Thursday, 30 August 2018

เว่ยซวงอวี่ หนึ่งรัก สองปรารถนา

เปิดฉากมาด้วย “เว่ยซวงอวี่” ฟื้นขึ้นมาหลังจากเกิดอุบัติเหตุแล้วจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลย แต่นางรู้สึกว่าการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้มีเงื่อนงำ และน่าระแวงสงสัยจากปฎิกิริยาของคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิดาตัวเอง และหนึ่งในคนที่พยายามคาดคั้นให้เว่ยซวงอวี่พยายามรื้อฟืนความทรงจำได้ก็คือ “เฮยหลิง” ศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักศึกษาที่นางไปร่ำเรียนและช่วยงานอยู่ จึงทำให้ทั้งสองเริ่มได้ใช้เวลาด้วยกัน และพยายามตามหาความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ แต่เมื่อยิ่งสืบก็ยิ่งรู้ว่าความทรงจำที่หายไปของนางเกี่ยวพันกับอันตรายใหญ่หลวงที่ซ่อนอยู่

ช่วงนี้ที่อ่านจะค่อนข้างลึกลับและซ่อนเงื่อนเป็นอารมณ์ Romantic Suspense ซึ่งสนุกและเร้าใจ

อย่างไรก็ตาม พอช่วงกลางของเรื่องเริ่มเปลี่ยนอารมณ์เพราะเฮยหลิงถูกทำร้ายหายไป และเว่ยซวงอวี่ถูกบังคับให้จำยอมแต่งงานกับ “หยวนเฟิงหลิง” บัณฑิตยากจนที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่เด็กของพี่สาวตัวเอง (หลังพี่สาวเข้าวังไปเป็นชายารององค์ชายเก้า) จะเป็นช่วงที่นางเอกพยายามปรับอารมณ์โศกเศร้าจากการหายไปของเฮยหลิง และยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากความทรงจำที่กลับมาแล้ว ขณะที่พยายามยอมรับตัวตนของหยวนเฟิงหลิงในฐานะสามีตัวเอง เป็นอารมณ์ cheesy forced marriage

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ตรรกะและความสนุกในเรื่องลดลงมาค่อยข้างมาก เพราะแท้จริงแล้ว ทั้งเฮยหลิงและหยวนเฟิงหลิงต่างก็เป็นคนเดียวกัน (ซึ่งคนเขียนก็เปิดเผยจุดนี้ตั้งแต่หน้าแรกๆ ในหนังสือ) เลยไม่เข้าใจว่าเหตุใดถึงต้องวุ่นวายเริ่มสลับตัวเอาตัวตนของหยวนเฟิงหลิงมาแทนที่ และไม่บอกความจริงให้เว่ยซวงอวี่ได้รับรู้ และที่สำคัญ คนเขียนพยายามสร้างบุคลิกหยวนเฟิงหลิงให้แตกต่างจากเฮยหลิงนั่นก็คือ เอาความทื่อทึ่มอย่างตัวตนคนเก็บสมุนไพรบนภูเขาในชนบทมาแทนที่ผู้ชายฉลาดรอบรู้อย่างเฮยหลิง ถึงแม้จะมีช่วงที่บอกว่าหยวนเฟิงหลิงพยายามปกปิดตัวตนของเฮยหลิงไว้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเขียนบุคลิกและวิธีคิดใหม่ที่อ่อนด้อยลงกว่าเดิมเลย จุดที่เห็นได้ชัดคือตอนแต่งงานอยู่ด้วยกันและหยวนเฟิงหลิงไม่สามารถคาดเดาความคิดของเว่ยซวงอวี่ได้ ทั้งที่ตอนเป็นเฮยหลิงทำได้ ซึ่งก็หมายถึงว่าหลังจากถูกทำร้ายแล้ว ตัวตนฉลาดมากความสามารถของเฮยหลิงก็สาบสูญไปจากหนังสือด้วย

จุดสุดท้าย เมื่อเงื่อนงำทั้งหมดถูกคลายออก ก็ทำให้อย่างง่ายดาย จนรู้สึกว่า ถ้าออกมาในรูปแบบนี้ ทำไมต้องทำให้วุ่นวายและสับสนตั้งแต่ต้นทั้งหมด เป็นส่วนที่ anti-climax พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าตัวร้ายก่อปัญหามามากขนาดไหนในเรื่อง

ดังนั้น รู้สึกว่าตอนที่อยู่ในเด็กดี (ประมาณ 1/3 เรื่อง) เป็นช่วงที่สนุกอย่างที่บอกและเดินเรื่องค่อนข้างสมเหตุสมผล ทว่าส่วนใน Meb เป็นส่วนที่อารมณ์และตรรกะค่อนข้างด้อยกว่าช่วงแรกมาก ถึงขั้นที่เกือบจะหยุดอ่านแล้วถ้าไม่คิดว่าจะพยายามเก็บเรื่องให้จบ ให้ C+ ไป รำคาญการส่งกลุ่มคนชุดดำมาลอบสังหารนางเอกมาก (มีอยู่ลูปเดียวแต่มาเนืองๆ) และเสียดายศักยภาพเรื่องที่น่าจะเป็นไปได้ดีกว่านี้มาก

ทั้งนี้ ขอตำหนิการสะกดคำผิดใน Meb ที่เจอเป็นระยะๆ ด้วยเหมือนกัน และมีสำนวนหลายอย่างที่หลุดไทยออกมา เช่น ตอนที่พระเอกเอ่ยขอไม้เรียวมาตีตัวละครอื่นในเรื่อง หรือตัวร้ายตำหนิลูกน้องว่าเลี้ยงเสียข้าวสุก (เหมือนละครไทยยุคเจ้าพ่อมากกว่าชอบกล)

No comments:

Post a Comment