Saturday 26 October 2019

สามีของอาลักษณ์หลวง โดย Rain-at-Rose

- สปอยล์แหลกเอาแต่ใจจ -


เมื่อ “มุจลินทร์” บุตรชายสุดที่รักคนสุดท้องของท่านราชครูเริ่มเกินวัยจะออกเรือน ผู้เป็นพ่อก็ร้อนใจทนไม่ไหวจนต้องใช้เล่ห์และอำนาจเงินตราซื้อตัว “วสภะ” นายกองหนุ่มอนาคตไกลมาเป็นสามีให้ลูกชาย — สูตรสำเร็จคลุมถุงชนเหมือนจะเป็นไปด้วยดี หากด้วยการไม่ยอมใครของทั้งคู่ก็ทำให้การแต่งงานที่ควรจะราบรื่นปรองดองเต็มไปด้วยการทำร้ายทำลายกัน! 


ถ้าจะสรุปสั้นๆ ก็ได้แบบนี้ ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ ตัวมุจลินทร์แค่อยากให้วสภะผู้เป็นสามีอยู่ในห้องหอด้วยกันจนเช้าเพื่อที่จะลบคำครหาจากคนนอก หากแต่ก็เพราะความถูกตามใจเสียคน ทำให้วาจาที่เอ่ยกับวสภะเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยามที่จบลงด้วยการที่วสภะโกรธาจนลงเอยด้วยการขืนใจมุจลินทร์

เจ็บทั้งร่างกายทั้งจิตใจเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่มุจลินทร์ผู้เป็นดวงใจของคนทั้งบ้านจะไม่พอใจ และแทนที่จะอ่อนข้อลง เจ้าตัวก็กลับโต้ตอบด้วยการเกรี้ยดกราดกับผู้เป็นสามี สลับกับการหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท ที่ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังคบชู้ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเป็นถึงขนาดนี้ วสภะที่ทั้งเสียหน้าและอับอาย ก็เริ่มที่จะกักขังภริยาของตนไว้ในบ้าน เพื่อให้มุจลินทร์ไม่ต้องออกไปเจอใครจนสร้างความเสื่อมเสียกับวสภะได้อีก

การกักขังในนิยามทหารแบบวสภะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ และมุจลินทร์ก็ถูกกักตัวเสมือนนักโทษที่ไม่สามารถพบเจอผู้ใด หรือแม้แต่ก้าวพ้นออกไปนอกห้องที่เป็นเหมือนกรงขังตัวเองได้ สภาพความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที เมื่อมุจลินทร์ท้อง แต่วสภะเข้าใจว่าลูกในท้องเป็นลูกของชู้ และคิดจะวางยาขับเลือดเพื่อกำจัดลูกที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเองออกไป หากแต่เคราะห์ดีที่วสภะเลือกที่จะให้ยาบำรุงครรภ์กับมุจลินทร์เพื่อเป็นการลองใจก่อน แต่ถึงแม้จะรักษาลูกในท้องไว้ได้ แต่ความเกลียดชังที่ทั้งสองมีให้กันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมุจลินทร์ก็เกลียดและโกรธที่จะต้องตั้งท้องและคลอดลูกให้กับคนที่ขืนใจและเหยียดหยามตัวเอง

จนกระทั่งลูกเกิดมา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็มาถึงจุดแตกหัก และวสภะก็กลับไปใช้ชีวิตแม่ทัพที่ชายแดนกับลูกสาวที่เพิ่งเกิด ขณะที่มุจลินทร์กลับบ้านไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านตัวเอง — จนกระทั่งสองปีให้หลังที่ครอบครัวของมุจลินทร์ให้เจ้าตัวเดินทางไปหาวสภะและลูกเพื่อจะที่จะพูดคุยและจัดการกับสภาวะแต่งงานที่ค้างคาให้ลงตัว

