เรื่องนี้โทนแรกๆ จะขำกึ่งเสียดสีล้อเลียนหน่อย เพราะนางเอกเราอินกับนิยายที่อ่านจนทะลุมาเป็น "ไป๋เซียงซิ่ว" ตัวนางร้ายอยู่ในนิยายเองเลย และเพราะร้ายมากขี้อิจฉามาก ก็เลยถูก "หลงเฉิง หรือ ลี่อ๋อง" พระเอกโบยจนตาย ฉะนั้น เมื่อรู้เรื่องแบบนี้ สิ่งแรกที่นางจะทำก็คือ ทำตัวสงบเสงี่ยมเรียบร้อย พร้อมกับผูกใจแม่ของพระเอกไว้ด้วย เพื่อเป็นหลักประกันว่าชีวิตนี้จะไม่ตายก่อนกลับไปโลกจริงได้
ความขำเริ่มต้นที่ตัวเอกของเรา กลัวพระเอกมาก และพยายามมมมอย่างรุนแรงที่จะอ่อยยเพื่อนพระเอกที่คุณเธอมองว่าดีงามและตามสเป็คมาตั้งแต่อ่านหนังสือ แต่ก็ตามธีมผิดพล็อตพังพล็อต เพราะกลายเป็นว่าแทนที่จะเรียกร้องความสนใจคุณเพื่อนของคุณพระเอก คุณเธอก็ตกปลาใหญ่ที่เรียกว่าพระเอกได้ สิ่งขำขันคือ ความมโนของพระเอก เพราะว่าตัวเอกเลี่ยงหนีกลัวตายยังไง ตามฟิลเตอร์ของพี่แกก็มองว่าตัวเอกเราเรียบร้อยรู้สถานะตัวเอง พยายามทำตัวลีบเล็กเจียมเนื้อเจียมตัวเพราะกลัวตาย พระเอกและแม่พระเอกก็มองว่านางดีงามสวยนอกงามใน โถ.. ยิ่งประกอบกับความรู้สารพัดสารเพที่ติดตัวมาตั้งแต่โลกเดิม ก็ยิ่งดูสวยและฉลาดไปพร้อมกับอีก ดูเป็นแพ็คเกจพร้อมในตัว
ส่วนนางเอกน่ะเหรอ? สายมึนอย่างเดียว สถานะหลักคือหนีตาย ฉะนั้น ใครทำอะไรก็ไม่สนใจ สิ่งเดียวที่พร้อมยอมทำก็คือทำตัวมีประโยชน์เข้าไว้ พอมีคนเห็นประโยชน์ก็จะได้ฆ่าคุณเธอง่ายๆ ไม่ได้ แถมยังออกตัวเชียร์คุณนางเอกสุดใจอีก เพื่อให้พ้นพล็อตเดิม และเพื่อให้พระเอกนางเอกครองรักกันไกลๆ ตัวเองจะได้ปลอดภัย แต่กลายเป็นสิ่งที่ได้คือพระเอกปลื้มใจที่ตัวเอกเรามองในแง่ดี ประทับใจไปอีก และดังนั้น รู้ตัวอีกทีพระเอกก็อินทูน้องหนูเราไปแล้ว ส่วนคุณเธอเอง พระเอกมาจีบใหม่ๆ ยังไม่รู้เรื่องเลย เอาแต่กรีดร้องว่ามายุ่งกับฉันทำไมตลอดเวลา กว่าจะรู้ตัว เข้าใจความรู้สึกตัวเองก็นานโขข
ดังนั้น การพยายามเลี่ยงพล็อต 1. เอาพระเอกไปไกลๆ 2. ให้เขาได้รักกัน และ 3. ส่วนฉันจะหนีไปกับเพื่อนพระเอก ก็ไม่มีอะไรรุ่งสักอย่างเดียว กลายเป็น 1. พระเอกมาติดพัน 2. และเขาก็ไม่รักกัน เพราะพระเอกรักคุณเธอ และนางเอกก็ไปอยู่กับพระรองทั้งหลายแทน ส่วน 3. เพื่อนพระเอกมาหลงรักตัวเอกตอนหลังก็จริง แต่ก็ช้าไป ตัวเอกจริงจังไปกับพระเอกแล้วว
ช่วงแรกๆ รู้สึกว่ามีเอกลักษณ์นะ จุดเด่นคือขำขันกึ่งเสียดสี และความพล็อตเพี้ยน แต่พอมาถึง บทที่ 164 เริ่มจะดราม่า เพราะอีพระเอกรักตัวเอกก็จริง แต่ด้วยสังคมก็ตัดสัมพันธ์กับนางเอกที่เป็นคู่หมั้นไม่ได้ ก็เลยจะจัดงานแต่งงานกับนางเอกเพราะรู้ว่าพระรองฝั่งโน้นทนไม่ได้ออกมาพังงานแน่ แต่ที่เลวคือ ไม่ได้บอกตัวเอกด้วย ปล่อยให้คุณเธอสลดเศร้าจิตหลุดอยู่ตั้งแต่รู้เรื่อง แล้วก็มาพาลโกรธตัวเอกที่ไม่พอใจอีก ก็คุณมึงรู้เรื่องอยู่คนเดียว พูดเองเออเองแบบนี้ ใครจะไปรู้เรื่องด้วยล่ะ? ถึงขนาดงานแต่ง (บทที่ 182) ยังเชิญนางเอกไปนั่งดูงานเลย ไม่รู้จะด่ายังไง ฉากบรรยายความดราม่าที่นางเอกนั่งดูก็มาเป็นชุดอีก อีกนิดคงหัวใจสบายตายไปแล้ว
ช่วงอารมณ์ตรงนี้คิดไปถึง "เต้าหู้ไซซี" นะ เป็นอารมณ์ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่กับอนุต่ำต้อย ซึ่งเรื่องโน้น ถึงคนจะบอกไม่ชอบ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่สะท้อนความเป็นจริงแบบไม่ดราม่านะ ท่านอ๋องได้กับหญิงสาวชาวบ้าน เอาเค้ามาเป็นเป็นอนุ แล้วเลี้ยงดูนี่ก็ถือว่าใจดีแล้ว แต่เรื่องนี้สิ มันมาตลก แต่ทำไมต้องไปออกโทนดราม่า ยิ่งอ่านยิ่งหงุดหงิด ยิ่งไปกว่านั้น หลังงานแต่งงานพังได้แล้ว ตัวเอกเราก็ท้องจริงอีก ยิ่งประกอบกับเรื่องก่อนแต่งงาน และความสับสนว่าจะอยู่หรือไปจากนิยาย ก็ยิ่งทำให้คุณเธอซึมเศร้า ... ซึ่งถึงตอนนี้ก็คงจะหยุดอ่านก่อน ยิ่งดูตอนใน Volare ต่อ เหมือนจะมีปัญหากระหน่ำซ้ำเติมเข้ามาอีก ทำไมคะ โทนล้าลามันหายไปไหนแล้ว? ดิฉันก็จะขอลา
ปล. ความขัดใจอีกอย่าง พระรองที่โผล่มารักตัวเอกและความดีงามของคุณเธอแต่ละคนช่างดี๊ดี และยิ่งพอดีแบบนี้ ยิ่งอยากจะสาบส่งอีพระเอกเข้าไปใหญ่ มีพระรองก็ได้ แต่เวลาดีกว่าพระเอกนี่มันช่างน่าขัดใจ เฮ้อออ ......
หนีไปเรื่องอื่นแล้วค่า
No comments:
Post a Comment