Saturday, 26 October 2019

สามีของอาลักษณ์หลวง โดย Rain-at-Rose

- สปอยล์แหลกเอาแต่ใจจ -


เมื่อ “มุจลินทร์” บุตรชายสุดที่รักคนสุดท้องของท่านราชครูเริ่มเกินวัยจะออกเรือน ผู้เป็นพ่อก็ร้อนใจทนไม่ไหวจนต้องใช้เล่ห์และอำนาจเงินตราซื้อตัว “วสภะ” นายกองหนุ่มอนาคตไกลมาเป็นสามีให้ลูกชาย — สูตรสำเร็จคลุมถุงชนเหมือนจะเป็นไปด้วยดี หากด้วยการไม่ยอมใครของทั้งคู่ก็ทำให้การแต่งงานที่ควรจะราบรื่นปรองดองเต็มไปด้วยการทำร้ายทำลายกัน! 


ถ้าจะสรุปสั้นๆ ก็ได้แบบนี้ ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าหอ ตัวมุจลินทร์แค่อยากให้วสภะผู้เป็นสามีอยู่ในห้องหอด้วยกันจนเช้าเพื่อที่จะลบคำครหาจากคนนอก หากแต่ก็เพราะความถูกตามใจเสียคน ทำให้วาจาที่เอ่ยกับวสภะเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยามที่จบลงด้วยการที่วสภะโกรธาจนลงเอยด้วยการขืนใจมุจลินทร์

เจ็บทั้งร่างกายทั้งจิตใจเช่นนี้ ก็ไม่แปลกใจเลยที่มุจลินทร์ผู้เป็นดวงใจของคนทั้งบ้านจะไม่พอใจ และแทนที่จะอ่อนข้อลง เจ้าตัวก็กลับโต้ตอบด้วยการเกรี้ยดกราดกับผู้เป็นสามี สลับกับการหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนสนิท ที่ทำให้ดูเหมือนเจ้าตัวกำลังคบชู้ขึ้นมา ซึ่งเมื่อเป็นถึงขนาดนี้ วสภะที่ทั้งเสียหน้าและอับอาย ก็เริ่มที่จะกักขังภริยาของตนไว้ในบ้าน เพื่อให้มุจลินทร์ไม่ต้องออกไปเจอใครจนสร้างความเสื่อมเสียกับวสภะได้อีก

การกักขังในนิยามทหารแบบวสภะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยแน่ และมุจลินทร์ก็ถูกกักตัวเสมือนนักโทษที่ไม่สามารถพบเจอผู้ใด หรือแม้แต่ก้าวพ้นออกไปนอกห้องที่เป็นเหมือนกรงขังตัวเองได้ สภาพความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็ยิ่งเลวร้ายลงทุกที เมื่อมุจลินทร์ท้อง แต่วสภะเข้าใจว่าลูกในท้องเป็นลูกของชู้ และคิดจะวางยาขับเลือดเพื่อกำจัดลูกที่ไม่ใช่สายเลือดตัวเองออกไป หากแต่เคราะห์ดีที่วสภะเลือกที่จะให้ยาบำรุงครรภ์กับมุจลินทร์เพื่อเป็นการลองใจก่อน แต่ถึงแม้จะรักษาลูกในท้องไว้ได้ แต่ความเกลียดชังที่ทั้งสองมีให้กันกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมุจลินทร์ก็เกลียดและโกรธที่จะต้องตั้งท้องและคลอดลูกให้กับคนที่ขืนใจและเหยียดหยามตัวเอง

จนกระทั่งลูกเกิดมา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็มาถึงจุดแตกหัก และวสภะก็กลับไปใช้ชีวิตแม่ทัพที่ชายแดนกับลูกสาวที่เพิ่งเกิด ขณะที่มุจลินทร์กลับบ้านไปฟื้นฟูสภาพจิตใจที่บ้านตัวเอง — จนกระทั่งสองปีให้หลังที่ครอบครัวของมุจลินทร์ให้เจ้าตัวเดินทางไปหาวสภะและลูกเพื่อจะที่จะพูดคุยและจัดการกับสภาวะแต่งงานที่ค้างคาให้ลงตัว

ส่วนตัวแล้ว ชอบเรื่องนี้นะ โดยเฉพาะหลังช่วงอ่านเรื่องจีนมานาน เจอสภาพที่พระเอกหลงรักและตามใจให้ท้ายตัวเอกมาตลอด พอกลับมาเจอเรื่องแนวเกลียดกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นสภาพขิงก็ราข่าก็แรงแบบนี้ยิ่งถูกใจเข้าไปใหญ่ เพราะการทะเลาะกันของทั้งคู่อยู่เกินเลยการทะเลาะเบาะแว้งของสามีภริยาในครัวเรือนธรรมดาไปมากโข ไม่ว่าจะเป็นตัววสภะเองที่ใช้โซ่ล่ามมุจลินทร์ไว่ในบ้าน และให้ทหารมาคอยดูแลเหมือนเฝ้าระวังเชลยสงครามชนิดที่ถ้าไม่ยอมกินข้าวก็จับกรอกปากไปจนกว่าจะกิน และส่วนตัวมุจลินทร์เอง แทนจะนั่งร้องไห้หรือเศร้าสร้อยกับการเป็นผู้ถูกกระทำกลับเลือกที่จะใช้ความเกลียดชังมาต่อสู้กับผู้เป็นสามี คงศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเองโดยที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเลย สภาพร้ายมาร้ายกลับไปของทั้งคู่ทำให้อ่านด้วยความหลากใจทั้งกับระดับการตอบโต้กัน และกับความเป็นไปได้ที่ทั้งสองคนจะกลับมาคืนดีหรือแม้แต่ลงเอยกันได้ ส่วนตัวจุดนี้ทำให้ค่อนข้างพอใจเรื่องนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถูกใจที่วางมุจลินทร์มาให้ไม่อ่อนข้อและไม่ใจอ่อนแม้ว่าตัวเองจะท้องก็ตาม หลายคนอาจจะรู้สึกว่าการที่คนเป็นแม่จะใจร้ายกับลูกในท้องจนถึงขั้นเกลียดจนอยากจะฆ่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่ส่วนตัวคิดว่าสมจริงมาก และบ่งบอกสภาพจิตใจของมุจลินทร์เลยว่าสิ้นหวังขนาดไหน เพราะถ้ามองตามข้อเท็จจริง วสภะขืนใจมุจลินทร์จนเจ้าตัวตั้งท้อง และเมื่อท้องก็ถูกกักขังอยู่ในห้องไม่สามารถไปไหนหรือพบเจอใครได้เป็นแรมปี ถึงขั้นที่พอกลับไปอยู่บ้านและเวลาผ่านไปแสนนาน มุจลินทร์ก็ยังสภาพหวาดกลัวความมืดและการอยู่ในห้องแคบๆ อยู่ดี การมีลูกเป็นการตอกย้ำสภาวะสิ้นหวังและไร้ทางออกของตัวเองด้วยซ้ำ ในสภาพโดดเดี่ยวที่แม้กระทั่งครอบครัวตัวเองก็ไม่ได้เจอ จะทำให้ตัวมุจลินทร์รักลูกในท้องที่เป็นเสมือนหนึ่งในเงื่อนไขที่ตัวเองต้องสูญสิ้นอิสรภาพได้อย่างไร?

