หลังจากอ่านเล่มหนึ่งจบ ก็ไม่กล้าอ่านเล่มสองต่อ เพราะยังอินอยู่มาก และกลัวว่าถ้าอ่านเห็นใครตายคงจะสติหลุดไป และดังนั้นก็เลยเป็นการไปอ่านเรื่องย่อจาก wiki ด้วยตัดสินว่าฉันคงไม่อ่านต่อเร็ว ๆ นี้ และพอจะอ่านต่อก็คงลืมไปแล้ว แต่เอาเข้าจริง พอเห็นอยู่ที่ชั้นก็อดไม่ได้ที่จะพลิกดูครั้งแรก แครั้งที่สอง จนกระทั่งไปพารากอน แล้วต้องไปเอาหนังสือที่เอ็มโพเรียมจากโทษของการไม่ได้สั่งจองไว้ทำให้ต้องขึ้นรถไฟฟ้าไปกลับเพื่อหนังสือหนึ่งเล่ม ก็เลยหิ้ว Son of the Shadows มาอีกเล่ม (และสี่เล่มในตอบจบ) – เป็น shadow เงามืดมาก เพราะพอได้หนังสือมาก็เป็นช่วงปั่นงานยุ่งเหยิง จนกลางอาทิตย์ทนไม่ได้ ต้องหนีไปอ่าน และพออ่านจบก็ไม่ได้ฤกษ์เขียนรีวิวเสียอีก จนกระทั่งวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะว่าอย่างไร ล่าไปทั้งการอ่านและการรีวิว โอ ลา!
ชนิด : folklore/ Celtic/ historical
ชุด : Sevenwaters, book 2
สำนักพิมพ์ : Tor Fantasy (June 17, 2002)
จำนวนหน้า : 608 หน้า
รางวัล : 2001 Aurealis Awards for Fantasy Novel
หลังจากเล่มแรกลงเอยด้วยการที่ Red ละทิ้งที่ดินของตัวเพื่อมาอยู่กับ Sorcha แล้ว เล่มนี้พูดผ่านมุมมองของ Liadan ลูกสาวคนสุดท้องของทั้งคู่
Liadan เป็นเด็กเรียบร้อย ขยันขันแข็ง และว่านอนสอนง่าย เธอเหมือน Sorcha ทั้งรูปร่างหน้าตา และความรู้เรื่องสมุนไพรและการรักษาโรค ความสุขของเธอคือการได้อยู่กับครอบครัวที่รัก และทำสวนสมุนไพร หากทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อ Niamh พี่สาวคนโตผู้รักสนุก ทำอะไรตามใจตัวเอง ไปรักกับนักบวชฝึกหัดลูกศิษย์ของ Conar น้าชายที่ปัจจุบันกลายเป็นหัวหน้านักบวช และถูกบังคับให้แต่งงานเพื่อสร้างฐานพันธมิตรเป็นการตัดปัญหา
นั่นก็เพราะระหว่างกลับจากเดินทางไปส่งพี่สาวที่แต่งงานออกไป Liadan ถูกกลุ่มโจร/ทหารรับจ้างนอกกฎหมายลักพาตัวไปเพื่อช่วยรักษาช่างเหล็กของกลุ่ม ความสามารถในการรักษาประกอบกับความกล้าและมุ่งมั่นของเธอทำให้เด็กสาวได้ความเคารพจากกลุ่ม และระหว่างนั้น เธอและ Bran (หรือ Painted Man ตามชื่อที่คนอื่นเรียก) หัวหน้าพวกนอกกฎหมายก็ตกหลุมรักกันและกัน แต่ทว่า Bran ตัดสินใจส่ง Liadan กลับบ้าน เมื่อเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ
อย่างไรก็ตาม Liadan ตั้งท้องกับเขา และด้วยความรักที่มีต่อ Bran ทำให้เธอยิ่งตัดสินใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยตัวเองอยู่ที่ Sevenwaters โดยที่ไม่ยอมแต่งงานเพื่อสร้างพันธมิตรใด ๆ จนเมื่อ Bran ถูก เจ้าของที่ดินที่มีความแค้นกับเขาอยู่จับตัวไปทรมานเพราะความแค้นที่เจ้าตัวมีต่อกลุ่มนอกกฎหมาย และต่อตัว Bran ที่ได้หัวใจของ Liadan ไป และ Liadan หาทางช่วยเขาออกมาที่ความรักของทั้งคู่เห็นทางออกในที่สุด
