี แต่หลังๆ คนในเผ่ารู้แกว เวลาได้กลิ่นอาหารอะไรใหม่ๆ ก็จะมาเนียนๆ ขอชิมขอกินไปด้วย มากันตั้งแต่นักบวชประจำเผ่า หัวหน้าเผ่า พี่ชายหมี น้องชายหมี และเพื่อนร่วมรบ กลับเวลาออกไปรอนแรมนอกเผ่า ก็จะคอยหาพืชแปลกๆ เพื่อเอาไปเพาะพันธุ์ที่เผ่าให้ตัวเองมีกินด้วย  ซึ่งพอนานๆ ไป คำสั่งหยุดเดินทางเพื่อเก็บพืชของ Zhou Ji ก็กลายเป็นคำสั่งศักดิ์สิทธิ์เพราะทุกคนลุ้นมากว่าจะได้อาหารใหม่รสชาติใหม่อะไรมากิน และถึงขั้นว่ามีนักรบเผ่าอื่นมาสวามิภักดิ์เพราะติดใจอาหารก็มี

ในแง่หนึ่ง การทำอาหารให้ก็กลายเป็นการแสดงออกถึงความรักของ Zhou Ji ที่มีต่อ Xiong Ye ไป และเพราะว่ารู้ว่าเผ่าหมีอยู่ในระดับเผ่าเล็กและไร้กำลัง ก็เลยทำให้เจ้าตัวพยายามปั้นหมีให้แข็งแกร่งไม่ให้เผ่าหมีถูกเผ่าใหญ่ๆ ข้างนอกกลืนไปได้ ช่วงกลางๆ ส่วนตัวรู้สึกว่า Zhou Ji ดูเฉยชาไปนิดนึง ดูเป็น cold love interest แต่พอช่วงหลังๆ ที่ Zhou Ji สารภาพความจริงกับ Xiong Ye ว่าตัวเองเป็นใครก็เริ่มร้อนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ


ให้สรุปเรื่องนี้จะบอกว่า “หมีเลี้ยงแมมมอธ แมมมอธเลี้ยงหมี” จบดีด้วยการเปิดกว้างให้คิดต่อ และตอนพิเศษก็น่ารักน่าเอ็นดูแบบเจ้าเล่ห์ ถ้าไม่ติดช่วงวนลูปล่าสัตว์ทำอาหารในส่วนกลางจะดีกว่านี้มาก แต่ก็ให้ A-/B+ ได้อยู่ดี (คะแนนเฟ้อตามอารมณ์มาก แต่ตอนตบเกรียนคือขำจนไม่ไหวแล้ววว)
.
.
.
.
.
สปอยล์แบบไม่ไหวแล้ววววว อย่าอ่านนน!

เพราะความสามารถฝึกวิชาล้นเหลือก็เลยทำให้ตัว Zhou Ji กลายเป็น beast master ได้ตั้งแต่ไก่โห่ โดยที่มีใครรู้ และที่สำคัญเจ้าตัวก็แปลงร่างได้เสียด้วย แต่ไม่ใช่สัตว์เล็กๆ จิ๊บๆ กิ๊บๆ น่ารักน่าเอ็นดูแบบกระต่าย กระรอก เพราะเป็นแมมมอธค่าาา พ่อแม่พี่น้องง! คือในเรื่องช้างคือตัวใหญ่แล้ว แต่ตัว Zhou Ji นั้นไซร้เป็นช้างแมมมอธยักษ์ เมื่อคิดว่าขนาดตัวสัมพันธ์กับพลังกำลังก็คิดดูเลยว่าจะเก่งโหดขนาดไหนนนน แต่ว่าปัญหาคือเจ้าตัวใช้พลังไม่ได้ เพราะว่าติดปัญหาทางสภาพจิตใจมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว ถ้าเห็นเลือด หรือถูกกระตุ้นขึ้นมาก็จะคลั่งรุนแรง อาละวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า — และไม่แน่ใจว่าจะน่ารักหรือน่ากลัวดีว่าในเรื่องที่ตัว Zhou Ji สติหลุดฆ่าไม่เหลือแต่ละครั้งก็มาจากการที่ Xiong Ye เจ็บตัวทุกครั้งเสียด้วย

เอาจริงรู้สึกว่าไม่ควรรู้โพคู่นี้เลยยยย กรี๊ดดด ไม่พูดต่อล่ะ


Sunday, 25 August 2019

It’s Actually Not Easy Wanting to be a Supporting Male Lead (1)

เอาจริง พิมพ์ไว้จำเอง เพราะว่าหลายโลกมากจนเริ่มง  — สปอยล์แน่นอนนน เพราะลงรายละเอียดไว้จำเองค่า  

ตัวเอก Sui Yuan เป็นตัวประกอบชายที่มีบทบาทหลักคือหลงรักนางเอก แต่ขณะเดียวกันก็ช่วยผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างนางเอกและพระเอกตัวจริงอินเลิฟรักกันชื่นมื่นอีกที

ด้วยการสนับสนุนจาก 5327 ระบบรอบรู้และทรงประสิทธิภาพ (?) การทำงานในฐานะตัวประกอบก็น่าจะราบรื่นสวยงาม — อย่างไรก็ตาม ตามแนวระบบรวน ปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะตัวเอกชายค่า! คุณพี่พระเอกเขาก่อปัญหาแล้ว! ทั้งไม่เล่นตามบท ทั้งโคตรแหกซีน นน! ทำตามใจไม่แคร์โลก! กรี๊ดแทน Sui Yuan!


โลกแรก – จีนโบราณ 

นี่คือจุดเริ่มความรวนนั่นเอง

Sui Yuan รับบทเป็นท่านอ๋องซึนที่รักนางเอกแนวกล้าหาญ รักความยุติธรรม แต่ขณะที่กำลังจะเตรียมแสดงฉากอีเวนต์แรกเจอ เจ้าตัวที่เพิ่งเกิดใหม่จากระบบก็ตื่นตาตื่นใจกับตลาดในฉาก ช็อปแหลกลานสนุกสนานจนของเต็มไม้เต็มมือ และขณะที่กำลังทุกข์ใจว่าจะเอาของไปกองที่ไหนระหว่างต้องไปเข้าฉากร้ายใส่นางเอก ก็มีหนุ่มหล่อท่าทางใจดีเข้ามาช่วยถือของ และแม้จะใส่หัวโขนตัวเลวไปเข้าฉากร้ายกาจใส่นางเอกแล้ว แต่ความใสซื่อก่อนเข้าฉากก็เผลอไปต้องใจคุณพี่ที่เข้ามาช่วยจนได้ เวลาผ่านไป พี่พระเอกก็เหมือนจะใช้เวลาอยู่กับ Sui Yuan มากกว่านางเอกเสียอีก และที่สำคัญ จากความซื่อเล่นตามบทมากเกินไป ก็เลยทำให้พี่เขาคิดมากว่าน้องมีใจเสียด้วย และแม้จะพยายามประคองพล็อตอย่างไร สุดท้ายนางเอกที่รู้สึกตัวว่าไม่สามารถเข้ามาแทรกระหว่างสองคนนี้ได้ ก็ตัดใจแต่งงานกับพระรองอีกคนไป

เหลือกันสองคน พล็อตชิงบัลลังก์แย่งอำนาจก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป แต่คราวนี้ น้องเล่นตามกรอบแบบมึนๆ จนคนทั้งโลกเข้าใจว่าเป็นพวกบูชารักและทุ่มเททุ่นทุนเพื่อคุณพี่พระเอกอย่างจริงใจ แม้จะจบที่เหมือนจะเข้าพล็อตได้ แต่กลายเป็นปิดโลกแรกด้วยความแค้นของพี่พระเอก ซึ่งก็เป็นตัวแสดงเหมือนกัน และเป็นนักแสดงตัวเอกรุ่นท็อปเสียด้วยย! ดังนั้นเมื่อเข้าใจว่าน้องมาลูบคมมม พี่ Zhao Xihe เขาก็เริ่มมิชชั่นว่าจะรังควานน้องเอาคืน!

ตอนที่ชอบส่วนตัว คือ ตอนแรกที่ซื้อของแล้วสำนึกว่าไม่มีทางหิ้วของไปเล่นตามบทได้ กับตอนที่เล่นเพลงส่งพระเอกไปรบ แล้วดันไปฟังระบบไม่จบความจนเล่นเพลงลาคนรักให้ทุกคนเข้าใจผิดเนี่ยแหละ


โลกที่สอง – สู้ซอมบี้วันสิ้นโลก

เปิดฉากมาที่การเป็นหนุ่มหล่อสายซอล์ฟละมุนที่ช่วยเพื่อนสาวไว้ได้ ตามหลักการแม้จะมีพลัง และนิสัยดีก็อยู่ได้แค่เฟรนด์โซนเหงาๆ เพราะสาวเจ้ารักพี่พระเอก แต่ที่นี้ พล็อตก็เริ่มเพี้ยนเพราะ Sui Yuan เล่นดีเกินไป เพื่อนสาวที่ควรจะแค่รักพระเอกก็ตกหลุมรักเจ้าตัวแทน และที่สำคัญ อีพี่ Zhao Xihe ก็โผล่มาแล้วด้วย มาตั้งแต่ต้นๆ เรื่องแทนที่จะเป็นกลางเรื่องเหมือนเดิม แต่คราวนี้ แทนที่จะทำตัวเทพและปักธงนางเอกได้ พี่แกก็มุ่งแต่วอแวน้องหรือไม่ก็จับน้องโยนไปสู้กับซอมบี้เพื่ออัพเกรดความสามารถจนพล็อตหลุด ตอนหลังแม้น้องจะรีบสู้กับซอมบี้แล้วตายหนีพระเอกไปโลกต่อ แต่พี่อีก็ดันรีบตายตาม โถ โถ โถ

ชอบตอนที่เพื่อนพระเอกบอกว่าพระเอกหายไปเพราะว่าไปตามหาอาซ้อ แล้วทุกคนมองว่าคือนางเอก แต่อีพี่ลาก Sui Yuan มาแล้วบอกว่าทุกคนเข้าใจผิด


สาม – แฟนตาซีตะวันตก

โลกนี้จำได้เบลอมาก Sui Yuan เป็นลูกครึ่งเอลฟ์กับดาร์กเอล์ฟที่ถูกรังเกียจ แต่ตามบทจะถูกนางเอกช่วยไว้ได้ แล้วก็ตกหลุมรักนางเอกตั้งแต่ตอนนั้น ความขำคืออีพี่ที่รับบทเป็นฮีโร่พังพล็อตตั้งแต่เริ่ม (ใช่ค่า ดีกรีพล็อตหลุดมันเริ่มเกินการควบคุมแล้วว) โดยมาช่วยน้องไว้แทน แล้วก็คอยตามวนอยู่รอบตัวน้อง แม้จะมีนางเอกอยู่ด้วย แต่ก็ประหนึ่งตัวประกอบจืดจาง โลกนี้อีพี่ก็แสดงอภินิหารจบกลายเป็นความรักต้องห้ามระหว่างฮีโร่แสงกับจอมมารเอลฟ์ที่มีพลังความมืดไป


สี่ – ผู้ฝึกตน/ เซียน

ระบบรีบพา Sui Yuan หนีมาโลกนี้ เพราะว่ามีตัวประกอบหลายคน มีแนวโน้มที่ถ้าอีพี่ Zhao Xihe โผล่ตามมาด้วยก็อาจจะพรางตัวได้ แต่โถ จะเหลือเหรอคะ? ตามบท Sui Yuan ต้องเป็นศิษย์เอกอนาคตไกลของเจ้าสำนัก และก็หลงรักนางเอกศิษย์น้องที่เป็นลูกศิษย์ของ sword master แต่ไม่ต้องสงสัยว่าอีเจ้ายอดเขา sword master นี่ก็คืออีพระเอก ถึงแม้แรกๆ จะดูก้ำกึ่งก็ตามที