ส่วนตัว ชอบการดำเนินเรื่องช่วงที่ทะเลาะกันมากกว่าช่วงที่รักกัน เพราะว่าช่วงที่ปูพื้นถึงความสัมพันธ์เลวร้ายใช้เวลานานและรู้สึกสมจริง หากเมื่อมุจลินทร์เดินทางไปเจอวสภะและลูกจนวสภะได้พบกับมุจลินทร์อีกครั้งและตกหลุมรักเป็นช่วงที่รู้สึกว่าเร่งรีบจนไม่น่าคล้อยตามสักเท่าไหร่ ซึ่งอาจเป็นเพราะหน้าหนังสือไม่อำนวยด้วยก็ได้ ชอบเงื่อนไขความพึงใจที่เกิดเมื่อลูกสาวของทั้งคู่จมน้ำ และมุจลินทร์ช่วยปฐมพยาบาลจนเด็กหญิงฟื้นขึ้นมาได้ ความประทับใจกับการแปลกใจต่อตัวมุจลินทร์นี้ก็ทำให้ตัววสภะรู้สึกตกหลุมรักคนที่อยู่หน้าตัวเองเป็นครั้งแรก และคิดว่าอยากจะเกี้ยวพาอีกฝ่ายให้รักตนกลับคืน เอาจริง ช่วงนี้ก้ำกึ่งว่าเร่งร้อนก็ได้ หรือว่าสวยงามก็ได้ เพราะบางครั้งความรักก็ไม่มีเหตุผล และความประทับใจก็เป็นที่มาของความถูกใจและพึงใจอยู่แล้ว  — แต่การพึงใจวสภะกลับของมุจลินทร์เป็นสิ่งที่อยากให้ทอดเวลาออกไปมากกว่าจะเป็นอย่างที่เกิดขึ้นในหนังสือ เพราะถ้าเกิดการเกลียดและกลัวใครสักคนหนึ่ง การจะถอนความรู้สึกนั้นออกให้กลายเป็นกลาง และเพิ่มพูนจนกลายเป็นบวกเป็นสิ่งที่น่าจะต้องใช้เวลา หากแต่ระยะเวลาในเรื่องดำเนินไปต่อเนื่องเลย จนทำให้รู้สึกกระชั้นและกระโดดไปอยู่เหมือนกัน

เพราะตามจริงแล้ว สิ่งที่วสภะทำเอาไว้ เป็นสิ่งที่ร้ายแรง ซึ่งถ้าอยู่ในสังคมปัจจุบัน การกระทำของสามีที่ต่อภริยาของวสภะสามารถนำไปสู่การลงโทษทางกฎหมายได้เลย ซึ่งก็เข้าใจว่าตามสังคมโบราณ การเป็นใหญ่ของสามีและการเป็นใหญ่ที่อยู่เหนือคู่ครองเป็นเรื่องปกติของสังคม แต่คนที่ได้รับคำครหาและถูกตราหน้าว่าเลวร้ายจากสังคมกลับเป็นตัวมุจลินทร์เอง ซึ่งแม้กับตัวครอบครัวของมุจลินทร์เองยังมองว่าเจ้าตัวเป็นฝ่ายผิดเสียด้วยซ้ำ จุดนี้เป็นจุดที่ขัดใจมาก แม้ว่าถ้ามองกันตามเกม วสภะฉลาดที่จะเลือกที่จะดีนอกบ้านและร้ายในบ้าน ตรงข้ามกับมุจลินทร์ที่สร้างความเสื่อมเสียให้ตัวเองนอกบ้านจนถูกสังคมประนาม ซึ่งแม้ว่าตัววสภะจะสร้างบาดแผลทั้งทางใจและกายให้มุจลินทร์มาตลอดช่วงปี แต่มุจลินทร์เป็นคนผิดสำหรับสังคม

ซึ่งในแง่นี้ก็อยากได้ตัวละครแบบมุจลินทร์ที่ร้ายลึกกว่าเดิม และดำเนินเกมอย่างที่เป็นเพื่อดึงคะแนนความสงสารมาให้ตัวเองได้ — อยากได้ตัวเอกที่ร้ายกว่าเดิมและต่อกรกับพระเอกได้อย่างสมน้ำสมเนื้อหรือแม้แต่ชนะมาก โดยเฉพาะในเงื่อนไขที่สังคมคาดหวังบทบาทของเพศแม่ การเอาชนะและดึงคะแนนสงสารจะเป็นไปได้อย่างไรได้?

เรื่องนี้ทำให้คิดถึงคำว่า What if? อย่างมาก เพราะถ้าเกิดคืนแรกที่เจอกัน ถ้ามุจลินทร์ยอมพูดจากับวสภะด้วยดี ก็ไม่น่าที่ทั้งสองคนจะต้องเสียเวลาเป็นแรมปี และทำร้ายทำลายกันจนต้องเจ็บตัวเจ็บใจและเสียหน้ากันไปทั้งคู่เลย โดยเฉพาะถ้าวสภะพิศมุจลินทร์ให้ดี ด้วยหน้าตารูปร่างของมุจลินทร์จะทำให้อีกฝ่ายรักไม่ยากเสียด้วย 

สรุปสั้นๆ ว่า นี่คือ Omegaverse ผสมกับความรักตบจูบแบบภารตะนั่นเองงง! ชอบเซ็ตติ้งความเป็นเอเชียใต้ที่เปลี่ยนเรื่องความสัมพันธ์อัลฟ่าและโอเมก้าให้สละสลวยเข้ากับสภาพสังคมได้อย่างลงตัว อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้ความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากความรัก ก็เลยรวดร้าวกันทั้งคู่จริงๆ ทำร้ายทำลายกันแรงมากยิ่งกว่าละครไทยหลังข่าว แต่ความสุดโต่งก็ทำให้เรื่องสนุก ทั้งจากการโต้ตอบกันและการลุ้นว่าทั้งสองฝ่ายจะรักกันอย่างไร ส่วนตัวชอบความสัมพันธ์แบบนี้มาก ขิงก็ราข่าก็แรงนี่คือสะใจมากก แต่ติดที่อยากให้ช่วงที่ปรับความเข้าใจกัน และทำความรู้จักกันยืดยาวได้กว่านี้  แต่รวมๆ ก็ชอบความแปลกใหม่จากการเป็น omegaverse แบบภารตะอยู่ดี

ให้คะแนน B- “How the first mistakes deteriorate and destroy, and how the first impressions soar and spawn.”  

และต้องสารภาพว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว ตัวละครที่ชอบมากกว่าคู่หลักกลับเป็นบุคลิกของท่านแม่และท่านพ่อด้วยซ้ำ — ชอบจนในแง่หนึ่งการที่ให้คะแนนเรื่องนี้อาจมีผลมาจากตัวละคนทั้งสองตัวด้วยก็เป็นได้ ก็รอเล่มท่านพี่ และ hopefully ท่านแม่จ๊ะ!

Thursday, 24 October 2019

Loveless Cabin: กระท่อมลวงรัก โดย Trajan

-เตือนก่อนนน สปอยล์จ๊ะ-

เมื่อช่วงผสมพันธุ์ระหว่างอัลฟ่าและโอเมกามาถึง “ลีแอนเดอร์” เอฟบีไอหนุ่มจะหนีไปซ่อนตัวกลางป่าลึกเพื่อหลีกหนีการจับคู่และถูกตีตรา หากแต่ปีนี้ต่างออกไป เพราะแทนที่จะกบดานอยู่เพียงลำพัง เจ้าตัวตัดสินใจที่จะช่วยชายแปลกหน้าที่บาดเจ็บมาอยู่ที่หน้ากระท่อมของตัวเองเข้าไปอยู่ด้วยกัน เพราะมองว่าอีกฝ่ายเป็นโอเมกาที่หลบหนีการถูกจับคู่เหมือนตน

ลีแอนเดอร์หรือลีโอเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอก็จริง แต่เขามีความจริงที่ปิดบังคนทั้งโลกไว้ เจ้าตัวเป็นโอเมกาที่มีฮอร์โมนอัลฟาอยู่ในตัว และนั่นก็ทำให้สามารถกลบกลิ่นอายความเป็นโอเมกาของตัวเองไว้ได้ ลีโอสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากความแปลกแยกอันตรายนี้ก็ทำให้เจ้าตัวต้องขีดเส้นกั้นระหว่างตัวเองกับคนรอบข้างเอาไว้ และเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยเฉพาะจากข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าตัวเป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทิ้งเอาไว้

เมื่อช่วยชายแปลกหน้าที่ลีโอมารู้ชื่อภายหลังว่า “ซีซาร์” ไว้ได้ น่าแปลกที่แรงดึงดูดระหว่างกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของซีซาร์เพิ่มขึ้นในตัวของลีโอมากขึ้นทุกที โดยที่เจ้าตัวมองว่าเป็นเพราะฮอร์โมนอัลฟาที่อยู่ในร่างกายตัวเองกำลังทำงานให้เกิดความรู้สึกพิเศษกับโอเมกาที่อยู่ตรงหน้าตน แต่เพราะความเหมือนจะใช่และไม่ใช่โอเมกาของซีซาร์ก็ทำให้ลีโอเกิดความสงสัยและรู้สึกถึงความผิดปกติด้วยเช่นกัน

เหมือนกำลังเล่นกับไฟ ... ลีโอพยายามส่งข้อมูลของซีซ่าร์ไปให้เพื่อนตรวจสอบ แต่ปริศนาหลังตัวตนของซีซาร์ก็ยิ่งทวีคูณ เขารู้สึกผิดที่เหมือนจะไม่ไว้ใจซีซาร์ แต่ขณะเดียวกันความต้องการซีซาร์ก็เริ่มจะเลยเถิดไปไกลแล้วเช่นกัน

ทุกอย่างประทุขึ้น เมื่ออาการฮีทของลีโอเริ่มขึ้น แม้เจ้าตัวจะพยายามฉีดยาข่มเอาไว้ก็ตาม แต่อาการดื้อยาเริ่มมากขึ้นจนแม้กระทั่งยาแรงที่สุดก็เริ่มทานไว้ไม่อยู่ ความหวาดกลัวที่ไร้ทางออกผสมกับความรู้สึกต้องการเพิ่มขึ้นมากขึ้น จนในที่สุด ลีโอก็ยอมตามให้กับความรู้สึกตัวเองที่จะอยู่ร่วมกับซีซาร์
แต่หลังตัดสินใจ ลีโอก็ได้รับรู้ความจริงอันเจ็บปวดว่าซีซาร์ไม่ใช่โอเมกาที่มีฮอร์โมนอัลฟาหากแต่เป็นอัลฟา และที่สำคัญ ข้อมูลที่ได้จากเพื่อนสนิทก็ทำให้รู้ว่าซีซาร์เป็นอัลฟาคิงที่สยบได้แม้แต่กับอัลฟาด้วยกัน

จุดไคลแมกซ์ของเรื่องถูกจุดเมื่อเหล่าอัลฟามุ่งหน้ามาหากระท่อมของลีโอ และซีซาร์ก็อยู่ในสภาพที่คล้ายจะเข้าช่วงโคม่า จนเจ้าตัวตัดสินใจที่จะปกป้องซีซาร์เอาไว้และออกไปเสี่ยงตายกับอัลฟาที่กำลังจะมาถึง

.....

เอาจริง อยากจะปิดไว้อย่างนี้มาก เพราะจุดสำคัญในเรื่องก็คือปฎิสัมพันธ์ของคนคู่นั่นเอง ซีซาร์เป็นอัลฟาคิง และลีโอก็เป็นโอเมกา/อัลฟาด้วย แรงดึงดูดระหว่างกันและกันก็เลยเข้มข้นและดิบมาก ชอบความรู้สึก suspense ในเรื่อง เพราะลีโอไม่รู้ที่มาที่ไปของซีซาร์เลย ทำให้ความรู้สึกอยากใกล้ถูกรั้งไว้ด้วยความระแวงระวังตัว ซึ่งสำหรับคนอ่านเป็นจุดผสมผสานตรงกันข้ามที่ทำให้ต้องอ่านไปลุ้นไป ใจหนึ่งก็ลุ้นให้ลีโอตั้งป้อมตีกรอบไม่ให้ซีซาร์ รุกล้ำเข้ามา แต่อีกนัยหนึ่งก็ต้องการให้ลีโอลดการระวังตัวและเดินเข้าไปหาซีซาร์ด้วย

การจับคู่ระหว่างอัลฟาและโอเมกาดูเป็นเรื่องปกติ แต่พอมาอยู่ในเรื่องนี้ กลับเพิ่มความรู้สึกของการเป็นโชคชะตากำหนดมาด้วย และเพิ่มความรู้สึกช่างฝันเข้ามา เพราะว่าด้วยความที่เป็นโอเมกา/อัลฟาเลยยากที่ลีโอจะคู่กับใครได้ และกับตัวซีซาร์เอง ความเป็นอัลฟาคิงก็ทำให้ไม่สามารถจะอยู่ร่วมกับโอเมกาธรรมดาได้ — สองคนถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยลักษณะพิเศษของอีกฝ่าย และถ้าไม่มีอีกคนตรงหน้าก็จะไม่สามารถจับคู่ได้เลย อย่างที่ชอบตอนพิเศษของซีซาร์ เพราะการได้เจอลีโอ ก็คือการที่เจ้าตัวบอกว่าการตามหามาทั้งชีวิตได้สิ้นสุดลง

ซึ่งในแง่นี้ก็ชอบความเจ้าเล่ห์ของซีซาร์ด้วย ซึ่งสุดท้ายแล้วก็อย่างที่คนอ่านคาดการณ์ไว้ นั่นก็คือ เพื่อให้เข้าถึงตัวลีโอได้ ตัวซีซาร์เองก็สร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนเขาเป็นโอเมกาที่กำลัง “หนีตาย” จากการถูกจับคู่มา เจ้าตัวพยายามทำทุกอย่างแม้กระทั่งเล่นละคร โกหก และใช้มีดคว้านท้องตัวเองเพื่อให้การบาดเจ็บสมจริง

ตอนแรกอ่านไม่ได้คาดหวังอะไรมาก อ่านเพราะไม่มีอะไรอ่าน และอ่านเล่นๆ ก่อนนอนจากการซื้อใน Meb ด้วยซ้ำ แต่โอยย ชนะเลิศดีงามมาก! ชอบปฎิสัมพันธ์ทั้งสองคน ถูกใจที่เป็น manly couple ชอบการดึงดูดระหว่างกัน intense และดิบได้ใจมากกก! ให้ B+ ไปเลยยย! ส่วนตัวคิดว่า “the deadly pull of attractions and the intense push of reasons” ไม่ก็ “intense and raw” 

อย่างไรก็ตาม รู้สึกเสียดายที่ช่วงหลังออกจากกระท่อม/ พ้นฤดูจับคู่มีสั้นเกินไปจนดูตัดจบ ถ้าเป็นไปได้ อยากเพิ่มความสัมพันธ์และความผูกพันของทั้งคู่ ที่มากกว่าแค่ความเข้ากันได้ของฮฮร์โมนมากกว่านี้ เนื้อเรื่องจะสมบูรณ์มากขึ้น

นอกจากนี้ เนื่องเพราะจุดเริ่มต้นของทั้งคู่อยู่บนการโกหกของซีซาร์ที่ทำให้ลีโอโกรธที่ถูกหลอก ก็ทำให้ซีซาร์เลือกที่จะรอให้ลีโอใจเย็นและเดินเข้ามาหาตัวเอง ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะซีซาร์ภูมิใจกับความเป็นอัลฟาคิงที่ใครก็ปฎิเสธตัวเองไม่ได้ด้วย แต่ในแง่หนึ่ง ถ้ามองว่าซีซ่าร์กล้าที่จะเข้าหาลีโอขนาดนั้นแล้ว ก็อยากให้ซีซาร์กล้าที่จะรุกต่อไปให้ลีโอยอมรับตัวเองให้ได้เอง — ซึ่งในแง่หนึ่งก็เข้าใจว่าอยากเป็นปมที่ให้เลโอเป็นคนเลือก แต่ก็นะคะ ซีซาร์ ทำมาขนาดนี้แล้วเถอะ ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะ

คิดว่าจะเก็บหนังสือด้วยนะ

Sunday, 20 October 2019

มยุรา ของ Rain-at-Rose

- สปอยล์นะคะ -

"เวทางค์" แม่ทัพปราบอสูร ได้รับแจ้งว่ามีแม่ลูกอสูรก่อกวนมนุษย์ หากแต่เดินทางไปปราบกลับพบว่าตนหลงรัก "กิริฏา" อสูรเผ่านกมยุราตั้งแต่แรกเห็น และเมื่อเห็นชีวิตที่แร้นแค้นยากลำบากของคู่แม่ลูกอสูร เจ้าตัวก็ไม่ลังเลที่จะออกปากให้สองแม่ลูกมาอยู่ในความคุ้มครองตัวเอง แม้จะรู้ว่ามยุราจะมีคนรักได้แค่เพียงคนเดียวชั่วทั้งชีวิต และการออกหน้าปกป้องอสูรอาจจะทำให้ชื่อเสียงตัวเองมัวหมองในภายหลังก็ตาม ....

เอาเถิด ถ้าเปิดมาก็จะได้แบบนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องโดดเด่นก็คือบุคลิกตัวละครอย่าง “เวทางค์” ที่แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นที่เคารพบูชาเทียมเท่าเทพแต่กลับมีจิตใจกระจ่างใส ดำรงค์ศีลและอยู่ในธรรมจนถึงขั้นถือพรหมจรรย์ ขณะเดียวกันก็ให้เกียรติและใส่ใจคนรอบข้างมาก อย่างแม้จะเชิญ กิริฏา ให้มาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้านับตามสิทธิและจากที่เห็น ด้วยฐานะเจ้าตัว ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องถึงขนาดนั้น และเมื่อเชิญมาอยู่ก็เคารพและให้เกียรติใส่ใจชื่อเสียงและความรู้สึกของอีกฝ่ายมาก ซึ่งความรู้สึกนี้ก็เผื่อแผ่ไปถึง ทยุ ผุ้เป็นลูกด้วย ซึ่งถึงแม้ทนุจะมีรูปลักษณ์เป็นครึ่งคนครึ่งอสูร เวทางค์ก็ไม่รังเกียจแต่อย่างใด กลับให้ความรักและใส่ใจอบรมสั่งสอนจนได้ความรักและนับถือจากทยุกลับมา

อีกฝ่ายก็คือ กิริฏา มยุราตกยากผลัดถิ่น เห็นบุคลิกตัวเองมาหลายเรื่อง แต่คนที่จิตใจบริสุทธิ์สดใส และเห็นแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าจนไม่สนใจแม้กระทั่งคำนินทาว่าร้ายจากคนอื่นหาได้ยากนักหนา เจ้าตัวเป็นคนที่เอื่อยเรื่อยกับทุกอย่างรอบตัว ไม่คิดจะทุกข์ใจ หรือเสียใจใดๆ จนอยู่เหมือนจะเอื่อยเฉื่อยเกินไปจนถึงขั้นขี้เกียจ ทั้งที่มีปัญญาและความคิดแหลมคม แต่เจ้าตัวก็พอใจจะอยู่อย่างเรียบเรื่อยไปวันต่อวัน

ชอบบุคลิกของทั้งสองคน และถูกใจความสัมพันธ์ของคนคู่นี้ และชอบที่ค่อยๆ ปูให้ตัวเวทางค์มีความรู้สึกผูกพันกับกิริฏาอย่างที่เห็นแค่เพียงครั้งแรกก็ตกหลุมรัก มีความรู้สึกอยากปกป้อง และอยากดูแลอีกฝ่าย ถึงขั้นได้ยินว่าที่ผ่านมาหลังจากสามีตาย กิริฏาต้องเลี้ยงดูลำบาก เจ้าตัวก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจร้อนรน — เสียใจที่เพิ่งมาเจอกัน และเสียใจที่อีกฝ่ายต้องลำบาก

ซึ่งก็เปิดประเด็นต่อมา ว่า ในอดีต "ศาละ" เจ้าแห่งอสรพิษ  ครองคู่อยู่กับมเหสีต่างเผ่าพันธุ์ เป็นที่เดียจฉันท์ของคนของทั้งสองเผ่า โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายกิริฏาตั้งท้อง ก็ยิ่งเป็นที่เดียจฉันท์และชิงชังจากเหล่าอสรพิษและมยุรามากขึ้นจากคำทำนายที่ว่าลูกของทั้งคู่จะก่อให้เกิดอาเพศสร้างความสูญเสียสิ้นเมืองกับทั้งสองเผ่าพันธุ์ จนเกิดการกบฎล้างอำนาจของศาละ เจ้าตัวถูกวางยาพิษ และแม้จะพากิริฏาที่กำลังท้องหนีไปถึงเขตแดนมนุษย์ได้ ก็ต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องกิริฏา โดยที่บอกกิริฏาก่อนจากว่าจะกลับมา และจะปกป้องทั้งแม่และลูกให้ได้

เมื่อปูทางมาเช่นนี้ การกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นสิ่งที่คนอ่านคาดไว้ในใจ และก็เป็นเช่นนั้นจริง ชอบเงื่อนไขการมาเกิดใหม่ของ ศาละ ที่กลายมาเป็น เวทางค์ มาก ทั้งจากเงื่อนไขบุคลิกนิสัย และสถานะ เพราะอย่างแรก ในชาติที่แล้ว ศาละไม่ได้อยู่กับกิริฏาด้วยความพอใจตั้งแต่เริ่ม หากแต่เป็นเพราะตกกระไดพลอยโจนจากการเล่นสนุกอยากทำลายศักดิ์ศรีของเผ่ามยุรา แต่กลายเป็นต้องตั้งกิริฏาเป็นรานีตัวเองและทำสัญญาเลือดจับคู่จนไม่สามารถมีใครอื่นนอกจากกิริฏาได้ และดังนั้นความโกรธแค้นกับนิสัยเอาแต่ใจก็สร้างความเดือนร้อนและเสียใจกับกิริฏามาเสมอ จนกระทั่งกว่าสองคนจะปรับความเข้าใจกันได้ ก็เป็นเวลาที่ฝ่ายนาคาที่ทั้งหวาดกลัวและรังเกียจรานีต่างพันธุ์ปะทุถึงขึ้นที่คิดต่อต้านและก่อกบฎขึ้นมา ดังนั้น ความเสียใจที่ไม่ได้ดูแลอีกฝ่ายให้ดี ความย่ามใจที่คิดว่าการมีพิษร้ายแรงกว่าใครจะกดเผ่าพันธุ์ตัวเองในกำมือโดยไม่ต้องฟังใครก็ได้ ทำให้เกิดบุคลิกของ เวทางค์ ที่ทางหนึ่งก็คอยดูแลกิริฏาอย่างดี ทั้งทะนุถนอม ดูแล ให้เกียรติ ให้ความสำคัญ และคอยใส่ใจความรู้สึกและสภาพอารณ์อีกฝ่ายมาก และอีกทางหนึ่งก็เกิดบุคลิกเที่ยงธรรม จิตใจใสกระจ่างแน่นหนัก เป็นผู้ปราบอสูรที่ใช้ปัญญา และมีความเห็นใจเข้าใจแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ต่างเผ่าพันธุ์ เชื่อกับการกระทำและผลของการกระทำมากกว่าจะยึดติดงมงายอยู่กับความเชื่อและความศรัทธาเลื่อนลอยใด ๆ

