Monday, 16 September 2019

เรียกข้าว่าคุณหนูอันดับหนึ่ง โดย เชียนซานฉาเค่อ

//1. สปอยล์ไม่ต้องสงสัย — เป็นบันทึกการอ่านนะคะ//

// 2. อ่าน e-book 3 เล่มแรก ที่เหลือเป็น mtl จากจีน ไม่แน่ใจเรื่องความเหมือน/ต่างจากฉบับภาษาไทย//

เอาจริง เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องกลับมาแก้แค้นของเชียนซานฉาเค่อแบบผลาญ แล้วก็นางพญาท้ารบ แนวทางมาเหมือนกันทั้งสามเล่ม แต่ก็นะคะ พวกที่ชอบสายนางเอกเก่งกลับมาแก้แค้นอย่างอีฉันก็ยังงมงายอ่านต่อไป

ส่วนตัว เล่มนี้เป็นส่วนผสมของผลาญ แล้วก็นางพญาท้ารบ ในแง่ที่ว่าเอาการแก้แค้นเฉียบไวของเรื่องแรก มาผสมกับขั้นตอนการดำเนินเรื่องที่ไปเป็นทีละขั้นตอนอย่างมีเหตุผลมากขึ้นของเรื่องหลัง แต่จุดที่ต่างกันก็คือ แทนที่ตัวคนรักที่นางเอกถูกหลอกใช้จะเป็นแบบองค์ชายที่จะขึ้นครองบัลลังค์ เปลี่ยนเป็นจอหงวนคงแก่เรียนที่รักและแต่งงานกันที่ต่างจังหวัด ก็เลยทำให้แนวทางแก้แค้นของนางเอกและแนวทางเดินเกมทางการเมืองของพระเอกแยกออกเป็นคนละส่วนกันต่างจากสองเรื่องแรก 

ดังนั้น เซวียฟังเฟย ที่ถูกองค์หญิงที่กลายเป็นคนรักของสามีเก่าสร้างเรื่องให้เสื่อมเสีย และฆ่าตายโดยทำให้เป็นเหมือนกับการฆ่าตัวตายเอง ก็ได้กลับมาอยู่ในร่างของ เจียงหลี คุณหนูรองของมหาอำมาตย์ ที่ถูกส่งมาทิ้งอยู่ที่อารามแม่ชี ด้วยข้อหาทำร้ายแม่เลี้ยงและลูกในท้องของแม่เลี้ยง และการเริ่มต้นแก้แค้นทั้งสามีเก่า กับการประมือกับแม่เลี้ยงหน้าเนื้อใจเสือก็เริ่มขึ้น

เรื่องนี้พระเอกไม่ได้รักนางเอกชัดเจนหรือว่าเร็วเหมือนในผลาญ แต่เป็นเหมือนนางพญาท้ารบที่เริ่มจากความไม่ไว้ใจถึงขั้นระแวงของพระเอก ก่อนที่จะค่อยๆ แปรเปลี่ยนมาเป็นความเข้าใจ และรู้ใจกัน — ความสัมพันธ์เป็นไปในเชิงที่เจียงหลีต้องพึ่งพา จีเหิง ที่เป็นผู้มีอำนาจและอิทธิพลแม้กระทั่งกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในว่าจะในเรื่องของการปกป้องดูแล หรือแม้กระทั่งการให้ความช่วยเหลือ และส่วนของจีเหิงเอง การยอมให้ความช่วยเหลือก็เกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวสนใจกับความบันเทิงที่เกิดจากพฤติกรรมและแรงจูงใจจะแก้แค้นที่คาดเดาไม่ได้และดูเหมือนจะไม่มีที่มาที่ไปของ ‘คุณหนูรองเจียง’

หลักๆ แล้ว ในส่วนของการแก้แค้นเรื่องนี้ทำได้สนุกเหมือนเดิม แม้ว่าจะดูเหมือนอ้อมโลก เพราะว่าศัตรูเป็นถึงองค์หญิงที่ดูจะมีฐานะสูงเกินไปต่อกรด้วยไหว แต่ด้วยความใจเย็น คอยหาวิธีการและวางแผนการของเจียงหลีก็ทำให้เรื่องราวเหล่านี้สนุกและคาดเดาไม่ได้ กับขณะเดียวกันก็มีการปะทะคารมและสู้ด้วยแผนการกับแม่เลี้ยงเป็นระยะๆ ระหว่างทางเช่นเดียวกัน ซึ่งก็เป็นไปตามเงื่อนไขไม่ต่างจากสองเรื่องแรก ไม่ว่าจะเป็นวางยาสร้างเรื่องฉาวชู้สาว ไล่ปีศาจและความอัปมงคล ฯลฯ และแม้ว่าการแก้ปัญหาจะไม่ต่างจากเดิม แต่รายละเอียดเล็กน้อยที่แผกออกไปก็ยังทำให้ยังสนุกและน่าตื่นเต้นเหมือนเดิม

ความรักเรื่องนี้ไม่ค่อยเด่นชัดเท่าไหร่ อย่างที่ช่วงแรกเน้นการแก้แค้นกับสามีชั่วและชู้รักเป็นหลัก พอแก้แค้นได้จบก็เหมือนตัวนางเอกจะเนือยลงไป กลับมาเป็นคุณหนูลูกขุนนางธรรมดา และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือช่วงที่พระเอกมองว่าจบการแก้แค้นได้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนก็ควรจะจบสิ้นด้วยเหมือนกัน เพราะจีเหิงไม่ต้องให้ความช่วยเหลือนางเอกแล้ว และก็อยากที่จะทุ่มความใส่ใจไปที่การแก้แค้นส่วนตัวของตัวเองมากกว่าที่จะต้องติดต่อยุ่งเกี่ยวกับเจียงหลี กว่าที่จะมีเรื่องที่ทำให้เข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ก็นาน และถึงแม้ว่าจะเข้าใจได้ ตัวจีเหิงก็มอง เจียงหลี/เซวียฟังเฟย ในฐานะผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองและการรบของตัวเองอีกต่างหาก — ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่ทำให้ขัดใจมาก มีความรู้สึกว่าตัวนางเอกมีความรู้ความเข้าใจบ้านเมืองและมีสมองที่คิดแผนการและรู้เท่าทัน ก็ควรจะเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์มากกว่าเก็บนางเอกเอาไว้บนหิ้ง แล้วตัวเองออกไปจัดการกับปัญหาคนเดียวโดยไม่ยอมให้นางเอกมีส่วนรู้เห็น อย่างที่หายไปแล้วปล่อยให้นางเอกต้องรอ

เมื่อในแง่นี้ทิศทางเรื่องหลังการแก้แค้นเปลี่ยนไปให้ตัวเจียงหลีกลับมาเป็นคุณหนูในห้องหอที่ถูกตระกูลกำหนดทิศทางให้เดิน ก็เลยมีเรื่องอย่างการวางตัวในตระกูล และการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับลูกชายบ้านอื่นเข้ามา — ก็การแก้ปัญหาก็เป็นการช่วยเหลือจากฝ่ายชายแทนที่จะเป็นการใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองอย่างที่เคยเป็น (พระเอกมาช่วยก็ดี แต่บางครั้งก็อยากให้นางเอกหาทางขวนขวายด้วยตัวเองก่อน แทนที่จะอยู่เฉยๆ ให้พระเอกมาช่วย)

นอกจากนี้ ที่รู้สึกพล็อตไม่นิ่งก็มีอีก 2 ประเด็น คือ หนังสือวางตัวให้ตัวจีเหิงมีอำนาจและมีอิทธิพลมาก และภาพที่เห็นก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่พอครึ่งหลัง ทำไมดูพระเอกไม่มีกำลังคนของตัวเองเลย พวกที่เคยรายล้อมรับใช้เป็นมือสังหารในเงามืดอย่างที่เคยมีไปไหนหมด? ทั้งในส่วนของการสู้ที่หางโจว และก็การรบสุดท้าย โดยเฉพาะเมื่อเปิดประเด็นให้มีเรื่องในอดีตของครอบครัวจีเหิงเข้ามา

กับตัว (คนที่เหมือนจะเป็น) พระรองแต่กลายมาเป็นตัวร้ายสุดท้ายก็ดูไม่มีแรงจูงใจขนาดนั้น ส่วนตัวถ้าจะเขียนบุคลิกนิสัยออกมาให้ดีตอนแรก และเปลี่ยนเป็นตัวร้ายอย่างที่เป็น ดูสงสารตัวละครและไม่สมจริงกว่าที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ติดใจในแง่ที่คิดต่อเองมีอยู่ว่า เรื่องผลาญก็ดี นางพญาท้ารบก็ดี เป็นเรื่องที่นางเอกสามารถย้อนเวลากลับมาในอดีตได้ และสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดและเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้เต็มที่ แต่เรียกข้าว่าคุณหนูอันดับหนึ่งเป็นการดำเนินเรื่องต่อจากจุดที่เกิดเหตุ และดังนั้นแม้ว่าจะมีการพยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างไรก็ทำได้ไม่เต็มร้อย ส่วนตัว สงสารตัวละครหลายตัวที่ถูกทำร้ายเพราะแผนการขององค์หญิงมาก โดยเฉพาะน้องชายนางเอก เพราะว่าแม้ว่าจะมีชีวิตอยู่ แต่ก็ต้องเสียขา และเดินไม่ได้ไป (ถ้าเป็นไปได้ อยากแก้ประเด็นนี้มาก ก็รู้ว่าคนเขียนอยากบอกว่า สิ่งที่ดีที่สุดก็คือมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ตัวละครนี้ก็ควรจะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ — อยากให้กลับมาเดินได้มากเลย ฮือ)

ถ้าจะให้เปรียบเทียบ 3 เรื่อง ถ้าดูเฉพาะส่วนของการแก้แค้นอย่างเดียว ชอบเรื่องนี้ที่สุด เพราะชอบการแก้ไขปัญหาอย่างแนบเนียบค่อยเป็นค่อยไป และความสัมพันธ์ที่แม้จะไม่ใช่ความรักเชิงชู้สาวชัดเจน แต่กลมเกลียวอยู่ด้วยกัน และการตามใจในแบบของจีเหิง ซึ่งถ้าจะพูดกันตามจริง การให้ความช่วยเหลือและคอยดูแลใส่ใจแบบนี้ ดูพึ่งพาได้กว่าการเอ่ยคำรัก และการฝากใจอีก — อย่างไรก็ตาม เรื่องค่อนข้างนิ่งไปหลังจากนั้น ด้วยประเด็นการกลับสู่สภาพคุณหนูในห้องหอที่อยู่ไปเรียบเรื่อย และการเดินเกมของจีเหิงที่เอาอดีตมาเป็นประเด็น (เทียบกับหมู่ขุนนางใหญ่ และราชวงศ์มีปัญหาอย่างนี้หมด ทำไมจึงกลายมาเป็นประเด็นที่เป็นเรื่องหนักหนาในตอนหลัง?)

ก็เลยกลายเป็นในภาพรวม สุดท้ายแล้วก็ยังชอบผลาญที่สุดอยู่ดี 

No comments:

Post a Comment