เทียบกับเล่มที่แล้ว การดำเนินเรื่องเล่มนี้ว่องไวกว่ามาก และเน้นหนักที่การเล่า/ บรรยายเรื่องแทนที่จะเป็นพรรณนาแบบเดิม ซึ่งก็หมายถึงว่าเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เยอะมาก และตลอดเวลา อย่างที่การเล่าเรื่องย่อข้างต้นก็ย่นและย่อจนเหลือแต่โครงหลักอย่างที่สุดมา เมื่อแรกอ่านคิดไว้ว่าจะเหมือนกันงานชิ้นอื่นที่ได้อ่านของ JM (Daughter/ Wildwood/ Cybele’s) ซึ่งทั้งสามเล่มมีความคล้ายคลึงและรูปแบบบางอย่างอยู่ และดังนั้น เมื่อมาอ่านเล่มนี้ก็แปลกใจที่การดำเนินเรื่องแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง และส่วนตัวเองก็มองว่าเหมือนเป็นเรื่องรักมากกว่าจะเป็นแฟนตาซี ทั้งที่ก็มีมิติของเวทย์มนต์มาเกี่ยวข้องเป็นระยะ ๆ โดยเฉพาะเมื่อตัว Liadan มีพลังเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และใช้ความรู้นั้นให้เป็นประโยชน์กับตัวเองและคนรอบข้างได้หลายครั้ง รวมไปถึงความสามารถในเยียวยาจิตใจ ซึ่งช่วยพี่สาวและคนรักของตัวเองมาได้
อย่างที่บอกว่าความโดดเด่นอย่างหนึ่งในงานของ JM ก็คือ “ความรักที่ละเมียดละไม” เป็นความรักที่ผ่านการกลั่นกรองและใช้เวลาจนรู้ใจและเข้าใจตัวเอง หากในเรื่องนี้ในแว่บแรก แทบจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย เรียกได้ว่า “โลดโผน” กว่านั้นมาก เพราะตัว Liadan และ Bran เจอกันในช่วงที่ลูกน้องของเขาลักพาตัวเธอมา ในช่วงระยะเวลานั้นจนถึงเมื่อเขาส่งตัวหญิงสาวกลับไปไม่น่าจะเกินสิบวันเป็นอย่างมาก แต่ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งและจริงจังเสียแล้ว หลังจากนั้น ทั้งคู่พบกันอีกเพียงสามครั้ง ที่แต่ละครั้งก็เป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นอกเหนือไปจากการพบกันผ่านทางการเห็นของ Liadan อีกไม่กี่ครั้ง แต่ความรักของทั้งสองก็ยังคงอยู่ และก็คงจะเรียกได้ว่าละเมียดละไมในรูปแบบของตัวหนังสือเล่มนี้เอง เพราะแม้จะผ่านมาเป็นเดือนเป็นปีแต่ความคิดคำนึงที่อีกฝ่ายมีต่อกันไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย และการที่ไม่ได้เจอกันก็ยังเพิ่มพูนความรู้สึกในใจอีกฝ่ายได้เสียด้วยซ้ำ และที่สำคัญ ทั้งสองคนคิดแทนอีกฝ่าย และพยายามช่วยเหลือกันมาตลอด อย่างที่เธอส่งพลังใจไปให้เขาในทุกครั้งที่เป็นคืนเดือนมืดเป็นปี ๆ (สปอยล์) [เพราะในวัยเด็ก Bran ถูกคนที่เกลียดชังพ่อและ Red จับไป และถูกขังไว้ในห้องใต้ดินอยู่เสมอ] และ Bran ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะเข้ามาสู่ดินแดนของศัตรู และเสี่ยงตัวเองเพียงเพราะรู้ว่า Liadan เดือดร้อนและกำลังต้องการเขา
หลังอ่านจบมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องรักในลักษณะ The Lady and the Outlaw ที่อ่านไปก็ลุ้นไปว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะช่วงที่ตามอ่านไม่เห็นทางออกเลย แม้ตัว Liadan อาจจะออกจากครอบครัวไปอยู่กับ Bran ได้ แต่ที่อยู่ของ Bran ก็ไม่ใช่ที่อยู่ของเธอ และฝ่ายชายก็ไม่มีวันยอมให้ Liadan ต้องมาใช้ชีวิตที่ต้องระวังหลังตลอดไปอีกด้วย อย่างที่ในเรื่อง เจ้าตัวสร้างความแค้นไว้กับหลายคน และก็เป็นเรื่องยากที่จะแม้แต่เป็นที่ต้อนรับ และตัว Bran เองก็ไม่สามารถอยู่ที่ Sevenwaters เหมือนอย่าง Red ได้ (อย่างที่มี Finbar บอก Liadan ไว้ว่า “You captured a wild creature when you had no place you could keep him.” (หน้า 241))