นอกจากนี้ สถานะการเป็นผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์ปราบอสูรของเวทางค์ ก็เป็นเงื่อนไขที่ทำให้การดำเนินเรื่องน่าสนใจอีกเช่นกัน เพราะในอดีต การถูกไล่ล่าจากทางเผ่านาคาและมยุราทำให้ศาละและกิริฏาไม่สามารถอยู่ในแดนอสูรได้อีก จนไม่มีทางเลือกต้องตั้งความหวังไว้ว่าจะหนีไปขอพึ่งพาผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์คนเก่า หากแต่ความปรารถนานั้นก็ไม่สำเร็จ เมื่อศาละต้องสิ้นใจขณะปกป้องกิริฏา และอีกฝ่ายก็หลับใหลไปเป็นเวลานาน และดังนั้น การให้ศาละกลับมาเกิดใหม่และเป็นถือครองศรไวกูณฐุ์ก็เป็นการเติมเต็มความปรารถนาของทั้งคู่ และทำให้เวทางค์ผู้ที่ได้รับเลือกมีหนทางในการปกป้องครอบครัวตัวเองขึ้นมา โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายอสูรทั้งทางนาคาและมยุรายังคิดจะฆ่าแม่ลูกอยู่

ชอบภาษาสละสลวย เล่าเรื่องละเมียดละไม และชอบการดำเนินเรื่องที่ช่วงกลางตัดกลับไปให้เห็นอดีต และสร้างเงื่อนไขความรักที่ค่อยๆ เกิดของศาละกับกิริฏาที่ไม่ใช่แค่ความพึงใจจากหน้าตาของอีกฝ่ายจากที่ได้เห็นครั้งแรก แต่เป็นเพราะได้อยู่ร่วมกันและอยากเห็นอีกฝ่ายดีใจและสุขใจเมื่ออยู่ร่วมกันกับตน และชอบเงื่อนไขความรักของเวทางค์ที่ไม่คิดว่าจะต้องกลับไปให้รู้อดีต เพราะเห็นค่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และคิดอยากจดจำตัวเองที่เคารพและให้เกียรติกิริฏา

นอกจากนี้ การเอาตำนานความเชื่อทางปกรณัมอินเดียมาดำเนินเรื่องก็ทำให้เกิดความน่าสนใจ  เพราะแม้ความเชื่อเกี่ยวกับครุฑ และนาคจะเป็นความเชื่อที่อยู่ในสังคมไทยมานาน แต่ก็จางหายไปทุกทีเมื่อเทียบกับกระแสใหม่ที่เข้ามา พอได้อ่านก็เป็นความสนุกปนความคิดถึงด้วยเช่นกัน

ส่วนตัวให้คะแนนเรื่องนี้ A สรุปส่วนตัวว่า “the beautiful and affectionate tale of reincarnation and promise” 

แต่ติดใจว่าถ้าเวลาซื้อเล่มต้องซื้อทั้งชุดใหญ่เป็นเรื่องภาคลูกด้วย ซึ่งไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ชอบที่พออ่านด้วยกัน รู้สึกว่าความคาดเดาได้ของเรื่องหลังทำให้เรื่องแรกที่ดำเนินมาลงตัวรู้สึกด้อยไปอยู่เหมือนกัน

ปล. ตัวละครที่ชอบมากอีกตัวคือ องค์อนุรุทธ์ น้องชายต่างมารดาของเวทางค์ เพราะเจ้าตัวขึ้นมาเป็นกษัตริย์ได้เพราะเวทางค์ผู้เป็นยุพราชในตอนนั้นถูกรับเลือกให้เป็นผู้ถือครองศรไวกูณฐุ์ จนอนุรุทธ์ขึ้นมาเป็นยุพราชและกษัตริย์ครองเมืองแทน และแม้จะอยู่กับพี่ชายที่มีสถานะโดดเด่นเป็นผู้ปราบอสูร แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยรู้สึกว่าถูกคุกคามหรือหวงแหนอำนาจของตัวเองเลย กลับให้ความเคารพและยกย่องตัวเวทางค์จากใจจริง และมีจิตใจที่เปิดกว้างจนถึงขั้นคิดเล่นสนุกด้วยซ้ำ (อย่างที่ลุ้นว่าทยุจะถูกคลายสะกด ให้ตัวเองให้เห็นร่างอสูรที่ทำลายเมือง)

Tuesday, 15 October 2019

Undead

จริงๆ เล็งมานานมาก เพราะว่าอยากอ่านแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ แต่ว่าติดที่เป็น ABO ด้วย ก็เลยลากยาวมาจนกระทั่งไม่เหลือแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ใดๆ แล้วนั่นแหละ แต่นะคะ กรี๊ดดด กรี๊ดดด กรี๊ดดด ทำไมมันดีอย่างนี้ แล้วเสียเวลามาเพื่ออะไร ฮือออ เมื่อคืนก็ยาวไปต่อ mtl หลังหมดแปลอังกฤษเรียบร้อยย!


ตัวเอก Si Nan ตื่นขึ้นมาในห้องขัง โดยที่จำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลย ระหว่างที่นายทหารสองนายกำลังเคลื่อนย้ายเขาเองออกไป เจ้าตัวก็รู้ว่ารัฐบาลมีคำสั่งให้รวบรวมเหล่าโอเมก้าที่เป็นทรัพยากรหายากไปไว้ในที่ปลอดภัย 

และดังนั้น ระหว่างขนย้ายเหล่าโอเมก้าแข่งกับเวลาที่ประตูเหล็กจะทานเหล่าซอมบี้ไว้ได้ Si Nan ก็ฉวยโอกาสวุ่นวาย จับทหารที่อยู่กับตัวเองมาเป็นตัวประกัน จนสามารถหลบหนีโดยกระโดดลงไปกลางฝูงซอมบี้! 

นี่ค่ะ แค่โผล่มาฉากเปิดก็แอคชั่นแบบฮอลลีวูดแล้ว! เจ้าตัวใช้รถยนต์หลบหนีไปด้วยความเร็วสูงกลับเข้าไปในเมือง แล้วก็ไปเจอกลุ่มทหารหน่วยรบพิเศษที่กำลังเข้าตาจนถูกซอมบี้รุมล้อมพอดี ด้วยความที่เจ้าตัวต้องการยาปกปิดสถานะโอเมก้าตัวเองก็เลยกลายเป็นตัวล่อเบี่ยงเบนความสนใจของซอมบี้ เป็นช่วยเหลือกลุ่มทหารโดยปริยาย และดังนั้น เมื่อกลุ่มทหารช่วย Si Nan ที่กำลังเหมือนจะเข้าตาจน ก็กลายเป็นเจ้าตัวเข้าร่วมกลุ่มกับเหล่าทหารหน่วยพิเศษโดยปริยาย

หลังจากนั้นเมื่อเข้าฐานหลบภัยได้ และส่งความช่วยเหลือไปยังฐานใหญ่ ความแสวงหาที่ปลอดภัยมั่นคงก็เริ่มขึ้น!

คืออยากเขียนแค่นี้จะได้ไม่สปอยล์มากค่ะ แต่ว่าคุณพระคุณเจ้า! นี่คือสิ่งที่อยากอ่านมานานมากกก และอยากเห็นมาตลอด ฮือออ ตัวเอกเก่งมากเทพมากกกกกก ความสามารถในการต่อสู้ก็ดี ความสามารถในการใช้ปืน ความเยือกเย็นและความเด็ดขาด เด็ดเดี่ยวเวลาตัดสินใจนี่คืออ่านไปกรีดไปมากกก ขิงข่าปลาฉลามดีงามสามโลกจริงๆ ชอบตอนที่อาวุธหมดแล้ว ตอนที่อยู่โรงงานปุ๋ย เจ้าตัวก็เอาสารเคมีที่มีมาผสมกันเพื่อเป็นระเบิดเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินมาก กับอีกตอนที่อาวุธจะหมด แล้วมีคนบอกว่าให้ช่วยฆ่าตัวเองให้ตายก่อน ก็เสนอตัวเองเป็นคนลงมือแทน โดยใช้มือเปล่าอย่างรวดเร็ว และเนียนมากกกก

อย่างที่เปิดประเด็นมาว่าเจ้าตัวความจำเสื่อม และสิ่งที่เหลืออยู่คือความสามารถทางกายภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่ติดตัวอยู่ก็คือ ทัศนคติที่เกลียดและดูถูกอัลฟ่ารุนแรง จริงๆ แล้วเหล่าทหารหน่วยรบพิเศษทุกคนเป็นอัลฟ่า แต่เพราะถูกส่งมาทำภารกิจพิเศษก็สร้างกินยากลบฟีโรโมนตัวเองจนดูเหมือนเป็นเบต้า และดังนั้น ก็เลยได้ความเชื่อใจระดับหนึ่งจาก Si Nan ด้วย

ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Zhou Rong หัวหน้าหน่วย ที่แสนจะอยากจะฟันธงว่าพี่เขาคือพระเอกมากกกกกกก สภาพแวดล้อม เงื่อนไขก็เหมือนจะใช่มากกกด พี่จะใช่พระเอกไหมคะ เปิดกันมาขนาดนี้แล้ว เป็นเถอะนะคะ เป็นเถอะ! ชอบโปรไฟล์พี่มากก หล่อ หน้าตาดี เก่งกล้า และฉลาดดด ถึงแม้พี่จะมีความกวนน่าถูกซอมบี้งาบหัวก็เถอะ อย่างคนในหน่วยคุยกันว่ามันจะต้องมีพวก curve-wrecker น่ารังเกียจที่เวลาสอบทำคะแนนสูงนรก แล้วอีพี่ก็หันไปตอบหน้าตาเฉยว่า อือ ก็เป็นเหมือนกัน ได้คะแนนท๊อปมาตลอดที่เรียนทหารสี่ปี ตอนจบยังได้เหรียญมาเลยนะ ไม่เคยให้ดูเหรอ

เวลาสองคนอยู่ด้วยกัน สุดแสนจะเป็น power couple มากก เอาจริง เป็น super power couple คนนึงจะเล็งหัวซอมบี้กอริลล่า อีกคนเอาไหล่เป็นฐานให้ยิงระหว่างรถวิ่งเนี่ยยย ไม่ไหวแล้ววววว มีตอนนึงที่ผิดใจกัน แล้วพี่เขารู้ว่า Si Nan ชอบของหวาน ตอนกวาดอาหารออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตก็เอาแอปเปิ้ลเคลือบน้ำตาลติดมือมาด้วย แล้วก็ตะโกนถามคนในกลุ่มว่าจะกินไหม ก่อนจะยัดใส่กระเป๋าให้โผล่มาครึ่งล่อน้องวิ่งมาหยิบไป

เรื่องนี้เหมือนจะเป็นเรื่องสายซอมบี้เรื่องแรกที่เหล่าตัวละครไม่มีการพัฒนาพลังวิเศษ ทุกอย่างเป็นเรื่องของเทคโนโลยี และทักษะทางการทหารล้วนๆ ดังนั้น ฉากที่เจอจนชินตาก็คือ เหล่าฉากปฎิบัติการทางทหาร ที่ไม่ว่าจะเป็นเอาปืนกลมายิงถล่มเหล่าซอมบี้ที่แห่กันเข้ามา การอพยพพลเรือนทั้งทางเฮลิคอปเตอร์และรถบัส การขวางระเบิดใส่ซอมบี้ การยิงพื้นซีเมนต์ให้เป็นรูพรุนเพื่อเปิดทางหนี action-packed ถึงขั้นที่อ่านไปพักใหญ่ก็ถึงขั้นคิดในใจว่าขอเถอะ พักบ้างได้ไหม ดูหนังแนวสงครามมา สู้กับผู้ก่อการร้ายยังไม่ตึงเครียดเท่านี้เลย

ก็นั่นแหละค่า อ่านด่วนนนน! 


Sunday, 13 October 2019

พวกท่านอย่ารังแกศิษย์พี่ของข้านะ // Who Dares Slander My Senior Brother

สปอยล์ทั้งหมดทั้งสิ้นนนน! 

ตามสูตร ตัวเอกอ่านนิยายบนเวบอย่างหมกมุ่น แล้วก็หลุดไปอยู่ในนิยายที่ตัวเองอ่าน

ตามท้องเรื่อง ร่างที่ไปอยู่จะถูกตาที่เลี้ยงมาสวมวิญญาณชิงร่าง แต่ด้วยความที่อ่านนิยายมาติดหนึบรู้เนื้อหาล่วงหน้าก็ชิงกำจัดตาได้ก่อน ... ด้วยความช่วยเหลือของเหล่าผู้ฝึกตนฝึกหัด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีคุณพี่พระเอกของนิยายอยู่ด้วย

ดังนั้น ความเลิฟอินนนพี่พระเอกก็ทำให้น้องสมัครตัวเป็นลูกศิษย์ของสำนักเดียวกัน และมุ่งมั่นที่จะอยู่ยอดเขาเดียวกันให้ได้ — แม้ว่ายอดเขานี้ จะเป็นยอดเขาตกอับที่ไม่มีคนนิยมก็ตาม 

วันๆ ก็ไม่มีอะไร ฝึกวิชาตามประสาตัวใครตัวมัน แล้วก็ปลูกผักปลูกสมุนไพรสร้างรายได้ให้ยอดเขายากจนของตัวเองไปด้วย แต่ทีนี้ ด้วยความที่ปลาบปลื้มพี่เขาออกนอกหน้ารุนแรงก็เลยทำให้เหล่าศิษย์พี่ทั้งหลายในเขารับรู้ และตัวพี่เขาก็เหมือนจะระแวงน้องขึ้นมาาา เพราะความชื่นชมไม่มีเงื่อนไขและไม่มีขอบเขตช่างดูมีเลศนัย และแล้ว พี่เขาก็สะกดจิตน้องซักถามความจริงมันซะเลย!

ซึ่งความจริงที่ออกมาก็พาใจพี่เขาแล่นมากกก ศิษย์น้องมีแต่ความซื่อ และที่เข้าหาพัวพันตัวเองนี่ก็มาจากความชื่นชมเกินจะกู่กลับล้วนๆ — และอีพี่ที่ทนความปลาบปลื้มไม่ได้ก็เริ่มคิดไม่ดีไม่งามกับน้องแทน 

โอ คุณพระคุณเจ้าา เอาจริงแนวศิษย์พี่ศิษย์น้อง หรือศิษย์อาจารย์มันมีเงื่อนไขแบบเดียว คือคนนึงแอบรักอีกคนที่โอ๋ตัวเองแหลกลาญไร้จำกัดเป็นหลัก โดยที่ฝ่ายโอ๋ไม่รู้ตัว และกว่าจะรู้ตัวก็ถูกจับกิน ได้เห็นทั้งความคิดติดเรทเต็มหัวคนที่ดูสูงส่ง/ใสซื่อ ทั้งความ darken ชั่วร้ายเป็นฝ่ายมารที่ตอนนี้สายไปทำอะไรไม่ได้แล้ว

แต่ความพีคคคอีเรื่องนี้มันก็คือความรุกรุนแรงแบบไม่เหลือความเนียนสำหรับคนอ่านของพี่อีนั่นเอง กระบวนการเซอร์วิสทั้งอ่อย ทั้งยั่ว ทั้งรุก ทุกอย่างทุกทางที่ชีวิตนี้จะทำได้ รู้ว่าศิษย์น้องหลงใหลรูปโฉมตัวเองก็ขายมันสารพัด ทั้งใส่เสื้อหลวมๆ เจียนจะหลุด ทั้งถอดเสื้อ ทั้งอาบน้ำตัวเปียกโชว์ ทำหน้าซื่อตาใสสูงส่งเคร่งขรึมน่าเคารพแล้วแอบลวมลามน้องโดยอ้างว่าเป็นการฝึกวิชา หลอกจูบน้อง ให้น้องจูบบอกว่าเป็นการถ่ายพลังเพราะตัวเองหนาว จ้องดูน้องอาบน้ำแล้วบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันก็มี ขนาดน้องเค้าพยายามยับยั้งใจก็พยายามถึงขั้นไปหิ้วเหล้ามา เผื่อเหล้าเข้าปาก น้องเขาจะเมาให้ไฟติดให้คุณพี่ get lucky ก็ทำมาแล้ว

แต่ โถ หน้าซื่อตาใสของจริงก็คืออีน้องงง ด้วยความที่ตัวเองปลื้มคุณพี่พระเอกมาตั้งแต่เป็นแฟนนิยาย ยิ่งตัวหนังสือบรรยายถึงพี่เขาสูงส่งดีงามขนาดไหน อีน้องก็ปลื้มเท่านั้น แถมยิ่งมาเจอของตัวประชิดตัวตนที่มีเลือดเนื้อจริงของคุณพี่ น้องก็ยิ่งกราบไหว้บูชาพี่เขายิ่งขึ้น ขนาดระบบตรวจสอบค่าความดีคุณพี่ติดตัวแดง น้องก็ยังคิดว่าระบบมันรวนชั่วหาเรื่องศิษย์พี่เลย มีอะไรก็วิ่งออกหน้าช่วยศิษย์พี่อย่างจริงจังตั้งใจทุกครั้ง น้องไม่เคยคิดเลยว่าพี่เขาจะหวังงาบตนเอง

แต่ขอโทษนะคะ น้องขา ในหนังสือนิยายที่น้องอ่าน ตัวพี่เขาเป็นคนดีเป็นพระเอกนิยายแนวพ่อพระที่แม้จะมีหญิงงามมาวนเวียนรอบตัวก็ไม่เคยฉวยหาโอกาสใดๆ ก็จริง แต่พี่เขาเวอร์ชั่นนี้จะปล่อยโอกาสหลุดลอยไปเหรอคะ? ภาพที่อ่านมาตลอดหลอกน้องอยู่นะคะ ตอนศิษย์น้องหญิงคนงามตกลงทะเลสาปไป พี่เขาเป็นสุภาพบุรุษไม่แตะต้องตัวก็จริง แต่พอเปลี่ยนเป็นน้องตกน้ำไปด้วยกันเท่านั้น ทั้งมือ ทั้งขา ทั้งปาก ทั้งลิ้นมาหมดไม่รู้ว่าจะมายังไง แถมจูบพัวพันจนหนำใจพี่ยังมีหน้าเคร่งเครียดมาทำสำนึกผิดบอกน้องว่าอุกอาจทำไปเพราะช่วยน้อง ขอให้น้องเข้าใจอีก

ที่สำคัญ ศิษย์พี่ก็ยังมีออฟชั่นเสริมคอยถึงเนื้อถึงตัวน้องอีกอย่างอีก นั่นก็คือ พี่เขามีอีกร่างเป็นงูไงล่ะคะ น้องไปเจอตอนตรวจยามกลางดึกพอดี พอเห็นว่างูเหมือนจะบาดเจ็บก็สงสารคอยช่วยเหลือ ซึ่งตอนแรกอีพี่ที่ยังระแวงน้อง พออยู่ในร่างงูก็พลอยระแวงไปด้วย แต่พอรู้ว่าน้องแอบชื่นชมตัวเองเท่านั้นแหละ ร่างงูก็มาเนียนๆ ด้วยทันที ดึกๆ ก็เข้ามานอนด้วย ทั้งรัดทั้งพันไม่รู้จะเอายังไง แถมบางทีช่วงอีพี่อารมณ์พีคหนักๆ ก็แอบแทะๆ เล็มๆ น้องไปด้วยอีกอย่างหาก

เพราะความที่น้องซื่อเกินไป และเพราะความที่อีพี่เจ้าเล่ห์เกินไป ก็ควรจะมีตัวช่วยมาปกป้องน้องบ้างงง เสียดุลมาขนาดนี้ แลละสิ่งนั้นก็คือ .... ท่านอาจารย์ และระบบนั่นเองง! แม้เป็นตัวถ่วงดุลย์ที่มีก็เหมือนไม่มี แต่อย่างน้อยก็ช่วยน้องได้นิดนึงล่ะนะ

ท่านอาจารย์เป็นผู้ที่มาขัดจังหวะได้อย่างเหมาะสมเกินจะกล่าวมากก อย่างน้อยๆ ช่วงที่อีพี่กะงาบน้องแรงๆ ท่านอาจารย์ก็จะโผล่มาพอเหมาะพอเจาะพอดี อีพี่หิ้วเหล้ามาหลอกน้อง เจอท่านอาจารย์กำลังตรวจสอบความก้าวหน้าอีน้องรอบนึง หรือพอทำให้อีน้องเผลอใจกับตัวเองไปแล้ว ท่านอาจารย์โผล่มาก็มีเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นคราวซวยอดงาบของอีพี่ไม่พอ ยังเป็นคราวเคราะห์ซวยยิ่งกว่าของอีน้องเหมือนกัน พอมาทีไร เจอสองคนนี้อยู่ด้วยกัน ท่านอาจารย์ที่โคตรจะหวังผลสำเร็จสูงไม่มีอ่อนข้อก็มองว่าเพราะอีน้องไม่มีสมาธิมัวแต่ติดหนุ่ม เอ๊ย อีพี่นั่นเองง ถึงขั้นที่เอาอีน้องไปกักตัวฝึกวิชาเป็นปีปล่อยให้อีพี่ดิ้นกระแด่วๆ อยู่คนเดียว

กับคุณระบบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเอาจริงมีประโยชน์หรือไม่มี เพราะมาทีไรไม่เคยช่วย มีแต่จะก่อปัญหา ยกเว้นแต่ว่าทำให้น้องตื่นขึ้นมาเพราะกรีดร้องว่ามารโผล่เป็นระยะๆ และที่สำคัญ อย่างท้ายเล่มหนึ่ง น้องตื่นมาเสื้อผ้าหลุดลุ่ยอีกต่างหาก อืม กางเกงหลุดไปอยู่ที่ข้อเท้าแบบนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าใคร และเพราะอะไร

เอาจริง ส่วนตัวสงสัยการมีอยู่ของระบบมาก นอกจากจะช่วงขวางมือขวางเท้าแล้วก็ยังทำให้คู่รัก เอ๊ยย ศิษย์พี่แอนด์ศิษย์น้องเข้าใจผิดกันอีก เอาจริง คุณพี่เค้าก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ เพราะว่าพี่เขาเป็นทายาทคนเดียวที่เหลือรอดมาของสำนัก ที่คนในสำนักหลายร้อยชีวิตถูกฆ่าโหดในช่วงคืนเดียว และด้วยที่พี่เขาจำอะไรไม่ได้ ก็เลยเป็นความคลุมเครือระหว่างความชั่วร้ายของศิษย์พี่กับความบริสุทธิ์ไร้มลทินกระนั้น ก็มีส่วนที่เป็นปัญหาอยู่ดี เพราะจะฆ่าคนในสำนักเองก็ดี หรือบริสุทธิ์จริงก็ดี ศิษย์พี่รู้ว่าเรื่องนี้มีเบื้องหลังและก็คิดจะแก้แค้นรวบยอดอยู่แล้ว ดังนั้นฉากหลังก็เลยเข้าสู่วิถีมาร และดำเนินแผนการของตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อการแก้แค้นเต็มที่ และแม้เรื่องนี้จะสลับซับซ้อนกว่าที่เป็น และมีตัวชั่วจอมบงการสร้างเรื่องอยู่เบื้องหลัง ตัวระบบก็ทำให้ตัวน้องเชื่อเต็มที่ว่าศิษย์พี่เป็นตัวร้าย ทำให้รู้ความจริงครึ่งๆ กลางๆ ผิดใจกันอีก

เอาจริงช่วงที่ทะเลาะเข้าใจผิดกันน่าเบื่อมาก ด้วยความที่หนังสือเขียนมาตลอดว่าศิษย์พี่ดูสูงส่งน่าเลื่อมใส และศิษย์น้องก็เชื่อถือศรัทธาศิษย์พี่มาก พอสองคนมีเรื่องผิดใจกัน เพราะน้องรู้ความจริงว่าศิษย์พี่อยู่เบื้องหลังเหตุร้ายหลายอย่าง พอไปบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ กลายเป็นคิดว่าสองคนมีเรื่องผิดใจกันแล้วตัวศิษย์น้องพาลอาละวาดงอแงไปเสียอีก เพราะภาพศิษย์พี่ดีมาก และอีศิษย์น้องก็กางปีกปกป้องไม่ให้ใครมาทำร้ายอีพี่ตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ยิ่งไปกว่านั้น พอศิษย์น้องเริ่มรู้ความจริงว่าตัวเองก็มีส่วนที่เข้าใจผิดไป ก็เอาทุกอย่างมากองว่าเป็นความผิดของตัวเองคนเดียวที่ไม่เข้าใจ/ เชื่อใจทั้งที่จริงๆ แล้วอีพี่เองก็มีส่วนทำผิดต่อคนอื่น และต่อศิษย์น้องด้วยเหมือนกัน ไม่ค่อยชอบภาพ power imbalance แบบนี้เท่าไหร่ กับที่สำคัญด้วยนิสัย molester อีศิษย์พี่ นานๆ เข้าศิษย์น้องโคตรซื่อก็คล้อยตามไป แต่ก็กลายเป็นคิดว่าตัวเองผิด ที่คิดไม่ดีไม่งามกับศิษย์พี่แทนที่รู้เห็นความจริงว่าอีพี่นั่นแหละที่ใจติดตม — และที่น่าสงสารก็คือ พอช่วงเล่มสองรู้ว่าอีพี่ black belly ท่าทางหน้าเลื่อมใสแต่ใจดำมืด น้องก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว เพราะพี่ไม่ปล่อยน้องแน่ และความรู้สึก ทั้งรู้สึกผิด ทั้งเทิดทูนที่อยู่ในกระดูกสันหลังสั่งการก็ทำให้ไม่ปฎิเสธิอีพี่ไป

อ่านเรื่อยๆ ชอบช่วงต้นๆ มากกว่าเพราะบรรยายเรื่อยๆ เลี้ยงใจกัน และขำเวลาเห็นศิษย์พยายามขุดทุกสิ่งอย่างเท่าที่จะคิดได้มาล่อหลอกศิษย์น้อง ถึงขั้นที่พีคหลอกถามอายุเป็นระยะๆ เพราะว่านับเวลากิน ... แล้วพอบอกน้องว่าเคาน์ดาวน์นับถอยหลังให้น้องโต อีน้องถามว่าทำไม อีพี่ก็บอกว่าจะสอน “วิชาอย่างหนึ่ง” ให้ อีเด็กซื่อนี่ก็ดันดีใจกรีดร้องขอบคุณอีก โถ! จะถูกขายแล้วยังช่วยเค้านับเงินเนอะหนู

สปอยล์ที่สุดดด 
.
.
.
.
.
.
.
ตอนนึงที่ขำมาก คือตอนที่อีน้องเพิ่งรู้ความจริง แล้ววิ่งเข้าไปบอกอาจารย์ก็ทำให้อีพี่โกรธมากก โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าศิษย์น้องที่ว่าง่ายมาตลอดแข็งข้อกับตน แล้วคิดจะกดศิษย์น้องกินแบบโหด เต่าของศิษย์พี่ที่ศิษย์น้องเป็นคนเลี้ยงก็มาช่วยกัดอีศิษย์พี่ แล้วพอศิษย์พี่จะทำร้ายเต่า อีน้องที่ไม่มีแรงกำลังจะเสียท่า ก็ลุกขึ้นมาปรี๊ดดดทันที แบบห้ามทำร้ายเต่านะ! พออีพี่ทวงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ อีน้องก็ยิ่งกรี๊ดขึ้นมาว่า แล้วไง ที่ผ่านมาใครเป็นคนเลี้ยงงง? ถึงขั้นที่ทำให้อีพี่ที่โกรธหน้ามืดถึงขั้นสงบใจได้ และเลิกบ้าจะกดน้องไปเลย

เอาจริง ชอบช่วงฝึกวิชามาก ชอบที่ศิษย์น้องท่าทางเด๋อๆ แต่ตั้งใจฝึกวิชาจริงจัง อีดาบเทอะทะ แต่ว่าเรียบง่าย ได้ประสิทธิภาพมาก

ส่วนตัวก็อ่านได้เรื่อยๆ ส่วนตัวชอบตัวเอกฉลาดลึกซึ้ง รู้ว่าเซ็ตติ้งน้องมาต้องซื่อนิดนึง แต่บางทีก็อดขัดใจอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกต่ออีพี่ทั้งตอนชื่นชม และโดยเฉพาะรู้สึกผิด อยากให้น้องอัพเกรดมาสู้กับอีพี่ได้บ้างงงง ก็ให้ C+/B- กันไป