ส่วนตัวแล้ว ชอบเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะหลังช่วงอ่านเรื่องจีนมานาน เจอสภาพที่พระเอกหลงรักและตามใจให้ท้ายตัวเอกมาตลอด พอกลับมาเจอเรื่องแนวเกลียดกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสภาพขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่ เพราะการทะเลาะกันของทั้งคู่อยู่เกินเลยการทะเลาะเบาะแว้งของสามีภริยาในครัวเรือนธรรมดาไปมากโข ไม่ว่าจะเป็นตัววสภะเองที่ใช้โซ่ล่ามมุจลินทร์ไว่ในบ้าน และให้ทหารมาคอยดูแลเหมือนเฝ้าระวังเชลยสงครามชนิดที่ถ้าไม่ยอมกินข้าวก็จับกรอกปากไปจนกว่าจะกิน และส่วนตัวมุจลินทร์เอง แทนจะนั่งร้องไห้หรือเศร้าสร้อยกับการเป็นผู้ถูกกระทำกลับเลือกที่จะใช้ความเกลียดชังมาต่อสู้กับผู้เป็นสามี คงศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองโดยที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเลย สภาพร้ายมาร้ายกลับไปของทั้งคู่ทำให้อ่านด้วยความหลากใจทั้งกับระดับการตอบโต้กัน และกับความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีหรือแม้แต่ลงเอยกันได้ ส่วนตัวจุดนี้ทำให้ค่อนข้างพอใจเรื่องนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถูกใจที่วางมุจลินทร์มาให้ไม่อ่อนข้อและไม่ใจอ่อนแม้ว่าตัวเองจะท้องก็ตาม หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการที่คนเป็นแม่จะใจร้ายกับลูกในท้องจนถึงขั้นเกลียดจนอยากจะฆ่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ส่วนตัวคิดว่าสมจริงมาก และบ่งบอกสภาพจิตใจของมุจลินทร์เลยว่าสิ้นหวังขนาดไหน เพราะถ้ามองตามข้อเท็จจริง วสภะขืนใจมุจลินทร์จนเจ้าตัวตั้งท้อง และเมื่อท้องก็ถูกกักขังอยู่ในห้องไม่สามารถไปไหนหรือพบเจอใครได้เป็นแรมปี ถึงขั้นที่พอกลับไปอยู่บ้านและเวลาผ่านไปแสนนาน มุจลินทร์ก็ยังสภาพหวาดกลัวความมืดและการอยู่ในห้องแคบๆ อยู่ดี การมีลูกเป็นการตอกย้ำสภาวะสิ้นหวังและไร้ทางออกของตัวเองด้วยซ้ำ ในสภาพโดดเดี่ยวที่แม้กระทั่งครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้เจอ จะทำให้ตัวมุจลินทร์รักลูกในท้องที่เป็นเสมือนหนึ่งในเงื่อนไขที่ตัวเองต้องสูญสิ้นอิสรภาพได้อย่างไร?

ส่วนตัว ชอบการดำเนินเรื่องช่วงที่ทะเลาะกันมากกว่าช่วงที่รักกัน เพราะว่าช่วงที่ปูพื้นถึงความสัมพันธ์เลวร้ายใช้เวลานานและรู้สึกสมจริง หากเมื่อมุจลินทร์เดินทางไปเจอวสภะและลูกจนวสภะได้พบกับมุจลินทร์อีกครั้งและตกหลุมรักเป็นช่วงที่รู้สึกว่าเร่งรีบจนไม่น่าคล้อยตามสักเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะหน้าหนังสือไม่อำนวยด้วยก็ได้ ชอบเงื่อนไขความพึงใจที่เกิดเมื่อลูกสาวของทั้งคู่จมน้ำ และมุจลินทร์ช่วยปฐมพยาบาลจนเด็กหญิงฟื้นขึ้นมาได้ ความประทับใจกับการแปลกใจต่อตัวมุจลินทร์นี้ก็ทำให้ตัววสภะรู้สึกตกหลุมรักคนที่อยู่หน้าตัวเองเป็นครั้งแรก และคิดว่าอยากจะเกี้ยวพาอีกฝ่ายให้รักตนกลับคืน เอาจริง ช่วงนี้ก้ำกึ่งว่าเร่งร้อนก็ได้ หรือว่าสวยงามก็ได้ เพราะบางครั้งความรักก็ไม่มีเหตุผล และความประทับใจก็เป็นที่มาของความถูกใจและพึงใจอยู่แล้ว  — แต่การพึงใจวสภะกลับของมุจลินทร์เป็นสิ่งที่อยากให้ทอดเวลาออกไปมากกว่าจะเป็นอย่างที่เกิดขึ้นในหนังสือ เพราะถ้าเกิดการเกลียดและกลัวใครสักคนหนึ่ง การจะถอนความรู้สึกนั้นออกให้กลายเป็นกลาง และเพิ่มพูนจนกลายเป็นบวกเป็นสิ่งที่น่าจะต้องใช้เวลา หากแต่ระยะเวลาในเรื่องดำเนินไปต่อเนื่องเลย จนทำให้รู้สึกกระชั้นและกระโดดไปอยู่เหมือนกัน

เพราะตามจริงแล้ว สิ่งที่วสภะทำเอาไว้ เป็นสิ่งที่ร้ายแรง ซึ่งถ้าอยู่ในสังคมปัจจุบัน การกระทำของสามีที่ต่อภริยาของวสภะสามารถนำไปสู่การลงโทษทางกฎหมายได้เลย ซึ่งก็เข้าใจว่าตามสังคมโบราณ การเป็นใหญ่ของสามีและการเป็นใหญ่ที่อยู่เหนือคู่ครองเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่คนที่ได้รับคำครหาและถูกตราหน้าว่าเลวร้ายจากสังคมกลับเป็นตัวมุจลินทร์เอง ซึ่งแม้กับตัวครอบครัวของมุจลินทร์เองยังมองว่าเจ้าตัวเป็นฝ่ายผิดเสียด้วยซ้ำ จุดนี้เป็นจุดที่ขัดใจมาก แม้ว่าถ้ามองกันตามเกม วสภะฉลาดที่จะเลือกที่จะดีนอกบ้านและร้ายในบ้าน ตรงข้ามกับมุจลินทร์ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเองนอกบ้านจนถูกสังคมประนาม ซึ่งแม้ว่าตัววสภะจะสร้างบาดแผลทั้งทางใจและกายให้มุจลินทร์มาตลอดช่วงปี แต่มุจลินทร์เป็นคนผิดสำหรับสังคม

ซึ่งในแง่นี้ก็อยากได้ตัวละครแบบมุจลินทร์ที่ร้ายลึกกว่าเดิม และดำเนินเกมอย่างที่เป็นเพื่อดึงคะแนนความสงสารมาให้ตัวเองได้ — อยากได้ตัวเอกที่ร้ายกว่าเดิมและต่อกรกับพระเอกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อหรือแม้แต่ชนะมาก โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่สังคมคาดหวังบทบาทของเพศแม่ การเอาชนะและดึงคะแนนสงสารจะเป็นไปได้อย่างไรได้?

เรื่องนี้ทำให้คิดถึงคำว่า What if? อย่างมาก เพราะถ้าเกิดคืนแรกที่เจอกัน ถ้ามุจลินทร์ยอมพูดจากับวสภะด้วยดี ก็ไม่น่าที่ทั้งสองคนจะต้องเสียเวลาเป็นแรมปี และทำร้ายทำลายกันจนต้องเจ็บตัวเจ็บใจและเสียหน้ากันไปทั้งคู่เลย โดยเฉพาะถ้าวสภะพิศมุจลินทร์ให้ดี ด้วยหน้าตารูปร่างของมุจลินทร์จะทำให้อีกฝ่ายรักไม่ยากเสียด้วย 

สรุปสั้นๆ ว่า นี่คือ Omegaverse ผสมกับความรักตบจูบแบบภารตะนั่นเองงง! ชอบเซ็ตติ้งความเป็นเอเชียใต้ที่เปลี่ยนเรื่องความสัมพันธ์อัลฟ่าและโอเมก้าให้สละสลวยเข้ากับสภาพสังคมได้อย่างลงตัว อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากความรัก ก็เลยรวดร้าวกันทั้งคู่จริงๆ ทำร้ายทำลายกันแรงมากยิ่งกว่าละครไทยหลังข่าว แต่ความสุดโต่งก็ทำให้เรื่องสนุก ทั้งจากการโต้ตอบกันและการลุ้นว่าทั้งสองฝ่ายจะรักกันอย่างไร ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์แบบนี้มาก ขิงก็ราข่าก็แรงนี่คือสะใจมากก แต่ติดที่อยากให้ช่วงที่ปรับความเข้าใจกัน และทำความรู้จักกันยืดยาวได้กว่านี้  แต่รวมๆ ก็ชอบความแปลกใหม่จากการเป็น omegaverse แบบภารตะอยู่ดี

ให้คะแนน B- “How the first mistakes deteriorate and destroy, and how the first impressions soar and spawn.”  

และต้องสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว ตัวละครที่ชอบมากกว่าคู่หลักกลับเป็นบุคลิกของท่านแม่และท่านพ่อด้วยซ้ำ — ชอบจนในแง่หนึ่งการที่ให้คะแนนเรื่องนี้อาจมีผลมาจากตัวละคนทั้งสองตัวด้วยก็เป็นได้ ก็รอเล่มท่านพี่ และ hopefully ท่านแม่จ๊ะ!

No comments:

Post a Comment