ชอบที่แต่ละคนเปลี่ยนชีวิตของอีกฝ่ายได้ และความสัมพันธ์ระหว่างกันก็พัฒนาตัวเองให้เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งในแง่นี้ก็ไม่แน่ใจว่าใครเปลี่ยนแปลงอีกฝ่ายมากกว่ากัน อย่างตัว Liadan เอง ก่อนมาเจอกับ Bran เธอเป็นเด็กที่เงียบ เรียบร้อย เชื่อฟังคำสั่ง และมีความสุขกับการทำงานบ้าน แต่พอพบ Bran แล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น กล้าขึ้น และมุ่งมั่นขึ้น จนอาจถึงขั้นรั้น อย่างที่กล้าเลี้ยงลูกตามลำพังโดยที่ไม่แต่งงาน (โดยไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก) และก็ไม่ยอมปล่อยมือจาก Bran แม้ทั้ง Fair Folk หรือ Conar จะบอกว่า Bran มีประโยชน์แค่เป็นพ่อของลูกที่เกิดตามคำทำนายของ Sevenwaters เช่นนั้นก็ตาม เธอแกร่งพอที่จะเลือก Bran ซึ่งเธอรู้ว่าโลกหรือแม้แต่ครอบครัวเธอจะไม่เห็นด้วย เธอแกร่งพอที่จะไม่ยอมปล่อยมือ และขณะเดียวกันก็แกร่งพอที่จะเปลี่ยนแปลง Bran โดยเฉพาะการช่วยเขาในคืนเดือนมืดและอย่างยิ่งในตอนจบ ทัศนคติและความเข้มแข็งของเธอชัดมาก ดังเช่นตอนนี้ “… I do not seek to make these wounds vanished as if they had never been. I know he will always bear the scar. I can not make his path grow broad and straight. It will always twist and turn and offer new difficulties. But I can take his hand and walk by his side.” (หน้า 550)
สำหรับ Bran เอง มิตินี้อาจจะไม่ชัดมากนัก เพราะเราอ่านเรื่องผ่านมุมมองของ Liadan แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ทำให้เขากล้าคิดต่างไปจากเดิม อย่างที่ความเกลียดชังบางอย่างที่เขามีต่อคนใน Sevenwaters ลดน้อยลงไปเพราะความรู้สึกที่มีต่อ Liadan จนเขาเลือกที่จะรับข้อตกลงที่ Sean พี่ชายฝาแฝดของเธอเสนอ สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ Liadan มีให้ฝ่ายชายอาจจะเป็นความหวัง – ความหวังทำให้กล้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นในสิ่งที่ดีขึ้น โดยเฉพาะเพื่อให้คู่ควรกับเธอ จากที่เขามีชีวิตอยู่อย่างเกรี้ยวกราด ขมขื่นเพราะเชื่อมาตลอดว่า เขาไม่มีค่าอะไร และความกล้าที่จะมีความหวัง ทั้งนี้ จากพื้นฐานของตัว Bran เองก็ส่งผลให้ความกล้าเช่นนี้เกิดขึ้นและหายไปเป็นระยะ ๆ ซึ่งก็ในเรื่อง ทำให้เจ้าตัวเป็นคนที่ hypocrite ปากอย่างใจอย่างที่สุดคนหนึ่ง เพราะ Bran เอง เป็นคนบอกให้ Liadan ตัดใจจากเขาทุกครั้งที่เจอกัน (รวมไปถึงที่แยกจากกันในครั้งแรก) แต่ก็ไม่ยอมให้เธอไปมีใครอื่นแต่อย่างใด
Then his hands came around my waist, and he lifted me into the saddle; but one hand still lay against my thigh as if he could not quite let go.