ขำที่ปฎิสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่ค่อยชัด และ Sui Yuan ก็ยังไม่แน่ใจว่าอีพระเอกเล่นบทอะไร เพราะศิษย์อนาคตไกลสำนักข้างๆ หรือแม้กระทั่งฝ่ายมารก็มาป้วนเปี้ยนรอบตัวด้วยเหมือนกัน แต่ทุกอย่างประทุเพราะ Sui Yuan เอาตัวเข้าไปแลกกับศิษย์น้องจนอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมกับแบดบอยฝ่ายมารพอดี ทีนี้ พอ sword master มาเห็นก็หึงหน้ามืด อะไรคือการบอกว่าตกต่ำเข้าสู่ทางสายมาร จริงๆ มันก็แค่หึงเลือดขึ้นหน้าทำลายทุกอย่างเองนี่นา

ทุกคน แม้กระทั่งตัว Sui Yuan ก็เข้าใจว่าท่าน sword master อินเลิฟกับลูกศิษย์สาว (ตามพล็อตก็เป็นแบบนั้น) ดังนั้น เพื่อให้อารมณ์กลับมาเป็นปกติ ก็ควรให้ศิษย์น้องเสียสละตัวให้ไป แต่ที่กลับตาลปัตร คือศิษย์น้องถูกโยนออกมาแล้วบอกว่าให้เป็น Sui Yuan แทน ถูกกินไม่พอ ยังถูกตั้งข้อเสนอให้อยู่ด้วยกัน แล้วจะยอมเล่นตามพล็อตอีก

The Former Wife of Invisible Wealthy Man

ตัว Ye Sui หลุดเข้ามาเป็นตัวนางร้ายในนิยาย ตามเนื้อเรื่อง เจ้าตัวแต่งงานกับ Chen Shu อาของพระเอก เพราะว่าอยากใกล้ชิดกับคุณพี่พระเอก และก็ใกล้จะหย่ากับคุณอาเพื่อไปใกล้ชิดอินเลิฟกับคุณพระเอกให้เต็มที่!

เอาล่ะ พอหลงเข้ามา ก็กำลังหย่ากับคุณอาโคตรของโคตรหล่อพอดี แต่เผอิ๊ญ น้อง ของเรามองเห็นผีค่า คุณ! น่ากลัวมาก อยู่ไหน ยังไง ก็เห็นผีหมด แถมมาเป็นหมู่คณะเสียด้วยย!  น้องกลัวผี และกลัวผีจริงจังมากกก! จะทำอย่างไรดี! ระหว่างกำลังกรีดร้องคลุ้มคลั่งอยู่ก็ค้นพบว่ารอบๆ ตัวคุณอาไร้ซึ่งผี และที่ดีกว่านั้น ถ้าแตะตัวคุณอาแล้ว เหล่าผีก็จะหายไปเสียด้วย

และแล้ว ปฎิบัติการทำเนียนหลอกแตะตัวพระเอก (ตัวจริง) ก็เริ่มขึ้นน 

ที่สำคัญ ด้วยความกลัวผี ก็ทำให้น้องเขาเห็นคุณพี่ประหนึ่งขอนไม้ให้เกาะกลางมหาสมุทร ไม่ว่าจะอยู่ไหน ทำอะไร ก็พร้อมจะเห็นพี่เขา และพุ่งตัวเข้ามาหาด้วยความไวแสง ขนาดต้องออกไปนอกค้างนอกบ้าน ก็แอบขโมยกระดุมเสื้อพี่เขาไปเป็นเครื่องราง หรือพอพี่เขาไม่อยู่ก็กลัวผีจนต้องหนีมานอนบนเตียงในห้องคุณพี่ ดูรักและซื่อสัตย์ภักดีต่อคุณสามีเป็น loving wife ตัวอย่าง

ตัว Chen Shu ถูกออกแบบบุคลิกมาให้เป็นคนเคร่งเครียดและเย็นชาตั้งแต่ตอนแรก ดังนั้น แรกๆ พี่เขาก็พยายามเลี่ยงสัมผัสน้อง แต่ไปๆ มาๆ อาการกลัวผีน้องก็น่ารักน่าสงสาร และน่าขบขัน ก็ทำให้คุณพี่ใจอ่อนโอ๋น้องไปไม่รู้ตัว — ตอนแรกอ่านแล้วก็นึกว่าต้องลุ้นนานกว่าน้ำแข็งในใจพี่เขาจะละลาย แต่เอ๊ะ! ทำไมเข้าสมาคมพ่อบ้านใจกล้าง่ายและเร็วขนาดนี้คะ พี่? น้องทำอะไรก็ถูกต้องดีงามหมด บอกว่าร้อน ขณะหิมะตกท่วมบ้าน พี่ก็พร้อมจะเออออว่าอากาศร้อนตามน้องไป ไม่นับอาการป๋าเปย์ที่พร้อมจะซื้อแม้กระทั่งวิลล่าริมทะเลไว้เซอร์ไพร์น้องงง! หล่อมากและดีมาก ไม่มีที่ติมากค่า เฮียย

แต่เอาจริง ถ้าพี่ไม่รีบโอ๋น้อง น้องอาจจะหัวใจวายตายไปก่อนก็ได้ เพราะว่าคุณเธอเจอผีได้ทุกที่ ทุกเวลา ขึ้นลิฟต์ก็ลิฟต์ค้าง ไฟกระพริบติดๆ ดับๆ อยู่บนรถบัสกับคุณสามีเหมือนมีคนเต็มรถ แต่คุณสามีก็พูดขึ้นมาว่า ทั้งรถมีแต่เราสองคน (...) แล้วที่เหลือคืออะไร ฮืออออ // อ่านดึกๆ เงียบๆ คนเดียวก็เริ่มเย็นหลังเหมือนนะ ㅠ

ที่น่ารักมากอีกอย่างคือว่าพอเจ้าตัวเข้ามาอยู่ในร่าง Ye Sui ด้วยความที่อีคิวเต็มร้อย ทะลุร้อยก็ทำให้เป็นที่รักคนรอบข้างได้ และก็ช่วยดูจิตใจคุณพี่พระเอกเสียด้วย สองคนดูประคับประคองกันมาก และพอสนิทกันมากขึ้น ก็เริ่มมีการที่คุณสามีช่วยไล่ผีเสียด้วย ฉากที่ขำมากฉากหนึ่ง คือสองคนไปเที่ยวต่างจังหวัด แล้วพอค้างห้องโรงแรม น้องก็คิดว่าที่ใหม่ จะมีผีกลุ่มใหม่มาไหม แล้วก็มีจริงๆ เจ้าค่ะ! ระหว่างที่กำลังกลัวจิตหลุด พี่พระเอกก็เข้ามาพอดี แล้วพอมีผีทีวีที่เลียนแบบซาดาโกะไต่ออกจากจากทีวี พี่แกก็ “เหยียบ” กองผมของผีจนขยับตัวไม่ได้ จนต้องร้องให้น้องช่วยบอกให้คุณสามีเลิกเหยียบ จากที่กลัวผี ก็เลยกลายเป็นสงสารกันแทนไป

เรื่องนี้ Ye Sui เป็นดาราที่ไม่ค่อยดัง แต่เพราะข้างในเปลี่ยน และบุคลิกเปลี่ยน ไม่นับความสามารถที่มากกว่าร่างเดิมก็เลยทำให้ติดตลาดขึ้นมา และที่สำคัญ พอเจอผีไปเรื่อยๆ ก็เริ่มมีการช่วยเป็นสื่อกลางให้เหล่าผีกับคนที่รักด้วย แต่ละคนก็เป็นพวก big wig ทั้งน้านนนน เมื่อได้พูดคุยกับคนที่จากไปแล้วก็ดีใจ รีบตบรางวัลอลังการน้องสิคะ

อ่านได้เรื่อยๆ เป็น rom-com แนวฟิลกู๊ด แต่ว่าถ้าอ่านติดอ่านรัวก็จะเป็นลูปวนเรื่องซ้ำไปประมาณนึง ส่วนตัวให้ C++/B -- แล้วแต่ช่วง สรุปใจความว่า “How ghosts help me discover the you and fall in love, and how you become precious to me.” บอกรักมากก อืมมม



สปอยล์ที่ก็ไม่ค่อยสปอยล์

อื่นๆ ก็คือ พระเอกดูว่าเป็นสมาชิกตระกูลใหญ่ที่ถูกคนในตระกูลเย็นชาใส่ แต่จริงๆ พี่เรารวยมากกกกกก เป็นเจ้าของค่ายบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดโดยที่คนไม่รู้ และดังนั้น พี่ก็พร้อมเปย์น้อง และผลักดันน้องเต็มที่

Friday, 2 August 2019

นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน

วิพากษ์แอนด์วิจารณ์ กับสปอยล์นะคะ

นักเขียนนิยายหลุดมาอยู่ในนิยายที่ตัวเองเขียนเป็นพล็อตปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือไม่ค่อยเจอพระเอกสายนอร์มอลที่ blackened ทั้งหมกมุ่น ทั้งเป็นเจ้าของ ทั้งยึดติด ช่วงเล่ม 1-2 ก็ยังรู้สึกว่าน่ารักดี เข้าใจได้ว่าเพราะเป็นหลานชายที่ถูกย่าผู้เป็นผู้นำตระกูลเกลียด จนแท้กระทั่งคนรับใช้ต่ำต้อยก็ดูถูกตัวเองได้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะติดกับน้องสาวที่ให้ความสำคัญและทำดีกับตัวเองนะ

ช่วง 2 เล่มนี้ดูเป็นนิยายรักสดใสหวานแหวว น้องทำดีกับพี่ชาย (แม้ว่าจะเป็นเพราะสงสารส่วนน้อย และต้องการเอาตัวรอดส่วนใหญ่) และพี่ชายเริ่มให้ความสำคัญกับน้อง แม้ว่าความสำคัญนี้จะเริ่มแปรสภาพเป็นไปการครอบครองเป็นเจ้าของ ก็ยังอยู่ที่ระดับที่รับได้อยู่

ขำที่นักเขียนเราหลุดมาอยู่ในนิยายไม่เป็นไร แต่ว่าปักธงผู้ชายทุกคนที่ควรจะไปเกาะรอบๆ นางเอก ซึ่งก็คือพี่สาวชาเขียว สวย เก่ง แต่อีคิวติดลบ อ่อยทุกผู้ ตรงข้ามน้องไม่เก่ง แต่น้องอีคิวดีเพราะว่าเฉื่อย เจอใครทะเลาะกันก็เลี่ยงไม่รู้ไม่ชี้ไป


[เล่ม 3-5]

แต่ไปๆมาๆ พออ่านเล่ม 3-5 นี่คือเปลี่ยนความคิดแล้ว พระเอกหมกมุ่นมากไปไม่น่ารักจริง แต่ไม่รำคาญเท่าตัวนางเอก คือทั้งที่รู้ว่าต้องระวังตัวกับพี่สาวชาเขียว แต่ก็เหมือนไม่เคยระวังสำเร็จเล๊ยยยย อย่างเรื่องพี่น้องคนอื่นผลักกันตกน้ำ แล้วห่วงจะวิ่งไปดูนี่ โดยไม่ได้คิดว่าจะถูกลูกหลง คือชัดมากว่า น้องไม่เข้าใจสถานะตัวเองจริงๆ น้องคะ ทุกอย่างในโลกนี้อยู่ที่การกระทำและความพยายามนะคะ น้องบอกน้องอยากมีชีวิตดี แต่ก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรด้วยตัวเอง เอาแต่พึ่งพี่ชาย ดังนั้น การยึดติดและพึ่งพิงจะทำให้อีกฝ่ายเพิ่มดีกรีความเป็นเจ้าของมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะน้องเอง — ในฐานะคนเขียนนิยาย น้องมีความรู้ความเข้าใจล่วงหน้า และในฐานะที่เป็นคนยุคปัจจุบัน น้องลุกมามีบทบาทอย่างที่ตัวเองอยากทำได้ แม้จะมองว่าสังคมจีนยุคโบราณ ผู้หญิงไม่มีบทบาท แต่เราก็หาทางเลี่ยง และหาทางออกให้ตัวเองได้อยู่นะ ทุกอย่างที่เป็นก็เพราะแค่รักสบาย และติดจะพึ่งพี่ชายอย่างเดียว

