Monday, 25 October 2021

문 너머 // Beyond the Door



คนเขียน: 해롱씨 

แนว: โลกไกด์-เอสเปอร์, ability, regression, large dog, fluff, healing 

ความสัมพันธ์: ไกด์ X เอสเปอร์ 

จำนวนตอน: 61 ตอน (ยังไม่จบ)

นี่คือเรื่อง Guide ที่รอมากที่สุดเดือนนี้ จบ 60 ตอนไปแล้วเมื่อวานซืนค่ะ  แล้วจะมาอีกวันไหนเนี่ยยยย ทำไมไม่ประกาศวันตอนมา

Kim Daemun เป็นเอสเปอร์ที่มีพลังสร้างประตู teleport ไปสู่ที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าตัวได้พลังมาตอน 8 ขวบ ขณะที่กำลังถูกพ่อแท้ๆ ฆ่าบีบคอ... ถึงแม้จะเป็นการป้องกันตัวเอง ความผิดฐานฆ่าพ่อตัวเองตายก็คงอยู่ และยิ่งถูกสมาคมผู้มีพลังพิเศษพาตัวไปเพราะเห็นว่าเป็นเอสเปอร์ที่มีพลังพิเศษ การถูกทารุณ และใช้งานต่อเนื่องก็เกิดขึ้นจนถึงตอนที่อายุ 27 เมื่อตัวเองกำลังถูกเหล่ามอนสเตอร์ฆ่าตาย ก็เปิดประตูบานสุดท้ายด้วยพลังโดยไม่รู้ตัว

และกลายเป็นย้ายเวลากลับมาในเวลาที่กำลังจะถูกพ่อตัวเองบีบคออีกครั้ง .. เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเดิม และก็จบที่ Lee Ji-eon ไกด์ที่อยู่ในความทรงจำมาช่วยไว้ และพาไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งในชาติที่แล้ว Lee Ji-eon พยายามทำเรื่องเป็นผู้ดูแลเอสเปอร์เด็กที่ถูกพ่อทารุณกรรมมา แต่เพราะตัว Daemun กลัวผู้ใหญ่จนหนีเข้าไปอยู่ใต้เตียงทุกครั้ง ก็ทำให้การพูดคุยกันไม่เกิดผล จนถูกประธานสมาคมผู้มีพลังพิเศษพาตัวไป และถูกใช้งานหนักจนตาย

แต่ชาตินี้ เมื่อมีความทรงจำเดิมอยู่ ก็เลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์เดิม โดยการตอบตกลงให้ Lee Ji-eon กลายเป็นผู้ดูแลตัวเอง 

สองคนกลับไปบ้าน Lee Ji-eon และก็ได้เจอกับ Lee Geon น้องชายของ Lee Geon ที่เป็นไกด์เหมือนกันในวัย 10 ขวบ

ตอนแรก Geon ไม่ชอบ Daemun เลย เพราะว่าเกลียดเด็กที่มาแย่งความรักและความสนใจของพี่สาวตัวเองไป .... แต่เพราะสภาพตัวเล็กแกรนเกินกว่าวัย 8 ขวบ และท่าทีอ่อนแอน่าสงสารก็ทำให้ Geon เปิดใจรับ Daemon มาทีละน้อยจนเหมือนเป็นน้องชายตัวเองอีกคน

ซึ่งเพราะสถานภาพตัว Geon ที่เป็นไกด์ตั้งแต่แรกเกิด และก็มีแนวโน้มเป็นไกด์ระดับเอสก็ทำให้เจ้าตัวถูกลักพาตัวโดยเอสเปอร์บ้าคลั่งหลายต่อหลายครั้งจนต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อป้องกันการถูกลักพาตัวจากเอสเปอร์ ด้วยความรู้สึกโกรธเกลียดเอสเปอร์ทุกคน 

ตอนแรกอ่านเรื่องย่อ เข้าใจว่าตัวเอกที่ย้อนเวลากลับมาเพื่อปกป้องพระเอกกับพี่สาวพระเอกที่เคยดูแลตัวเอง แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นพี่สาวพระเอกกับพระเอกดูแลตัวเอกเหมือนน้องชายคนเล็กไปแทน ..  ตอนนี้ครอบครัวเล็กๆ มีกัน 3 คน และชีวิตประจำวันของเด็กสองคนเหมือนจะผ่านไปอย่างเงียบสงบ เมื่อสองคนเข้ากันได้ดี และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกัน โดยเฉพาะเมื่อหน้าที่ไกด์ Daemun ของพี่สาวกลายเป็นหน้าที่ของ Geon ที่อยู่ด้วยกันตลอด

แต่ว่าความสงบอยู่ได้ไม่นาน เมื่อประธานสมาคมฯ ไม่ยอมถอดใจจากตัว Daemun และลักพาตัวเด็กสองคนไปจากบ้าน

และการฉีดยาเพื่อสะกดให้เอสเปอร์อยู่ใต้อำนาจตัวเองก็ทำให้ Daemun อยู่ในสภาพ runaway ซึ่งถึงแม้หลังจากนั้นเจ้าตัวจะใช้พลังพาตัวเองและ Geon หนีกลับมาที่บ้านได้ แต่ Daemun ก็หลับไปถึง 6 ปี ซึ่งเมื่อตื่นมาอีกปี ตัวเองก็อายุ 14 ปี และ Geon ก็ 16 ปีแล้ว 

.

.

เอาจริง มันคือเรื่องที่ต้องอดทนใจเย็นตอนอ่านมาก เพราะถ้าจะหวังว่าจะเป็นเรื่องแนวเอสเปอร์ปกติที่เหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทั้งหลายใช้พลังน่าอัศจรรย์แล้วล่ะก็ ผิดถนัด!

เพราะว่า Daemun ถูกทำทารุณกรรมเป็นแค่ทาสของสมาคมมาทั้งชีวิต ความรู้สึกรักตัวเองหรือให้ค่าตัวเองไม่เคยมีอยู่เลย และการใช้พลังก็เป็นเพราะถูกบังคับ คุกคาม และดูถูกมาตลอด ไม่เคยเกิดจากความต้องการของตัวเองเลย โดยเฉพาะยิ่งเมื่อตื่นมาอีกครั้ง สภาพร่างกายที่อ่อนแอ เพราะหลับไป 6 ปี กับความรู้สึกว่าการที่ Geon ต้องถูกจับไปด้วยเพราะตัวเอง และก็ไม่กล้าใช้พลังหนีในตอนนั้นก็ยิ่งทำให้ความเกลียดตัวเองด้อยค่าไปอีก 

แต่เพราะ Geon ใจเย็นคอยดูแล Daemun อย่างใส่ใจ ก็เลยทำให้ Daemun ยอมเปิดใจ และกล้าเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง ... โดยที่เริ่มรู้แล้วว่าในอดีต นอกเหนือจากการถูกกดข่มว่าเป็นพวกไร้ค่า พลังอ่อนแอมาตลอดในสมาคม ตัวเองก็ถูกใช้ยา และถูกล้างสมองจากประธานสมาคมตั้งแต่เด็กด้วยเหมือนกัน จากความทรงจำที่หายๆ ขาดๆ ไม่ประติดประต่อมาตลอด และทั้งที่มีอายุถึง 27 ปีแล้วก็ยังมีนิสัยหรือวิจารญาณเหมือนเด็กอยู่ 

จริงๆ สภาพการถูก abuse พลังของพวกผู้มีพลังพิเศษ โดยเฉพาะพวกที่พลังตื่นขึ้นมาตั้งแต่เด็กในสภาพครอบครัวด้อยโอกาส/ เด็กกำพร้าเป็นเรื่องปกติ แต่การยกมาเป็นประเด็นใหญ่ในเรื่องนี้ก็ทำให้ Beyond the Door มีจุดเด่นของตัวเองที่ไม่ได้เริ่มจากพลังน่าตื่นเต้นของตัวเอกเหมือนกัน เพราะเริ่มมาตั้งแต่สภาพที่ติดลบ ยิ่งกว่าเป็นศูนย์ ก็เลยเป็นโจทย์ที่ว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไรให้คนที่ขี้ขลาดและไม่มั่นใจในตัวเองอย่าง Daemun กล้าใช้พลัง และพัฒนาตัวเองให้ได้ 

เพราะหลังจากเหตุการณ์ลักพาตัว เจ้าตัวอยากควบคุมพลังตัวเองให้ได้ที่จะปกป้องคนที่ตัวเองให้ความสำคัญ ซึ่งก็คือ Geon กับ Ji-eon ได้ ไม่ต้องขดอยู่อย่างหวาดกลัวหลัง Geon ซึ่งเด็กกว่าตัวเองได้อีก และตอนนี้ก็เลยคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือช่วงหลังตอนที่ 30-35 แล้วด้วยซ้ำ

กับน่ารักที่จริงๆ แล้ว Geon เป็นพวกไกด์ก้าวร้าว ในแง่ที่ว่าเกลียดเอสเปอร์ทุกคนมาก หรือในแง่นิสัยก็เป็นพวกเย็นชา กำแพงน้ำแข็งมากกับทุกคนในโลก แต่ว่าโอ๋มาก ใจดีมากกับเอสเปอร์ตัวเองคนเดียว ถึงขั้นที่วันแต่ละยุ่งวุ่นวายกับการดูแลตัวเอกตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ตามใจมากเวลาทำอาหารที่ชอบให้เช้าเย็น แต่ก็เข้มงวดเวลาสอนหนังสือให้เหมือนกัน และในแง่นี้ก็ต่างจากเรื่องไกด์อื่นเหมือนกัน เพราะคนที่ก้าวร้าวไม่เปิดมิตรต่อโลก และหวงเอสเปอร์ตัวเองเป็นไกด์แทนที่จะเป็นเอสเปอร์เย็นชา หน้านิ่งเหมือนเรื่องอื่นๆ 

กลายเป็นความฟลัฟที่อยู่กัน เข้าใจกันสองคน เพราะว่าตัว Geon จะจับมือ Daemun ไว้เสมอเพื่อไกด์ให้ Daemun ที่ตื่นตัวและอารมณ์ไม่มั่นคงง่าย และ Daemun ก็แอบอยู่หลัง Geon ให้ Geon เป็นหลักเป็นที่พึ่งตัวเองเหมือนกัน

โดยเฉพาะพอมาใช้ชีวิตใหม่ ก็มีสิ่งหลายสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้ทำ และไม่เคยได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีคนให้ค่าให้ความสำคัญ ได้นอนบนที่นอนที่มีผ้าห่มอุ่นๆ มีคนจัดงานวันเกิดให้ ที่น่ารักตรงสองพี่น้องถาม Daemun ว่าอยากกินอะไร แล้วพอตอบว่าชอบกินข้าวที่ทำเองที่บ้าน Geon ก็ทำอาหารโปรดของ Daemun เต็มที่ ไม่นับที่พอเจ้าตัวหลับก็แอบไปอบเค้กให้ด้วย Daemun ร้องได้ตอนได้เค้ก แล้วก็เพิ่งเข้าใจว่าวันเกิดเป็นวันที่มีความหมาย ไม่ใช่วันอีกวันในปฎิทินอย่างที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต ฮือ 

และความต้องการเป็นไกด์จับคู่กับเอสเปอร์ก็เริ่มจากตัว Geon เหมือนกันที่การดูแลตัว Daemun รวมถึงการไกด์ผ่านการจับมือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดแวลา จนถึงวันที่ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะเป็นไกด์คู่กับ Daemun ก็กลายเป็นเรื่องปกติของเจ้าตัวไป และเมื่อ Geon ออกมาประกาศแบบนั้น ก็เลยทำให้เมื่อเวลาผ่านไป Daemun มีเหตุผลที่จะพัฒนาความสามารถตัวเองเพื่อให้ได้เป็นเอสเปอร์ที่คู่ควรกับ Geon เหมือนกัน 

เริ่มต้นที่เมื่อ Daemun ซื้อของอยู่ในห้างกับ Geon และ Ji-eon มีเหล่าสัตว์ประหลาดอาละวาด และเพราะน้ำหนักตัวที่มากของสัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายก็ทำให้พื้นห้างถล่ม Daemun กับ Geon ตกลงมา .... Daemun ก็พยายามใช้พลังเปิดประตูย้ายออกมาอยู่นอกห้าง และเหมือนว่าพลังจะเพิ่มขึ้นเพราะมีเสียงในหัวบอกว่าไม่ต้องใช้สื่ออะไรเลย ตัว Daemun สามารถเปิดประตูได้เลย ต่างจากเดิมที่ต้องมีสื่อในการวาดประตูขึ้นมา 

และเมื่อพัฒนาตัวเองไป มีช่วงที่ขำมาก เพราะว่า Daemun ไปขอคุยกับปู่ของ Geon เพียงลำพังสองคนว่าถ้าตัวเองวัดเกรดออกมาได้สูง ก็จะเข้ากิลด์ของปู่ แต่ขอให้ Geon เป็นไกด์คู่ตัวเอง เพราะเข้าใจว่าการจับคู่กับเป็นเรื่องของผู้ใหญ่กำหนด และก็ไม่กล้าให้ Geon ฟัง โดยที่ Geon ก็ไม่กล้าโกรธตัว Daemun สุดที่รักของตัวเอง ได้แต่น้อยใจกับหันไปถลึงตาใส่ปู่ก่อนเดินออกไปจากห้อง (และก็ไม่ไหนไกล เป็นการแอบฟังหน้าประตู) แต่พอปู่ได้ยินว่าเป็นเรื่องอะไรก็หัวเราะแล้วเรียก Geon เข้ามาถามความสมัครใจเอง สรุปว่าการอ้อมโลก และการเลี่ยงเจ้าตัวก็ไม่ได้ผลใดๆ 

และคราวนี้ตัว Daemun ที่วัดพลังก็กลายเป็นเอสเปอร์ระดับเอสไปแล้ว ทำให้นักวิจัยที่วัดพลังตื่นเต้นว่าตัว Daemun เป็นเอสเปอร์ที่พลังตื่นตอนที่อายุน้อยที่สุดไม่พอ มาจับคู่กับ Geon ก็กลายเป็นคู่เอสเปอร์ไกด์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกกันไปอีก — แต่จริงๆ ก็แอบสงสัยว่าพลังของตัวเองควรจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพราะรีเกรสกลับมาอย่างที่แนวแฟนตาซีเป็น แต่เป็นเพราะในอดีตถูกพวกสมาคมกดข่มเอาไว้จนพัฒนาความสามารถไปได้ไม่เป็นเต็มที่ 

กับมีอีกประเด็นนึงที่มีเรื่องเล่าในอดีตว่ามีคนที่ทำหน้าที่ gatekeeper ปิดประตูกั้นไม่ให้เหล่าสัตว์ประหลาดออกมาทำลายล้างโลก และก็บอกว่าวันนึงสายเลือดตัวเองก็จะปรากฎออกมา ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็น Daemun นั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อชื่อ Daemun ก็มีความหมายว่าประตูอีก 

แต่ตอนนี้คงต้องพักเรื่องใช้พลังแล้วมาเน้นที่การเติบโตกันก่อน ตอนนี้ Daemun เพิ่งอายุ 15 ปี แล้วก็มีความฝันใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอย่างที่ชาติที่แล้วไม่เคยได้ทำ 


ปล. ไม่ไหวแล้ว ชอบประโยคนี้มากก ฮืออ  

'잘 자. 나의 에스퍼.' Sleep tight, my Esper. เนี่ยยย

เป็นชะนีที่โดนดาเมจแทนไปเต็มๆ




No comments:

Post a Comment