“Liadan,” he said, staring intently at the ground.
“Yes,” I whispered.
“Don’t wed that man Eamonn. Tell him, if he takes you, he’s a dead man.” His tone was intense. It was a vow. (หน้า 201)
“…. You must move on without me, Liadan.”
There was a terrible ache in my heart, but I kept my tone light. “Then you think I should have married Eamonn when he asked me?”
………..
”What?” He sprang to his feet in outrage. “That man would have taken my woman and my child for his own?” (หน้า 439)
ซึ่งจริง ๆ ในแง่หนึ่งคนที่ปล่อยมือจากอีกฝ่ายไม่ได้มากที่สุดอาจจะเป็นตัวชายหนุ่มมากกว่า Liadan ก็ได้ ตอนที่อธิบายความรู้สึกของเขาได้ดีที่สุดมาจากคำพูดของ Snake รองหัวหน้าในกลุ่ม
“… He wants you. You want him. But he’d never agree to keep you here with us; no life for a lady, not for a little lad. He’d never risk you that way. And he’ll never give up. It’s all he knows; the only way he can justify going on….He won’t let you stay. Pack you off home and then go and get himself killed as soon as he can.” (หน้า 525-6)
ซึ่งทั้งนี้ก็ถูกใจมากกับทางออกที่ลงตัวในตอนจบ ที่ Bran บอกว่า “And yet I long to return and make things right again. I long to prove what seemed impossible: that I can be my father’s son.” (หน้า 563)
เมื่อพูดถึงกลุ่มของ Painted Man ก็ต้องบอกว่าเป็นกลุ่มที่ชอบที่สุดในเล่ม เริ่มแรกเปิดตัวมามีการบรรยายถึงการฆ่าของคนกลุ่มนี้ทำให้รู้สึกว่าเหี้ยมโหด เลือดเย็น และป่าเถื่อน แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย คนกลุ่มนี้ถูก Bran รวมรวบมาจากที่ต่าง ๆ และก็เป็นคนที่สิ้นหวังกับชีวิตที่ผ่านมา ไม่มีที่ให้กลับไป (ไม่ว่าจะเป็นถูกจับเป็นทาส และครอบครัวถูกฆ่าต่อหน้าอย่าง Gull/ บ้านถูกเผากลายเป็นเถ้าในกองเพลิงและเหลือรอดมาได้ตัวคนเดียวอย่าง Rat ฯลฯ) จนกระทั่ง Bran พามาอยู่ด้วยกัน และให้ความหวัง และเป้าหมายในการมีชีวิตอยู่ต่อ เป็นกลุ่มที่ถูกสังคมทำร้าย และพยายามลืมสิ่งที่เกิดโดยละทิ้งอดีตของตัวเองด้วยการเรียกชื่อตัวเองเป็นสัตว์ประเภทต่าง ๆ และสัก/ ทำเครื่องหมายตัวเองไว้เหมือนสัตว์ชนิดนั้น พอสัมผัสจริง คนกลุ่มนี้เป็นคนที่น่ารัก จริงใจ และซื่อสัตย์อย่างมาก และเป็นกลุ่มที่ถูกทำให้เชื่องจากความกล้าของ Liadan และไร้เดียงสาอย่างไม่น่าเชื่อที่ถูกใจกับนิทานของ Liadan อย่างมหาศาล (ซึ่งต่างจาก Beauty and the band of beasts อย่างที่คิดว่าจะเป็นในหนังสือรักมาก) จนกลายเป็นตายแทนได้ (ตลกที่ Red บ่นให้ Liadan ฟังว่าฟังพวกนี้พูดถึงลูกสาวแล้วนึกว่าเป็น half queen half goddess creature)