เอาจริง จะไปว่าพี่ชายที่กลายเป็นแบบนี้มากก็ไม่ได้ เพราะว่าเจ้าตัวก็หวังให้เป็นเช่นนี้เองด้วยซ้ำ ให้พี่ชายผูกพันและยึดติดกับตัวเองแทนที่จะเป็นพี่สาวที่เป็นนางเอกจริงๆ ของเรื่อง เพราะว่าจะได้รอดตายจากการถูกพี่ชายฆ่าตามพล็อตเดิมในตอนแรก และการยึดติดพี่ชายเป็นที่พึ่งในตอนหลัง เอาจริง ในโลกนี้ไม่ได้มีอะไรที่ได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทน และดังนั้น เมื่อหวังให้อีกฝ่ายมายึดผูกพันกับตนในสถานะที่ฝ่ายนั้นไม่ใครเลย ก็คาดเดาผลลัพธ์ได้อยู่แล้วว่าจะลงเอยเช่นนี้ และที่สำคัญ สิ่งที่ทำให้พี่ชายไม่พอใจ และผิดหวังอยู่ก็คือการที่ตัวเอกไม่ได้ไว้ใจพี่ชายมากกว่า และหากว่ามองว่าทำเพื่อให้เอาตัวรอดได้ ถ้าจะซื้อใจคนอื่นได้ก็ต้องเอาใจไปแลก ซึ่งในแง่นี้ ความไม่เชื่อใจและไม่มองคนตรงหน้าอย่างที่เป็นจริง แค่มองผ่านตัวตนที่ตัวเองสร้างในนิยายก็น่าจะเป็นข้อบกพร่องใหญ่อีกเช่นกัน

กับที่รู้สึกรำคาญมากที่สุดก็คือ คนเขียนรู้อยู่แล้วว่าจุดขายเรื่องตัวเองก็คือความละมุนละไมเวลาที่พี่ชายและน้องสาว (ที่จริงๆ ไม่มีสายเลือดเดียวกัน) คอยช่วยเหลือและดูแลกัน แต่ทำไมช่วงเล่มที่เหลือเต็มไปด้วยปัญหา และข้อขัดแย้ง? เริ่มตั้งแต่เรื่องไม่เป็นเรื่องของคนในบ้านที่ทะเลาะกันจนลุกลามใหญ่โต และซ้ำร้าย ก็คือบรรยายยาวเหยียดหลายบทที่อ่านแล้วก็ปวดหัวรำคาญจนต้องเปิดผ่านไป เอาจริงส่วนตัวมองว่าคนอ่านต่างรอให้พระเอกเก่งกล้าขึ้นมาจนปกป้องน้องสาวได้ โดยเฉพาะจากการให้ร้าย และทำร้ายกันของคนในครอบครัว แต่ไม่มีภาพเหล่านี้ให้เห็นแม้แต่น้อย เป็นแค่การกำจัดแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นย่า พ่อ และแม้แต่พี่สาวไปด้วยการบรรยายสั้นๆ ที่คนหลังแทบจะไม่ถึงหนึ่งหน้ากระดาษเสียด้วยซ้ำ — รวบรัดตัดความจนไม่รู้สึกถึงความสะใจ และพอใจจากการรับกรรมของตัวละครที่ทำชั่วมาเลย ทั้งที่การฆ่าให้จบในเวลาสั้น โดยเฉพาะกรณีของพี่สาว ไม่น่าจะเป็นการแก้แค้นที่น่าพอใจ ถ้าเทียบกับให้อีกฝ่ายอยู่อย่างทรมานต่อไป เช่น เพราะพี่สาวรักษาหน้ามาก ก็น่าจะเป็นการทำลายเกียรตินั้น แล้วให้อยู่อย่างทุกข์ใจต่อไป (ว่าแล้วก็คิดถึงผลาญ)

กับกรณีพี่สาว ทั้งที่ปูให้สวยเก่งสารพัด แต่กลายเป็นว่าเพราะเก่งมากไป ก็เลยดูถูกคนอื่น และแค่ใช้คนรอบตัวเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ที่ต้องการ อันนี้เข้าใจ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมพอเปิดเล่ม 1-2 บุคลิกสุขุมเก็บงำความทะเยอทะยานสูงชัด แต่พอเล่ม 3 เริ่มเก็บความรู้สึกอิจฉาและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไม่เนียนแล้ว?โดยเฉพาะการดูถูกคนอื่นโจ้งแจ้ง และใช้วิธีการที่ตื้นเขิน รู้สึกเหมือนหลุดบุคลิกไป เหมือนคนเขียนก็อยากสร้างภาพให้พี่สาวนิสัยไม่ดีร้ายกาจ แต่ขณะเดียวกันก็สร้างทางตันเพื่อจะนำไปสู่จุดจบที่เร็วขึ้นเท่านั้น

อย่างที่บอกว่าส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญคือความละมุนละไมเวลาที่พี่ชายและน้องสาวคอยช่วยเหลือและดูแลกันหายไป และภาพที่มาแทน ก็คือการไม่เข้าใจกันของพระนาง โดยเฉพาะเมื่อมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เปิดประเด็นที่นางเอกตกน้ำเพราะถูกพี่สาวผลักจนเปิดโอกาสให้พระรองเข้ามาช่วยเหลือและใกล้ชิดสร้างสายสัมพันธ์กับนางเอกได้ ยิ่งเมื่อมีการปูเรื่องอุตส่าห์มีสาวรับใช้ที่เป็นวรยุทธ์เข้ามา แต่ก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญอะไรเลย นอกเหนือจากการแสดงให้เห็นข้อบกพร่องในการทำงาน และก็ยิ่งทำให้เห็นได้ว่าคนเขียนปูเรื่องไปในทิศทางความเข้าใจผิดเต็มที่ เพราะสุดท้าย ความไม่มั่นใจความรู้สึกของน้องสาว ก็ทำให้พระเอกเองก็เลือกที่จะเก็บนางเอกไว้ข้างตัวด้วยการกักขัง และเพิ่มความร้าวฉานระหว่างกันให้ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การสูญหาย และตายจากของตัวละครในตระกูล โดยเฉพาะตัวแม่ของตัวเอก ดูไม่ใช่สิ่งจำเป็น เหมือนเป็นการสร้างภาพบอกให้คนอ่านเห็นถึงการขึ้นมามีอำนาจในจวนเต็มที่ของพี่พระเอกมากกว่า และที่สำคัญก็คือเอาการตายของแม่มาเป็นประเด็นอ่อนไหวของน้องสาวเพิ่ม ทั้งที่อันที่จริง นางเอกก็ไม่ได้ผูกพันกับแม่ถึงขั้นที่จะเสียใจได้ขนาดนั้น และยิ่งความตายทิ้งผลกระทบไว้ในใจนางเอกอย่างมากก็ยิ่งเพิ่มประเด็นในเรื่อง

เอาจริงก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนโทนให้กลายเป็นรันทดโศกเศร้า อย่างพระรองที่ควรจะอยู่อย่างมีความสุข ก็กลายเป็นยึดติดกับนางเอกไปอีกคน และก็เผอิญหน้าสู้กับพี่ชายอย่างจริงจังจนเหลือทิ้งอาการบาดเจ็บเรื้อรังไว้ด้วย อันที่จริง ต้องเปลี่ยนโทนกันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?


สปอยล์หนักที่สุด ระวัง!
.
.
.
เพราะการทะเลาะกัน ทำให้สุดท้ายร่างนางเอกที่เป็นน้องสาวตาย และก็กลับมาอยู่ในโลกเดิม แต่เพราะพี่ชายรู้แล้วว่า น้องสาวเป็นใคร และกลับมาได้ก็เลยยังรอ แม้ว่าจะผ่านไปถึง 7 ปี เฮ้ออ กลับไปด้วยร่างตัวเอกก็น่ายินดีที่สลับปัญหาความรักระหว่างพี่น้องในสายตาคนอื่นได้ แต่ทำไมต้องเข้าใจผิด พ่อแง่แม่งอนกันไปอีก? พี่ชายก็โกรธว่าทำไมทิ้งตัวเองไปนาน น้องสาวก็กลัวว่ารู้ความจริงแล้วจะโกรธบีบคอกันอีก กว่าจะรู้ใจ พูดกันรู้เรื่องก็ปาเข้าไปจะจบเล่ม  — ถ้าอ่านเล่ม 1-2 มาควรวาร์ปยาวไปที่ ช่วง 1/4 หรือ 1/5 ส่วนสุดท้ายของเล่ม 5 เลย

ดังนั้น ถ้าจะแสวงหาบรรยากาศสดใสตกหลุมรักในเล่ม 1-2 ขอบอกว่าผิดหวังรุนแรงแน่นอน การเปลี่ยนอารมณ์ในเรื่องเป็นเรื้องจริงของจริง ให้คะแนนที่ B/B- ตอนอ่านเล่ม 1-2 แต่เล่ม 3-5 ถ้าจะต้องอ่านแบบทรมานว่าเมื่อไหร่จะจบช่วงแบบนี้ก็คงไม่ใช่ ดังนั้นขอให้คะแนน D+ ช่วงกลับมาดีกันให้ B- นี่คืออารมณ์ “หัวมังกุท้ายมังกร” “คุณหลอกดาว” “อ้าว ไม่เหมือนที่คุยกันไว้” หรือแม้แต่ “เซอุสรับเครื่องสังเวยมนุษย์” ตามความจริงจัง (และระดับเว่อร์ในการรับชม)

เอาจริงเป็น Such a sloppy and shoddy let-down. มาก จบเรื่องนี้ก็คงจะจบเรื่องรักจีนโบราณแล้ว เพราะเบื่อในความไม่เท่าเทียมกันของบทบาททางสังคม (และในที่นี่บทบาทของตัวละคร) ทั้งที่ไม่ชอบนิยายอังกฤษช่วง Regency เลย แต่นี่ก็ไม่ต่างกันเลย ยิ่งแย่กว่าด้วยซ้ำ ขอไปวายเต็มตัว เพราะว่าถ้าเลือกเรื่องที่ดี ความเสมอภาค บทบาท และความสามารถของตัวเอก และพระเอกไม่ต่างกัน

เอาล่ะ ก็เหลือแต่วายจีนกับแฟนตาซีเกาหลีแล้วนะ ตอนนี้ T_T

เมื่อตัวร้ายตกหลุมรัก โดยจิ๋วอี่

ไม่ต้องห่วง ทั้งอินทั้งสปอยส์เจ้าค่า

“คนเทมแมว แมวเทมคน”

นี่คือหนึ่งในนิยายวายเรื่องแรกๆ หลังจากที่เริ่มอ่านวายเมื่อปีที่แล้วเลย ฮือออ เลยรักมากและผูกพันมากในฐานะที่เพิ่งเริ่มอ่าน แล้วก็ในฐานะคนบ้าแมวเหมือนกัน — อย่าว่าแต่ตัวเอกใจยวบเลยย ดิฉันอ่านไปก็กรีดร้องไปแล้วหันไปนัวแมวตัวเองเหมือนกันค่า

ตัวเอก กู้เหยี่ยน เป็นนักเขียนนิยายสาย bad end ที่แม้ว่าเรื่องจะสนุกอลังการมาตลอดยังไง สุดท้ายก็จบแย่อยู่ดี ดังนั้น พอเรื่องสุดท้าย เหล่าคนอ่านก็ทนไม่ไหว สาปแช่งและสาปส่งจนพระเอกหลุดไปอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง

ซึ่งไม่ว่าโลกไหนๆ ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่เขาเข้าไปเป็นแค่ตัวประกอบที่ควรจะถูกลาสบอสฆ่าทิ้งอย่างโหดเหี้ยม แต่ทีนี้ เข้าไปปุ๊บ ลาสบอสโผล่ในรูปของแมวสิคะ คุณ! เข้าไปโลกแรกใหม่ๆ เริ่มแรกก็ทำเพื่อเอาตัวรอดดีอยู่ แต่ไปๆ มาๆ ในฐานะที่เขียนท่านลาสบอสอิงจากแมวตัวเองก็เผลอไปโอ๋หนักเข้าจนได้ เจอแบบนี้ มีหรือจะปักธงไม่สำเร็จ ท่านบอสรูปแมวก็ชอบให้โอ๋ กอด ลูบ เกาคาง ส่วนคนรักแมวก็ใจยวบ นัวเนียแมวไปเรื่อยๆ ไม่ลืมหูลืมตา

ดังนั้น โลกแรก ท่านอีไลผู้สูงส่ง ราชาของเหล่าเฮดีสที่อยู่บนขั้นสูงสุดของห่วงโซ่อาหารระหว่างดาวก็หลงรักมนุษย์ผมดำอ่อนแอ (?) ที่ดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ

ต่อมา โลกสอง โลกผู้ฝึกตน และความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์ที่ควรจะเลวร้ายตามประสา ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าศิษย์มีเชื้อสายเทาเที่ยอยู่ แต่ใช่ค่ะ คนบ้าแมวเขียนอะไรก็ต้องเป็นแมว ดังนั้น เจียงถาน ลูกผสมเทาเที่ยจึงเป็นแค่แมวก้อนขน และดังนั้น คนบ้าแมวก็ใจยวบบบบบ ไม่ต้องพูดถึง เมื่อเช็คกับระบบส่วนตัวเลยว่ามีความไปได้ที่พี่พระเอกจะตามมาอยู่ในรูปแมวเทาเที่ยด้วยเลย หลงรัก โอ๋หนัก และตามใจหนักไม่สนใคร ส่วนแมวทั้งความทรงจำที่รางเลือนจากโลกเก่าและการดูเอาใจดูแลในโลกนี้ก็ทำให้ท่านอาจารย์กลายเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่งและอันดับเดียวในใจไปเรียบร้อย

โลกที่สาม กลายเป็นเรื่องของการตามหากันและกันไปแล้วจ๊ะ ความรักระหว่างเกมเมอร์ที่เป็นนักเวทสุดเทพ กับอาซา ระบบ AI ลาสบอสเหมือนเดิม เอาจริงโลกนี้เป็นโลกที่ชอบที่สุด เพราะว่าเข้ามาในเกมแล้วค่อนข้างเปิดกว้าง เป็นกึ่งๆ เล่นเกมผสมแฟนตาซี เมื่อมีการทำเควสเข้ามาเกี่ยวข้อง ค่างกันโลกอื่นที่เดาทางตามสูตรสำเร็จได้ และที่สำคัญด้วยความที่คุณพี่พระเอกเป็นลาสบอสเจ้าของโลกจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นน ที่น่ารักมากคือพออยู่กับตัวเอกแล้วอารมณ์ดีมากๆ ก็จะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทำระบบรวนจนคนหลุดออกจากเกม

ที่สำคัญอีกอย่างคือด้วยความที่เป็นตัวคุมระบบเอง ดังนั้น จะออกไอดีตัวเองใหม่มากี่ตัวก็ได้ กลายเป็นไอดีหล่นเกลื่อนกลาดเพื่อที่อยู่กับกู้เหยี่ยนที่อยู่ระหว่างทำเควสได้ ที่ขำกว่านั้น เพื่อเอาใจและตามใจเจ้าตัวก็ทำให้กลายเป็นเควสลำเอียงทั้งความง่ายทั้งของรางวัลเสียด้วย เป็นช่วงที่อ่านไปกรีดร้องไปได้เลย

โลกสุดท้าย ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย/ ปราบวิญญาณ ส่วนตัวแล้วชอบโลกนี้น้อยสุด เพราะไม่อินกับเรื่องแนวปราบผีดูฮวงจุ้ยมาก แต่ช่วงที่เทมลาสบอสอย่างเซี่ยหลานได้ไวด้วยความเร็วชั่วกระพริบตาน่ารักที่ทุกคนรอบตัวงงและตกใจไปเลย กับช่วงสุดท้ายที่คุณพี่พระเอกสติแตกจะฆ่าล้างโลกก็อ่านลุ้นปนขำ

สุดท้ายฉากกลับที่โลกแห่งความเป็นจริงที่เฉลยทุกอย่างก็ทำให้ได้ดีมาก สมบูรณ์แบบมากจนอีพวกชอบล่าหา loopholes ยังต้องก้มกราบ ฮือ ผูกประเด็นจบได้ดีมากจริงๆ 

ความนัวเนียแบบฉันรักแมว แมวรักฉัน แมวรักฉัน ฉันรักแมว ความรู้สึก fluffy ประคับประคองดูแลห่วงใยอีกฝ่าย ทั้งรับและตอบแทนกันอย่างเห็นค่า เป็นเรื่องที่ทำให้เรื่องนี้น่ารักมากๆ แล้วก็อ่านอย่างมีความสุขมากๆ เป็นการตามใจกันไปตามใจกันมาชนิดโอ๋กันไร้ขอบเขตจริงๆ ชอบกู้เหยี่ยนที่ให้ความสำคัญกับคนรักเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกอีกฝ่ายว่า “คนรักของเขา” ตลอด และระมัดระวังไม่ให้อีกฝ่ายต้องเสียใจ โอ๋และให้ความสำคัญกันถึงขนาดที่ว่า ถ้าต้องเลือกกู้โลกกับเลือกแมวฉิวฉิว ตัวเองก็จะเลือกฝ่ายหลัง อย่างเมื่อมีเรื่องใหญ่ ยังถึงขนาดคิดว่าเรื่องกู้โลกเป็นเรื่องรอง เรื่องปลอบใจคนรักเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญที่สุด

และกับแมว ให้ค่าขนาดไหนก็คือเรียกอีกฝ่ายว่า "สมบัติล้ำค่า" ไม่ก็ "ของล้ำค่า" เสมอ และก็ประคองใจ ตามใจเพราะเห็นความสำคัญ และใส่ใจความรู้สึกอีกฝ่ายเสมอ อย่างโลกแรกก็ไม่บุกรุกโลกที่อารยธรรมด้อยกว่าดาวตัวเอง เพราะกลัวว่าตัวเอกจะเศร้าใจ แต่ขณะเดียวกันก็มีการอ้อนและงอแงเรียกร้องความสนใจอย่างเอ็นดูเป็นระยะ เช่น เปลี่ยนร่างเป็นแมวเพราะรู้ว่ากู้เหยี่ยนใจอ่อนแน่ๆ แม้ว่าบางครั้งจะทำแบบร้ายเนียน อย่างเช่น ให้กู้เหยี่ยนกอดร่างตัวเองที่เป็นมังกรแน่นๆ ตอนสู้ ไม่ใช่เพราะว่าจะได้สู้ง่าย ไม่เป็นภาระ แต่เพราะว่าอยากให้กอด ใครจะทำไม!

แต่นอกจากประเด็นความละเมียดละมุน โลกหนึ่งและสองก็มีจุดพีคกระชากใจให้ตัวเอกต้องเสียสละอย่างมากเพื่อพระเอก และในฐานะคนอ่านใจอ่อนก็อยากจะตายไปด้วยคนมาก โลกที่สาม โลกที่สี่ ความรู้สึกผูกพันคะนึงหาก็ทำให้ตายไปอีกสองรอบอยู่ดี

จึงสรุปอย่างไม่เป็นธรรม (นั่นคือลำเอียงงง!) ให้ A+++ สิบเต็มสิบ ไม่ต้องสงสัย เป็น Best Read 2019 ไปเลย (นับภาษาไทยก็แล้วกันนะ) ความรู้สึกด้านบวกสูงมาก ไม่มีพิษและอารมณ์ด้านลบมาแม้แต่น้อย (ไม่นับความขี้หึงของคุณพี่พระเอก เพราะเรารู้กันอยู่ว่าเป็นธรรมเนียมปฎิบัติกันไปแล้ว) อย่างที่ขึ้นว่า
“คนเทมแมว แมวเทมคน
คนโอ๋แมว แมวโอ๋คน
คนหลงแมว แมวหลงคน
คนบ้าแมว แมวบ้าคน” 

หรือไม่งั้นก็จะบอกว่า “A heart-warming love tale based on compassion, consideration and affection” เหรอ? ยังคิดสรุปลงตัวไม่ได้ อืม อืม “A love tale of when the cat maniac loves, and when the cat loves maniacally.” ดูจะเหมาะกว่า

ความรู้สึกคู่นี้ คิดเพลงไม่ออก แต่ถ้าเป็น กู้เหยี่ยน คิดถึงเพลง Me & You ของ Parekh & Singh ท่อนนี้ แต่บางทีแมวก็คงรู้สึกแบบเดียวกันนะ :)

“Are you worried?
That I won't come back and say
That we're in love
In there we are, woah-oh
Just me and you
We can do all the things that you like to do
All it takes
Is just me, just me, just me, me... And you
Move your hands in circles
Keep me hypnotized
All of our love
It's in black and it's in white"

จริงๆ ดีใจที่ Rose ได้ลิขสิทธิ์นะ อ่านอินกว่าการอ่าน mtl ด้วย Chrome เยอะเลย ชอบหน้าปกเล่มหนึ่งที่หลับอยู่กับแมวลายเสือมาก ถึงแม้ว่าปกที่สองจะดูไม่ใช่คู่นี้ก็ตาม (จริงๆ ควรเป็นกู้เหยี่ยนหลับ แล้วแมวร่างคนนั่งดู!) สาธุ อยากได้เรื่อง The Villain’s White Lotus Halo อีกเรื่องแล้วจะตายตาหลับบบ — แต่ก็อาจจะโลภอยากได้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เอาล่ะ Death Progress Bar อีกเรื่องก็ดีนะคะ 555555

เจอที่เหมือนจะแปลผิดที่นึงคือตอนคุยกับที่ระบบแล้วบอกว่าช้า/ สายไปแล้ว แต่แปลออกมาว่าดึกไปแล้ว กับเจอพิมพ์ตกอีกที่เหมือนกัน

Wednesday, 31 July 2019

นายอินทร์สนามอ่านเล่นครั้งที่ 3

สรุปความรู้สึกงาน นายอินทร์สนามอ่านเล่นครั้งที่ 3

ไปพุธ 31 ก.ค. ช่วง 14-16.30 น. นะคะ

1. สถานที่: แอร์พอร์ตลิงค์ มักกะสัน เหมือนจะไปง่าย แต่จริงๆ ป้ายบอกทางทั้งในส่วนของตัวสถานี และการจัดงานก็ขาดแคลน ช่วยให้งุงงงหลงทางออีก วนกันอยู่หลายรอบ ถ้าป้ายบอกทางชัดกว่านี้จะดีมาก เหมือนเห็นของงานอันเดียว และค่อนข้างเล็ก/ มองไม่ชัด

แต่ที่แย่ที่สุด คือไม่มีที่จอดรถเลยค่าาาา ต้องไปจอดไกลมากกกกกกแล้วเดินมา ให้คิดสภาพเดินกลับไปพร้อมแบกหนังสือสิคะ! แถมพอกลับไปคือถูกล็อคล้ออีก จ่ายไป 200.- ฮือ

เข้าใจว่าจุดแข็งหนึ่งของการเลือกสถานีมักกะสัน คือเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามาง่าย แต่ถ้าต้องแบกหนังสือกลับบ้าน รถยนต์ก็ยังคงเป็นตัวเลือกหลักอยู่ดี

