Monday 20 August 2018

อาจารย์หญิง โดย เทียนหรูอวี้/ ถังเจวี้ยน

“โพธิสัตว์กับมารร้าย ... เหรอ?”

////เวอร์ชั่นรีวิวยาว////

เห็นเรื่องนี้จากบททดลองอ่านของแจ่มใสในเด็กดี ไปลองอ่านเล่นๆ แต่ว่าสองบทก็ติดหนึบได้ ถึงขนาดลงแดงให้ออกเสียที แล้วก็บ้าไปอ่าน MTL จนจบเล่มหนึ่งไปก่อนวิ่งไปซื้อจริง ลงทุนไหมล่ะ

ถ้าไม่คิดอะไรมาก สองคนนี้ก็เหมือนจะมีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม ไป๋ถานเป็นลูกสาวขุนนางใหญ่ แต่ขัดแย้งกับพ่อก็เลยออกมาอยู่คนเดียวด้วยการสอนหนังสือบุตรหลานขุนนาง ดูมีอิสระเสรีแตกต่างจากบุตรสาวขุนนางอื่น ยากจนแต่ก็มีเกียรติ แต่ทว่ากรอบที่ตัวเองสร้างไว้ในฐานะอาจารย์ก็ทำให้เกิดหัวโขนใหม่ที่ต้องแบกรับด้วยตัวเองตามลำพัง ส่วนหลิงตูอ๋อง หรือซือหม่าจิ้น เป็นอ๋องที่ฮ่องเต้หนุนหลังจนทำตามใจตัวเองได้เต็มที่ และก็มีอำนาจทหารมากล้นในมือ แต่ถ้าดูเบื้องหลัง ซือหม่าจิ้นเป็นพระโอรสฮ่องเต้องค์ก่อนก็จริง แต่เมื่อเกิดกบฎ พระบิดามารดาถูกฆ่าตาย หลังจากการปราบกบฎเสร็จสิ้นกลับเหลือแค่ยศ จนต้องไปเป็นทหาร และใช้การฆ่าคนเป็นการระบายออก

แท้จริงแล้ว สองคนควรต่างคนต่างอยู่ จนกระทั่งไป๋ถานจับพลัดจับพลูไปอยู่ในฐานะอาจารย์ของซือหม่าจิ้น และฝ่ายหลังก็ดูคล้ายจะทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนสถานะระหว่างกัน  โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองมีอดีตร่วมกันมาก็ทำให้ความผูกพันลึกซึ้งขึ้น

เรื่องเปิดมาด้วยโทนเบาสมองที่มีไป๋ถานกับซือหม่าจิ้นพยายามกำหนดกรอบความสัมพันธ์ระหว่างกันและพยายามเอาชนะกันและกันเป็นระยะๆ โดยที่คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็น ไป๋ต้ง น้องชายของไป๋ถาน ซีชิง เพื่อนสมัยเด็กของไป๋ถานและหมอประจำตัวซือหม่าจิ้น ฉีเฟิงกับกู้เฉิง คนสนิทและรองแม่ทัพของและซือหม่าจิ้น มาช่วยสร้างความอลหม่านวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม สองเล่มต่อมาโทนเรื่องเริ่มหนักขึ้นมา ในเล่มสองอำนาจทหารที่มากเกินไปในมือกับนิสัยรุนแรงของซือหม่าจิ้นก็ทำให้คนพยายามจ้องจะโค่นล้มอำนาจของหลิงตูอ๋องถึงขนาดถูกจับขังคุก และเรียกยศคืน และเล่มสามก็เปิดประเด็นกลับไปที่เบื้องหลังการกบฎในครั้งก่อน

ความดีงามของเรื่อง หลักๆ อยู่ที่สองปัจจัยคือ ตัวละคร ซึ่งปกติแล้ว ชอบนางเอกที่เก่งและฉลาด ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ออกมาตั้งแต่ตอนต้นก็รู้สึกว่านางเก่ง ตอนที่หนังสือจบสามเล่มก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ไป๋ถานเอาตัวรอด และพึ่งพาตัวเองได้ และยิ่งเมื่อผูกพันกับซือหม่าจิ้นไม่ว่าจะด้วยฐานะอาจารย์หรือคนรักในภายหลังก็ปกป้องและดูแลซือหม่าจิ้นด้วย คิดเผื่อและกล้าที่จะออกมาเข้าข้าง แม้ว่าจะต้องขัดกับคนทั้งโลก โดยที่เข้าใจว่าซือหม่าจิ้นเป็นอย่างไร และรักอีกฝ่ายในแบบที่ซือหม่าจิ้นเป็น (อย่างเช่นมีฉากที่ซือหม่าจิ้นฆ่าฝ่ายกบฎไปหลังจากประกาศว่าจะเลิกฆ่าคน และทุกคนก็มองว่าหลิงตูอ๋องเหี้ยมโหด แต่ทางไป๋ถานกลับรู้ว่าต้องมีเหตุเบื้องหลังเป็นสาเหตุมากกว่าเป็นตัวที่ซือหม่าจิ้นเอง)

ส่วนในฐานะพระเอก ส่วนหลิงตูอ๋องไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อประกอบกับความเจ้าอารมณ์และรุนแรง แต่เมื่อมาอยู่ด้วยกัน ซือหม่าจิ้นอ่อนข้อให้ไป๋ถานมาก และให้เกียรติรักษาชื่อเสียงให้อีกฝ่ายจริงจัง ถึงขั้นดูแลลูกศิษย์ของไป๋ถานอย่างโจวจื่อให้ด้วยซ้ำ เมื่อสองคนมาอยู่ด้วยกัน และรักที่ตัวตนที่เป็นจริงๆ ก็เลยกลายเป็นคู่ที่ส่งเสริมกันและกัน รู้ใจเข้าใจกันและเป็นจุดเด่นให้กลบจุดด้อยอีกฝ่าย มีหลายฉากที่ไป๋ถานใช้การประลองปัญญาหรือแม้กระทั่งลับฝีปากกับขุนนางโฉดหรือแม้แต่ฝ่ายกบฎ เพื่อถ่วงเวลาให้ซือหม่าจิ้นยกกำลังทหารมา ถึงขั้นที่ไป๋หยั่งถัง บิดาไป๋ถานยังคิดว่าสองคนประสานงานเข้าขากันได้อย่างน่าประหลาดใจ (ถ้าจับคู่นี้อยู่ด้วยกัน ฝ่ายศัตรูก็คงเรียกคู่นี้ว่า คู่นรก ได้อย่างเดียว)

ในนิยายก็สร้างปมไป๋ถานในใจซือหม่าจิ้นมาให้คนอ่านเห็นตั้งแต่ต้นนะ ซึ่งในอดีตตอนที่หนีกบฎอยู่ ซือหม่าจิ้นไม่มีใครรอบตัว และก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เพราะกลัวว่าจะถูกลูกหลงและถูกฆ่าตายไปด้วย แต่ไป๋ถานกลับไม่สนใจและคิดว่าเป็นหน้าที่ที่ตัวเองในฐานะตัวแทนของตระกูลที่จะต้องคอยดูแลซือหม่าจิ้น จนเมื่อทั้งคู่แยกจากกันไป และแม้ไป๋ถานจำเรื่องนี้ไม่ได้ แต่ไป๋ถานก็กลายเป็นแสงสว่างในใจซือหม่าจิ้นมาตลอด มีอะไรก็นึกถึง อย่างที่เจ้าตัวก็ยอมรับออกมาว่าไป๋ฉานคือยาที่ดีที่สุดของตัวเอง ยิ่งเมื่อต้องกลายมาเป็นอาจารย์ การได้ใกล้ชิดผูกพันก็เลยอยากจะเปลี่ยนสถานะให้มากกว่าแค่อาจารย์

ซึ่งในช่วงเล่มแรกก็อย่างที่ มากกว่ารัก โปรยไว้ คือส่งสายตาวิบวับให้เป็นระยะ นอกจากนี้ ยังมีถึงเนื้อถึงตัว แล้วก็พูดจาเป็นนัยลึกซึ้งอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ซึ่งพอไป๋ถานคาดคั้นก็จะทำไม่รู้เรื่อง หน้านิ่งไปทุกครั้ง เป็นการจีบแบบซึนโฉบไปโฉบมาทุกระยะทีละเล็กละน้อย และถ้าคิดว่าพฤติกรรมจีบโฉบยังไม่พอ ก็ขอให้มาดูนิสัยอ๋องที่หล่อเหลา ภูมิฐาน เปี่ยมไปด้วยสง่าราศี (คำไป๋ถาน) แต่ภายในเป็นเด็กผ้าห่มขาด ขาดความรัก และขี้อิจฉาประกอบเพิ่ม

ซือหม่าจิ้นกล่าว “ช้ามีท่านเป็นอาจารย์เพียงคนเดียว ทว่าท่านกลับมีศิษย์อยู่ที่ภูเขาตงซานมากมาย ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”

ไป๋ถานเอ่ยอย่างรู้สึกขบขัน “ท่านอ๋องคาดหวังให้อาจารย์สอนท่านเพียงคนเดียวหรือไร”

“ข้าหวังให้เป็นเช่นนั้นจริง” สายตาของซือหม่าจิ้นพลันสว่างเจิดจ้า
(หน้า 167)

... ซึ่งสำหรับไป๋ถานแล้ว แม้ชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นหน้าตาที่สำคัญที่สุด แต่ชอบปมหนังสือที่พอเจ้าตัวบอกว่าถูกลากลงน้ำจนชื่อเสียงเสียหายหมดแล้ว จารีตข้อห้ามระหว่างศิษย์อาจารย์ตัวนี้ก็ไม่สำคัญ และให้ได้ทำอย่างที่ใจอยากไป ตอนที่เจ้าตัวหนีไปกับซือหม่าจิ้นหลังอีกฝ่ายถูกถอดยศ ซึ่งก็กลายเป็นว่าเป็นการพิสูจน์ใจไป๋ถานสำหรับซือหม่าจิ้นไปด้วย เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่ตกอับที่สุดสำหรับเจ้าตัวก็จริง แต่ทางซือหม่าจิ้นก็มีทางออกแก้สถานการณ์ที่ไป๋ถานไม่รู้ไว้อยู่

หรือตอนความรู้สึกชัดเจนกับซือหม่าจิ้นแล้วก็แน่วแน่ อย่างตอนที่ทูลตอบฮ่องเต้ไป เมื่อเรื่องที่ซือหม่าจิ้นคิดตบแต่งตัวเองถูกครหาเพราะผิดจารีต

“ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่ใช่คนไร้หัวจิตหัวใจ หลิงตู๋อ๋องรักมั่นต่อหม่อมฉันลึกซึ้ง หม่อมฉันไม่มีวันทอดทิ้งหรือไม่ไยดีเขาเพียงเพราะคำครหาไม่กี่ประโยคหรอกเพคะ หากเขายืนกรานจะเดินต่อ หม่อมฉันก็จะร่วมทางกับเขาจนถึงที่สุดเพคะ”

ฉากที่เห็นถึงความเชื่อมั่นมากๆ ก็คือฉากที่ซือหม่าจิ้นถูกเปิดโปงเรื่องอาการป่วยต่อหน้าคนทั้งกองทัพ แล้วพยายามยืนหยัดขึ้นมาสู้กับฝ่ายตรงข้าม

“ไป๋ถานล่วงรู้ถึงความคิดของเขา นางกุมฝ่ามือใหญ่ที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อก่อนจะค่อยๆ คลายมือออก เดินไปด้านข้างจูงม้าของเขามา

ไป๋ถานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนวางเชือกบังเหียนลงในมือของซือหม่าจิ้น “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโรคนี้จะทรมานท่านไปชั่วชีวิต”

ปัจจัยอีกอย่างที่ชอบมากก็คือ ตลกร้ายในเรื่อง อารมณ์กัดจิกเสียดสีเรียบเอื่อยมาเป็นระยะๆ ซึ่งอารมณ์ขันแบบนี้และระดับนี้เป็นสิ่งที่ชอบมาก และเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่ มีตั้งแต่ไป๋ถานคิดกับตัวเอง เสียดสีทั้งตัวเองและคนอื่น หรือแม้แค่ความคิดของคนรอบตัว ดังเช่นตอนนี้

“อู๋โก้ว [ลูกศิษย์และเด็กรับใช้ของไป๋ถาน] ที่อยู่ด้านข้างตั้งใจตรึกตรองหลักใหญ่ใจความบทสนทนาของทั้งคู่อยู่ชั่วครู่ เนื่องจากคนฟังไม่เข้าใจ สุดท้ายจึงตีความไปว่าเป็นวาจาที่ไร้แก่นสาร”

ซึ่งตลกร้ายอันนี้ก็เป็นสิ่งที่เดินเรื่องให้สถานการณ์ที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ยังอยู่ในบรรยากาศที่ไม่เครียดขรึมจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อตัวละครหลักตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชอบมาก มากขนาดที่คิดว่าไม่ได้เจอองค์ประกอบที่ถูกใจขนาดนี้นิยายไม่ว่าจะเป็นฝั่งตะวันตก หรือตะวันออกแบบนี้มานานแล้วนะ คือได้ A+ ไปไม่ต้องคิดให้มากความ สมบูรณ์แบบในตัวเอง ชอบนางเอก practical (ไม่รู้จะเรียกคำนี้ว่าอะไร ที่เรียกรวมว่าฉลาด เข้าใจสถานการณ์รอบตัว รู้อยู่ และเข้าใจคนอื่นได้)  สุดท้ายแล้ว พระโพธิสัตว์ (ฉีเฟิงกู้เฉิงเรียกไป๋ถาน) กับมารร้าย (ไป๋ต้งเรียกหลิงตูอ๋อง .. หรือบางทีกู้เฉิงก็เผลอเรียกนายตัวเองในใจไปด้วย) ดูเหมือนจะเป็นคำเรียกที่อคติไปตามฝั่งหนุนหลัง แต่การเป็นพระโพธิสัตว์ก็เพราะว่าแม้ว่าที่แม้จะหัวก้าวหน้าไม่ทำตามประเพณีก็ต้องอยู่ในกรอบประเพณีเพื่อให้ได้รับความเคารพจากผู้คนในฐานะอาจารย์ (ซึ่งสำคัญมากเพราะทำให้เกิดอาชีพและรายได้) หรือมารร้ายก็มีสาเหตุที่ถูกทำให้กลายเป็นมารด้วยเหมือนกัน สองคนมาอยู่ด้วยกันก็กลายเป็นว่าชีวิตเราไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราทำให้ดีขึ้นและสมบูรณ์แบบสำหรับเราได้ โดยเฉพาะเมื่อมีอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม

ส่วนตัวชื่อเรื่อง ค่อนข้างเรียบเอื่อย แต่นั่นคือ การรู้จักกันในสถานะอาจารย์กับศิษย์นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคน ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน และก็เป็นหัวใจของเรื่องเช่นกัน

ปมที่หนังสือเขียนไว้ดี คือเบื้องหลังเหตุก่อกบฎ และการแก้เกมการเมืองในตอนท้าย โดยเฉพาะเมื่อดูจากชื่อหนังสือก็ไม่คิดว่าจะไปถึงการชิงบัลลังก์คืนด้วย ซึ่งประเด็นนี้ก็มีซ่อนเงื่อนพอสมควร เพราะเปิดประเด็นมาให้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หรือซือหม่าเสวียน ปฎิบัติต่อซือหม่าจิ้นดีมาก ดีถึงขนาดที่เหล่าขุนนางยังมองว่าถือข้างอย่างลำเอียงและออกหน้าออกตา แต่จริงๆ กลายเป็นว่า ตัวฮ่องเต้นั่นเองที่เป็นคนจุดชนวนการกบฎขึ้นมาเพราะอยากได้บัลลังก์ไว้เอง และก็ปลอมพระราชโองการแต่งตั้งเพื่อให้ตัวเองมีสิทธิครองบัลลังก์ด้วย (ซึ่งก็เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล ตั้งแต่มอบหมายงานสร้างเขื่อนให้ซือหม่าจิ้นทำ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายเป็นแม่ทัพ ไม่ใช่เสนาบดีงานโยธา) และที่สำคัญก็คือ โรคประจำตัวหรือความโมโหร้ายของซือหม่าจิ้นก็มีสาเหตุมาจากซือหม่าเสวียนทั้งสิ้น

เล่มสามเน้นไปที่การประลองไหวพริบและสู้กันของซือหม่าจิ้นและซือหม่าเสวียน โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหลังออกโรงมาเพื่อจะโค่นซือหม่าจิ้นให้ได้โดยอ้างเรื่องการก่อกบฎขึ้นมา และฝ่ายซือหม่าจิ้นก็ต้องพลิกสถานการณ์กลับให้ทางเมืองหลวงต้องพึ่งพากองทัพของฝ่ายซือหม่าจิ้นด้วย ซึ่งช่วงพลิกเกมกลับระหว่างสู้กันก็มีให้ลุ้นตลอด เพราะต่างฝ่ายต่างแก้เกมกันไปเรื่อยๆ และหลังจากนั้น ช่วงซือหม่าจิ้นปะทะกับเหล่าขุนนางก็สนุก เพราะทางออกเรื่องปัญหาครองราชย์ที่ซือหม่าจิ้นเลือกใช้เป็นการตบหน้าฝ่ายโน้นและทำให้ไม่สามารถแย้งหรือทำให้ขุนนางจากตระกูลใหญ่มีอำนาจเหนือฮ่องเต้าอย่างที่เคยเป็นมาได้เลย – จุดนี้ทำให้เห็นว่าซือหม่าจิ้นฉลาดหลักแหลม และใจเย็นรอเวลาได้ เลยกลับมาสงสัยว่า ตัวตนเลือดร้อนผลุนผลันที่แสดงออกมาตลอด มีส่วนที่แสร้งทำเพื่อให้ฝ่ายศัตรูทั้งหลายนอนใจด้วยหรือไม่

ประเด็นหนึ่งที่สงสัยคือ ซือหม่าเสวียนในสมัยก่อนเป็นอวี้จางอ๋องเคยชอบพออยู่กับไป๋ฉาน แต่เพราะฮ่องเต้องค์ก่อนกำหนดตัวให้คนที่เข้าวังเป็นไป๋ฮ่วนเหมยลูกพี่ลูกน้องของไป๋ฉานแทน ดังนั้น ซือหม่าเสวียนจึงเลือกที่จะทิ้งไป๋ฉานไว้ข้างนอกเพื่อบัลลังก์ แต่ถ้าไม่เกิดโลภในบัลลังก์แล้ว ถ้าเป็นอ๋องตามเดิมต่อไป สองคนก็คงได้อยู่ด้วยกัน ซึ่งพอไป๋ฉานมาเป็นอาจารย์ให้ซือหม่าจิ้นก็เหมือนว่าทำให้กลับไปเกี่ยวข้องกับซือหม่าเสวียนอีกครั้งหนึ่ง และฝ่ายหลังก็แสดงให้เห็นว่ายังคิดถึงความหลังอยู่เสมอ (โดยเฉพาะฉากที่เห็นไป๋ฉานอารมณ์ดีหลังแต่งกลอนเสร็จแล้วตัวเองยืนดูไปยิ้มไปอยู่ข้างนอก) ... ทั้งที่เป็นตัวร้าย และเมื่ออ่านเรื่องราวของซือหม่าจิ้นที่ถูกกระทำมาตลอดก็รอคอบให้อ่านถึงตอนซือหม่าเสวียนถูกเปิดโปง และถูกลงโทษไวๆ แต่กลายเป็นว่าฉากที่ซือหม่าเสวียนแพ้ซือหม่าจิ้นและถูกจับตัวไปนั้น ไม่ได้สะใจเลย มีแต่ความเศร้าใจกับสงสารแทน

ซึ่งนั่นแหละ ถ้าไม่เกิดกบฎ ซือหม่าจิ้นก็คงไม่ได้เจอไป๋ฉาน เจ้าตัวคงมีบุคลิกเรียบร้อยนิ่งเย็นไม่โมโหร้ายมีปมเหมือนในปัจจุบัน และก็คงรับไป๋ฮ่วนเหมยเข้าวังไป

ปล. จริงๆ ตอนพิเศษเรื่องของไป๋ต้งค่อนข้างคาดเดาได้อยู่นะ อยากอ่านเกี่ยวกับซีชิงมากกว่า รู้สึกว่าคนนี้ดูเริงร่าบ้าบอก็จริง แต่ดูมีปมที่ซ่อนไว้ความตลกไร้สาระเยอะ อยากให้ตัวประกอบที่มีความสำคัญกับเรื่องนี่มีความสุข อย่าง หวังฮ่วนจือ ก็เหมือนกัน ลูกชายคนโตของอัครเสนาบดีกลับมาทำงานให้กับซือหม่าจิ้นทั้งที่ๆ ผู้เป็นพ่ออยู่ฝ่ายตรงข้ามกับซือหม่าจิ้นแท้ๆ คนนี้ก็มาแนวเดียวกัน คือดูไร้สาระ เสเพล ไม่เป็นแก่นสาร แต่จริงๆ ทำงานอยู่เบื้องหลัง

อืม สรุปความรู้สึกของซือหม่าจิ้นที่มีกับไป๋ฉาน คือ Addicted to You ของ Picture This นะ ผูกพัน ลุ่มหลง ยึดติด ตร๊งตรงงง....

Well I don't really know what you want
But I hope it's me
Am I right, or am I wrong?
And you don't really know what I'm like
But you hope I'm nice

And I'm so in love with you
Do anything you tell me to
You got me in the palm or your hand
I'm borderline obsessed with you
I wanna see your every move
I hope that you understand
I'm addicted to you
And only you
And I am surviving on you
And only you
And I'll come running every night
I'll take you to another life
Where only you and I can ever go
And we swear it's never cold outside
And nobody can ever find us
I don't really mind once you know

ส่วนของไป๋ถาน คิดถึงเพลง I’m Yours ของ Jason Mraz ที่สุด ถึงแม้เพลงนี้จะดูโหลไป แต่ดูเป็นความรู้สึกตอนที่ถูกวนเวียนจีบทำคะแนนของท่านอ๋อง // กับตอนที่คิดว่าจะยอมทำตามใจมาก
Well you done done me and you bet I felt it
I tried to be chill but you're so hot I melted
I fell right through the cracks
And now I'm trying to get back
Before the cool done run out
I'll be giving it my best-est
And nothing's going to stop me but divine intervention
I reckon it's again my turn,
To win some or learn some
But I won't hesitate no more, no more
It cannot wait, I'm yours

There's no need to complicate
Our time is short
This is our fate, I'm yours

2 comments:

  1. พึ่งอ่านเรื่องนี้เหมือนกันคะ เขียนรีวิวได้ตรงใจมากๆๆ เห็นด้วยทุกประการเลยอีกอย่างเพิ่มเติมคือช่วงบรรยายความรู้สึกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นธรรมชาติและสมจริงมากๆ และตอนที่นางเอกเอ่ยปากชวน หนีตามกันเถอะ ตอนนั้นเป็นจุดพีคจริงๆ เรายังถึงกับอึ้ง และชอบความหัวขบถนี้ของนางมากๆ ดูเป็นนางเอกที่มีสเน่ห์จริงๆ แล้วเราสังเกตุคือ ทั้งสองคนไม่เคยพูดคำว่ารักออกมาจากปากเลย นี้เป็นจุดนึงที่สมจริงในเเง่นิยายจีนโบราณมาก คือสังเกตุได้จากปู่ย่าสมัยก่อน เขาไม่บอกรักกันนะ เเต่เขาเชื่อมั่นในตัวกันเเละกัน รักกันผ่านการกระทำมากกว่า เห็นได้ชัดเลยว่าคนเขียนใส่ใจทุกองค์ประกอบจริงๆ ชอบมุกตลกที่ทำให้บรรยากาศไม่กดดันไปนัก อ่านได้เรื่อยๆ ไม่เครียดไป ให้เต็ม 5 ดาวเหมือนกัน เลย

    ReplyDelete
    Replies
    1. มาอ่านคอมเมนต์แบบดีใจค่า แบบ อุ้ยยย นอกเหนือจากมีคนหลงมาอ่านแล้ว ยังมีความรู้สึกตรงกันอีกต่างหาก ไม่ค่อยเจอตัวละครผู้หญิงที่ดูเก่ง+ฉลาดจริงแบบนี้มานานล้ว หลายครั้งอ่านเล่มที่เขียนว่าเก่งและคิดนอกกรอบก็จะเป็นในทางเล่นวุ่นวายมากกว่าจะเป็นงานเป็นการนะคะ แค่ไป๋ถานออกมาอยู่เองจริงๆ ก็เป็นขบถแล้ว ยิ่งมีแนวหนีตามกันไปอีก ชอบตอนนี้มากๆ เหมือนกันค่ะ // เห็นด้วยที่บอกว่าสมัยก่อนไม่บอกรักกันนะคะ แต่ว่าแน่วแน่ไม่ผันแปรยิ่งกว่าสมัยนี้ที่บอกรักกันดาดื่นอีกค่ะ

      เสียดายอย่างที่ไม่เขียนเรื่องของซีชิงภาคพิเศษนะคะ อยากรู้ความเป็นไปคนนี้ต่อมากๆ เลย

      Delete