จากเล่มเก่าที่เอาใจช่วย Sorcha จนรู้สึกผูกพันกับตัวละครและพี่ชายทั้งหกคนของเธอ พอมาถึงเล่มนี้กลายเป็นว่าเหลือเพียง Finbar พี่ชายที่หายไปในป่าคนเดียวเท่านั้นที่ยังชอบอยู่ ชอบวิธีคิดและความเฉลียวฉลาดของเจ้าตัวมาก ยิ่งเมื่อเขาเข้าใจโลกอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ Liam และ Conar ต่างยึดกับหลักการของตัวเองมากไปจนลืมความเป็นไปได้หลายอย่างไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัว Conar ที่เชื่อในความคิดของตัวเองมากไปจนทำลายชีวิตหลานสาวตัวเอง ในรุ่นนี้เรื่องราวของพี่ชายที่เหลืออยู่มีบทบาทลงไปมาก นอกเหนือจากสองคนที่ตายไปแล้ว ตัว Padriac เองก็มีวิธีชีวิตของตัวเองด้วยการเป็นนักเดินทางและปรากฏตัวในเล่มนี้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น (และเท่าที่รู้ก็เป็นครั้งสุดท้ายด้วย - ซึ่งทั้งนี้กลายเป็นว่าในบรรดาทั้งหกคน Padriac เป็นคนที่ได้รับผลกระทบจากการกลายเป็นหงส์น้อยที่สุด และดังนั้น มีความสุขกับชีวิตหลังจากนั้นได้มากที่สุด) ซึ่งขณะเดียวกันตัวละครที่รู้สึกว่าน่ารักไม่เปลี่ยน ก็คือ Red ที่รับฟังด้วยใจประกอบพร้อมไปกับเหตุผลเสมอมา (แม้ว่าจะลดน้อยลงไปอย่างมาก เมื่อเกี่ยวกับลูกสาวในตอบจบ ขณะเผชิญหน้ากับ Bran และสมาชิกในกลุ่มก็ตามที)
ทั้งนี้เปรียบเทียบกัน ตัว Liadan ได้เปรียบกว่าแม่มาก เพราะฐานครอบครัวที่เข้มแข็งและแข็งแกร่งกว่า และการมีคนคอยสนับสนุนช่วยเหลืออยู่ข้างหลังทำให้เธอทำอะไรตามใจตัวเองได้เยอะ ซึ่งก็เพราะไม่ต้องมีเงื่อนไขที่คอยเหนี่ยวรั้งความเป็นไปได้และความต้องการของตัวเองด้วย ในแง่นี้ตัว Liadan อาจจะเป็น Sorcha ที่ไม่มีเงื่อนไขและความเลวร้ายของชีวิตใด ๆ เข้ามาเป็นอุปสรรคของตัวเองก็ได้ ... ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นในทัศนคติที่เธอมีต่อคนรักของเธอ เมื่อเธอมาจากครอบครัวที่อบอุ่นมากพอจนสามารถที่จะเป็นคนให้ และอย่างยิ่งคนไล่ตามความฝันของทั้งคู่ได้ ขณะที่ Bran เลือกที่จะถอยห่างไป และก็กลัวที่ Liadan จะไม่ยอมรับเขาแม้ในตอนจบเรื่อง
อ่านชุดนี้แล้ว คิดว่าชีวิตสมัยก่อนคงเป็นอย่างที่ Hobbes บอกจริง ๆ ว่า ใน "solitary, poor, nasty, brutish and short" (ถึงจะไม่ใช่ในสภาพธรรมชาติที่ก่อให้เกิดสัญญาประชาคมก็ตามที) เพราะคนสมัยก่อนอายุสั้นมาก อย่าง Sorcha เล่มนี้เธอก็ตายเสียแล้ว ด้วยอายุไม่น่าเกิน 36 ปี ซึ่งถือว่าสั้นมาก และถ้าไม่ตายด้วยความเจ็บป่วยก็คงเป็นแบบ Diarmid กับ Cormack พี่ชายทั้งสองคนที่ตายในสนามรบ (จะพูดไป การกลายเป็นหงส์อาจทำให้ตายช้าลงกว่าที่จะเป็นจริง ๆ ก็ได้)