2. บรรยากาศงาน: ที่กว้างขวาง และโปร่งมาก มีพื้นที่ให้เลือกหนังสือสบายใจ แบ่งหมวดหมู่ และสำนักพิมพ์ชัดเจน แต่ไม่มีป้ายบอกชัด ต้องใช้วิธีเดินไปถึงแต่ละซุ้ม และซูมไปอีกเอง ไม่มีปัญหาเพราะตอนที่ไปวันธรรมดาและคนน้อย และแต่ละส่วนใหญ่พอ แต่คิดว่าช่วงคนเยอะๆ คงสับสนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมองไม่เห็นหนังสือ

ตอนไปถึง มีวงมาร้องสด พอเพลงเบาๆ คลอเลือกหนังสือก็เลยดูหนังสือสบายใจ แต่พอหลังแบนด์เป็นเพลงเต้น EDM แดนซ์เหมือนอยู่ในงานสงกรานต์ต่างจังหวัด อันนี้ไม่ใช่ล่ะ! ตำหนิรุนแรง เพลงดังและบีทหนักจนเลือกหนังสือไม่ได้เลย

ชอบมาสคอตตัวนากนายอินทร์มากๆ และที่น่ารักคือคนที่อยู่ในมาสคอตร่าเริง และเต็มใจที่จะเล่น และมีปฏิสัมพันธ์กับคนในงานด้วย

3. บุฟเฟต์หนังสือ: 199.- คุ้มอยู่ เอาจริง 20 นาที มีเวลาสอยอยู่แล้ว แถมเพราะไปเร็วก่อนเวลา เลยมีเวลาเกาะขอบเล็งเล่มที่อยากได้ไว้ก่อนหน้าด้วย การแบ่งหมวดค่อนข้างชัด (เหมือนจะเห็นหลักๆ คือ นิยาย ภาษา ท่องเที่ยว สุขภาพ และมุมมอง) หยิบหนังสือง่าย และจำนวนคนในรอบไม่เยอะไปจนทำให้ต้องแย่ง/ มุงหาหนังสือ แต่อย่างใด

ติดใจที่การจัดการ ค่อนข้างวุ่นวาย เพราะไม่มีบอกขั้นตอนชัดเจน ทำให้ต้องถาม และคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็ต้องตอบคำถามมาหลายรอบแล้ว เลยพูดจาไม่ดีเท่าไหร่ อยากให้บอกวิธีชัดเจน ขึ้นป้ายอธิบายไปเลย และที่สำคัญอีกอย่าง คือประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจเรื่องกระเป๋า 2 ราคาไปตั้งแต่เข้าคิวเลย

นอกจากนี้ อยากให้ตัวพิธีกรลดเล่นลงอยู่บ้าง เข้าใจว่าการเร่งไปเลือกซื้อหนังสือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่สร้างบรรยากาศมากจนเหมือนวิ่งเปี้ยว แข่งกีฬาสีมากไปก็ไม่ดี กับเจ้าหน้าที่จัดการ (โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นคนนำคิว) ยังท่าทีและทัศนคติกับลูกค้าไม่น่ารักเท่าไหร่

ถ้าป้ายชัดเจน + การเริ่มแถวติดพื้นที่งานบุฟเฟต์น่าจะวุ่นวายน้อยลง ไม่ต้องจัดแถวแล้วตั้งขบวนเดินข้ามงานมาอีกฝั่ง

4. การจ่ายเงิน: แบ่งพื้นที่ชัดเจน ถ้าจำไม่ผิด มี 2 จุดที่มีเครื่อง 3-4 เครื่อง และส่วนที่ติดบุฟเฟต์ที่เป็นจุดคิดเงินใหญ่ เอาจริง วันนี้ที่คนโล่ง ตอนมาถึงแล้วไปซื้อน้ำยังต้องรอคิวจ่ายเงินที่จุดย่อยเลย เลยคิดว่าวันเสาร์อาทิตย์น่าจะวุ่นวายเพราะแต่ละคนซื้อหนังสือจำนวนมาก

5. อาหารและเครื่องดื่ม: มีออกร้านทั้งบู้ทและส่วนฟู้ดทรัคด้านนอกด้านหลัง ค่อนข้างครอบคลุมทั้งอาหาร ของว่าง และเครื่องดื่ม

หลักๆ ชอบพื้นที่จัดงาน และการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ส่วนกลางค่ะ แต่อยากให้เพิ่มเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์ และให้ข้อมูล ทั้งในบริเวณงาน และนอกงานเลย กับบริหารจัดการเรื่องบุฟเฟต์ชัดเจนมากขึ้น

Monday, 22 July 2019

The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse

-ระวังสปอยส์จ๊ะ มันมาแน่-

นี่เรื่องแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ที่ชอบที่สุดอันดับสองง // เอาจริงไม่ได้เขียนขายย เพราะน่าจะอ่านกันไปหมดแล้ว แต่เขียนบันทึกให้ตัวเองมากกว่า ^^”

มีแปลอยู่ในเด็กดี โดยคุณ Tatiane ด้วยชื่อมาตรการรับมือวันสิ้นโลกฉบับโอตาคุผู้กลับชาติมาเกิด  แต่ปัจจุบัน มีสำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใคร ฮือ ลุ้นมากก เพราะว่าอยากซื้ออ อยากเก็บบ แต่ก็กลัวหนังสือไม่ท็อปฟอร์มมมมมมม

เอาล่ะ เริ่มเรื่องมาที่ Luo Xun กลับมาเกิดอีกครั้งก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง แล้วด้วยความที่ทุกข์ยากอยู่ในยุคหลังวันสิ้นโลก เพราะความที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษ และไม่มีใครให้เกาะขา คุณน้องเขาก็อยู่อย่างลำบากขัดสนปลูกผักขายประทังชีวิตในห้องใต้ดินไปด้วยความแร้นแค้นนน รัดทนไม่รันทดขอให้ดูสภาพร่างกายขาดสารอาหารและไม่เคยเจอแสงแดด

ดังนั้นนน เมื่อกลับมาเกิดใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเตรียมพร้อมค่า

เริ่มต้นตั้งแต่มีอะไรก็ไม่สนใจ ขายให้หมด แล้วรวบรวมทุนทรัพย์ไปตุนของงง คิดอะไรออก ก็รีบซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่เมล็ดพืช เครื่องปรุงอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ จริงจังขนาดที่ถึงขั้นซื้อเครื่องสีข้าวไว้เลยด้วยซ้ำ

ด้วยความที่เป็นคนใต้ตึก อาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน พอกลับมาก็เก็บกดมากก ที่ฐานเดิมที่เคยอยู่ มีครอบครัวที่อาศัยอยู่ชั้นบนสุด อยู่อย่างหรูหราด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์ แล้วขายไฟฟ้า Luo Xun ก็วาดฝันสวยมากกว่า จะทำแบบนั้น และอลังการกว่านั้น รีบซื้อห้องประกาศความเป็นเจ้าของจริงจัง

พอวันสิ้นโลกมาถึงจริงๆ ชัยภูมิห้องที่เป็นทั้งตึกใหม่ ไม่มีใครมาอยู่ และเป็นชั้นบนก็ทำให้อยู่ปลอดภัย จนกระทั่งไปเก็บตกผู้ชายที่บาดเจ็บระหว่างชั้นบันไดมาเนี่ยแหละ ที่เหมือนชีวิตเริ่มมีปัญหาแล้ว เก็บมาเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่กลัวใครมาตามเจอ แต่ก็กลัวมาอีคนที่เก็บมาได้จะมาเกาะตัวเองอยู่ สิ้นเปลืองทรัพยากรไปให้คนอื่นอีก

ดังนั้น การดูแลและเลี้ยงดู Yan Fei ก็เริ่มขึ้น ... ด้วยความหวังของ Luo Xun ว่าพอหายดี อีพี่จะไปซะที แต่ที่นี้ พออยู่ด้วยกันไป ก็พบว่าพี่เขามีพลังพิเศษอยู่จ๊ะ เค้าควบคุมบังการโลหะได้ บวกลบคูณหารในใจเห็นข้อดีมากกว่า ก็เลยอนุมัติให้ Yan Feiอยู่ด้วยกันด้วยเสียเลย

ระหว่างนี้ ห้องอื่นในชั้น 16 ก็เริ่มมีเพื่อนบ้านมาอาศัยอยู่ข้างห้อง เป็นเด็กนักศึกษา 5 คนที่รอดมาได้จากการทำตามคำแนะนำแปลกประหลาดเกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่อ่านเจอในเนท (แน่นอนว่ามาจาก Luo Xun นั่นเองง)

ช่วงแรกๆ ตัว Luo Xun ก็ยังไม่อยากยุ่งกับใครมาก ให้ความช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ไปตามเรื่องก็แค่เพราะว่า ถ้าเพื่อนบ้านแข็งแกร่ง บ้านเราก็จะปลอดภัยไปด้วย ต่างคนต่างอยู่ จนกระทั่งเริ่มออกหาของไปนอกฐานแล้วเก็บคนที่ถูกพรรคพวกทิ้งมาได้อย่าง Zhang Yi ที่มีความสามารถในการใช้ลมมาได้อีกคน

ซึ่งเพราะพอ Zhang Yi เป็นหมอ ก็ได้รับการปฎิบัติที่ดีจากเจ้าหน้าที่ในฐาน และก็ได้จัดสรรห้องในชั้น 16 มาเป็นเพื่อนบ้านอีกคน พออยู่ด้วยกัน เหล่ามนุษย์ชั้น 16 ก็มีความเป็นกลุ่มก้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่นับความแข็งแกร่งจากการที่มีคนที่ใช้โลหะและใช้ลมอีก

ไปเรื่อยๆ ก็เก็บ Xu Mei กับ Song Lingling สาวๆ ในชั้น 15 มาเข้ากลุ่มได้อีก 2 คน เพิ่มความสามารถในการใช้ไฟ และน้ำเข้ามา ... ครบทีมล่ะ

เอาล่ะ คราวนี้ความเทพก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้สนุกที่ความเสมือนจริง เป็น slice of life ที่แต่ละคนพยายามอยู่ในฐาน และเอาตัวรอดให้ได้ดีที่สุด หนุ่มๆ แต่ละคนทำงานกับฐาน และก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการปรับชั้น 16 และ 15 ให้เป็นที่อยู่อาศัยที่สบายที่สุด พร้อมๆ กับการปลูกพืชเอาไว้กิน (เพื่อประกันว่าจะมีพอกิน ก็เปลี่ยนพื้นที่ที่เหลือทั้งสองชั้นให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชปลูกผักให้หมด) ส่วนสองสาว ไม่มีงานในฐาน แต่คอยดูแลต้นไม้ที่ปลูกเป็นหลัก เห็นแต่ละคนทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนมากก นี่คือหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เพาะปลูกไว้ยังชีพ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตจริงๆ

ด้วยความที่มีงานประจำ ก็เลยออกนอกฐานไปหาของได้เดือนละครั้ง ซึ่งเพราะจำนวนครั้งน้อย ก็เลยต้องใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนฆ่าและเก็บ nucleus จากซอมบี้ และการตามล่าหาทรัพยากรทั้งหลาย ซึ่งช่วยที่ออกมานอกฐานนี่เป็นช่วงที่รอและลุ้นที่สุดจริงๆ เพราะวิธีการฆ่าโหดมาก ถึงขนาดที่ทีมที่เก่งที่สุดก็ยังเก็บ nucleus แต่ละครั้งไม่ได้ขนาดนี้ (ถึงขั้นที่ Xu Mei กับ Song Lingling บอกว่าถึงออกได้เดือนละครั้งก็ยังคุ้มกว่าออกไปกับทีมอื่น) ทำงานกันเป็นทีม จริงจังและมีแผนงานเป็นขั้นเป็นตอนมาก สมาชิกมีแค่ 10 คน แต่ทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ช่วยเหลือกันชัดเจน

ช่วงนี้มีน่ารักมากอยู่อย่าง เพราะความที่ Luo Xun เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังจนกลายเป็นคนชายขอบในชาติก่อน คราวนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้คาดว่าตัวเองจะได้การยอมรับหรือนับถือใดๆ แต่เพราะความสามารถล้นเหลือ ทั้งในเรื่องความรอบรู้ (โดยเฉพาะจากในชาติก่อน) ความมีสติ วางแผนเก่ง และตัดสินใจถูกต้องก็เลยถูกสมาชิกคนอื่นวางให้เป็น “หัวหน้า” ไปโดยตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง เป็นมติเอกฉันท์แบบที่ตัวเองก็ยังงงๆ — ไม่นับความสามารถในการใช้หน้าไม้ที่โหดมาถึงขั้นที่ตามประกบ Yan Fei ไปด้วยเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ถึงขั้นที่ได้จ้างให้ทำหน้าที่คุ้มกันไปด้วยอีก

ความสัมพันธ์กับ Yan Fei ก็น่ารัก ด้วยความที่พี่เขามาจากตระกูลใหญ่ (ใหญ่ไม่ใหญ่ ขนาดมาที่ฐานยังกลายเป็นบุคคลสำคัญได้) ถูกคาดหวังจากคนในครอบครัว และมีภาระหน้าที่อันหนักหนา พอถูก Luo Xun ช่วยไว้ พี่แกก็เลยตั้งเป้าหมายชีวิตว่าจะเป็นช้างเท้าหลัง ไม่คิดมาก ไม่ชี้นำ ถ้า Luo Xun อยากทำอะไรก็พร้อมจะสนับสนุนเห็นงาม และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ออกมาในรูปการประคับประคองและดูแลทั้งกายและใจกันมาเสมอ รู้ใจและเข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องออกปาก ฉากที่เห็นบ่อย คือ Luo Xun ออกแบบของที่ทำจากโลหะแล้วให้ Yan Fei ทำออกมาจากที่ร่างไว้


เรื่องนี้เน้น 2 ขา ก็คือออกไปหาของ แล้วก็เอากลับมาใช้/ ตุนที่บ้าน ซึ่งสุดท้ายพอฐานที่อยู่เริ่มเข้มงวดกับคนที่อยู่ และสร้างความลำบากให้กับคนที่มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มนี้ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ที่มั่นถาวรตัวเอง ขำที่ Luo Xun น้ำตาไหลเป็นสายเลือดที่ต้องทิ้ง “รัง” เดิม แต่ที่ใหม่ก็มีพื้นที่ทั้งอยู่อาศัย และเพาะปลูกดีกว่าที่เดิมจริงๆ ช่วงบท 210-240 กลายเป็นเรื่องของการเอาของมาตุนบ้านใหม่จริงจัง เว่อร์ไม่เว่อร์ก็ถึงขั้นที่ไปเอาเกมกลับมาบ้าน มีทั้งเกมในแต่ละห้อง แล้วก็ในส่วนกลาง เอนเตอร์เทนไม่รู้จบกันไป

ชอบช่วง final battle กับซอมบี้ที่วางแผนรอบบ้านดีมาก และเป็นการสู้ด้วยตัวเองนอกฐานที่กินเวลาและกดดันมาก แต่ก็ยังผ่านมาได้ ตอนแรกติดใจอยู่ว่า ถ้ามีสมาชิกแค่ 11 คน (มีเด็กความสามารถใช้ทรายมาอีกคน) จะอยู่รอดได้ไหม เพราะรู้ว่าทีม compact ลงตัวแบบกลุ่มเล็ก แต่ก็กลัวว่าจะไปสู้กับพวกมากไม่ได้ กับถ้าใครหายไป (โดยเฉพาะ Yan Fei ที่ใช้พลังตัวเองทำทุกอย่างในกลุ่ม) แต่สุดท้าย การที่สมาชิกในทีมน้อยก็เน้นความเป็นครอบครัวและความลงตัวที่สมาชิกทุกคนมีความจำเป็นและที่หน้าที่ของตัวเองชัดเจน

กับชอบที่สุดท้ายแล้วฐานใหม่กลายเป็นกึ่งๆ สวนสัตว์ไป มีตั้งแต่หมายักษ์ 2 ตัวที่ชอบไล่ต้อนสัตว์มาให้คนในทีมช่วยฆ่า (แล้วแบ่งกันกิน) ลูกเหยี่ยวอีกสองที่เก็บมาได้ และลูกหมาตัวเดิมที่ Luo Xun เอามาเลี้ยงตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลก ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกนี้ก็มีพลังอีกเหมือนกัน — กับปลา และกระต่ายที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารอีก แล้วรอบๆ ฐานก็เป็นบ่อปลาที่สัตว์ทั้งหลายมาหากิน

ให้ A- เรื่องดรอปลงไปช่วงที่เก็บของเข้าฐานใหม่ เพราะเป็นลูปหางาน-เก็บของ-ตุนของ ถึงจะเข้าใจว่าต้องทำก็เถอะ กับชอบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ กลายเป็นชีวิตดี อยู่ดีกินดี คนรักดี ทีมดี เพื่อนดี แต่ที่ประทับใจมากที่สุด ก็คือตอนจบ
.
.
สปอยส์ที่สุด
.
.
ชอบที่การให้ความหวังและวาดฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าเดิม เพราะคนเริ่มปรับตัวได้ และรับมือกับซอมบี้ได้ดีขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อจำนวนซอมบี้ลดลงไปเรื่อยๆ) กับชอบที่ให้มีทางเลือกที่จะไม่อยู่ พึ่งพาฐาน แต่ออกมาเป็นกลุ่มใช้ชีวิตอิสระช้างนอกได้ มีจุดที่รู้สึกว่าเขียนรวบเหมือนกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคนในทีมหลังจากนั้น แต่รวมๆ ก็ยังถูกจริตมากรุนแรงอยู่ดี

Friday, 19 July 2019

กลรักสกัดครองโลก

อ่าน #กลรักสกัดครองโลก ไปอาทิตย์ที่แล้วเช่นกัน

ส่วนตัวอยากจะเรียกว่า “ตัวประกอบข้ามมิติกับจอมมารจับกด” มากก ช่วงเล่ม 1 ดีนะ ชอบพัฒนาการตัวละครที่ค่อยๆ เติบโต เล่ม 2 ตอนต้นก็ยังโอเค แต่พอฟื้นขึ้นมาครั้งที่สองนี้ พล็อตหายไปเลย จากโจทย์ว่า เลี้ยงจอมมารให้กลายเป็นคนดี แต่ยังไงก็ไม่รอด ก็เลยเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระเอกกลายเป็นจอมมารไปแล้ว ขณะที่ตัวเอกเป็นแค่คนธรรมดา และก็สภาพร่างกายติดลบจนทำอะไรไม่ได้ต้องให้พระเอกช่วยดูแลด้วยซ้ำ อย่างที่ถูกตัวประกอบปากหมาเรียกว่า ชายบำเรอ ของพระเอกอย่างนั้นเลย

พอเอาร่างจริงกลับมาก็เหมือนกัน สถานะที่ดูว่าเท่าเทียมและมีความเก่งเสมอกันก็หายไป กลายเป็น “ฮูหยิน” ท่านจอมมารไปด้วยซ้ำ ยิ่งประกอบกับตอนพิเศษที่พอร์นมาก คือเปลี่ยนท่าหาความแปลกใหม่นี้ ขอลาจริงๆ เสียใจ ฮือ พล็อตที่เหมือนจะมีหายไปเลย เปลี่ยนจากพัฒนาการตัวละครไปเป็นความสัมพันธ์ตัวละคร และถ้าจะให้ปากร้ายก็ต้องบอกว่า ความสัมพันธ์บนเตียงอย่างเดียวเสียด้วย

ให้ C+ เพราะว่า I want plots, not porn เสียใจ แอบหวังเห็นตัวเอกเก่งในฐานะนักแปรธาตุตั้งแต่เริ่มไปฝึกวิชาเถอะ   นี่คือแตะมาหมดแล้วถึงเวลาก็ไม่เหลือ พล็อตไม่สำคัญ ตัวละครอื่นก็ไม่สำคัญ เพราะกลายเป็นการนัวกันไปแล้วจบ T_T

Dangerous Survival in the Apocalypse

-ระวังสปอยส์นะคะ มันโผล่มาตามประสา-

นี่คือเรื่องแนววันสิ้นโลก + ซอมบี้ที่ชอบที่สุดตอนนี้ มากกว่า Thrive In Catastrophe กับ The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse อีก

เปิดฉากมาด้วย Shen Shian ตัวเอกฟื้นจากอุบัติเหตุในโรงพยาบาล และก็พบว่าเลือดตัวเองทำปฎิกริยากับประคำที่ข้อมือ ทำให้เปิดช่องว่างมิติได้ ซึ่งก็เหมือนสูตรสำเร็จเรื่องอื่นๆ ที่จะมีบ่อน้ำวิเศษ บ้านพัก และพื้นที่เพาะปลูกอยู่แล้ว ระหว่างนี้เมื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติก็จับพลัดจับพลูเก็บลูกหมามาเลี้ยงได้

ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ระหว่างคนหนึ่งคนกับลูกหมาหนึ่งตัว ... ซึ่งก็ไม่ใช่ลูกหมาซะทีเดียว เพราะเขาคือพระเอกกกก!

คุณพี่พระเอกบังเอิญโผล่หลงมาที่มิติมนุษย์จ๊ะ ด้วยความที่บาดเจ็บก็เลยอยู่ในร่างลูกหมา สติปัญญา ความฉลาด และการรับรู้ก็ถูกจำกัดเอาไว้เสียด้วยย แต่ด้วยสัญชาตญาณได้กลิ่นน้ำพุก็พยายามเข้าหา Shian ซึ่งก็เลยทำให้เจ้าตัวคิดไปว่าหมาน้อยติดตัวเองตามประสาลูกสัตว์ เป็นการอยู่อย่างปรับตัวเข้าหากัน จนกระทั่งลูกหมาได้เข้าไปในมิติพิเศษแล้วก็ไปแช่น้ำในบ่อน้ำจนกลายเป็นลูกคนนั่นแหละ ทำให้ตัวเอกของเราเริ่มไม่แน่ใจในประสิทธิภาพและขอบเขตความเป็นไปได้ของบ่อน้ำวิเศษตัวเอง

ระหว่างนี้ โรคหวัดก็แพร่ระบาดไปทั่วเมือง แต่เพราะคุณพี่ Shian ทำอาหารจากน้ำในบ่อและมะเขือเทศที่ปลูกในช่องมิติตัวเอง เหล่าคนรอบตัวก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร คนเป็นหวัดมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่อยู่ในคาบเรียน (ใช่แล้วว Shian หล่อและหน้าตาดี เอ๊ยย หล่อและฉลาดมาก พี่เขาเรียนหมออยู่) ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอก และก็กลายเป็นว่า คนที่เป็นหวัดทั้งหมดได้กลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้วว ไวรัสหวัดก็คือไวรัสเชื้อซอมบี้

ความเรื่อยๆ เอื่อยๆ ก็ดำเนินมาถึงตอนนี้ เผอิญว่า Shian ได้บอดี้การ์ดมาจากพ่อหลังเกิดเรื่อง ก็เลยได้บอดี้การ์ดเป็นคนกำหนดแผนการและพาทุกคนหนีไปตั้งหลักที่ด้านอ่างเก็บน้ำของมหาวิทยาลัยก็เป็นจุดเริ่มของความระทึกขวัญ เพราะทุกคนต้องคอยระวังตัว และก็ต้องเริ่มฆ่าซอมบี้ที่เพิ่งกลายร่างมา เป็นครั้งแรกที่อ่านฉากต้องลงมือกับซอมบี้แล้วเครียดตาม อารมณ์เหมือนจริง แล้วก็เหมือนต้องตัดสินใจไปด้วยมาก

หลังจากนั้น Shian ก็ตัดสินใจเดินทางไปปักกิ่งกับ Shen Xun ที่อยู่ในร่างเด็กน้อย เพื่อจะไปหาพ่อตัวเอง ฟังดูเหมือนจะลำบาก แต่ว่าช่องว่างมิติของ Shian ความสามารถล้นเหลือมาก เก็บไปได้ทุกอย่าง ประกอบกับอาหารที่มีอยู่ในบ้าน (Shen Xun เพิ่งขอเนื้อกองเท่าบ้าน -ความหมายตามนั้นจริงๆ- จากพ่อของ Shian มา) และรถทหารพิเศษที่ได้มาจากพ่อหลังเกิดอุบัติเหตุ ก็แทบจะทำให้เจ้าตัวไร้เทียมทานแล้ว ไม่นับว่าได้ฝึกวิชาที่อยู่ในมิติพิเศษมาอีก

ช่วงผจญภัยตอนนี้ ด้วยความที่ Shian เก่งมาก ความสามารถรอบด้านสูง นอกเหนือจะช่วยคนระหว่างทางไปเรื่อยๆ ไปเจอใคร ฐานไหน เขาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีอีกต่างหาก ขำที่พอไปสังเกตการณ์และตามข่าวในฐานทหาร และออกไปช่วยฆ่าซอมบี้กับกลุ่ม ด้วยความที่เก่งมาก ถึงขั้นที่หัวหน้ากลุ่มเชิญมาดูแผนที่ และปรึกษาหารือด้วยซ้ำ

แต่จุดเด่นในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ความโลดโผนในการรับมือกับเหล่าซอมบี้ หากเป็นการรับมือกับใจมนุษย์ ตั้งแต่ที่หลบภัยที่แรกที่ Shian ไปเจอ คนก็เลวร้าย และอำมหิตกว่าซอมบี้แล้ว มีทั้งพวกที่คิดใช้คนอื่นเป็นเหยื่อล่อ และเหยียบย่ำคนอื่นให้ตัวเองรอด หรือแม้กระทั่งเป็นใหญ่ และก็เป็นการวัดใจและวัดไหวพริบความชาญฉลาดของ Shian ว่าจะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขับจากคนได้อย่างไร โดยเฉพาะปมที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือจากพ่อ

อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็เป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดอย่างหนึ่งในเรื่อง และส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เด่นมากจากเรื่องวันสิ้นโลก + ซอมบี้อื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ เพราะความที่ Shian ความสามารถล้นเหลือ OP มากอย่างที่ได้ย้ำไป ก็เลยทำให้ช่วยคนที่ควรค่าแก่การถูกช่วยได้เป็นระยะๆ และก็ได้คนที่ดีทั้งนิสัย และเก่งด้วยความสามารถมาอยู่ในทีมทีละคนสองคน

แต่ถ้าจะถามว่าความโรแมนซ์ระหว่างพระเอก-ตัวเอกอยู่ตรงไหน? ขอบอกว่าตอนนี้อ่านถึงบทที่ 130 แล้ว พี่พระเอกก็ยังอยู่ในร่างเด็กจ๊ะ อยากจะร้องไห้มาก คนเขียนบอกว่าอยากปูพื้นเรื่องนานๆ แต่นี่มันนานไปแล้วว ตอนแรกบอกว่าจะโผล่มาไม่เกิน 115 แล้วก็ยังไม่มา แต่เอาเถอะนะ ความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่ก็คือน่ารักมากๆ เพราะตัวพระเอกในร่างเด็กก็อ้อน Shian น่ารักมากๆ พี่เค้าไม่ได้แอ๊บแต่เพราะความจำกับความฉลาดยังไม่คืนมา ก็เลยมีบุคลิกแบบเด็กๆ ที่ชวนใจยวบอย่างยิ่งง อย่างเช่น วิ่งไปฆ่าซอมบี้ด้วยดาบยักษ์ที่ใหญ่กว่าตัว แล้วก็วิ่งหน้าเริ่ดเอา nucleus กลับมาให้ โดยมีประโยคหากินว่า AnAn, for you! ทุกครั้ง หรือพอคนในกลุ่มไปได้สิงโตจิ๋วมาเลี้ยง เจ้าตัวก็ทำหน้าจะร้องไห้ แล้วบอกว่า ห้าม AnAn ไปลูบหัวสิงโตนะ!

ซึ่งความสัมพันธ์ใจยวบก็เป็นไปสองฝ่ายมาก Shian ถึงขั้นกระโดดลงจากเครื่องบินลงไปในหมู่กองทัพซอมบี้เพื่อช่วย Shen Xun ก็มี โอยย...

แล้วก็ขำอีกอย่าง คือ ขนาดที่คนอื่นมีขนมปังกรอบกินก็หรูแล้ว แต่กลุ่มพี่ Shian ไม่ใช่  ตอนแรกสมาชิกใหม่ฟังว่าไม่หยุดพัก ต้องกินง่ายๆ ก็สลดไป แต่กลายเป็นคุณพี่ถามแต่ละคนว่าจะกินอะไร แล้วทำตามใจให้ทีละอย่าง เช่น คนนี้ขอบะหมี่น้ำ น่องไก่ ไข่สองใบ อีกคนจะกินข้าวผัดไก่ กับไส้กรอก กับขอน้ำส้ม อืมม ล่าสุดที่พีคคือระหว่างไปหาของร่วมกับทีมอื่น ตอนพัก พี่แกทำเทปปังยากิอีกต่างหาก อยู่ดีกินดีมาก

ชอบเรื่องนี้จริงจัง จากประการที่กล่าวมาทั้งหมด ให้ A+ แล้วก็ลุ้นคุณพี่พระเอกให้กลับเป็นผู้ใหญ่เสียที คือลุ้นปฎิสัมพันธ์มากว่าจะเป็นอย่างไรเนี่ยยยย!

Sunday, 30 June 2019

The Villain’s White Lotus Halo

Yin BiYue ตัวเอกเป็นตัวประกอบแนวตัวร้ายหรือตัวร้ายระดับตัวประกอบ (ตามแต่จะคิด 555) ที่ทนการไร้บทและไร้ความสำคัญของตัวเองไม่ไหว เพราะผ่านมาหลายโลกเล่นมาหลายเรื่องก็ยังมีบทตายอนาถอยู่ดี ก็เลยไปปรึกษา Rebirth Company อยากหาวิธีได้ไอเท็มอัพเกรดให้ตัวเองโดดเด่นเก่งกล้าหวังกลายเป็นลาสบอส ทีนี้หลังจากซื้อ Villain Halo มา กะอัพเกรดความชั่ว บังเกิดรัศมีตัวร้ายไร้เทียมทานตัวเองเต็มที่ พอได้บทลงไปเกิดเป็นตัวร้ายใหม่ก็เพิ่งรู้ว่าเด็กใหม่ในบริษัทส่ง White Lotus Halo มาให้แทน คราวนี้ล่ะ ส่องแสงความซื่อใสไร้เดียงสาไม่มีจบสิ้นอย่างเดียว

เอาสิคะ กลายเป็นศิษย์น้องตัวร้ายที่อิจฉาคิดจะฆ่า Luo Mingchuan ศิษย์พี่สุดหล่อแทนดีไปพร้อมกับเหล่าศิษย์ทั้งหลายในสำนัก ถูกตราหน้าว่าชั่วขนาดถูกขังไว้ในคุกมืดใต้ดินของสำนักเพื่อรอตัดสินเรื่อง ทีนี้ พอศิษย์พี่ลงมาถามสาเหตุที่คิดร้าย อี White Lotus Halo ก็ทำงาน แปลงเรื่องจากความเป็นตัวประกอบชั่วร้ายขี้อิจฉาคนที่แย่งตัวเองเด่น กลายเป็นเรื่องของหนุ่มน้อยใสซื่อที่เหมือนจะมีใจให้ศิษย์พี่แทน และที่คิดจะลงมือฆ่าด้วยค่ายกล ก็เป็นแค่อยากจะพาศิษย์พี่ไปดูนกชมไม้อย่างที่เหมือนจะได้เคยสัญญากันไว้ อีออร่าบัวขาวทำงานได้ดีเกินเหตุจนดูน่ารักน่าสงสาร และอีศิษย์พี่ก็ใจยวบอ่อนจนรู้สึกผิดขึ้นมาแทน

ดังนั้น พอถึงตัดสินคดี อีพี่ก็วิ่งพรวดพราดเข้าไปบอกเจ้าสำนักตัวเองว่า เป็นคนผิด เพราะเป็นต้นเหตุทำให้น้องเค้าออกนอกลู่นอกทาง อีออร่าความน่ารักใสซื่อของบัวขาวสร้างเรื่องให้ว่า ตอนที่เรียนจบก่อนขึ้นเขามาฝึกตน ทุกคนกินเหล้าเมา และอีพี่ก็เผลอไปเต๊าะจีบน้อง จนทำให้น้องเตลิด – ซึ่งเรื่องจริงก็คือว่า อีเจ้าของร่างตัวจริงเวลานั้นเกลียดความวุ่นวายหนีกลับไปนอนตั้งแต่ชาติที่แล้ว และดังนั้น จากการที่เป็นตัวประกอบโคตรชั่ว ก็กลายเป็นน้องแกะขาวถูกพี่เขาล่อหลอกกก มีแต่คนสงสาร เอ็นดู ทำอะไรใครก็ปกป้องเพราะดูบัวขาวใสซื่อ ขนาดคุณพี่พระเอก Luo Mingchuan ที่มองว่าตัวเอกเดิมร้ายยังเปลี่ยนเป็นเอ็นดู แล้วไปๆ มาๆ ก็ยังเริ่มโอ๋อีกก ...

ทีนี้ เพื่อสร้างอีเวนต์ให้สองคนมีเวลาร่วมกัน เอ๊ย เดินตามเรื่อง ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหลายในเขาก็ได้เวลาเดินทางไปประลองยุทธ์กันในงาน และเพราะความห่วงแสนห่วงน้องเขา แทนที่คุณพี่จะไปกับศิษย์ร่วมเขาตัวเอง อีพี่ก็อาสาตัวเดินทางไปกับน้องด้วย

ซึ่งก็ขำมาก เพราะมีศิษย์ร่วมเขาของคุณน้องอีกคนเดินทางไปด้วย แล้วก็ทำตัวเหมือนเป็นแม่เจ้าสาวคอยสอดส่องพฤติกรรมคุณพี่พระเอกแล้วให้คะแนนตลอดเวลา เพื่อตัดสินแทนเหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายในเขาว่าพระเอกดีพอที่จะควรยกบัวขาวใสซื่อให้ไปดีไหม แล้วแต่ละคนก็มีตรรกะแปลกๆ บ้าบอไร้ที่สิ้นสุดตลอดเวลา ถึงขั้นที่คุณน้องตัวเอกดูปกติที่สุด และต้องนิ่งค้างไปกับเหล่าพฤติกรรมไร้เหตุผลคนรอบข้างเป็นระยะๆ

ที่สำคัญ คุณน้องตัวเอกก็ไม่ได้รู้สึกเลยว่าคุณพี่พระเอกเริ่มรู้สึกอย่างไรกับตัวเอง พอมีศิษย์น้องผู้หญิงที่สนิทกับพี่พระเอกเข้ามา คุณน้องก็ลุ้นมากกว่าเขาจะรักกันเมื่อไหร่ ไม่ได้รู้เลยยว่าที่น้องสาววิ่งหน้าเริ่ดมาหาพี่พระเอกก็เพราะเข้ามาลุ้นเรื่องความรักของคุณพี่คุณน้องกัน ถึงขั้นที่มีคนมาบอกว่าตัวคุณน้องเป็นจุดฟิวส์ขาดห้ามแตะต้องล่วงเกินในใจคุณพี่พระเอก น้องก็งง

เรื่องนี้ดีเพราะเรื่องโทนบวก ไม่ค่อยจิตเหมือนเรื่องอื่น ศิษย์พี่ชอบศิษย์น้องจริง แต่เป็นชอบเพราะชื่นชมไม่ได้คิดครอบครองให้เป็นของตัวเองแล้วก็แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหนักเหมือนเรื่องอื่น แต่กลับคิดแทน และห่วงใยอย่างเงียบๆ ตอนที่น่ารักมากตอนนึงคือศิษย์น้องมีธาตุน้ำแข็งแล้วก็ใช้วิชาจนน้ำแข็งเข้าแทรกตัว พอหมดแรงหลังประลอง คุณพี่ก็ไม่ได้เปิดโปงอะไร แต่ยอมเสียหน้าบอกว่าตัวเองเป็นลมแดดให้น้องช่วงพยุงกลับที่พัก โดยที่น้องก็ซื่อทำตามแบบงงๆ ไม่ได้คิดเลยว่าจริงๆ แล้วพี่เขาช่วยถ่ายพลังตัวเองให้ระหว่างเดินกลับ หลังจากนั้น ศิษย์พี่ก็วิ่งโร่รอบเมืองไปหาหินภูเขาไฟมาให้ศิษย์น้องไม่หนาวหลังใช้พลังอีก แต่แอบผิดโผ เพราะว่าไม่กล้าให้ กลับกลัวว่าถ้าให้ไป ก็จะไม่ได้ถ่ายพลังตัวเองช่วยอีก

ชอบอีกอย่างคือเรื่องปูพื้นค่อนข้างแน่น ไม่เหมือนหลายเรื่องที่พยายามให้อยู่ในกรอบทะลุมิติ และศิษย์พี่ศิษย์น้อง โดยพยายามสร้างเรื่องให้ดำเนินต่อ แต่ไม่ได้สร้างความน่าเชื่อตาม ชอบการย้อนคิดและสร้างเหตุและผลของเรื่องจริงจัง

Sunday, 16 June 2019

Reader Said ...




