-เว่อร์ชั่น overview ยังไม่ลงรายละเอียด-
อันที่จริง ตั้งแต่อ่าน Mermaid Rhapsody แล้ว ก็ติดตามอ่านงานของ V.Rondell มาเรื่อยๆ นะ ชอบมิติแฟนตาซีที่ผสมกับความรักเนียนเนิบ แล้วก็ภาษาบรรยายเพ้อนิดฝันหน่อยที่เต็มไปด้วยการพรรณนาถึงสิ่งละอันพันละน้อยที่ทำให้หลับตาเห็นรายละเอียดของโลกที่สร้างขึ้นเสมอมา
ตอนแรกไม่คิดว่าจะชอบ Mermaid Symphony เพราะตั้งแต่อ่านเรื่องก่อนก็ไม่ค่อยชอบพี่สาวเอาแต่ใจเผด็จการอย่าง “เซเรน” เท่าไหร่ หงุดหงิดกับบุคลิกเอาใจตัวเองเป็นที่ตั้ง แล้วก็ไม่ค่อยฟังความเห็นของใคร ยิ่งพอมีเรื่องกับอัลเจียแล้วเจ้าตัวหาเรื่องกลั่นแกล้งและใช้งานอัลเจียเสมอ ก็ไม่คิดว่าจะอ่านเรื่องนี้ได้อย่างรักเซเรนได้
แต่ก็เพราะสิ่งที่เห็นเคลือบฉาบไว้ข้างนอก แล้วข้อดีของเซเรนที่ถูกข้างในก็ค่อยๆ กระเทาะออกมาให้เห็นจนทำให้ค่อยๆ หลงรักเจ้าหญืงเงือกนักฝันอันตรายเข้าไปอย่างจริงจัง โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวดูจะมีมิติและความลุ้มลึกมากกว่า “ควอเรีย” ที่ดูเรียบง่ายเปิดเผยอีกด้วยซ้ำ
ส่วนตัวเอกฝ่ายชาย จินน์มาสเตอร์อย่าง “อัลเจีย” ดูเป็นชายหนุ่มอารมณ์ดีสบายใจ ที่เก่งรอบด้านและรู้เข้าใจทุกอย่างไปเสียหมด แต่เบื้องหลังแล้ว สถานะจินน์ที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งเจ้านายอย่างไม่มีข้อบิดพริ้วตั้งแต่อดีตก็ทิ้งบาดแผลหนักไว้ในใจเจ้าตัวเหมือนกัน
คนสองคนที่ดูเหมือนไม่น่ามาอยู่ด้วยกัน ต้องมาเจอกันเพื่อทำหน้าที่ร่วมครั้งแล้วครั้งเล่า และสิ่งนี้ก็ทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออีกฝ่ายเปลี่ยนไปทีละน้อย จากความห่วงใยในฐานะเพื่อนร่วมทางจนกลายเป็นความรัก โดยเฉพาะเมื่อได้ใช้เวลาเปิดใจและเรียนรู้อีกฝ่ายอย่างที่เป็นจริงๆ ชอบความรักที่ความคุ้นเคย เป็นตัวทำให้เกิดความชอบพอ และความผูกพันแบบนี้มาก
แต่เพราะทั้งสอง (โดยเฉพาะอัลเจีย) ฝ่ายต่างมีภาระหน้าที่ของตัวเอง และมีปมปัญหาในใจตัวเองก็เลยทำให้ความรักครั้งนี้ยุ่งยากขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการผจญภัยตามหาคำตอบเต็มไปด้วยอันตรายที่มาทั้งพิสูจน์และเพิ่มพูนความรู้สึกระหว่างกัน อย่างที่คนเขียนขมวดไว้ว่า “ความรักไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นโจทย์ จะให้อย่างไร และรับอย่างไรถึงจะรักษามันไว้ได้”
อืมม ฉันเข้าโหมดจริงจังอีกแล้วเหรอคะเนี่ย?
นั่นแหละ ส่วนตัวแล้ว ไม่ว่าจะอ่านเรื่องไหน ส่วนใหญ่พระเอกของ V.Rondell จะมีลักษณะ happy-go-lucky ดูเหมือนสมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถนะ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังจะเต็มไปด้วยน้ำตาและความเจ็บปวดแบบที่ชีวิตนี้ไม่ควรได้พบเจอขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นไคอา อัลเจีย วาเทีย เซลริค หรือเฮเซล (เท่าที่เห็นมากๆ) ขณะเดียวกัน นางเอกผู้มีอีคิวสมบูรณ์ และมีความพร้อมทางด้านอารมณ์มากกว่าจะเป็นคนออกตัวไปคว้า ดึงพระเอกขึ้นมาจากก้นบึ้งปัญหาในใจที่พระเอกเผชิญมาตลอด เป็นงาน coming of age ผ่านการผจญภัยเดินทางที่ทั้งคู่จะเติบโตทางอารมณ์มากขึ้นไปด้วยกัน ในส่วนของพระเอกที่จะต้องเอาชนะปัญหาในใจ และนางเอกที่จะต้องมีวุฒิภาวะทางใจเพิ่มขึ้นเพื่อรับผิดชอบและเป็นผู้ใหญ่ ขณะที่รักษาใจอีกคนไปพร้อมกัน และเพราะความดึงดันไม่ยอมแพ้ของนางเอกก็จะช่วยให้พระเอกหลุดจากฝันร้ายในใจได้ที่สุด
ตอนที่อ่านก็ไม่อยากเห็นความเศร้าแบบนี้ของอัลเจียเท่าไหร่ ช่วงที่มีปัญหาเข้ามาเยอะ จะใช้วิธีรอให้ปัญหาคลี่คลายก่อนแล้วค่อยอ่านด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอยากลบลักษณะหม่นเหงานี้ออกไปจากมิติงานเขียนของ V.Rondell ด้วยซ้ำ แต่ในอีกแง่หนึ่ง มิติแฟนตาซีที่มีส่วนผสมของความรักและอารมณ์รื่นเริงสลับไปกับหนักเศร้าก็เป็นเอกลักษณ์การเขียนของเจ้าตัวด้วยเหมือนกัน
อืม แต่สุดท้ายแล้ว ตอนนี้ Mermaid Symphony กลายเป็นเรื่องที่ชอบที่สุดของ V.Rondell ไปแล้วนะ องค์ประกอบระหว่างการผจญภัย thriller ที่ตามล่าหาความจริง ไขปริศนาเปิดปมทีละน้อย กับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักที่เพิ่มขึ้นระหว่างการเดินทางลงตัวสมบูรณ์จริงๆ // ก็ได้แต่รอภาคคุณพี่คุณน้องต่อไป บอกไม่ได้ว่าอยากอ่านเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะอยากอ่านหมดดด!
จะว่าไป นักเขียนแฟนตาซีไทยที่ชอบที่สุดแต่ไหนแต่ไรก็คือ V.Rondell นี่แหละ ส่วนตัวแล้วนักเขียนที่ติดตลาดและเป็นที่พูดถึงหลายคนคนยังมีจินตนาการและความแปลกใหม่สร้างสรรค์ที่มาพร้อมกับภาษาบรรยายและพรรณนาสละสลวยสู้เจ้าตัวไม่ได้เลย (ถ้าใจร้ายบางเล่ม ไม่ต่างจากงาน cliché ที่มาเป็นสูตรตายตัวในงานภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ) ก็อยากให้ V.Rondell ดังในวงกว้างกว่านี้มากๆ จนกลายเป็นกระแสหลัก เพราะอยากอ่านงานเขียนเจ้าตัวเยอะๆ ไวๆ (แต่ฮือ กระแสแฟนตาซีมาได้ขนาดนี้ก็ดีใจแล้วนะ)
แต่เอาจริง ควรจะรู้ตัวมานานแล้วว่านี่คือนักเขียนคนโปรด แต่ก็เหมือนทุกครั้งที่ไม่เคยรู้ตัวว่าใช่สภาวะนักเขียนที่ชอบ คิดไปแค่ว่า วางใจอ่านงานคนนี้ และอ่านเรื่องที่มีใหม่ทุกเรื่อง สรุปแล้วก็คือ favourite writer ใช่ไหม? คราวหน้าควรจะบล็อกเรื่อง Imma fan ดีไหม แบบที่ผ่านไปหลายปีค่อยรู้ตัว (พูดไปก็สงสาร Anne Bishop กับ Juliet Marillier โถๆ )
ปล. ความพีคมีอยู่ว่า ได้หนังสือมาแล้วก็ยังไม่ยอมแกะห่อพลาสติกซะที จนกระทั่งเริ่มเห็นรีวิวนั่นแหละ ก็เลยเริ่มคิดได้ว่า จะหวงไม่แกะพลาสติกไปทำไม หนังสือมีให้อ่านไม่ใช่ให้เก็บเฉยๆ ถึงจะอ่านจบแล้วในเด็กดี แต่การเอามาอ่านซ้ำเอาเรื่องก็น่าจะดีเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปกสวยมากก ชอบการไล่โทนน้ำหนัก และการเคลือบเงินที่เป็นชื่อเรื่องและฟองอากาศมาก ดีงามยกเว้นแต่อารมณ์ที่อยากให้รื่นเริงกว่านี้ (ถึงแม้จะเศร้ากันมาขนาดไหน แต่ตอนจบก็ happy ending แล้วน้า)
แล้วอ้าวกรี๊ดดด กรี๊ดด และกรี๊ดดด ฉันลืมตอนพิเศษไปได้อย่างไรคะ???? /// แต่ก็กรี๊ด กรี๊ด กรี๊ด แวร์ อิส ฉากหวานแหววอินเลิฟคะ? ทำไมต้องมาฟังคนนินทาท่านพ่อกันนนน????
อืม อัลเจียทำให้คิดถึงเพลง Dear Insecurity ของ gnash ในแง่ความรู้สึกผิดและรังเกียจตัวเองที่หลอนอยู่
Oh, insecurity / When you gonna take your hands off me?/ When you ever gonna let me be/ Proud of who I am?/ When you gonna take your hands off me?/ When you ever gonna let me be/ Just the way I am?
I feel like I'm dying on the inside/ But I smile it off/ I'm a mess, I'm depressed, I'm alone and it's all my fault
และ Slow Down Love ของ Louis The Child เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะรักใครได้ ไม่วาจะด้วยความพร้อมของตัวเองหรือหน้าที่ที่มีก็ตาม (ฮือฮือ โถ อัลเจียยยยย)
Slow it down, love, it's too bright out there/ Hold on, love, you're walking thin air
All this time I waited on a future that you never did/ And despite all the love I gave/ You wanted something I can't give
ส่วนเซเรนน Hard to Love ของ Calvin Harris ft. Jessie Reyez เนอะ ก็รู้สึกว่านิสัยไม่ดี ไม่ได้อยากรักใครและเสียตัวเองไปสินะ
Oh baby, I'd rather be hard to love/ Than easy to leave, you should believe me/ I'll make you need me
I'd rather be hard to love/ Than easy to leave, you should believe me/ I'll make you need me
I love it when your roots go deep so I know you won't leave
Wednesday, 14 November 2018
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment