Wednesday, 20 February 2013

Recipe for Love by Katie Fforde



เห็นที่ชั้นหนังสือร้านคิโนะ ...



นางเอกเข้าแข่งการประกวดแข่งทำอาหาร ที่มีพระเอกเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน

เรื่องย่อแค่นี้พอ หยิบมาอ่านจากชั้นเพื่อตัดสินใจว่าจะซื้อกลับมาดีไหม ในฐานะคนชอบดูรายการแข่งทำอาหาร แต่ในฐานะฯ นี้เช่นกัน ที่ทำให้ซื้อไม่ลง และเก็บหนังสือเข้าชั้น เนื่องเพราะเรื่องนี้มีความไม่สมจริงด้วยประการทั้งปวง  ถึงขนาดที่ว่าแม้จะเป็นเรื่องรักเบาสมอง ก็เกินกว่าจะเอากลับบ้าน หรือแม้แต่อ่านให้จบได้ 

เหมือนคนเขียนพยายามเลียนแบบ Hell Kitchen/Top Chef USA ในแง่ของการแข่งขัน และแม้แต่การเลียนแบบก็ไม่เหมือนจริงเสียด้วย

ด้วยเหตุเพราะ
1.     การเป็นรายการ reality TV หมายถึง ถ่ายทอดออกอากาศได้หมด และผู้แข่งต้องอยู่หน้ากล้องตลอด แต่นี่ การบันทึกเทปในระหว่างแข่งทำอาหาร local products มีแต่ตอนซื้อของเสร็จ – ถ้าเป็นของจริง ความตื่นเต้นอยู่ที่การได้เห็นโจทย์ และดังนั้น การสังเกตปฏิกิริยาของผู้แข่งเป็นสิ่งสำคัญ การจะละเลยเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้ชมทางบ้านรู้สึกมีส่วนร่วมกับผู้แข่งจะไม่เกิดขึ้นเลย
 
2.     ซึ่งก็รวมถึง การจัดสรรบ้าน เพราะสถานที่อยู่ต่างกันออกไป ก็ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบต่างกันแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ในแง่การเดินทาง ซึ่งก็ทำให้การแข่งหรือการวางพล็อตไม่เป็นมืออาชีพ 

3.     การทำอาหาร โจทย์ครั้งแรก คือ บริหาร/บริการในร้านอาหารของคนอื่น และครั้งที่สองก็คือ three-course meal ซึ่งในแง่ความจริง ไม่ว่ารายการไหนก็เก็บทั้งสองแบบนี้ไว้ตอบใกล้จบ หรือแม้แต่จบทั้งนั้น การทำอาหารครั้งแรกมักเป็นการอุ่นเครื่อง แล้วทำอาหารที่ค่อนข้างง่ายกว่าทั้งนั้น หรือการแบ่งทีมครั้งแรก ไม่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่นอกจากการเลียนแบบการแข่งทำอาหาร Top Chef USA ที่มีกองทัพนักกินมาช่วยตัดสิน อ่านฉากแล้วไม่ต่างอะไรกับการดูรายการเหล่านั้นเลย

4.     ไม่ได้อยากกัดต่อ แต่การทำอาหารที่ไหน ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อคิดเมนู แล้วกลับมาซื้ออาหารทิ้งไว้เฉย ๆ เพื่อทำวันรุ่งขึ้นคะ? ยิ่งการที่นางเอกได้ของมาแต่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ก็ไม่ใช่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ยังทำอาหารโดยต้องอาศัยวิธีทำ และทุกคนก็ตกใจว่าไม่มีสูตร เพราะพริ้นท์ออกมาจากคอมไม่ได้? ไม่ได้นะคะ จุดนี้ต้องจำได้ในหัวแล้ว 

ประเด็นที่ไม่ควรมีที่สุด คือ ความใกล้ชิด/ สนิทสนมเกินงามของพระเอก-นางเอก มีได้ แต่คิดว่าน่าจะหาเหตุ หรือหาสถานการณ์ที่เหมาะสมกว่านี้ให้ได้ ดังเช่น การแข่งครั้งที่ 2 ทางทีมงาน เตรียมพาหนะไว้ไม่พอ และก็ทำให้นางเอกตกค้างไปจ่ายตลาดไม่ได้ ซึ่งพอพระเอกรู้เรื่องก็อาสาขับรถพานางเอกไปซื้อของ หรือเพราะเพื่อนร่วมห้องของนางเอกล็อคห้องทำให้เธอเข้าห้องไม่ได้ในคืนที่สอง และพระเอกก็อาสาให้นางเอกมานอนด้วยที่ห้อง (และก็คืนที่สาม ที่เธอบอกว่าเตียงเปียกจนนอนไม่ได้) ซึ่งต้องอย่าลืมว่าพระเอกเป็นกรรมการ การทำเช่นนี้ไม่ว่ากับฝ่ายไหนก็ดี ก็คือ ขาความเป็นมืออาชีพด้วยประการทั้งปวง
อย่างที่นางเอกตอนแรกก็ช่วยเจ้าของบ้านทำงาน ทั้งทำขนม ล้างจาน ทำอาหาร แล้วก็กลัวว่าจะมีผลกับการได้แข่งขันต่อ แต่การนอนห้องเดียวกับกรรมการต่างเพศทำได้? ไม่รู้จะเรียกอย่างไร

อ่อนในแง่เรื่องการทำอาหาร และอ่อนทั้งพล็อต ก็ขอเขียนว่า The romance Hell-Kitchen-wannabe weakling! ไม่ให้คะแนนก็แล้วกัน เพราะเป็น F และก็อยู่ในหมวด DNF/ DNKTFS (ที่ดิฉันย่อมาจาก did not make it from the shelf!)

ขอจบ สวัสดี อย่าซื้อเชียวว!


Friday, 15 February 2013

The Legend of Genghis by Dai Qing Xian and Wen Ri Liang


เริ่มอ่านเพราะภาพสวย แต่ใครจะไปคิดว่าจะดีขนาดนี้ ผิดโผการ์ตูนจีนเลยเชียว



ตัวเอก Genghis ได้รับคำสั่งจากราชินีผู้ปกครองอาณาจักรเทพ ให้กวาดล้างหมู่มารทั้งมวล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จอมมารที่จะมีอำนาจยิ่งใหญ่จนเป็นภัยกวาดล้างหมู่มวลมนุษยชาติ Genghis ผู้มีความเก่งกล้าจึงลงมายังโลกเพื่อกำจัดเหล่ามารจนหมดสิ้น จนมาถึงจอมมาร

อย่างไรก็ตาม จอมมารที่เขาได้เจอกลับเป็นแค่เด็กทารก และจิตใต้สำนึกก็สั่งให้ Genghis ยั้งดาบและให้โอกาสแต่เด็กทารกตรงหน้า เขาส่งข่าวกลับไปยังอาณาจักรเทพ และตัดสินใจหันหลังให้ทุกสิ่ง เพื่อเปลี่ยนจอมมารหรือ XiaoGui* ให้กลายเป็นคนดี
เวลาผ่านไป เขาดูแลและสั่งสอนเด็กทารกที่เจอตลอดระยะเวลาที่รอนแรมไปด้วยกัน แต่ยิ่งเวลาเนิ่นนาน ความรู้สึกผิดในใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

อืมมม ย่อได้ประมาณนี้ เรื่องนี้เป็นการ์ตูนจีนที่มีความยาวแค่ 30 กว่าหน้า แต่ว่าครอบคลุมทุกอย่างได้หมด ด้วยการเดินเรื่องที่กระชับ และรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกันก็ใช้คำพูดบรรยายจนผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้จริง ไม่รู้สึกสับสนหรือตามไม่ทัน
ช่วงแรก ๆ เปิดฉากมาที่การฆ่ามารของ Genghis และจากการบรรยายก็คิดว่า จะเป็นเรื่องบู๊ล้างผลาญเลือดสาดตามลักษณะการ์ตูนจีน แค่พอมาถึงฉากที่เจอเด็กทารกแล้วยั้งมือไม่ฆ่าเป็นจุดหักเหที่สำคัญอันหนึ่ง ฉากที่อยู่ด้วยกันหลังจากนั้นก็น่าประทับใจ ความสัมพันธ์อาจารย์กับศิษย์ที่กึ่งเป็นพ่อกับลูกเป็นตัวเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจริง ๆ เพราะเขาสอนทุกอย่างให้ และใส่ใจให้ความรักกับ XiaoGui จริง ๆ ตอนที่อ่านเจอรสชาติของหมั่นโถว/ซาละเปาเป็นตัวที่สะท้อนจุดนี้ได้ดี

อย่างไรก็ตาม ความที่กลัวก็ทำให้เปิดตอนจบก่อน ซึ่งก็ทำให้พลาดรสตอนใกล้จบไป (แม้จะอ่านไล่ใหม่ก็ไม่เหมือนเดิม) แต่เสียดายว่า (สปอยล์) [จริง ๆ แล้วฉากวัดใจเพื่อพิสูจน์ว่าตัว XiaoGui จะดีหรือไม่ดีก็ไม่ควรมีแล้วลงเอยด้วยโศกนาฏกรรมที่ Genghis ต้องตายด้วยฝีมือของ XiaoGui เลย จริง ๆ ชีวิตไม่ต้องลงเอยด้วยการตายเสมอไปก็ได้ แต่ในแง่หนึ่งการตายของเขาก็เป็นสิ่งที่จะคอยสะท้อนและย้ำเตือน XiaoGui เสมอว่า จะคงด้านดีในตัวเองได้อย่างไร]

สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เข้มข้นอีกอย่างก็คือ ฉากที่ XiaoGui ไปเจอราชินีเทพ 
 
You are Genghis' disciple ... Demon Lord Apocalypse.” 

And you are the woman unable to nullify your regency ... to be with my master.


ซึ่งเจ้าตัวพูดออกมาเองว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่นางมีญาณหยั่งรู้อยู่แล้ว และทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกราชินีเทพวางแผนให้เกิดขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วก็สมควร เพราะสำหรับการวางแผนเช่นนี้ก็มีบทลงโทษของตัวเองเช่นเดียวกัน 

"Fate ... and yours will be living in solitude. How laughable."


ชอบเรื่องนี้มาก โดยเฉพาะที่ Genghis ฝากคำพูดกลับไปหาราชินี ว่า จะไม่ขอกลับไปอีก จากความต้องการอยู่เพื่ออบรมจอมมารให้เป็นคนดี โดยยอมตัดใจจากนาง

"I will no longer foolishly wish for your presence, or your heart."


และก็เลยคิดถึง self-fulfilling prophecy เพราะเจ้าตัวเลี้ยงและหวังให้เด็กในความดูแลเป็นคนดี XiaoGui ก็เลยเป็นเช่นนั้นได้จริง ๆ 

ขอจบด้วยประโยคนี้ของ XiaoGui
 
"But the day he allowed me to live, the demon lord had already been slain."

และก็เอาไป A !!!



* XiaoGui - ปีศาจน้อย

link การ์ตูนที่ mangafox

Tuesday, 12 February 2013

Rescue Me by Rachel Gibson (Thai)




เจอเล่มนี้ตอนเดินเล่นอยู่ที่คิโนะ เผอิญว่าเพิ่งอ่าน Bet me ซ้ำอีกรอบ ก็เลยอินกับพล็อต เพื่อนเจ้าสาวหาคู่ควงงานแต่ง จนต้องอ่าน ... แม้ว่าจริง ๆ แล้วพล็อตที่คิดว่าใช่มันจะไม่ใช่ก็ตามเถอะ เวรกรรม!

 

ชนิด : Contemporary/ Romance/ Cowboy 
ชุด : Lovett, Texas, Book 3
สำนักพิมพ์ : Avon 

หลังจากห่างหายไปหลายปี Sadi ก็มีอันต้องกลับมาที่ Lovett เมืองเล็ก ๆ ใน Texas อีกครั้ง เมื่อถูกญาติพี่น้องขอให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวในงานแต่ง ระหว่างทางเข้าเมือง เธอเจอกับ Vince ที่กำลังรถเสียอยู่ ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสรู้จักกัน และเพราะเธอกำลังสิ้นหวังที่จะไปเข้างานคนเดียว และถูกถามเรื่องคนรัก ก็ทำให้เธอขอให้ชายหนุ่มแสดงตัวเป็นคู่ควงให้เธอ ... เอ่อ เหมือนตรงนี้จะเป็นพล็อตได้ ตามที่เขียนไว้หลังปก แต่ความจริงก็คือ .. แทนที่จะหนีออกจากเมือง และโดยเฉพาะห่างจากพ่อที่เหมือนคนแปลกหน้าได้ เธอกลับต้องอยู่ที่ Lovett ต่อไป เมื่อพ่อบาดเจ็บระหว่างการผสมพันธุ์ม้า และ Sadi ก็ต้องอยู่ดูแลพ่อ โดยระหว่างนั้นก็ทำให้ Sadi และ Vince มีเวลาอยู่ด้วยกัน

สรุปย่อ ๆ ก็เป็นแบบนี้ และเหมือนว่าภาษาอังกฤษที่เขียนไปก่อน จะดีกว่าภาษาไทยเสียอีก แต่ก็รู้สึกว่าย่อมาไม่เป็นเรื่องรักเสียเลย ส่วนตัว รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าเบื่อและขาดเสน่ห์ ตั้งแต่หน้าแรก เรื่องก็เล่าบรรยายจนเกินงาม มีคนวิจารณ์ว่าข้อดีของคนเขียนก็คืออ่านแล้วเหมือนนั่งอยู่ในหัวตัวละคร แต่จริง  ๆ ก็เพราะเป็นเพราะบรรยายจัดจนเป็นวิทยานิพนธ์เนี่ยแหละ เยอะจัดจนคนอ่านคิดภาพตามในหัวไม่ได้เพราะขาดจินตนาการสมองตายไป แต่ก็ยังบ้าอ่านต่อ เพราะทนหวังว่าหลังช่วงเริ่มเรื่อง มันจะดีขึ้น (ซึ่งก็เปล่า)

สิ่งที่ชอบเกี่ยวกับหนังสือ ตัดคุณพระเอกออกไป ทหารไป เรียบไป ส่วนนางเอก ถ้าสวยและประสบความสำเร็จขนาดนั้น ทำไมถึงสิ่งท้ายแล้วทิ้งทุกอย่างนอกเมืองกลับมาอยู่ที่ Lovett ล่ะ? ก็อาจจะสุดโต่งไป ถ้ามองผ่านสายตาคนอ่านเรื่องมาก แต่เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ไม่ชอบที่สุดในหนังสือ เพราะถ้าคนเขียนจะสร้างให้นางเอกอยู่บ้านเกิดเพราะเจอตัวตนตัวเองสั้น ๆ แค่นั้นก็ทำให้ส่วนที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาดูอ่อนไป ทำไมไม่เขียนให้อยู่ตรงกลางที่ทำงานเป็นนายหน้าขายที่ดินต่อแล้วกลับมาที่บ้านเสาร์อาทิตย์ล่ะ? ถ้าเป็นอย่างนั้น อีฉันยังรับได้มากกว่า แต่ก็นั่นแหละ อาจจะยังอยู่ในช่วงหาตัวเอง ไม่ใช่หาหลักตัวเองอยู่ก็ได้ (หมายถึงฉัน) เลยรู้สึกว่าเธอถูกสถานการณ์ดูดกลืน ในฐานะเด็กที่หายไปจากบ้าน แล้วกลับมาเจอว่าตัวเองมีความรับผิดชอบที่ต้องดูแล จนไม่มีทางเลือกอื่นมากกว่า

ก็สารภาพกันไปว่า สิ่งที่ทำให้อ่านก็คือปมในใจที่มีกับพ่อ แล้วก็เลยอ่านด้วยความหวังว่าความสัมพันธ์พ่อลูกจะดีขึ้นได้ แล้วก็นะ ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราคิด ก็เลยรู้สึกผิดหวังกับการจบ (สปอย์) [พ่อตาย] ในชีวิตก็ไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราหวังอยู่แล้ว  

อื่น ๆ เหมือนว่าคน 2 คนมาอยู่ด้วยกันในเมืองที่มีแต่คนแปลกหน้า แล้วก็รักกัน หลังจากเป็นเพื่อน และผ่านค่ำคืนมาด้วยกัน เพราะคืนเดียว กลายเป็น สองคืน สองอาทิตย์ และสองเดือนได้ ซึ่งในเรื่องรัก ก็ไม่แปลกอะไรที่ความใกล้ชิด จะกลายเป็นผูกพัน และความรัก แต่เพราะวิธีการเขียนที่จริงจัง ก็เลยทำให้รู้สึกเป็นเชิงบังคับ และหม่นไปหน่อย

แต่อย่างไร ก็ยังชอบ Sadi ที่คุณเธอเข้มแข็ง ตรงไปตรงมา และมีน้ำใจ โดยเฉพาะฉากที่เธอเสนอตัวช่วย Vince หลังจากรู้ว่าชายหนุ่มเผชิญกับฝันร้าย

“I’m sorry. It must be horrible. I wish there was something I could do.”


“Why?”


“Because you helped me when I needed you. Because I’m not lonely when you’re around. Because you rescue me even when I don’t ask you to.”

ความรู้สึกซับซ้อนสับสนหลายประการ ทั้งตอนอ่านและตอนวิจารณ์ แถมยังเกือบอ่านไม่จบด้วย ก็เลยให้ D/C- ไป พร้อมประโยคที่ว่า “A boring read.”


---

15/02/13
เนื่องจากเรื่องนี่เหมือนอ่านจดบันทึกชีวิตคนอื่น ก็เลยขอสรุปให้ใหม่ว่า "A boring diary of two people"
 ----

สุดท้าย ที่ไม่เคยเกี่ยวกับหนังสือ แล้วปมในใจฉันกับพ่อก็คงไม่เคยจบ นี่ก็คงทำให้อ่านแล้วอิน เฮ้ออออ...