1.  At which age you started reading?

Pretty early - with picture and vocab books. But the most serious ones then were 'Journey to the West' series that come with black and white illustrations and detailed captions. With around thin 33 vols? Or 40-50? Too pity I can’t find any tracks of them all since they were borrowed and never returned T_T I should be around 4-5?

That would include the Little Prince too. Got it from my father around that time too and I only grabbed basic concept and element of a child story before learning about the philosophy behind it much, much later.

But then, with abundance of books around the house, it’s rather obvious that I started reading anything and everything early.

2.  That first novel

Perhaps a full-length Thai novel from the shelf which comes into mini books with one chapter one book as parts of a complimentary for some magazines. However, I was fooled by the lightness of the cover (such a beautiful art!) and the thinness of the mini book when I started reading. Well, the novel contains love and politics, and no wonder it lose me in the later chapters and it made sense to me only a decade later. At age 6-7 then.

If not novels, I think I started with Greek mythology around that age too since mother used to tell me the stories bits and pieces in the car, and when I asked her to keep telling, she finally handed me the book to read myself.

Still, although I read high fantasy, the very first one to do in English would start with Black Magician Trilogy by Trudi Canavan before my hell runs loose.


3.  Favourite novel

Oh, that’s quite awfully lot! The order is by thinking order rather than ranking by favouritism then.

-Western-
Vessel by Sarah Beth Durst
Angel fall & World After by Susan Ee
Uprooted by Naomi Novik
Kinked by Thea Harrison
Silver Shark by Ilona Andrews (novella)

-Korean-
Trash of the Count's Family
Omniscient Reader's Viewpoint
Overgeared

-Chinese-
Cultivation Chat Group
Female Teacher
Dominion's End
Thrive in Catastrophe
The Reborn Otaku's Code of practice for the Apocalypse

-Japanese-
The Last Boss Witch Will Keep Her Past Self's Crush Until Her Dying Day
Redemption of the Blue Rose Princess

Oh, since Thai novels are hardly translated in English and hence hard to refer I omit them then.

I feel everything with simple yet smooth plots, elaborate language, practical and capable protagonists, symbolic meanings and touching scenes can hook me anytime!!


4.  Ever Written one? What’s the title?


Definitely! Hahaha, I think I’ve completed only one. A short story it is instead of a full novel. Also, attempted to write several but they are normally in the process. I think I enjoy having actual plots in my head and play them in my head more than writing them out. Still, for some scenes in the head, I will just write pieces and bits about them. For these tiny pieces, some are in Thai and some in English. Though, strangely, I feel I can express in English much more easily.

What’s more there are usually slow builds when love occurs after learning more about each other, symbolic meanings and cooking. Ooops!


5.  Your recommendations to others

Oh, I feel it’s not just me, but them. So I would normally rec the novels of their types. But since I settle with those of my interest, it’s kinda typically to have them enjoy my types too, so the recs are flowing and flowing, spreading the evil cultsss!

I'd tried to sell woops rec Trash of the Count's Family to several people, and then since we are screaming it together to the lunatic level, I stop harassing people (bar you!) then.

Haha, lately I have sold ‘The Reborn Otaku's Code of practice for the Apocalypse’ and ‘Death Progress Bar’, and I’m just happy when some returned with positive feedbacks.


6.  Genre to read

FANTASYYYYYY! Especially in western settings (I know, I know, but I grew up reading fantasy in western contexts! Don’t blame me!) and maybe non-contemporary times.

Hmmm, practical and capable yet likable protagonists should be my first priority!!! Then properly followed by not only ironic bites/ humors but also human touch/ touching feels.

7.  Genre to avoid

Hmmm, contemporary with no magics and paranormals – too bad, my world orbits around them!

I don’t know why, but Omegaverse has been popular here, and I just hate it. Like you are in heat, and you reluctantly/ unwillingly/ or even are forced to mate with someone who contempts you. Then you get pregnant, and you two start to care and love each other. Damn. I feel it forced and unnatural.

Any Chinese with handsome CEOs and seemingly bad/ villainous girls is a no-no for me too. Read plenty before and they are just the same – with the stoic formula and bland characters. Some even come with a mountain of loopholes! 99% of them are too dull not to mention too long!

In terms of elements, weak-willed and selfish characters and too-many loopholes rile me up too!

Oh, don’t read anything with bad and bleak tones too. Life is way too sad already I don’t want to add melodramatic to my well-beings. Rather, why make it sad when we can go happyy!!


 8.  Most hurtful read

Oh,’My Sister’s Keeper’ by Jodi Picoult. And I will never ever read anything like this ever again!


9.  Most hilarious read 

Hmmm, hilarious for me means dark, ironic and crazy humours, so I can only think of ‘Trash of the Count's Family’, ‘Overgeared’ and ‘Cultivation Chat Group’ (this one mostly contains crazy, wacky and out-of-the-context twists) but then I think ‘Dominion's End’ is great in terms of self-biting too! Haha!


10.  Most heart-warming read

Hmm, anything with touching moments I guess I will have a certain pattern of screaming “I can’t bear it any more!” before my tears start falling haha. But I’m the type who cries with such any way.

So far, ‘Trash of the Count's Family’ adds this side from time to time – love it when the characters strive to help others while becoming better.

Also, enjoy a Thai m/m webnovel called ‘Suddenly I Get Married to the So-called 10,000-Kill God’ (kind of my tran) too. Hmm, it’s more like future world where parasites can rule the host bodies, and a tech soldier is getting married to another field soldier by accident (?). Personally, I feel it’s a slow-build of relationships where two lonely souls get to spend time with each other and learn to warm up. This is especially so when the field soldier is thawing and feeling once more.

11.  Wow plot

Hmm, unexpected good twists and out-of-the-box solutions.

I enjoy the way Kim Dokja thinks of the third possibilities in 'Omniscient Reader's Viewpoint' and how the situations evolves in ‘Dominion’s End’ too.

But sucker plots for me hmm anything with practical and capable (or lately OP too! haha!) protags and sensible circumstances.

Still, for romantic ends, mentors-and-apprentices and enemies-turn-lovers are good tooo!


12.  Stun plot

Stun as good is anything with above-mentioned elements! So damn ready to dive in!

Stun as bad is excellent-then-deteriorating ones esp. in terms of plot derailing. The more we read, the more we get frustrated!
Oh, don’t like too melodrama too. Esp. with those who starts good but then declines to melodrama routes.


13.  Favourite protag? Why?

Oh CALE-NIM! Hahaha, and we know why!

Another I can think of is Miryem from Spinning Silver by Naomi Novik.
She’s the girl who is just practical and capable who will fight feisty for her family herself. And her never-give-up and there-is-a-will-so-there-is-a-way attitude is refreshing for me too.

Hmm,  Liyana in Vessel by Sarah Beth Durst is also exactly just that – though she’s more visceral than the former a bit.


14.  Favourite supporting character? why?

Oh, let’s list those from Trash!
Choi Han – for his devotion and willingness to follow Cale’s orders without faults.
Beacrox – for his obsession with cleanliness and precision
Eruhaben and Raon – for their biting words that so extremely contrast with their behaviors
Alberu – for his calculating and scheming self combined with his lunatic way of laughing and caring for those around him

Outside Trash
Venerable White (Cultivation Chat Group) – while he seems perfectly perfect in every sense, be it appearance, knowledge, and skills, he possesses many idiotic natures like

1. falling into trances when distracted and thus causing gigantic holes on the ground
2. obsessing with new technologies and ending up de-assembling fridges, microwaves, air cons, tvs yet without the ability to assemble them back. So he just creates illusions to cover his faults and sending those failed experiments outside space using his magic wooden swords
etc
just think of him makes me laugh continuously already

Krungel (Overgeared) – the guy first appears as unapproachable sword man with the title Sky Above Sky, and I love to see how he’s becoming more multidimensional as he learns to have friends.


15.  Most memorable quote from a character

Oh, too many! The quotes are usually tweeted here and there!

16.  A character you want as a boyfriend

Staryk King from Spinning Silver

A lofty and cold-blooded bastard fae who simply falls in love too easily with just a tiny turn of event. But then when he loves, he loves just sincerely and wholeheartedly.

At first, he has Miryem (from #13) as his mortal bride by accident and he treats her awfully. Then, when he loves, he even asks her parent’s consent just to court her! Oh! That’s the right sweet for me!

This is both hilarious and sweet for me :)


17.  A character you want as a sibling

Ice Emperor from Dominion’s King
Told you I want a big brother whose existence is as reassuring as a big mountain, and he’s just that! Also, he’s way too handsome and too capable too!


19.  An author you want to know

Hmm, a couple of Thai webnovel writers – mostly in terms of their inner thoughts tho.


20.  A novel you still wait for 
     (tho the author stops writing)

One Thai webnovel with otome theme called “Really Otome?” It’s so good as the writer puts a lot of politics and power struggle in the play. Too bad, she’s gone T_T

Maybe Domion’s End too?


22.  Which novel you want to transmigrate into?

Trash of the Count's Family, definitely! Hahha! But oh, on the condition I can go OP and be in Cale’s entourage too! Must be entertaining to see the event from my own eyes and touching to be part of the gang!


23.  Things you don't want to hear from authors

They would stop writing/ reposition themselves/ re-genre (esp. go YA! Or Urban Fantasy)


24.  A plot that you want to read now

Anything with my elements mentioned before. I don’t mind reading classics as long as the plot is well-laid. For me, the best things are simple plots with care!


25.  Sneak-to-read experiences in various places

Oh, not any more! I will just read grandly! Haha! But then now I will read at home for I want serious read time tho!


26.  Reading-fuck-me-up experiences

When I forget the flow of times and spend my supposedly-sleeping-time on reading!

Also, in large scale, if I’m into some hundred and more chapters I will go obsessed with reading till I catch up/ the story finishes. That ruins my sleep and probably my routine a lot!


27.  So far, has your favourite genre changed?

Not really. Fantasy is the best for me. But now sometimes it’s changed from pure high fantasy like magic and sorcery and the chosen ones to transmigration and reincarnation a bit – but then it’s from supply available not from demand side.

Oh, also, perhaps I change from western books to more Asian books (first with Chinese to Japanese and now to Korean) in these 2-4 years now. And oh, more Thai fantasy novels too.


Maybe need to be noted that there are more yaoi novels in my read for the last 10 months – simply due to supply as more and more sublime novel fantasies, especially in Chinese and Thai, are yaoi. So, let’s go with what is available and good! Me no discriminating! Haha!