สำหรับเล่มนี้ เรื่องความรักระหว่างชาวประมงกับนางเงือกที่ Red เคยเล่าให้ Sorcha ฟังก็กลับมาอีกครั้ง ในฉากที่ Sorcha กำลังจะตาย และเธอขอให้เขาเล่านิทานเรื่องนี้ให้ฟังอีกครั้ง ซึ่งเป็นฉากที่เศร้ามากฉากหนึ่ง ด้วยความสงสารความสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้นกับ Red อย่างไรก็ตาม นิทานที่ถูกเล่าในเรื่องมีนัยซ่อนอยู่ทั้งสิ้น อย่างระหว่างที่ Liadan เล่านิทานให้กลุ่มของ Painted Man ฟัง เรื่องเหล่านี้ก็กลับมามีความหมาย และเป็นตัวบ่งบอกอนาคตของเธอเอง ยิ่งเฉพาะเรื่องของหญิงสาวที่ทำทุกอย่างที่จะได้คนรักของเธอกลับคืนมาจากอีกโลกหนึ่ง
จุดหนึ่งที่ต่างไปจากเล่มอื่นอย่างมากก็คือ ตัวละครในเรื่องอื่นเชื่อฟังคำสั่งของโลกอื่นอย่างเคร่งครัด และไม่กล้าทำตามสิ่งที่ขัดไปจากคำสั่งนั้น แต่ Liadan ไม่ใช่เลย เธอเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก จนกล้าและเชื่อที่จะทำตามสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าถูกต้องและสมควร เธอทุ่มเถียงและโต้แย้งกับคนเหล่านั้นหลายต่อหลายครั้ง จนฉากที่พระราชาและพระราชินีของเหล่า Fair Folk ปรากฏตัวทำให้คิดว่าเป็นตัวร้ายไป ทั้งที่ในเล่มที่แล้ว ตัวละครสองตัวนี้เป็นคนช่วยแม่ของ Liadan ด้วยซ้ำไป และเล่มนี้ ก็มี Old Ones ซึ่งเป็น higher being อื่นเข้ามาอีก และก็กลายเป็นว่า Old Ones ซึ่งเก่าแก่กว่า Fair Folk มาก มีเพียง Liadan ที่ได้ยิน (Old Ones benign กว่า??)
ครั้งแรกที่อ่านจบให้แค่ B เพราะไปยึดติดกับรูปแบบในเล่มแรกมาก มากจนเล่มนี้ผิดจากทิศทางที่คาดหวังไว้ว่าจะเป็นอย่างมหาศาล อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นมีเวลามาพลิกดูใหม่ คิดว่าเล่มนี้ก็มีเสน่ห์ของตัวเอง (และกลายเป็นได้รับคำชมที่เปลี่ยนรูปแบบจากเดิมได้) และที่สำคัญคืออ่านสบายกว่าเล่มแรกมาก ไม่รู้สึกว่าเครียดหรือกดดันมากเท่าไหร่ แต่จะชอบมากกว่านี้ ถ้าพูดถึงอนาคตที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นให้ชัดเจนแน่นอน เพราะมีแผนการวางไว้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะจากบริบทสถานการณ์ในเรื่อง การจบแบบให้ต่อยอดเอาเองเช่นนี้ทำให้ผู้อ่านช่างลุ้นอดค้างคาใจไม่ได้เป็นที่ยิ่ง และดังนั้นสำหรับแฟนตาซีให้ B และฐานะเรื่องรักให้ B+/A (ถ้าให้สมาชิกในกลุ่มออกมามากกว่านี้ก็คงได้ A ไป) The book got me beaming - feel like smiling, laughing, grinning!
วิจารณ์ที่ชอบจาก Trine D. Paulsen
ปลีกย่อย
1. สารภาพว่าไม่ชอบคำเรียกว่า Dear heart เลย เห็นมาตั้งแต่เล่มแรกก็ยังพอรับได้ว่าเข้ากับบุคลิกตัวละครดี แต่พอเล่มนี้ Liadan เรียก Bran เช่นนั้นในตอนจบรู้สึกไม่ถูกใจอย่างที่สุด รู้สึกว่ามันแสนจะเชย ถ้ายุคนั้นเรียกว่า My love หรืออะไรแบบนี้ไม่ได้หรือไร อีฉันชอบกว่ากันเยอะ
2. ไม่เข้าใจอย่างมาก ว่าทำไม Dog สมาชิกในกลุ่มถึงได้แยกตัวออกไป ระหว่างปฏิบัติภารกิจและถูกทหารของ Eamonn รุมทำร้ายได้ จากบริบทสถานการณ์ในเรื่องไม่น่าที่จะอยู่ตรงนั้นจนเกิดเรื่องได้ เหมือนมีเพื่อจุดประสงค์สองอย่าง คือ ตัดคนที่อาจเป็นปัญหาเรื่องความรักระหว่าง Liadan และ Bran ออกไป (เมื่อ Dog หลงรัก Liadan จนกล้าขอเธอแต่งงาน) และที่สำคัญ ให้เห็นความกล้าของ Liadan ที่ใช้มีดลงมือฆ่า Dog ด้วยตัวเองเพื่อให้เขาหายทรมาน หลังจากที่รู้ว่าไม่มีทางรอด
3. จริง ๆ ไม่มีความแตกต่างระหว่าง Niamh และ Liadan ที่จะเลือกคนรักของตัวเอง แต่อะไรที่ทำให้สองพี่น้องต่างกันในเรื่อง? เพราะ Liadan ลงมือทำไปแล้ว หาทางออกให้กับการกระทำของตัวเองมากกว่า Niamh ที่ต้องให้คนอื่นหาทางแก้ให้? คิดว่าในจุดนี้เธอแกร่งกว่าพี่สาวมาก เพราะเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเลือก และไม่มีวันเสียใจ .... ซึ่งถึงความรักของเธอจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกับพี่สาว เธอก็หาทางออกให้ตัวเองได้อย่างแน่นอน
4. จบเล่มแรก คิดว่า anti-climax อยู่ที่เมื่อกลายเป็นคนอีกครั้ง พี่ชายทั้งหกรีบกลับมาที่ Sevenwaters เพื่อล้างแค้นแม่เลี้ยง แต่ตัวแม่เลี้ยงกลับหนีออกไปจาก Sevenwaters แล้ว – ซึ่ง anti-climax ทั้งในแง่ที่ทำร้ายทำลายคนอื่นเพื่อให้ได้อำนาจมา แต่ไม่อยู่ครอบครอง และในแง่ที่ตัวร้ายลอยนวลหายไป แต่จากเล่มนี้แสดงให้เห็นว่าการต่อสู้ระหว่างกันยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งจากเรื่องย่อใน wiki เล่มสามจะชัดเจนยิ่งขึ้น
5. พล็อต The Lady and the Outlaw ทำให้คิดถึงสองเรื่อง คือ (1) The Pearls and The Crown Duology ตรงที่นางเอกถูกลักพาตัวไป และรักกับพระเอก (แม้เล่มนี้จะเป็นลูกน้องเป็นคนตัดสินใจลงมือก็ตาม) แต่ต่างกันอย่างมากที่เล่มนี้ก่อร่างความพึงใจ และการชอบพอระหว่างทั้งสองคนขึ้นมาได้อย่างที่คนอ่านเชื่อได้ ต่างจากชุดนั้นอย่างสิ้นเชิง แล้วก็รวมไปถึงการสร้างตัว outlaws ที่รวมพระเอกให้ดูมีมิติขึ้นมาได้ด้วย (2) The Dream Thief ชอบที่ความรู้สึกรักและชอบพอใครสักคนเปลี่ยนแปลงให้เราแตกต่างออกไปจากเดิม และกลายเป็นคนที่ดีขึ้น ... คิดว่าเหมือนผสมสีที่น้ำเงินผสมแดงเป็นม่วง อะไรอย่างนี้ เพราะสิ่งที่เป็นตอนอยู่คนเดียว แตกต่างจากสิ่งที่เป็นได้ขณะอยู่ด้วยกันสองคนมากในทั้งสองเรื่อง
6. จริง ๆ ก็ไม่แน่ใจว่าตระกูล Sevenwaters สองรุ่นหลังเลี้ยงลูกสาวตามใจมากไปหรือเปล่า เพราะถ้าเป็นอย่างบ้านอื่น ไม่มี own will/ free spirit ชีวิตก็อาจจะเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม (ซึ่งอาจไม่สุขเท่าเดิมก็ได้) อย่างที่ Aisling น้องสาวของ Eamonn รักกับ Sean และก็มีชีวิตตามแบบหญิงสาวสูงศักดิ์ที่ควรจะเป็น ไม่ได้ออกนอกลู่นอกทาง ซึ่งแปลว่าทำตามความต้องการของตัวเองแต่อย่างใด
7. แปลกที่กลายเป็นว่า เสีย Red ให้ไอริช และเสีย Liadan ให้ไบรตัน เพราะท้ายเรื่องแล้ว หลังจากที่รู้ว่า Bran เป็นใคร Red เสนอให้เขากลับไปที่ Harrowfield เพื่อช่วย Simon ปกครองที่ดิน – และก็เป็นการผลของการกระทำที่ผ่านมาของ Sorcha และ Red ที่ทั้งคู่ต้องกลับไปเปลี่ยนแปลงด้วย ที่มาของ Son of the Shadows ก็คือตัว Bran เองที่อยู่ในเงามืดจากผลของการกระทำนั้นในแง่หนึ่ง (ซึ่ง Liadan ในฐานะเด็กที่อยู่นอกวงก็ดึงเขากลับมาได้)
8. รอเล่มสามที่สั่งเข้ามา และรอเล่มสี่ที่จะเป็นปกอ่อนเดือน พ.ย. – อย่างไรก็ดี อยากจะกรีดมากว่าปก US ซึ่งเป็นปกที่มี เป็นปกที่ห่วยที่สุด ออกแบบได้ทึมซึมเศร้าเป็นที่สุด ออกแบบปกออกมาแบบนี้จะขายได้ไหม เห็นปกก็สลดแล้วนะคะ เลือกคนออกแบบปกดี ๆ หน่อย!
9. ทำไมหลัง ๆ เขียนรีวิวต้องมีเพลงที่นึกได้ประกอบด้วยคะ? ความรู้สึกของ Liadan ต่อ Bran ชัดมากที่ 3D ของ TLC
I know I've always been down
No matter who else was around
Those crazy things we've been through
Will always make me love you
I'll never let you forget me
You know I'm the best girl you've ever seen
Just when you think you'll never see me
I can bring it to you in 3D
และสำหรับ Bran ต่อ Liadan นึกถึง Love Is A Place I Dream Of ของ Luka Bloom – สำหรับตัวตนของ Bran ความรักและความอ่อนโยนอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีอยู่จริงจนระทั่งเจอ Liadan ก็ได้
Love is a place I dream of
A face that never leaves my mind
Sorrow is over my shoulder
But it's over
Someday I will cross the world for you
No matter how far
Just to be there
Someday I will hold you in my arms
So special you are
Wait and see my love, set you free (ยกเว้นท่อนนี้ที่น่าจะเป็น set ME free มากกว่า!)
Love is a place I dream of
I hear you cry so far away
There is a bridge I'm building
Take me to the one I love someday
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment