Saturday, 30 October 2021

서바이벌 오디션 : 내 일은 아이돌 // Survival Audition : My Job Is An Idol



คนเขียน: 라비크
แนว: ไอดอล, reality show, large dog, fluff, healing, growth
ความสัมพันธ์: เพื่อนร่วมรายการ
จำนวนตอน: 64 ตอน (ยังไม่จบ)

สารภาพจากใจว่าไม่ใช่แนววงการบันเทิง/ ไอดอลเลย แต่ว่าอ่านตามอีเวนต์ แล้วรู้ตัวอีกทีก็เล็มกดซื้อตอนไปเรื่อยๆ จะครึ่งเรื่องแล้ว .... ความดีงามแทรกตัวอยู่ในจะทุกอณู กรี๊ดดด ช่วงแรกจะยังเนือยๆ ปูทางนิดนึง แต่พอสองคนลงตัวแล้วช่างดี!

เรื่องเริ่มที่ Lee Jooha ถูกคัดออกจากการ debut กับกลุ่ม หลังจากที่เป็นเด็กฝึกและซ้อมอย่างหนักมา 6 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่าบุคลิกของเจ้าตัวเหมือนกับสมาชิกอีกคน และเมื่อครอบครัวโน้มน้าวให้เลิกความฝันจะเป็นศิลปิน Jooha ก็ตัดสินใจหาโอกาสสุดท้ายด้วยการไปคัดตัวรายการ ‘My Job Is An Idol’ และเข้าร่วมรายการด้วยอันดับที่ 24

ขณะเดียวกัน Choi Tae-ri ที่โด่งดังจากผู้ติดตามกว่า 500,000 คน ใน YouTube และเด็กฝึกของค่ายเพลงที่ดีที่สุดอย่าง Fandom ก็มาคัดตัวด้วยกันเหมือนกัน Tae-ri มีชื่อเสียงจากการเป็นอัจฉริยะการเต้น เป็นลูกหลานจากครอบครัวเจ้าของมูลนิธิการแพทย์ รวมไปถึงรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น และหลังคัดตัวก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เมื่ออันดับหนึ่งที่ได้อภิสิทธิ์เป็นห้องนอนสวีทชั้นบนของโรงแรมและสามารถเลือกเพื่อนร่วมห้องตัวเองได้ Tae-ri ก็เลือก Jooha มาอยู่ด้วยกัน ด้วยเหตุผลตามที่ให้สัมภาษณ์ว่า อายุเท่ากัน น่าจะเข้ากันได้ง่าย

แต่ Jooha ก็ยังสงสัยอยู่ดี และเมื่อถามเจ้าตัวตอนอยู่ด้วยกันสองคน คำตอบของ Tae-ri ก็คือ อยาก debut ด้วยกัน ... ซึ่งแปลกที่คนที่สมบูรณ์แบบอย่าง และดูประสบความสำเร็จอย่าง Tae-ri สนใจคนที่เพิ่งถูกคัดตัวออก และหมดสัญญาเด็กฝึกกับค่ายเพลงอย่าง Jooha

และถึงแม้ Jooha จะระแวงสงสัยแรงจูงใจของ Tae-ri แต่พออยู่ด้วยกัน แรงดึงดูดระหว่างสองคนก็สูงมาก ... โดยรู้ว่าตัวเองถูกดึงดูดเข้าหาอีกฝ่าย และใจไม่อยู่กับตัวทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน

ซึ่งเอาจริงแล้ว Tae-ri ก็ชอบ Jooha มาก่อน แต่จะทำอย่างไร ถึงจะสื่อความรู้สึกให้ตรงกัน?
.
.
งานน่ารัก เพราะว่าชอบบุคลิกของตัวเองที่พยายาม ตั้งใจ และความมุ่งมั่นสูง ตอนที่เข้ามาคัดรายการ ตัวเองมาด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้ เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ถูกคัดเลือกให้ debut แต่พอมาอยู่ในการประกวด ช่วงเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้สูญเปล่าเลย เพราะว่าทักษะการเต้นก็ดี การร้องเพลงก็ดี ของ Jooha สูงมากจนอยู่ในระดับท๊อปได้ด้วยซ้ำ

และเพราะการแบ่งตามลำดับในกลุ่ม การจะจับตามท่าเต้น และฝึกฝนไปก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ Jooha เลย น่ารักที่ในกลุ่มมี Seo Eunwon เด็กที่อายุน้อยที่สุด คือ 15 ปีมา และพอเจ้าตัวจับแขนเสื้อขอให้ Jooha ช่วยสอนเต้น เจ้าตัวก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างไม่คิดมากเลย ถึงขั้นช่วยคนอื่นซ้อมในกลุ่มย่อยตัวเองต่อด้วย

ระหว่างวัน สองคนไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมากนัก ด้วยความที่อยู่คนละกลุ่ม แต่ว่า Tae-ri ที่พูดคุยกับเพื่อนในกลุ่มตัวเองก็ก็คอยสอดส่องจ้องมอง Jooha อยู่เสมอ และตอนกลางคืนที่นอนห้องเดียวกัน คืนแรก Tae-ri ก็เดินเปลือยอกออกมาจากห้องน้ำไม่ใส่เสื้อแล้ว ไม่นับว่าตัว Tae-ri เล่นแผลงๆ ด้วยการเอาชุดและผ้าเช็ดตัว Jooha ไปซ่อน และพอจะนอนที่โซฟาและถูกโน้มน้าวมานอนที่เตียง พอตื่นมาจากที่นอนอยู่ริมเตียงก็กลายเป็นอยู่กลางเตียง

วันต่อมา มีมิชชั่นแรกที่ทุกคนจะได้จับพร็อพที่จะต้องใช้ประกอบการถ่ายรูปโปรไฟล์ตัวเอง ซึ่งมีหลากหลายตั้งแต่นาฬิกาหรู หนังสือ ผลไม้ กุญแจรถ กิมจิ ฯลฯ ไปจนถึงกล่องปริศนา และ Jooha ที่คาดหวังว่าจะได้ปืน ก็จับได้กล่องปริศนาใบใหญ่สุด .... ที่เปิดออกมาเป็นชุดกษัตริย์ราชวงศ์โชซอนสีแดง

และตัว Tae-ri ก็แทบจะไม่ต่างกัน เพราะเจ้าตัวได้ด้ายดำเป็นพร็อพ

ระหว่างที่ต้องหาแนวคิดประกอบกับพร็อพที่ตัวเองได้มาส่งให้ทีมงาน Jooha ที่ยังคิดอะไรไม่ออกก็ได้ข้อความจาก Tae-ri ว่า Yeonsan-gun มาช่วยพอดี ....

ก็เลยได้แนวคิด prodigal king กษัตริย์ฟุ่มเฟือย เสเพลมา

และกลายเป็นว่า Tae-ri ที่นั่งอยู่ในห้องคุยกับทีมงามก็ส่งแนวคิดตัวเองไปนานแล้ว แต่ว่านั่งรออยู่เป็นเพื่อน Jooha และเมื่อขึ้นมาที่ห้องด้วยกัน และคุยกัน Tae-ri ก็ยังพูดเหมือนเดิมว่า อยากอยู่ด้วยกัน debut ด้วยกัน และพอถามว่าทำไม ก็บอกว่าเป็นคนเดียวที่อยากนอนอยู่ในห้องสวีทนี้ด้วยกัน

และเมื่อถ่ายรูปคอปเซ็ปต์วันต่อมา ด้วยนิสัย Jooha ที่แข็งทื่อ จริงจังก็ไม่สามารถทำตัวให้เป็นกษัตริย์เสเพลได้จนกระทั่งถูกช่างภาพดุ และเมื่อบอกให้ใช้จินตนาการคิดถึงสิ่งยั่วยวนทั้งหลายตั้งแต่ฝิ่น เหล้า และผู้หญิง สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวก็คือ Tae-ri ที่อยู่กับตัวเอง ด้วยประโยคที่ว่า คนเดียวที่อยากนอนด้วยก็คือตัว Jooha และเมื่อหลุดไปในจินตนาการ กลายเป็นว่ารู้ตัวเพราะได้ยินเสียงช่างภาพเอ่ยชมไปแล้ว

หลังจากนั้น เพราะ Tae-ri แกล้งกอด Jooha ตอนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน คืนต่อมาเจ้าตัวก็เลยหนีไปนอนที่โซฟา และก็ตัดไปที่มุมมองของ Tae-ri หลัง Jooha หลับ กลายเป็นว่า Tae-ri อยาก debut กับ Jooha จริงๆ เพราะตัวเองเจอ Jooha ตอนกำลังซ้อมเต้นเมื่อปีก่อน ความมุ่งมั่นและตั้งใจ และความสุขที่ได้อยู่บนเวทีส่งผ่านชัดจน Jooha ที่กำลังซ้อมเต้นโดดเด่นมากในสายตา Tae-ri จนอยากจะ debut ร่วมกับ Jooha ขึ้นมา

ครบหนึ่งอาทิตย์ ระหว่างที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน Tae-ri ที่เอานิ้วจิ้มแก้ม Jooha (?) ก็บอกว่าจะโทรหา

และเมื่อรายการออกอากาศคืนแรก Jooha ที่ไม่อยากดูรายการในบ้านที่ครอบครัวคัดค้านการมาประกวดก็ตัดสินใจไปดูบ้าน Tae-ri ตามที่อีกฝ่ายชวน

ท้ายรายการมีการอัพโหลดรูปโปรไฟล์ที่ถ่ายไปของแต่ละคน และคนแรกที่ Jooha เปิดดูก่อนรูปตัวเองก็คือรูป Tae-ri และขณะเดียวกัน รูปแรกที่ Tae-ri ดูก็คือรูป Jooha เหมือนกัน .... เอาจริง รูป Jooha โดดเด่นและเล่าเรื่องอย่างที่เจ้าตัวไม่คาดฝันเลย เพราะภาพราชาเสเพลที่ทั้งหมกมุ่นและยั่วยวนเกิดความคาดคิดของ Jooha ไปมาก และก็เกิดจินตนาการของ Tae-ri ไปมาก .... จบลงที่ Tae-ri อดใจไม่ไหว จูบ Jooha และเลยเถิดทั้งคืน

เมื่อตื่นมาตอนเช้า Jooha ที่รู้ตัวก็หนีกลับบ้านระหว่างที่อีกฝ่ายยังหลับตอนเช้ามืด และเพราะคิดว่า Tae-ri ไม่ได้จริงจังก็ไม่ยอมรับทั้งข้อความทั้งโทรศัพท์ใดๆ จากอีกฝ่ายจนกระทั่งกลับมาที่รายการต่อด้วยกัน

ชอบที่รูป Jooha เด่นมากจนเอาชนะอันดับหนึ่งได้ และเมื่ออันดับสองเป็น Tae-ri คราวนี้ทั้งสองคนต้องอยู่ห้องเดียวกันอีก แต่ว่า Jooha ก็ยังหลบหน้า Tae-ri ทุกรูปแบบที่ทำได้ต่อไป จนกระทั่งมีเกมให้จับกลุ่มกัน และ Tae-ri ที่โกรธว่าอีกฝ่ายหลบหน้าตัวเองก็วิ่งพุ่งมาจับคู่กับ Jooha ให้ได้

ตกกลางคืนสองคนที่ทะเลาะกันก็ขึ้น จนกระทั่ง Jooha พูดออกไปตรงๆ แล้วก็กลายเป็นว่าสองคนรู้ใจอีกฝ่ายว่าคิดเหมือนกันซะที

หลังจากนั้นแล้ว ความทุ่มเทและความจริงใจที่ Tae-ri มีให้กับ Jooha เปลี่ยนแปลงตัวเองกลับมาได้ เพราะว่านิสัยจริงจังและตั้งใจไม่ผ่อนปรนกับตัวเองทำให้ Jooha ดูจืดชืดน่าเบื่อ และยิ่งพอถูกคัดออกจากวงก็กลายเป็นปมในใจที่คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ แต่พออยู่ด้วยกัน มี Tae-ri ที่เชื่อมั่นในตัว Jooha จากความคิดที่ว่า อยาก debut ก็เปลี่ยนเป็นเพราะอยาก debut ด้วยกันกับ Tae-ri และอยากเก่งขึ้น แข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้ตามความฝันที่กลายเป็นของทั้งคู่ให้ได้ และ Jooha ก็เริ่มเปลี่ยนตัวเองขึ้นมาทีละน้อยเหมือนกัน ชอบที่บอกว่าถ้าทำเต็มที่ได้แค่ 70% ถ้าอยากได้ 100% ก็ต้องทำ 130% ความมุ่งมั่นเต็มที่น่ารัก เป็นพัฒนาการและการเติบโตที่ชัดมาก

และผลก็ออกมาในรูปผลการแข่งที่ตัว Jooha เข้าใจตัวเอง และหาจุดเด่นตัวเองออกมาใช้ได้ดีมากขึ้น และก็กลายเป็นคนที่โดดเด่นขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้เข้าประกวด น่ารักที่ตอนแรกความสัมพันธ์กับที่บ้านแย่มาก เพราะพ่อกับแม่พยายามคัดค้านการมาคัดตัว อยากให้ลูกชายตัวเองมองโลกตามจริง โดยเลิกความฝันและไปตั้งใจเรียนอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่พอเห็นลูกชายตัวเองในทีวี เห็นความตั้งใจมุ่งมั่นก็เริ่มกลับมาสนับสนุนลูกชายเพิ่มขึ้นเหมือนกัน จากที่อาทิตย์แรก Jooha ลากกระเป๋าขึ้นรถใต้ดินกลับบ้านเองก็กลายเป็นอาทิตย์ต่อมาแม่ขับรถมารับให้เหมือนเด็กคนอื่น และที่บ้านก็ดูการประกวดที่ออกอากาศอย่างตั้งใจลุ้นลูกชายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ .... ถึงขั้นที่สุดท้าย แม่ลากตัว Jooha ไปตัดผมในร้านที่แพงมาก เพราะอยากเสริมบุคลิกให้ลูกชายเพื่อช่วยอีกทางหนึ่งเหมือนกัน (ซึ่งที่ผ่านมา ตัว Jooha ไม่มีเงิน และไม่กล้าขอพ่อแม่ก็คิดว่าได้แต่ปล่อยไป)

ส่วนทางตัว Tae-ri ที่ทุกคนคิดว่าสมบูรณ์แบบ คาบช้อนทองมาเกิด ก็มีปัญหาของตัวเองเหมือนกัน การที่เกิดในตระกูลดีไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะทุกคนในครอบครัวเป็นหมอหรือไม่ก็ทนาย การที่มีการศึกษาสูงและเป็นการวิชาการจริงจังทำให้รังเกียจอาชีพอย่างศิลปิน และเมื่อตัว Tae-ri ที่เรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีทิ้งการเรียนมาสู่การเป็นเด็กฝึกก็ทำให้ทั้งครอบครัวดูถูกตัว Tae-ri ไปด้วย เมื่อใดก็ตามที่อยู่พร้อมหน้ากับทั้งตระกูลตามเวลามื้ออาหารประจำอาทิตย์ก็จะถูกทุกคนเหยียดหยาม วิจารณ์กลายเป็นแกะดำของวงศ์ตระกูลเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น เพราะการที่อยากเป็นศิลปินก็ทำให้พ่อไล่ Tae-ri ออกจากบ้านด้วย ถึงขั้นที่ต้องมาอยู่คนเดียว

แล้วเมื่อมองย้อนอดีตไป การที่ทั้งพ่อกับแม่เป็นหมอทั้งคู่ ก็ทำให้ไม่เคยมีเวลาให้ Tae-ri เลย เจ้าตัวโตมากับคนขับรถ แม่บ้าน และครูสอนพิเศษเท่านั้น เมื่อมีการพบผู้ปกครอง คนที่ไปพบครูที่โรงเรียนก็คือคนเหล่านี้แทนพ่อแม่มาตลอด และดังนั้น การที่ได้เจอกับ Jooha ที่เชื่อมั่นในความฝันแบบเดียวกัน และเมื่อ Jooha เปิดใจและทุ่มใจให้กับ Tae-ri กลับก็กลายเป็นหลักพิงของ Tae-ri ไปด้วยเหมือนกัน เวลาที่อยู่ด้วยกันของสองคนและฝึกซ้อม เตรียมตัวทุกอย่างด้วยกันสำหรับการประกวดก็คือก้าวทีละก้าวที่สำคัญสำหรับความฝันของทั้งคู่

เป็นการเล่าเรื่องขาดๆ เกินๆ ยังไงก็ไม่รู้ แต่ชอบที่อยู่ด้วยกัน แล้วสองคนมีที่พึ่งและเป็นแรงให้อีกฝ่ายมาก น่ารักที่ Tae-ri ติดและอ้อน Jooha ผิดกับท่าทีเป็นผู้ใหญ่เวลาอยู่ข้างนอกเสมอ อย่างพออยู่ด้วยกันก็นอนหนุนตัก กอดหนึบตลอดเวลา หรือขนาดประกวดอยู่ในรายการก็จะแอบหันมาขยับปากบอกว่า รักบ้าง คิดถึงบ้างเป็นระยะๆ ซึ่งตัว Jooha ก็แพ้ความอ้อนด้วยเหมือนกัน นอกจากจะต้องตามใจกลับ และขยับปากตอบว่า เช่นกัน เหมือนกัน แล้วก็มักจะชอบคิดว่า Tae-ri ที่ตัวสูง 185 เซน ว่าเป็นลูกหมาถูกทิ้งดูน่าสงสาร ลูกแมวท่ามกลางสายฝน และลูกสัตว์ตัวเล็กน่ารักทั้งหลายอีกมาก

และก็เพราะ Tae-ri ไม่เคยมีใครมาก่อน นอกเหนือจากจะอ้อนเอาแต่ใจแล้ว ก็ยังหึงเล็กหึงน้อยด้วยเหมือนกัน น่ารักที่พอกลับมาอยู่ที่บ้าน วันที่ Jooha รีบมาหา Tae-ri ที่บ้านตอนเช้า จนลืมเอาเสื้อผ้าที่จะต้องเปลี่ยนไปเจอคนในกลุ่มตัวเองเพื่อถ่าย Vlog กัน ก็ได้ของขวัญเป็นเสื้อผ้าจาก Tae-ri ที่มีตั้งแต่เสื้อยืดไปจนถึงสร้อยคอ และแหวน ราคาแพง (โดยที่ตัว Jooha ไม่รู้) ไม่เท่าไหร่ ที่สำคัญคือชุด limited edition นี้ มีคำว่า TRC ปักอยู่ทั้งเสื้อกับในสร้อยในแหวนด้วยนะคะ ... และก็เดากันได้ใช่ไหมว่า มันก็ย่อมาจากชื่อ Tae-ri Choi ถ้าอยากจะแสดงความเป็นเจ้าของกันแบบนี้ก็นะ

ขำที่ Tae-ri แอบถามว่ากลุ่มของ Jooha มีกำหนดการอะไรบ้าง แต่ว่าไม่ยอมบอกแผนการกลุ่มตัวเอง .... อย่างไรก็ตามค่ะ ตอนที่กลุ่ม Jooha กินข้าวเสร็จแล้วไปคาราโอเกะกัน พวก Tae-ri ก็ตามไป พีคที่ตอนกำลังเล่นกันอยู่ตามท่าเต้นเพลงที่คนในกลุ่มโอบเอว Jooha อยู่ Tae-ri ก็เปิดประตูผลัวะมาพอดี ทำเอา Jooha ตกใจเหมือนถูกจับได้ว่านอกใจขึ้นมา ก็แอบน่ารักตามประสาเนาะ ไม่นับว่าหลังจากนั้นที่ทั้งสองกลุ่มไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ก็มีคนตั้งคำถามมาว่าทำไมสองคนใส่เสื้อผ้ายี่ห้อเดียวกันอีก

แต่หลังๆ พอรายการแพร่ภาพไปหลายตอนมากขึ้น ทุกคนก็เริ่มดังแล้ว Jooha ที่คิดว่าตัวเองจืดชืดและไม่มีคนสนใจก็มีฐานแฟนเพลงตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน ที่ขำมาก และบ้ามาก และเพี้ยนมากที่สุด ก็คือว่าด้วยความที่ Jooha ดังจากการถ่ายรูปโปรโฟว์เป็นราชาเสเพล กลุ่มแฟนก็เรียก Jooha ว่า Lord เป็นเจ้าเหนือหัวกันไป และก็เรียกตัวเองว่า พวกอพยพ ตามการเล่นคำชื่อ Jooha จูฮา เอาคำว่า อีจูฮาดา 이주하다 ที่แปลว่าอพยพ/ ย้ายถิ่นฐานมาใช้ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Move, Move แล้วก็มีสโลแกนกลุ่มว่า Migrate to the Lord. ซึ่งเรียกว่าท่านเจ้าแบบนี้ก็ฟังดูเป็นพวกคลั่งลัทธิแล้ว คิดภาพเอาคำที่พวกแฟนใช้มาเรียงกันว่า จงย้ายไปอยู่กับท่านเจ้า เป็นที่ที่ควรจะอยู่ อ้อมกอดอบอุ่นของท่านเจ้า คือ .... ฟังดูยังไงก็น่ากลัวมาก เหมือนพวกคลั่งศาสนาชักชวนเข้าร่วมลัทธิ ขำที่ล่าสุด พอจบช่วงประกวดแล้วแม่กับน้องสาวมารับ มีรถบัสวิ่งตัดหน้า แล้วรถเป็นสีชมพูกับรูปหน้า Jooha และสโลแกน จนเจ้าตัวชะงักแล้วค้างไปเลย

ที่สำคัญ (หรือพูดให้ฟังชัดๆ ว่าที่น่ากลัว) ก็คือ “บัญญัติ 10 ประการ” อันเป็นระเบียบและแผนการดัน Jooha ของหัวหน้ากลุ่มแฟน ที่ตั้งชื่อเรียกกลุ่มแฟนคลับว่า “ผู้อพยพ” ส่วนหัวหน้ากลุ่ม พวกสตาฟก็คือ “ผู้ตั้งรกราก”

1. เพื่อให้สอดคล้องกับคนธรรมดาที่ไม่คุ้นกับ Jooha (ที่ต่อไปจะเรียกว่า "ท่านเจ้า") และคนที่กลัวพวกแฟนสุดโต่ง เราจะต้องดำเนินการด้วยความอ่อนน้อม นุ่มนวล
2. ทั้งหน้าจอมือถือและหน้าล็อคของเหล่าผู้อพยพจะต้องตั้งเป็นท่านเจ้า แต่ถ้าไม่สะดวกที่จะใช้รูปทั้งตัว หรือทั้งหน้าของท่านเจ้าก็ให้ใช้แค่ส่วนหนึ่ง อย่างเช่น มือ คางและจอ เส้นผม ฯลฯ
3. อย่าทำการขายท่านเจ้าอย่างออกนอกหน้า ให้โชว์ได้แค่ ไม่เกิน 3 วินาที และห้ามทำการขายท่านเจ้าเกินเลย ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนธรรมดา
4. ถ้าแฟนกลุ่มอื่นสนใจ ให้โชว์รูปท่านเจ้า และพอแฟนกลุ่มอื่นโชว์รูปบ้างให้ชมไปเรื่อยๆ จนกว่าอีกฝ่ายจะชมท่านเจ้ากลับ เพื่อให้อย่างน้อยแฟนกลุ่มอื่นไม่โหวตกดท่านเจ้า
.
.
จนถึงข้อ 10

เอาจริง ไม่ใช่สายแฟนคลับจริงๆ แต่โลกความจริงมันเป็นแบบนี้ไหมคะ? สงสัยมากกกกก

ปล. ชอบมากอีกอย่างว่าคนเขียนเขียนยาวมาก ตอนแรกงงว่าทำไมอ่านช้า แต่พอไปดูความยาวแต่ละตอน สั้นสุดคือ 3,900 คำ แต่เฉลี่ยคือ 4,400-4,500 คำ ขอบคุณนะคะ

ปล. 2 ขำนิสัยนิ่งๆ ไม่สนใจโลกของ Jooha ด้วย แต่ว่าเพราะไม่ชอบความยุ่งยาก ยืดยาว มีปัญหาอะไรกับใครขึ้นมาที เจ้าตัวก็พร้อมพุ่งเข้าไปชน เพื่อปิดจบปัญหาไม่ให้ค้างคาเลย พูดตรงไม่เกรงใจน่ากลัวมาก ไม่นับนิสัยที่พอโกรธหน้ามืดแล้วขึ้นมาสบถอีก ... ถึงขั้นที่ Tae-ri บอกว่าจะดูแล Jooha อย่างดีเพื่อไม่ให้นิสัยเสีย (?) ของ Jooha หลุดไปให้โลกรู้นะ 


ปล. 3 แต่คือ ด้วยความที่งานเป็น all-age เวลาที่สองคนอยู่ด้วยกันก็จะบอกแนวๆ กอดกัน แล้วตัดมาเป็นตอนเช้า เอาจริง ไม่ได้อยากอ่านฉากบนเตียงนะ แต่ว่าด้วยความตัดฉากก็เลยงงมาก เป็นแบบอ้าว เค้าอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ ทำไมไม่รู้ ยิ่งครั้งแรกคือยิ่งงง


ปล. 4 ตอนที่สองคนเต้นด้วยกันแล้วเคมีดีมาก ก็มีคนแต่งแฟนฟิค ABO ให้ Tae-ri เป็นอัลฟ่าชั่วร้ายที่ก่ออาชญากรรมแล้วถูกจับ กับให้ Jooha เป็นโอเมก้าโปรไฟเลอร์ แล้วไปสัมภาษณ์อัลฟ่าอาชญากรในคุกผ่านกรงขัง ซึ่งกรี๊ดดด เลวมากก (เลว as ดีงามม) ขำที่ Jooha มาเจอแล้วไม่เข้าใจว่า ABO คืออะไร ฮีทคืออะไร งงสงสัยไปทุกอย่าง แล้วพอไปถามน้องสาวก็ถูกน้องสาวดุ ว่าอย่าไปสนใจ (ใครเป็นพี่ใครเป็นน้องเนี่ย) หลังจากนั้น อีหน้าโพสต์นี้ก็ถูกรีพอร์ต ซึ่งสงสัยมากว่าเป็นคุณน้องสาวแจ้งหรือเปล่า


ปล. 5 จริงๆ แอบโอ๋น้อง Eun ที่เป็นลูกเป็ดเดินตามพี่ Jooha คือว่าแพ้ชื่อนี้ ตอนที่กำลังจะจับคู่กับพี่ Jooha แล้วถูกกระทิงบ้าเลือด Tae-ri พุ่งชนต้องกระเด็นไปจับคู่กับคนอื่นแบบงงๆ น่าสงสารมาก ขนาดมีคนมาโพสต์ว่าถูกพุ่งชนออกไปนอกชั้นบรรยากาศ โถ ลูก 

พวกรุ่นพี่ผลัดกันดูแลน้อง Eun จริง แต่ว่าน้องเค้าก็ติด Jooha ที่สุดอยู่ดี ถึงขั้นที่ถ้าอยู่กับรุ่นพี่คนอื่น เห็น Jooha มาก็จะรีบตะโกนเรียกแล้วพุ่งตัวมาหา ตอนที่บรรยายว่ารุ่นพี่ที่ดูอยู่ก่อนหน้า พอเห็น Jooha มาก็เดินไปอยู่กลุ่มอื่นได้เหมือนฝากเลี้ยงเด็กเดย์แคร์น่ารักดี

กับตอนที่พออยู่ด้วยกันสองกลุ่มวันคาราโอเกะแล้วถูกแฟนๆ ล้อม กอดสเก็ตบอร์ดตัวสั่นเป็นกระรอกน่ารักมาก 

ความใสซื่อ บวกสดใสน้อง Seo Eunwon ถูกคุณพี่ Jooha บรรยายว่า ยิ้มเหมือนลูกพีชสุกและทำให้คนดูยิ้ม เหมือนลูกหมาที่เกิดมาดี ได้รับความอบอุ่นใส่ใจจากเจ้าของ และก็โตขึ้่นมาเป็นลูกหมามีความสุขและร่าเริงมีชีวิตชีวาชั่วทั้งชีวิต .... ดูตรงแบบขำๆ ไหม?

แต่ว่าคุณพี่ Jooha ก็ชอบอยู่กับน้อง เพราะน้องเป็นพลังงานบวกด้วยนั่นแหละ ก็หวังให้น้องก้าวหน้าไปกับเหล่าพี่ๆ ทั้งหลายอีกคนนะคะ


ปล. 6 แพ้ large dog มากจริง ตอนนี้แซงหน้า regret อีกนะ .... รักที่สวีทหวานเข้าใจกัน เห็นใจกัน เอาใจกันตั้งแต่ต้นมาก ตอนนี้เห็นเมื่อไหร่ ก็พุ่งเข้าไปอ่านแล้วนะคะ


ปล. 7 ถูกจริตที่อายุเท่ากันด้วย ส่วนมากสาย large dog ชอบเป็นรุ่นน้อง แทบจะ 95% แทบจะ 100% แล้ว เจอแบบนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศดีนะ เปลี่ยนจากที่ต้องดูแลพระเอกที่เด็กกว่า เป็นพระเอกช่วยดูแลตัว Jooha ตั้งแต่ต้น ขณะที่ Jooha ก็ใส่ใจ Tae-ri กลับ เป็นความสัมพันธ์เท่าเทียมตั้งแต่ต้น โดยเฉพาะตอนที่ความใส่ใจของ Tae-ri ส่งไปถึง Jooha แล้วตัว Jooha ตอบกลับมาคือดีมาก

ชอบตอนที่ Tae-ri บาดเจ็บจากการซ้อม แล้วแม่ที่ถูกทีมงานโทรแจ้งข่าวและมาหาที่โรงพยาบาลก็ถามว่าจะกินอะไร ซึ่งแน่ใจได้ทำด้วยความสัมพันธ์เป็นทางการ และทำตามหน้าที่ เพราะว่าก็แวะมาแวบเดียวแล้วก็จะกลับไปสนใจงานต่อมากกว่าอยู่ดี และ Tae-ri ก็ตอบไปว่า ไม่เป็นไร .... พอกลับมาที่บ้านคนเดียว Jooha ที่ยอมให้ Tae-ri ที่น่าสงสารและโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวไม่ได้ ก็รีบมาหาเพื่ออยู่เป็นเพื่อนที่บ้าน แล้วก็ซื้อซูซิกับเค้กสตอร์เบอร์รี่ครีมมาให้เสร็จสรรพ (ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นซูซิเป็นอาหารสุขภาพ คุณค่าโภชนาการสูง ไม่เค็ม ไม่มัน แล้วก็ต้องมีของหวานเพื่อให้กินอร่อยล้างปากด้วย)

น่ารักที่พออีกฝ่ายมา Tae-ri ก็อารมณ์ดีขึ้นทันที ไม่นับว่าพองอแงไม่ยอมกินข้าว ก็เลยถูก Jooha จับป้อนให้กินด้วยประโยคที่ว่า Tae-ri ที่ตั้งใจกินข้าวดูดีที่สุด (ประโยคหลอกเด็กมาก) และพอกินหมด Tae-ri ก็อ้าปากให้ดูอีกว่าหมดจริง 

แล้ว Jooha ก็ป้อนเค้กต่อ กับพอ Jooha เริ่มรู้ตัวก็ถาม Tae-ri ว่าจริงๆ ที่เจ็บคือข้อเท้าไม่ใช่เหรอ ทำไม Jooha ต้องป้อน Tae-ri ล่ะ? แต่นั่นคือทุกอย่างหมดแล้ว

แล้วอย่างที่สามที่ Tae-ri กินต่อไปก็คือ Jooha กรี๊ดด (:

Wednesday, 27 October 2021

아늑한 집착 // Cozy Obsession


คนเขียน: 유성화 

แนว: ABO, ทะลุมิติ, ตัวเอกร่าเริง, พระเอกคลั่งรัก, โลกพาราเรล (?), ตลก 

ความสัมพันธ์: เพื่อนวัยเด็ก

จำนวนตอน: 45 ตอน (ยังไม่จบ)

Seo Heemin ทะลุมิติเข้ามาเป็นโอเมก้าในนิยายที่เอาของพี่สาวมาอ่าน และเมื่อตื่นขึ้นก็คือตัวเองที่เป็นโอเมก้ากำลังถูกจับประมูล และคนที่ชนะประมูลก็คือ Lee Heon เพื่อนสมัยเด็กที่ทั้งรักทั้งแค้นตัวเอง 

ซึ่งตามพล็อตเรื่องเดิมก็จะต้องแสนดราม่าตับพัง ต้องถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยว เข้าใจผิดสารพัด เพราะพ่อของ Heon ถูกพ่อของ Heemin โกงฮุบบริษัทไปจนล้มละลายฆ่าตัวตาย ทั้งที่พ่อของ Heon ช่วยเหลือครอบครัว Heemin มาโดยตลอด และช่วงเวลาเดียวกันตัว Heemin ที่เป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กก็ตัดความสัมพันธ์กับตัวเองอีก จนในที่สุด Heon ต้องซมซานไปอยู่กับพวกแกงค์ และสร้างตัวเพื่อกลับมาแก้แค้น และส่วนตัว Heemin ถึงแม้จะรักเพื่อนเก่าอย่างไร แต่เพราะอีกฝ่ายกลับมาแก้แค้นจนทำให้พ่อตัวเองต้องตายเหมือนกัน ก็เลยให้ทำใจรักอย่างเดิมไม่ได้ 

กว่าจะรู้ว่ารักกันขนาดไหนก็คือทำร้ายทำลายจิตใจกันสารพัดจนถึงฉากจบที่ Heemin ร้องไห้กอดศพ Heon ที่ปกป้องตัวเองจนตาย ก่อนจะฆ่าตัวตายตาม

.

.

จริงๆ แล้วเรื่องควรจะเป็นไปตามพล็อตเดิม ที่ Heon ต้องทั้งข่มขืนทั้งทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย และ Heemin ที่จิตใจบอบบางอยู่เลี้ยงมาอย่างประคบประหงมก็จะยิ่งบอบช้ำแตกสลาย ..... แต่เผอิญว่า ตอนนี้กลายเป็นน้อง Heemin ของเราแล้ว ถึงแม้จะชื่อเหมือนกัน แต่สภาพจิตใจและนิสัยต่างกันลิบโลก 

ตั้งแต่ตอนตื่นขึ้นมา เจ้าตัวที่คิดว่าไหนๆ ก็หลุดมาอยู่ในโลกนิยายก็เป็นโอกาสที่จะสังเกตการณ์ เพราะไม่ใช่ทุกคนจะเข้ามาในนิยายได้ ตัวเองไม่ได้เดือดร้อนกับการถูกจับประมูลเลย และเพราะเป็นโอเมก้าที่อ่อนไหวต่อฟีโรโมนของอัลฟ่ารอบๆ ในลานประมูล แทนที่จะตกใจกลัวก็กลับขอน้ำจากโฆษกมาดื่ม ด้วยประโยคข่มขู่ที่ว่า ถ้าไม่ให้น้ำมากินก็จะอ๊วกกลางลานให้ดู และตอนที่ถูกประมูลก็จิบน้ำอย่างใจเย็นมองรอบตัวอีก .... เห็นตัวเลขประมูลแล้วก็คิดว่าตัวเองจะขึ้นไปได้ถึงเท่าไหร่ และพอ Heon ประมูลโดยให้ราคากระโดดสูงเกินราคาก่อนหน้าก็อยากจะทั้งตะโกนโห่ร้องว่าตัวเองถูกประมูลสูงกว่าราคาในเรื่อง กับอยากจะทั้งตะโกนอาละวาดใส่หน้าพระเอกว่าทำไมใช้เงินสิ้นเปลือง 

แต่เพราะนิสัยที่แปลกๆ กว่านิสัยที่ควรจะเป็นของ Heemin คนเก่า เจ้าตัวก็คิดไปว่าเพราะ Heemin ถูกคนจับประมูลฉีดยาให้เกินโดสจากรอยเข็มที่แขนหรือเปล่า? โดยเฉพาะเมื่อฟื้นมากลับไม่ได้ตีโพยตีพาย แต่กลับบอกว่าหิว แล้วให้หมอที่ดูตัวเองตอนให้น้ำเกลือ หาอาหารให้ ซึ่งจบลงด้วยการขโมยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของแม่บ้านมาต้มกิน และพูดถึงคนที่ไม่มีอยู่ในชีวิตจริง อย่างพี่สาวของตัวเอง และแม่ที่ตายไปนานแล้ว 

สภาพนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ Heon พาไปให้ตรวจกับจิตแพทย์ที่รักษา Heemin มาตลอด และก็ได้ความว่านี่คืออีก Heemin นึง โดยที่หมอที่ไม่ได้รู้เรื่องการทะลุมิติเข้ามา หากวินิจฉัยว่าเป็นอาการทางจิตที่เป็นบุคลิกซ้อนอยู่ในตัว โดยที่ Heemin คนนี้เป็นเด็กกว่า และก็มีอายุ 21 ปี (ร่างเดิมกับ Heon อายุ 30 ปี)

แน่นอนว่า Heon ไม่เชื่อว่า Heemin มีสองบุคลิกจริง แต่เป็นการสร้างเรื่องเพื่อหลบหนีจากตัวเองต่างหาก ดังนั้น สิ่งที่จะทำต่อจากนี้ก็คือ ขัง Heemin ให้อยู่ในบ้านตัวเอง แล้วจับตาดู ซึ่งถ้าตามปกติ ถูกพระเอกสายดาร์กกักขังไว้อยู่ในบ้าน ก็ควรจะต้องมีอาการหดหู่ คิดหนีแล้ว แต่ว่าน้อง Heemin 21 ชีวิตที่โลกจริงลำบาก ไหนๆ ก็ได้โอกาสอยู่ดีกินดี ไม่ต้องทำงานบ้าน ไม่ต้องทำงานพิเศษ ไม่ต้องไปมหาลัยแล้ว ก็จะขออยู่ดีกินดีให้หนำใจ เพราะนอกผ้าห่มอันตราย และบ้านหลังนี้ก็กว้างขวางโล่งโปร่งสบายเมื่อเทียบกับบ้านกึ่งห้องใต้ดินตัวเองที่อาศัยอยู่กับแม่และพี่สาวอีก 3 คน ที่แสนจะคับแคบ และอึดอัด 

ตอนที่กลับมาจากตรวจกับหมอ ถูกสั่งให้อยู่ในบ้าน ก่อนที่ Heon จะไปทำงาน น้องเราไม่ได้มีอาการอะไรเลย และไม่ได้สังเกตเห็นความตึงเครียดที่พี่พระเอกกับเลขามีต่อตัวเองอีก พอพระเอกบอกแม่บ้านว่าให้สั่งพิซซ่าให้แล้วกัน ก็ตะโกนว่าขอสั่งพิซซ่าหน้าแองกัสสเต็กได้ไหม แบบเพิ่มขอบชีสพิเศษของพิเศษนะ ขอเพิ่มซอสเยอะๆ ด้วย ด้วยแนวคิดว่าปกติพิซซ่าเป็นของแพงไม่ค่อยได้กิน ถ้าจะได้กินก็จะสั่งแบบแพงสุดมาเลย แต่พอพี่พระเอกจ้องหน้า (ในแง่ที่คิดว่าบุคลิกต่างจากที่เคย ไม่เหมือน Heemin คนเดิม) ก็คิดไปว่าเพราะตัวเองสั่งแพงไปเหรอ งั้นจะสั่งถูกกว่านั้นก็ได้นะ 

พอพระเอกบอกว่าทำได้ทุกอย่าง ก็ถามต่อว่าจริงเหรอ งั้นจะกินให้อร่อย ขอบคุณนะ แล้วพอพี่พระเอกบอกว่าอย่าทำอะไรโง่เง่าให้อยู่แต่ในห้องนอน ก็ต่อรองว่าอยู่ในห้องน่าเบื่อ ขอมาดูทีวีในห้องนั่งเล่นได้ไหม 

และดังนั้น เมื่อคนที่ถูกจับมาดูเป็นเด็กดีให้ความร่วมมือกันขนาดนี้ ประโยคที่ Heon เคยพูดใส่หน้า Heemin ว่า “ประมูลมาเพื่อเป็นที่ระบายอารมณ์” “จ่ายไปแพงก็ต้องใช้ให้คุ้ม” และร้ายการสารพัดช่วงวันแรกก็พูดแล้วจมหาย ..... เพราะ Heon ไม่รู้จะรับมือกับ Heemin คนใหม่อย่างไร ก็เลยใช้วิธีหลบหน้าหนีไปทำงาน แล้วให้ Heemin อยู่ในบ้านเฉยๆ ไป 

ระหว่างนี้ก็กลายเป็นชีวิตดีมาก อยู่ดีกินอร่อย ได้กินอย่างที่อยากกิน .... แต่ว่าเห็นหน้า Heon น้อยมาก ดังนั้นแผนการณ์ที่ตั้งเอาไว้ว่าเป็นโครงการเปลี่ยนนิสัยพระเอกจากคลั่งรักสายดาร์กสายหม่น ให้กลายเป็นพระเอกใจดีอ่อนโยนตามชื่อ Keyword Change Project ก็ไม่น่าจะเกิดได้จริง แล้วถ้าอย่างนั้น จะเปลี่ยนเรื่องให้จบด้วยดี แล้วตัวเองกลับบ้านโลกจริงได้จะเป็นอย่างไร 

ก็เลยเอามีดจี้คอตัวเองบอกให้ตาม Heon มา ท่ามกลางการแตกตื่นของทั้งแม่บ้าน ทั้งเลขา ทั้งหมอ พอคุณพี่ Heon กลับมาก็โกรธเลือดขึ้นหน้ามาก ในแง่ที่ทั้ง Heemin ไม่ยอมอยู่เงียบๆ ตามที่ตัวเองสั่ง และแง่ที่ตัวเองต้องล้มการเจรจาหลักหลายร้อยล้านไป ถึงขั้นแย่งมีดมาแล้วปักไปที่กำแพง แต่ก็หายโมโหไปได้เพราะ Heemin บอกว่าก็เพราะว่าอยากเจอ 

ความสัมพันธ์ดีขึ้นมาแล้วระดับหนึ่ง แต่ว่าก็ยังนิ่งอยู่ โดยเฉพาะเมื่อบุคลิกที่ต่างก็เลยทำให้พระเอกรู้สึกเหมือนเลี้ยงเด็กแทน โดนเฉพาะ Heemin คนนี้ก็เรียก Heon ว่าพี่ด้วย ดังนั้นแล้ว น้อง Heemin 21 ก็คิดแผนการวุ่นวายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ต่อไปอีก ด้วยการวางแผนหนี! โดยตามพล็อตนิยาย Heemin 30 จะขโมยเงินแม่บ้านแล้วหนีไปอยู่เมืองชายทะเล ก่อนที่จะถูกจับกลับมา และพระเอกก็หักข้อเท้าเพื่อไม่ให้หนีได้อีก .... แต่เมื่อเป็น Heemin วุ่นวาย ก็เลยคิดว่าจะขโมยเงินจากแม่บ้านเหมือนเดิม เพื่อจะหนีไปหาหมอ และก็จะโทรบอก Heon ให้ไปรับตัวเอง แน่นอนว่าเมื่อ Heemin หายไป ตัวพระเอกก็ระดมคนตามหาเอิกเกริก และน้องที่ขอยืมโทรศัพท์พยาบาลที่โรงพยาบาลก็โทรไปบอกว่ากำลังหาหมออยู่ เดี๋ยวเสร็จแล้วมารับแล้วไปเดทกันนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระเอกโกรธมาก แต่พอเจอหน้าไม่รู้ไม่ชี้ยิ้มทักระรื่นของ Heemin ก็ทำอะไรไม่ได้ พอขับรถเงียบๆ Heemin นึกว่าจะถูกพาจับกลับบ้าน อีกคนก็ขับรถพาไปดูสวนสาธารณะดูดอกไม้ตามที่ขอไว้สมใจ ... น่ารักที่เพราะหนีมายังไม่ได้กินข้าว ในมือก็ถือถุงข้าวที่สั่งก่อนจะไปหาหมอมากิน แต่มีตะเกียบคู่เดียว ก็เลยหักครึ่ง เป็นตะเกียบสั้นๆ ให้พี่พระเอกแล้วกินกิมบับทูน่ากับต๊อกเผ็ดด้วยกันท่ามกลางดอกไม้โปรย 

และพอกลับมา เห็นแม่บ้านก็กอดคอแม่บ้านขอโทษแล้วร้องไห้ พร้อมบอกว่าจะคืนเงินให้นะ ... กลายเป็นตอนนี้ไม่ใช่แค่การหลุดเข้ามาในนิยาย แต่ว่ามีปฎิสัมพันธ์และความผูกผันเพิ่มขึ้นกับคนรอบตัวที่กลายเป็นครอบครัวใหม่ตัวเองขึ้นมาแทนแล้ว

แล้วความสัมพันธ์ก็คืบหน้าไปจริงเหมือนกัน หลังจากนั้น พอกลับบ้านตอนค่ำ Heon ก็จะพา Heemin ไปเดินเล่นละแวกบ้านตอนกลางคืน เป็นการใช้เวลาร่วมกันเงียบๆ แต่ว่ามีความหมาย ...ท่ามกลางคอมเมนต์ที่ว่า Heemin เป็นลูกหมาที่ถูกเลี้ยงนั่นเอง พอเจ้าของกลับมาก็พาไปเดินเล่นนอกบ้านตอนค่ำ

กับ Heon ก็โอ๋ Heemin ในแบบของตัวเองเหมือนกัน ด้วยความที่ถูกจับมาอยู่กับ Heon ตัวเองก็มีเสื้อผ้าแค่ 2-3 ชุดที่ใส่ทั้งในบ้าน และใส่ออกไปข้างนอก ซึ่งตามนิสัย Heemin จริงที่ทั้งมัธยัสถ์ ไม่คิดมาก ก็มองว่าเสื้อผ้ามีใส่ก็พอแล้ว แต่ว่าพี่ Heon ยอมไม่ได้ ลากทั้งเลขา ทั้งลูกน้องอีกคนพา Heemin ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ที่บังคับให้ Heemin ลองทุกอย่างที่คนขายเอาให้ดู และที่ต้องพาไปเยอะ ก็เพราะว่าไปกันอัลฟ่าตัวอื่นที่คิดจะเข้าใกล้ Heemin นั่นเอง ..... ตามนิสัยใจใหญ่และทุ่มเทเพื่อคนในใจตัวเอง (ที่ถึงแม้จะยังโกรธแค้น และยังซึน) คุณพี่ Heon ก็บอกคนขายว่ามีอะไรที่เหมาะกับ Heemin ให้เอามาลองให้หมด 

พอ Heemin งอแงว่าทำไมต้องลองเสื้อผ้าเยอะ ไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนี้ซะหน่อย คุณพี่ที่รู้แกวก็บอกว่าถ้าลองหมดแล้ว อยากกินอะไรเดี๋ยวซื้อให้หมดเลย จะเอาพิซซ่าหรือต็อกอะไรก็ได้นะ Heemin ที่ดีใจก็บอกว่างั้นเดี๋ยวไปกินขนมปังครีมพัฟได้ไหม แล้วก็ลองเสื้อด้วยอารมณ์ทำงานพิเศษ โดยที่มีค่าแรงรายชั่วโมงเป็นครีมพัฟ 

แล้วพอคุณพี่ Heon กวาดซื้อทุกอย่างที่น้องลอง Heemin ก็แอบโอดครวญว่าจริงๆ อยากได้แค่เสื้อยืดตัวเดียวก็พอ (เพราะคุณเพื่อน Heon ซื้อเสื้อยืดให้ทุกปี) แต่พอคุณพี่ Heon ถามว่าเสื้อยืดอะไรก็รีบเงียบกริบ เพราะกลัวว่าจะต้องไปเข้ามหกรรมลองเสื้อยืดอีกรอบ โถ Heemin

ล่าสุด น้องก็ซื้อเบียร์ซื้อเหล้ามา และตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเต็มโต๊ะมื้อดึก เพราะว่าอยากกระชับความสัมพันธ์กันกับคุณพี่ ซึ่งตามคำของ Heemin ที่ประกาศกร้าวเสียงดัง ก็คือว่าจะ “ยั่ว” Heon ให้ได้ แต่ว่าก็ได้แค่จูบเฉยๆ อยู่ดี เพราะความกลัวฟีโรโมนของ Heemin คนเก่า

น่ารักที่ต้องหยุด เพราะร่างกายมีปัญหา Heemin ที่ถูกอุ้มมานอนบนเตียงและถูกจับห่มผ้าห่มเรียบร้อยก็หดหู่จนร้องไห้ว่า ตัวเองไม่ได้เรื่อง แต่คุณพี่อัลฟ่าที่เพิ่งถูกยั่วแต่ทำอะไรไม่ได้ก็มาปลอบ .... Heemin คนเก่ากระตุ้นให้ Heon โกรธอยากเอาชนะใช้กำลัง แต่ว่า Heemin คนนี้ กระตุ้นให้รู้สึกผิดปนสงสารเนอะ 

เพราะพอตามหมอมากลางดึก พี่เขากลัวว่าฟีโรโมนตัวเองจะมีปัญหากับตัวน้อง ก็ไปอยู่นอกห้อง แต่ว่าจ้องจับทุกอย่างผ่านกระจกใสที่กั้นห้องอีก ขำที่ Heemin ปรึกษาหมอเกี่ยวกับเรื่องตัวเองกับ Heon แต่ไม่กล้าหันไปมองเพราะกลัว Heon

 รู้ว่าพูดเรื่องตัวเอง ก็เลยจ้องหน้าหมอเขม็งอีกคน .... น่ารักอีกที่ว่าปกติเป็นหมอของแกงค์ ตามผู้อำนวยการ Lee Heon สั่งการ แต่ตอนนี้มีหน้าที่หลักคือดูแล Heemin นอย่างเดียว เปลี่ยนเป็นคุณปู่ แทนหมอโหดไปแล้ว 

ตอนที่หลับ Heon ก็มาลูบหัวให้เงียบๆ แล้วปลอบว่า Heemin-ah หายดีเร็วๆ นะ อีก ... เอาจริง ถึงแม้น้อง Heemin จะสลดว่าความสัมพันธ์ทางกายไม่คืบหน้า แต่ว่าทางใจก็ไปไกลกว่าที่คิดแล้วนะคะ 

แต่จริงๆ แม้จะเข้ามาในโลกนิยายก็มีประเด็นเหมือนเป็นโลกคู่ขนานเหมือนกัน เพราะตัว Heemin ชื่อเหมือนตัวเอกไม่พอ ตัว Heon ก็เหมือนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในโลกจริงของ Heemin ด้วย ไม่ว่าจะเป็นทั้งชื่อ และหน้าตา รวมไปถึงการจัดแปลนบ้าน ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งนอกเหนือจะเป็นปริศนารอแก้ไขแล้ว ก็ยังทำให้ตัว Heemin ใจอ่อนเพิ่มขึ้นมาเพราะอยากให้คนที่หน้าตาเหมือนเพื่อนรักตัวเองมีความสุข นอกเหนือไปจากการจบพล็อตเพื่อให้ได้กลับโลกจริงเหมือนกัน 


กับเพราะตัว Heemin อยากแก้ความกลัวอัลฟ่าของร่างเดิม เพื่อให้อยู่กับ Heon ได้ ก็เลยไปหาหมอจิตแพทย์ตั้งแต่เด็กตัวเอง และทุกครั้งแทนที่ความทรงจำที่ถูกฟื้นขึ้นมาจะเป็นของ Heemin ใหม่ กลับกลายเป็นของ Heemin ในนิยายทั้งสิ้น ทั้งช่วงที่ดีใจที่สุด หรือเสียใจที่สุดก็เกี่ยวข้องกับ Heon หมดเลย .... ซึ่งเหตุผลที่ Heemin เลิกคบกับเพื่อนรักตัวเอง ก็เป็นเพราะว่าตัวเองกลายเป็นโอเมก้า และ Heon เป็นอัลฟ่า และการที่เคยถูกคุกคามทางเพศจากอัลฟ่าในวัยเด็กก็ทำให้กลัวอัลฟ่าจนคิดตัดจบความสัมพันธ์ไปด้วย 

เอาจริงอารมณ์ปกกับโทนข้างในคนละแบบกันเลยย ปกดูหนัก แต่พล็อตตอนนี้ดูเพี้ยนๆ ขำๆ เป็นระยะๆ เพราะนิสัยก่อความวุ่นวายและไม่คิดมากของน้อง Heemin ก็แอบอยากดูช่วงหนัก อารมณ์ท่วม intense + dense อยู่เหมือนกันนะคะ กับชอบที่เขียนให้หลายอย่างทับซ้อนกับโลกจริง อย่างตัวพระเอกที่เหมือนเพื่อนสนิททั้งชื่อ หน้าตา และอื่นๆ จนเหมือนโลกพาราเรลมากกว่าโลกนิยาย แต่อยากรู้มากกว่าจะจบยังไง เพราะเหมือนผูกกับโลกจริงไว้สูง .... อย่างหมอที่ Heemin ไปหา ก็หน้าเหมือนเพื่อนสนิทแม่ตัวเองในโลกจริงอีกเหมือนกัน 

แต่คือ 43 ตอน ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ ตามประสาการวางเรื่องเกาหลีจริงๆ คงอีกนาน

ปล. ชอบปกนะ อยากดูคุณพี่ Heon ถูก Keyword Change Project ของ Heemin เปลี่ยนให้กลายเป็นพระเอกใจดีอ่อนโยนได้ ซึ่งตามปกหน้าตาคุณพี่ก็ดูอ่อนโยนอินเลิฟ ทั้งคุณพี่และน้อง Heemin ดูตกห้วงความรักสองเราเราสองกันจริงจัง 

กับเรื่องนี้ชอบปกแล้วก็ชอบบชื่อด้วย Cozy Obsession จริงจริ๊งง ด้วยความที่ Heemin 21 จะเปลี่ยนให้พระเอกคลั่งรักที่หมกมุ่นกับการแก้แค้นกลายเป็นคุณพี่ชายละมุนไปแล้ว นานๆ ทีจะเจอเรื่องที่รู้สึกว่าทั้งปกทั้งชื่อเรื่องไปด้วยกันอย่างมากกับโครงเรื่องเนี่ยแหละ 

ปล. อีกที กับขำมากที่ตอนที่ร่างกาย Heemin แข็งทื่ออัตโนมัติเพราะความกลัวฟีโรโมนอัลฟ่า Heon ก็หยุดจูบ ... ตัว Heemin ก็ถามว่า ไม่มีจูบต่อแล้วเหรอ? ท๊อปคอมเมนต์ก็บอกว่า ไม่มีแล้วเหรอ นี่คือตัวเองเป็นเหมือนแรคคูนที่ถูกแย่งสายไหมไปเลยนะ คนก็มาเมนต์ต่อมา สายไหมหาย ฮืออ แล้วสายไหมก็กลายเป็นโค้ดพูดถึงการจูบของ Heemin กับ Heon ต่อมาในคอมเมนต์ต่อมาไปเลย แบบเป็นแรคคูนมองมือเปล่าตัวเอง โถ สายไหมไม่มีแล้วเนาะ 

Monday, 25 October 2021

문 너머 // Beyond the Door



คนเขียน: 해롱씨 

แนว: โลกไกด์-เอสเปอร์, ability, regression, large dog, fluff, healing 

ความสัมพันธ์: ไกด์ X เอสเปอร์ 

จำนวนตอน: 61 ตอน (ยังไม่จบ)

นี่คือเรื่อง Guide ที่รอมากที่สุดเดือนนี้ จบ 60 ตอนไปแล้วเมื่อวานซืนค่ะ  แล้วจะมาอีกวันไหนเนี่ยยยย ทำไมไม่ประกาศวันตอนมา

Kim Daemun เป็นเอสเปอร์ที่มีพลังสร้างประตู teleport ไปสู่ที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าตัวได้พลังมาตอน 8 ขวบ ขณะที่กำลังถูกพ่อแท้ๆ ฆ่าบีบคอ... ถึงแม้จะเป็นการป้องกันตัวเอง ความผิดฐานฆ่าพ่อตัวเองตายก็คงอยู่ และยิ่งถูกสมาคมผู้มีพลังพิเศษพาตัวไปเพราะเห็นว่าเป็นเอสเปอร์ที่มีพลังพิเศษ การถูกทารุณ และใช้งานต่อเนื่องก็เกิดขึ้นจนถึงตอนที่อายุ 27 เมื่อตัวเองกำลังถูกเหล่ามอนสเตอร์ฆ่าตาย ก็เปิดประตูบานสุดท้ายด้วยพลังโดยไม่รู้ตัว

และกลายเป็นย้ายเวลากลับมาในเวลาที่กำลังจะถูกพ่อตัวเองบีบคออีกครั้ง .. เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเดิม และก็จบที่ Lee Ji-eon ไกด์ที่อยู่ในความทรงจำมาช่วยไว้ และพาไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งในชาติที่แล้ว Lee Ji-eon พยายามทำเรื่องเป็นผู้ดูแลเอสเปอร์เด็กที่ถูกพ่อทารุณกรรมมา แต่เพราะตัว Daemun กลัวผู้ใหญ่จนหนีเข้าไปอยู่ใต้เตียงทุกครั้ง ก็ทำให้การพูดคุยกันไม่เกิดผล จนถูกประธานสมาคมผู้มีพลังพิเศษพาตัวไป และถูกใช้งานหนักจนตาย

แต่ชาตินี้ เมื่อมีความทรงจำเดิมอยู่ ก็เลยพยายามเลี่ยงสถานการณ์เดิม โดยการตอบตกลงให้ Lee Ji-eon กลายเป็นผู้ดูแลตัวเอง 

สองคนกลับไปบ้าน Lee Ji-eon และก็ได้เจอกับ Lee Geon น้องชายของ Lee Geon ที่เป็นไกด์เหมือนกันในวัย 10 ขวบ

ตอนแรก Geon ไม่ชอบ Daemun เลย เพราะว่าเกลียดเด็กที่มาแย่งความรักและความสนใจของพี่สาวตัวเองไป .... แต่เพราะสภาพตัวเล็กแกรนเกินกว่าวัย 8 ขวบ และท่าทีอ่อนแอน่าสงสารก็ทำให้ Geon เปิดใจรับ Daemon มาทีละน้อยจนเหมือนเป็นน้องชายตัวเองอีกคน

ซึ่งเพราะสถานภาพตัว Geon ที่เป็นไกด์ตั้งแต่แรกเกิด และก็มีแนวโน้มเป็นไกด์ระดับเอสก็ทำให้เจ้าตัวถูกลักพาตัวโดยเอสเปอร์บ้าคลั่งหลายต่อหลายครั้งจนต้องอยู่แต่ในบ้านเพื่อป้องกันการถูกลักพาตัวจากเอสเปอร์ ด้วยความรู้สึกโกรธเกลียดเอสเปอร์ทุกคน 

ตอนแรกอ่านเรื่องย่อ เข้าใจว่าตัวเอกที่ย้อนเวลากลับมาเพื่อปกป้องพระเอกกับพี่สาวพระเอกที่เคยดูแลตัวเอง แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นพี่สาวพระเอกกับพระเอกดูแลตัวเอกเหมือนน้องชายคนเล็กไปแทน ..  ตอนนี้ครอบครัวเล็กๆ มีกัน 3 คน และชีวิตประจำวันของเด็กสองคนเหมือนจะผ่านไปอย่างเงียบสงบ เมื่อสองคนเข้ากันได้ดี และกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตกันและกัน โดยเฉพาะเมื่อหน้าที่ไกด์ Daemun ของพี่สาวกลายเป็นหน้าที่ของ Geon ที่อยู่ด้วยกันตลอด

แต่ว่าความสงบอยู่ได้ไม่นาน เมื่อประธานสมาคมฯ ไม่ยอมถอดใจจากตัว Daemun และลักพาตัวเด็กสองคนไปจากบ้าน

และการฉีดยาเพื่อสะกดให้เอสเปอร์อยู่ใต้อำนาจตัวเองก็ทำให้ Daemun อยู่ในสภาพ runaway ซึ่งถึงแม้หลังจากนั้นเจ้าตัวจะใช้พลังพาตัวเองและ Geon หนีกลับมาที่บ้านได้ แต่ Daemun ก็หลับไปถึง 6 ปี ซึ่งเมื่อตื่นมาอีกปี ตัวเองก็อายุ 14 ปี และ Geon ก็ 16 ปีแล้ว 

.

.

เอาจริง มันคือเรื่องที่ต้องอดทนใจเย็นตอนอ่านมาก เพราะถ้าจะหวังว่าจะเป็นเรื่องแนวเอสเปอร์ปกติที่เหล่าผู้มีพลังเหนือมนุษย์ทั้งหลายใช้พลังน่าอัศจรรย์แล้วล่ะก็ ผิดถนัด!

เพราะว่า Daemun ถูกทำทารุณกรรมเป็นแค่ทาสของสมาคมมาทั้งชีวิต ความรู้สึกรักตัวเองหรือให้ค่าตัวเองไม่เคยมีอยู่เลย และการใช้พลังก็เป็นเพราะถูกบังคับ คุกคาม และดูถูกมาตลอด ไม่เคยเกิดจากความต้องการของตัวเองเลย โดยเฉพาะยิ่งเมื่อตื่นมาอีกครั้ง สภาพร่างกายที่อ่อนแอ เพราะหลับไป 6 ปี กับความรู้สึกว่าการที่ Geon ต้องถูกจับไปด้วยเพราะตัวเอง และก็ไม่กล้าใช้พลังหนีในตอนนั้นก็ยิ่งทำให้ความเกลียดตัวเองด้อยค่าไปอีก 

แต่เพราะ Geon ใจเย็นคอยดูแล Daemun อย่างใส่ใจ ก็เลยทำให้ Daemun ยอมเปิดใจ และกล้าเล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง ... โดยที่เริ่มรู้แล้วว่าในอดีต นอกเหนือจากการถูกกดข่มว่าเป็นพวกไร้ค่า พลังอ่อนแอมาตลอดในสมาคม ตัวเองก็ถูกใช้ยา และถูกล้างสมองจากประธานสมาคมตั้งแต่เด็กด้วยเหมือนกัน จากความทรงจำที่หายๆ ขาดๆ ไม่ประติดประต่อมาตลอด และทั้งที่มีอายุถึง 27 ปีแล้วก็ยังมีนิสัยหรือวิจารญาณเหมือนเด็กอยู่ 

จริงๆ สภาพการถูก abuse พลังของพวกผู้มีพลังพิเศษ โดยเฉพาะพวกที่พลังตื่นขึ้นมาตั้งแต่เด็กในสภาพครอบครัวด้อยโอกาส/ เด็กกำพร้าเป็นเรื่องปกติ แต่การยกมาเป็นประเด็นใหญ่ในเรื่องนี้ก็ทำให้ Beyond the Door มีจุดเด่นของตัวเองที่ไม่ได้เริ่มจากพลังน่าตื่นเต้นของตัวเอกเหมือนกัน เพราะเริ่มมาตั้งแต่สภาพที่ติดลบ ยิ่งกว่าเป็นศูนย์ ก็เลยเป็นโจทย์ที่ว่าจะดำเนินเรื่องอย่างไรให้คนที่ขี้ขลาดและไม่มั่นใจในตัวเองอย่าง Daemun กล้าใช้พลัง และพัฒนาตัวเองให้ได้ 

เพราะหลังจากเหตุการณ์ลักพาตัว เจ้าตัวอยากควบคุมพลังตัวเองให้ได้ที่จะปกป้องคนที่ตัวเองให้ความสำคัญ ซึ่งก็คือ Geon กับ Ji-eon ได้ ไม่ต้องขดอยู่อย่างหวาดกลัวหลัง Geon ซึ่งเด็กกว่าตัวเองได้อีก และตอนนี้ก็เลยคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างไร ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือช่วงหลังตอนที่ 30-35 แล้วด้วยซ้ำ

กับน่ารักที่จริงๆ แล้ว Geon เป็นพวกไกด์ก้าวร้าว ในแง่ที่ว่าเกลียดเอสเปอร์ทุกคนมาก หรือในแง่นิสัยก็เป็นพวกเย็นชา กำแพงน้ำแข็งมากกับทุกคนในโลก แต่ว่าโอ๋มาก ใจดีมากกับเอสเปอร์ตัวเองคนเดียว ถึงขั้นที่วันแต่ละยุ่งวุ่นวายกับการดูแลตัวเอกตั้งแต่ตื่นนอนยันเข้านอน ตามใจมากเวลาทำอาหารที่ชอบให้เช้าเย็น แต่ก็เข้มงวดเวลาสอนหนังสือให้เหมือนกัน และในแง่นี้ก็ต่างจากเรื่องไกด์อื่นเหมือนกัน เพราะคนที่ก้าวร้าวไม่เปิดมิตรต่อโลก และหวงเอสเปอร์ตัวเองเป็นไกด์แทนที่จะเป็นเอสเปอร์เย็นชา หน้านิ่งเหมือนเรื่องอื่นๆ 

กลายเป็นความฟลัฟที่อยู่กัน เข้าใจกันสองคน เพราะว่าตัว Geon จะจับมือ Daemun ไว้เสมอเพื่อไกด์ให้ Daemun ที่ตื่นตัวและอารมณ์ไม่มั่นคงง่าย และ Daemun ก็แอบอยู่หลัง Geon ให้ Geon เป็นหลักเป็นที่พึ่งตัวเองเหมือนกัน

โดยเฉพาะพอมาใช้ชีวิตใหม่ ก็มีสิ่งหลายสิ่งที่ตัวเองไม่เคยได้ทำ และไม่เคยได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีคนให้ค่าให้ความสำคัญ ได้นอนบนที่นอนที่มีผ้าห่มอุ่นๆ มีคนจัดงานวันเกิดให้ ที่น่ารักตรงสองพี่น้องถาม Daemun ว่าอยากกินอะไร แล้วพอตอบว่าชอบกินข้าวที่ทำเองที่บ้าน Geon ก็ทำอาหารโปรดของ Daemun เต็มที่ ไม่นับที่พอเจ้าตัวหลับก็แอบไปอบเค้กให้ด้วย Daemun ร้องได้ตอนได้เค้ก แล้วก็เพิ่งเข้าใจว่าวันเกิดเป็นวันที่มีความหมาย ไม่ใช่วันอีกวันในปฎิทินอย่างที่เคยเป็นมาทั้งชีวิต ฮือ 

และความต้องการเป็นไกด์จับคู่กับเอสเปอร์ก็เริ่มจากตัว Geon เหมือนกันที่การดูแลตัว Daemun รวมถึงการไกด์ผ่านการจับมือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดแวลา จนถึงวันที่ลุกขึ้นมาประกาศว่าจะเป็นไกด์คู่กับ Daemun ก็กลายเป็นเรื่องปกติของเจ้าตัวไป และเมื่อ Geon ออกมาประกาศแบบนั้น ก็เลยทำให้เมื่อเวลาผ่านไป Daemun มีเหตุผลที่จะพัฒนาความสามารถตัวเองเพื่อให้ได้เป็นเอสเปอร์ที่คู่ควรกับ Geon เหมือนกัน 

เริ่มต้นที่เมื่อ Daemun ซื้อของอยู่ในห้างกับ Geon และ Ji-eon มีเหล่าสัตว์ประหลาดอาละวาด และเพราะน้ำหนักตัวที่มากของสัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายก็ทำให้พื้นห้างถล่ม Daemun กับ Geon ตกลงมา .... Daemun ก็พยายามใช้พลังเปิดประตูย้ายออกมาอยู่นอกห้าง และเหมือนว่าพลังจะเพิ่มขึ้นเพราะมีเสียงในหัวบอกว่าไม่ต้องใช้สื่ออะไรเลย ตัว Daemun สามารถเปิดประตูได้เลย ต่างจากเดิมที่ต้องมีสื่อในการวาดประตูขึ้นมา 

และเมื่อพัฒนาตัวเองไป มีช่วงที่ขำมาก เพราะว่า Daemun ไปขอคุยกับปู่ของ Geon เพียงลำพังสองคนว่าถ้าตัวเองวัดเกรดออกมาได้สูง ก็จะเข้ากิลด์ของปู่ แต่ขอให้ Geon เป็นไกด์คู่ตัวเอง เพราะเข้าใจว่าการจับคู่กับเป็นเรื่องของผู้ใหญ่กำหนด และก็ไม่กล้าให้ Geon ฟัง โดยที่ Geon ก็ไม่กล้าโกรธตัว Daemun สุดที่รักของตัวเอง ได้แต่น้อยใจกับหันไปถลึงตาใส่ปู่ก่อนเดินออกไปจากห้อง (และก็ไม่ไหนไกล เป็นการแอบฟังหน้าประตู) แต่พอปู่ได้ยินว่าเป็นเรื่องอะไรก็หัวเราะแล้วเรียก Geon เข้ามาถามความสมัครใจเอง สรุปว่าการอ้อมโลก และการเลี่ยงเจ้าตัวก็ไม่ได้ผลใดๆ 

และคราวนี้ตัว Daemun ที่วัดพลังก็กลายเป็นเอสเปอร์ระดับเอสไปแล้ว ทำให้นักวิจัยที่วัดพลังตื่นเต้นว่าตัว Daemun เป็นเอสเปอร์ที่พลังตื่นตอนที่อายุน้อยที่สุดไม่พอ มาจับคู่กับ Geon ก็กลายเป็นคู่เอสเปอร์ไกด์ที่อายุน้อยที่สุดในโลกกันไปอีก — แต่จริงๆ ก็แอบสงสัยว่าพลังของตัวเองควรจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่เพราะรีเกรสกลับมาอย่างที่แนวแฟนตาซีเป็น แต่เป็นเพราะในอดีตถูกพวกสมาคมกดข่มเอาไว้จนพัฒนาความสามารถไปได้ไม่เป็นเต็มที่ 

กับมีอีกประเด็นนึงที่มีเรื่องเล่าในอดีตว่ามีคนที่ทำหน้าที่ gatekeeper ปิดประตูกั้นไม่ให้เหล่าสัตว์ประหลาดออกมาทำลายล้างโลก และก็บอกว่าวันนึงสายเลือดตัวเองก็จะปรากฎออกมา ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็น Daemun นั่นเอง โดยเฉพาะเมื่อชื่อ Daemun ก็มีความหมายว่าประตูอีก 

แต่ตอนนี้คงต้องพักเรื่องใช้พลังแล้วมาเน้นที่การเติบโตกันก่อน ตอนนี้ Daemun เพิ่งอายุ 15 ปี แล้วก็มีความฝันใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียนอย่างที่ชาติที่แล้วไม่เคยได้ทำ 


ปล. ไม่ไหวแล้ว ชอบประโยคนี้มากก ฮืออ  

'잘 자. 나의 에스퍼.' Sleep tight, my Esper. เนี่ยยย

เป็นชะนีที่โดนดาเมจแทนไปเต็มๆ




Tuesday, 19 October 2021

나를 싫어하는 에스퍼에게 거짓 애인 행세 중입니다 // I'm Pretending to be a Fake Lover to Esper Who Hates Me


คนเขียน: 뛰뛰빵빵 

แนว: โลกไกด์-เอสเปอร์, ability, ตัวเอกเก่ง, ตัวเอกสำนึกผิด, พระเอกสำนึกผิด, พระเอกความจำเสื่อม 

ความสัมพันธ์: เอสเปอร์ X ไกด์

จำนวนตอน: 66 (ยังไม่จบ)


ไม่บอกก็รู้ว่าตรงไหนมีไกด์และเอสเปอร์ อีฉันก็จะตามไปอ่านอย่างไรล่ะคะ 

เรื่องเริ่มที่ Ji Yoonseong ไกด์เอสคลาสถูกคำสั่งจับคู่เป็นพาร์ตเนอร์กับ Lee Tae-eon เอสเปอร์เอสคลาสที่มีพลังไฟฟ้า ค่าความเข้ากันได้สูงควรให้สองคนเข้ากันได้ดี แต่ว่า Tae-eon เกลียด Yoonseong ตั้งแต่ต้น และพยายามล้มเลิกการเป็นคู่หูกับ Yoonseong แต่ว่าไม่สำเร็จ

ดังนั้นด้วยการประนีประนอมแบบไม่ยอมอ่อนข้อให้จากเบื้องต้น สองคนก็พยายามจะทำงานร่วมกันให้ได้ในช่วงระยะเวลาสัญญาหนึ่งปี และการอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน และทำงานร่วมกันก็ถูกขีดเส้นแบ่งระหว่างชีวิตการทำงาน และชีวิตส่วนตัวชัดเจน 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างการฝึกการต่อสู้ ค่าความเข้ากันที่มีอยู่สูงก็ทำให้สองคนสามารถแบ่งปันประสาทสัมผัสกันได้ เมื่อพลังของทั้งคู่มาประสานกัน และ Tae-eon ก็จะเป็นมิตร และญาติดีกับ Yoonseong เป็นพิเศษ .... ตามที่ Yoonseong วินิจฉัยว่าการแบ่งปันการรับรู้ทำให้เอสเปอร์สภาพอารมณ์ดี  high จากพลังที่เพิ่มขึ้น 

อยู่ด้วยกันไป แม้ Tae-eon จะพยายามขีดเส้นแบ่งชีวิตไว้ แต่จากการเป็นคู่หูก็ทำให้สองคนต้องทำงานร่วมกัน และใช้ชีวิตร่วมกัน โดยเฉพาะเวลาที่เอสเปอร์และไกด์ต้องออกภาคสนามกำจัดเหล่าสัตว์ประหลาดทั้งหลายที่เป็นปัญหาในพื้นที่ต่างๆ และ Tae-eon ก็เริ่มลดอคติที่มีต่อ Yoonseong ลง

แต่จากปัญหาการไม่พูดกัน และไม่สื่อสารกันระหว่างการออกภาคสนามครั้งสุดท้าย ก็ทำให้ Yoonseong ตกลงไปในรังมดยักษ์ และถึงแม้ Tae-eon จะช่วยไว้ได้ทันเวลา แต่ก็เป็นความผิดของ Yoonseong ที่ทำให้ทั้งทีมต้องมีความเสี่ยงเพิ่มด้วย และก็ทำให้ตัว Tae-eon โกรธถึงขั้นที่ความสัมพันธ์กลับเป็นเหมือนตอนแรกขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ว่าจะทำอย่างไร Tae-eon ก็ไม่ยอมฟังและไม่สนใจ Yoonseong เลย .... และเมื่อ Yoonseong บุกเข้าไปเพื่อจะขอโทษครั้งสุดท้าย ก็ได้ยินเสียง Tae-eon ที่พูดโทรศัพท์ว่า เกลียด Yoonseong มาก รอให้สัญญาหนึ่งปีผ่านไปจะได้เปลี่ยนคู่หู ให้พ้นจากมนุษย์น่ารังเกียจ และตอนนี้ก็แค่แกล้งทำดีด้วยกับ Yoonseong ที่มีค่าแค่กำแพงกั้นตัวเองจากการ runaway เท่านั้น

และเมื่อ Yoonseong ที่ได้ฟังกำลังจะเดินออกไป Tae-eon ก็ออกมาเห็นพอดี 

สองคนจบลงที่การทะเลาะกัน และ Yoonseong ที่กำลังเสียใจ และแค้นใจที่ Tae-eon เคยพูดใส่หน้าว่าตัวเองเป็นไกด์อ่อนแอ ก็ใช้พลังไกด์สะท้อนกลับไปเล่นงาน Tae-eon เพื่อให้เจ้าตัวรับรู้ความโกรธ และเสียใจของตัว Yoonseong บ้าง

หลังจากนั้น Yoonseong พยายามจะขอเลิกการเป็นคู่หู แต่กลายเป็นหัวหน้าให้สองคนพักงานและรับโทษแทน โดยที่ Tae-eon บอกว่าตัวเองเป็นคนผิด 

ระหว่างที่กำลังพักงาน Yoonseong ก็ถูกตามมาไกด์ให้ Tae-eon ที่บาดเจ็บสาหัสระหว่างออกภาคสนาม แต่เมื่อ Tae-eon ฟื้นขึ้นมาก็ความจำเสื่อม ไม่มีเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสามปีก่อนหน้าในหัวเลย

และเพื่อแก้แค้น และเพื่อตอบสนองความต้องการที่รักข้างเดียว Yoonseong ก็เลยโกหกไปว่านอกจากสองคนจะเป็นคู่หูกันแล้ว ก็ยังเดทกันอยู่ ....

.

.


จากใจ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถ้าเอามาเรียบเรียงใหม่จะเป็นเรื่องที่สนุกมาก และมีศักยภาพมาก เพราะภาพที่เปิดมาให้ Yoonseong เป็นไกด์ที่มีความสามารถ รอบรู้ และรับผิดชอบกับหน้าที่ตัวเองเด่นมาก และก็ให้มุมมองไกด์เอสเปอร์ในแง่การทำงานร่วมกันชัดด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีการสร้างโลกที่ทำงานเป็นระบบ มีกฎเกณฑ์ และตรรกะของตัวเองชัด และมี sense sharing ระหว่างเอสเปอร์กับไกด์ที่ทำให้การแบ่งปันรับรู้โลกจากอีกฝ่ายเป็นเรื่องใหม่ในโลกไกด์เหมือนกัน

แต่ปัญหาคือตรรกะเชิงอารมณ์ Tae-eon เกลียด Yoonseong จากเรื่องที่มีสาเหตุเล็กน้อยเกิดกว่าที่จะควรเกลียดคนๆ หนึ่งได้ขนาดนั้น จนถึงขั้นรู้สึกว่าเจ้าตัวเป็นคนใจแคบ และหยาบคายด้วยซ้ำ ถ้าประเด็นที่ทำให้ไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่แรกแน่นกว่านี้อาจให้ทำให้เรื่องเดินไปน่าเชื่อถือกว่านี้ก็ได้ 

กับส่วนตัวไม่ชอบพล็อตที่เริ่มต้นใหม่ด้วยความจำเสื่อมเลย เพราะอยากให้สองคนเริ่มต้นกันใหม่ โดยที่ใช้ความรู้สึกก่อนหน้าเป็นเกณฑ์ และก็อยากเห็นความเสียใจของ Tae-eon ที่จะต้องแก้ตัวสำนึกผิด กับเมื่อ Yoonseong เริ่มต้นที่จะโกหกเพื่อความสะใจในตอนแรก แต่ต้องอยู่ด้วยความรู้สึกผิดก็เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจในเวลาต่อไป ไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าวันหนึ่งที่ Tae-eon ความทรงจำกลับมา สองคนจะมองหน้ากันอย่างไร ... ไม่อยากเห็น Yoonseong ต่อปัญหากับ Tae-eon ไปเรื่อยๆ เลย

แล้วยิ่ง Tae-eon ภาคความจำเสื่อมที่มีบุคลิกขี้เล่น ช่างแหย่ เอาใส่ใจ ดูแลก็ยิ่งน่าจะทำให้ความสัมพันธ์สองคนยิ่งยุ่งเหยิงไปอีก ..... จริงๆ อยากให้ Yoonseong ตัดจบแล้วไปไกลๆ เจอคู่หูที่ดูแล เอาใจใส่ Yoonseong อย่างที่ควรจะเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ 

แต่ก็นั่นแหละค่ะ ตกหลุมโลกเอสเปอร์-ไกด์ ตกหลุม love-hate/ enemies turn lovers มาแล้วก็ต้องตกหล่มกันต่อไป destructive relationship นี่จะ turn constructive ขึ้นมาบ้างไหม ... แต่ว่านะ ถ้าเปลี่ยนปก และเปลี่ยนชื่อเรื่องให้จริงจังกว่านี้อาจจะเหมาะกับโทนเรื่องมากขึ้นก็ได้นะ ปกกับชื่อเรื่องมีผลจริงๆ นะ เห็นแล้วเหมือนอ่านการ์ตูนอยู่ ... แต่ในแง่นึงก็บอกความสิ้นหวังจากใจเจ้าตัวชัดอยู่นะ ฮือ 

แต่อย่างน้อยก็ขอบคุณที่มาอาทิตย์ละ 5 วันนะคะ 


----

เพิ่ม

291021

ตอน 74

Tae-eon เวอร์ชั่นความจำเสื่อมที่ความทรงจำในช่วง 3 ปีหายไป เป็นอีกคนไปแล้ว ใส่ใจ แล้วก็ดูแล Yoonseong ดีมาก เหมือนสองคนเข้ากันได้มากขึ้นเรื่อยๆ ออกไปกำจัดสัตว์ประหวาดด้วยกัน พอรู้ว่าเป็นตัวที่ Yoonseong ไม่ชอบ (กลัว) ก็จับให้พิงตัวเอง แล้วเอามือปิดตาก่อนให้ไกด์ จะได้ไม่ต้องมองเห็นตอน Tae-eon กำจัดอีกต่างหาก แต่คือการปิดตาต่อ แล้วกึ่งๆ กอด กึ่งๆ อุ้มไปที่รถหลังจากนั้นคืออะไรคะ? จะเดินเองก็ไม่ให้เดินอีก แถมไม่ยอมให้ขับรถ ให้นั่งสบายๆ ในเบาะผู้โดยสารด้วย เหมือนความรู้สึกทางฝ่าย Tae-eon เพิ่มขึ้นเหมือนกัน

และที่สำคัญ ตัว sense sharing ก็ยังอยู่ต่อ เพราะว่า Yoonseong ที่ถูกจับอุ้มขึ้นรถ ยังไม่ได้หยุดไกด์ด้วย เป็น 20 นาที เท่าตัวของที่เคยทำได้เลยนะ (ไม่นับว่าเทียบกับที่คู่อื่นมี อย่างมากก็แค่ 2-3 นาทีอีก) เหมือนความเข้ากันได้สองคนนี้สูงมาก ยิ่งพอ Tae-eon เปิดใจ ตัวเลขก็ยิ่งสูงขึ้นไปอีก 

เอาจริง โอ๊ยย อย่าเดินเรื่องแบบเนิบๆ ได้ไหมม ฉันลุ้นน ฉันรออออ เมื่อไหร่จะได้เห็น Tae-eon สำนึกผิดบ้างคะ อยากเห็นไล่ตาม Yoonseong บ้าง กับอยากเห็นมุมมองฝั่ง Tae-eon ด้วย

แต่คือรู้สึกบาป เพราะรู้สึกว่าเวลาอ่านไกด์ก็ชอบ 19+ อยู่ดี

ปล. ขวดน้ำที่ใหญ่ขึ้นอีก? ทำไม Yoonseong ซื่อแบบนี้ ไหนว่าเคยมีคนรักมาก่อนไม่ใช่เหรอออ??? จะถูกฝ่ายนั้นหลอกอะไรไหมเนี่ยยย

021121

ตอน 76

พอความรู้สึกระหว่างกันดีขึ้น ความเข้ากันได้สองคนก็เพิ่มขึ้นด้วย ไม่นับ sense sharing ที่นานขึ้นเรื่อยๆ + เกิดเป็นปกติอีก 

ช่วงนี้คุณพี่ดูจีบๆ ตามๆ ชอบกล มีตั้งแต่ชวนดูหนังด้วยกันที่บ้าน พูดจาเป็นนัยๆ แปลกๆ รวมไปถึงถึงเนื้อถึงตัวด้วย

แต่เรื่องมันปูไปช้ามากกกกกก ถ้าไม่มาอาทิตย์ละ 5 วันนี่ ... ตายกันไปกลางทางแน่นอน คือผู้ชายจะเอาอย่างไรคะะะ?? ไม่ชอบ การเล่าเรื่องผ่านตัวเองทางเดียวก็เพราะแบบนี้แหละ อยากได้มุมมองบุคคลที่ 3 กรี๊ดดดด อยากได้สำนึกผิดทางฝั่งพระเอกเร็วๆ ด้วยยย

ปล. รอลิฟท์ด้วยกันตอนก่อน ก็มาประชิดตัวกระซิบข้างๆ หู ตอนนี้พอคุยกันว่าสวนกันที่ฐานคนละที่ ก็พูดทำนองว่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกันก่อนหน้า ถามว่าชอบหน้าตาตัวเองไหม แล้วยังจะเหมือนบอกว่าชอบอีก ดูหนังด้วยกัน พอ Yoonseong รู้สึกว่าพิงไปทาง Tae-eon มากไป ขอโทษแล้วจะขยับตัวออก Tae-eon ก็ไม่ให้ขยับตัวออกอีก บอกว่า warm and nice เนี่ยยย เอามือมากดไหล่ให้อยู่ท่าเดิมอีก .... ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Yoonseong ฉันค้างไปแล้ว

คืออะไรคะะ คืออะไร??? ฉันเบื่อผู้ชายกั๊กแบบนี้ๆๆๆๆๆๆ

((จริงๆ ก็คงไม่กั๊ก เหมือนเวลาคลุมเครือจีบกันใหม่ๆ แต่ปัญหามันคือเป็น Tae-eon ที่ทัศนคติติดลบกับ Yoonseong มากจนพอมาอ่านผ่านมุมมอง Yoonseong ที่ปรับตัวไม่ทัน ทั้งรู้สึกกลัวว่าความทรงจำจะกลับมาเมื่อไหร่ ก็เลยยิ่งไม่ชัดเจน))


Wednesday, 6 October 2021

오메가로 살아가기 피곤하다 // Tired of Living as an Omega




คนเขียน: 난기류

แนว: ABO, ทะลุมิติ, ตลก, ล้อเลียน, เพี้ยน

ความสัมพันธ์: ?? X โอเมก้า (หลงเข้ามาอยู่ในนิยายที่พี่สาวอ่าน)

จำนวนตอน: 61 (ยังไม่จบ)

ตอนเห็น teaser ตอนแรกเหมือนว่าจะเป็นพล็อตเรื่องแบบเดิมที่หลงเข้ามาเป็นโอเมก้าในนิยาย ก็เลยจะหนีเหล่าพระเอกทั้งหลายไป แต่ว่า ... พอเห็นปกแล้วก็ชอบความหลุดโลก จนอ่านซื้ออ่านรัววันเดียว 

ตัวเอกหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายวายที่พี่สาวตัวเองเล่าให้ฟัง กลายเป็น Sung Chanyoung โอเมก้าบทตัวอิจฉาลูกนักธุรกิจใหญ่ ที่อิจฉาและคอยกลั่นแกล้ง Seo Eunsoo โอเมก้าตัวเอกในเรื่องที่ได้รับความรักและความสนใจจากเหล่าพระเอก 4 คนที่รุมล้อม 

และดังนั้น ทางเลือกตัวเองตอนนี้ก็คือ เลิกทำร้ายตัวเอก เลิกไล่ตามเหล่าพระเอก และหนีไปใช้ชีวิตเงียบๆ คนเดียวแทน

.

.

ถ้ามาแค่นี้พล็อตก็จะไม่มีอะไรแปลกใหญ่ แต่ว่าที่ขำมาก ก็คือว่า ทางออกของ Chanyoung คนปัจจุบันก็คือ หนีไปทำฟาร์ม!!! โอ๊ยย คือแค่คิดก็หัวเราะออกมาได้แล้ว เพราะว่าเจ้าตัวคิดว่าควรหนีตัดขาดจากทุกคน รวมไปถึงครอบครัวที่ไม่ได้เคยได้รับความรักมาเลย และเหตุผลที่เลือกหนีไปทำไร่ก็คือว่าในโลกจริงที่บ้านเป็นครอบครัวเกษตรกร พ่อแม่เลี้ยงเหล่าพี่สาวพี่ชาย 6 คนมาช่วยทำไร่ แต่ว่าตัวเอกที่เป็นน้องเล็กสุดร่างกายป่วยกระเสาะกระแสะ อ่อนแออยู่บนเตียงในโรงพยาบาลอย่างเดียวดายก็เลยทั้งเก็บกด ทั้งอยากเชื่อมถึงครอบครัวผ่านการทำสวนทำไร่ไป 

ดังนั้นก็เลย เอาหิ้วกระเช้าดอกไม้ราคาแพงที่สุดในร้าน เช็คปลอบใจ และบันทึกข้อตกลงว่าจะไม่มาปรากฎตัวต่อหน้าตัวเอกไปขอโทษ Eunsoo ก่อนจะที่นัด Baek Dojun คู่หมั้นหนึ่งในกลุ่มพระเอกที่ชอบตัวเอกมากินข้าวกลางวันด้วยเพื่อถอนหมั้น และส่งข้อความไปขอโทษพระเอกที่เหลือพร้อมกับบล็อกโทรศัพท์และตัดขาดการติดต่อจากทุกคน

เรื่องควรจะจบเงียบๆ แยกย้ายไปทางใครทางมัน แต่เหล่าพระเอกต่างแปลกใจ และไม่เชื่อในพฤติกรรมคาดเดาไม่ได้ของ Chanyoung ถึงขนาดคิดว่าน่าจะเป็นแผนการณ์ร้ายแบบใหม่ แต่ว่าเกร็งรอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และ Chanyoung ก็หายไปจากชีวิตของทุกคน ....... ท่ามกลางความคาใจของเหล่าพระเอก โดยเฉพาะคู่หมั้นเก่าที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ พยายามหาเหตุผลให้ได้

แต่ก่อนที่จะหนีไปทำฟาร์ม ตัว Chanyoung ไปกินข้าวกับปู่ตัวเอง และด้วยความที่เป็นครอบครัวรวยให้แค่เงิน ไม่ได้ให้ความรัก ปู่ที่คิดจะคืนดีกับหลานชายสุดที่รักก็จัดอาหารอลังการเต็มโต๊ะ รวมไปถึงกุ้งล็อบสเตอร์ใหญ่ที่ใช้มือเปล่าแกะเนื้อให้หลานด้วย ... ซึ่ง Chanyoung ที่มาตามนัดก็เข้าใจว่าปู่ตัวเองนัดมาเพราะอยากจะตักเตือน และการฉีกเปลือกกุ้งล็อบสเตอร์ด้วยมือเปล่าก็คือการข่มขู่กันเป็นนัย

ซ้ำร้ายยย ร่างกายของ Chanyoung ก็แพ้อาหารทะเล และดังนั้น ตัว Chanyoung ก็หายใจไม่ออก วูบไปโผล่อีกทีที่โรงพยาบาล ความพีคเกิดขึ้นเพราะตัว Chanyoung ที่ไม่เข้าใจความรักของปู่ที่เพิ่งเข้าใจจิตใจหลานชายตัวเอง ตีความไปใหญ่โตว่าปู่ที่เป็นอัลฟ่าเลือดเย็นและท่านประธานใหญ่จงใจให้ตัวเองกินกุ้งเพื่อสั่งสอนตัวเอง เข้าข่ายหน้ายิ้มแต่เอามือแทงตามประสานักธุรกิจ

ยิ่งทำให้คิดหนีไปไกลกว่าเดิมมม!!

และพอหนีไปจริง ก็ชิ่งทิ้งทุกอย่างไม่ติดต่อใครแม้กระทั่งปู่ ซึ่งตอนนี้ฝังใจไปหนักกว่าเดิมแล้วว่าที่หลานชายตัวเองเปลี่ยนแปลงหน้ามือหลังมือก็เพราะว่าป่วยหนักกำลังจะตาย เนื่องจากคุณปู่เผลอเปิดละครหลังข่าวและพอเจอพล็อตนี้ก็เอามาโยงกับหลานตัวเองสนิทใจ เลยร้อนใจโทรไปหาคู่หมั้นเก่าเผื่อจะรู้ข่าวคราวของ Chanyoung เพิ่ม

และ Dojun คู่หมั้นเก่าที่แปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงและหายไปของ Chanyoung ก็เข้าใจผิดไปอีกคนว่า Chanyoung ป่วยใกล้จะตาย พอบอกให้เหล่ากลุ่มพระเอกที่มาเป็นพันธมิตรกันเพื่อปกป้อง Eunsoo จากเงื้อมมือชั่วร้ายของ Chanyoung ทุกคนที่คาใจเรื่องการหายไปก็ช่วยกันสะกดจิตหมู่ ความเชื่อผิดลามกันใหญ่รอบวงว่า “ตัวร้ายหายไปตาย” และการแข่งกันหา Chanyoung ก็เริ่มขึ้น!

ซึ่งระหว่างนี้ Chanyoung ที่อยู่ดีกินดีกับชีวิตในฟาร์ม มีความสุขกับการปลูกผักปลูกหญ้าและกินผลิตผลจากฟาร์มตัวเอง กระฉับกระเฉงด้วยร่างใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิมก็ไม่ได้รู้เลยว่าคนข้างนอกระดมกันตามล่าหาตัวเองถึงขั้นออกป้ายค่าหัวแล้ว!!

เอาจริงมันขำมาก มากเพราะความมโนไปไกลและเข้าใจผิดของทุกคน ตัว Chanyoung ที่ควรจะอยู่เงียบๆ ช่วยลูกหมาที่ตกลงมาจากรถบรรทุกและพาลูกหมาไปรักษาที่โรงพยาบาลก็เลยทำให้คนที่เห็นป้ายประกาศตามหาตัวเจอ แล้วจัดการคาบข่าวไปบอกหนึ่งในบรรดาเหล่าพระเอกแล้ว

และปู่ที่ดิ้นรนตามล่าหาหลานชายจนได้เบอร์โทรใหม่ Chanyoung ก็พยายามโทรมาเตือน Chanyoung ว่าถูกเหล่าพระเอกตามหาตัวอยู่นะ ด้วยความกลัว และไม่รู้จะทำอย่างไร พอปรึกษาเลขา (ที่อย่างน้อยก็เป็นคนที่ตัวเองเชื่อใจที่สุดเวลานี้) ก็ได้คำตอบว่าให้ไปจ้าง Eunsoo มาอยู่ด้วย เพราะว่าถ้าเจอหน้าโอเมก้าสุดที่รัก พวกพระเอกก็น่าจะสนใจ Eunsoo ที่ตัวเองตามจีบอยู่ และปล่อย Chanyoung ไว้ตามลำพังต่อไป 

ซึ่งก็โชคดีว่า Eunsoo รับปากพอดี แต่พอมาถึง พอพาเข้าห้องเรียบร้อย ก็กลับตาลปัตรเพราะค้นพบความจริงว่า Eunsoo โอเมก้าที่เหมือนดอกแดฟโฟดิลแสนสะอาด สูงส่งของพระเอกทั้งสี่กลายเป็นอัลฟ่าไปแล้ววว!!!

เอาล่ะค่ะ เมื่อมาถึงตอนนี้ เหล่าคนที่กรีดร้องขัดใจพวกพระเอกที่ดูไม่มีวุฒิภาวะพอก็เริ่มทยอยซื้อหุ้นใหม่กันแล้ว ไม่ลงเรือ Eunsoo แล้วจะให้ลงเรือใครที่ไหน??  ตัว Chanyoung ที่ใช้ชีวิตทำไร่เรื่อยๆ ไปพร้อมกับ Eunsoo ที่ได้รับเงินค่าจ้างและสวัสดิการดีมากจนเหมือนมาพักผ่อนมากกว่ามาทำงานก็กำลังเข้ากันได้ดี

แล้วพวกพระเอกก็ตามมาถึงพอดี .... ด้วยความกลัวมาก ตัว Chanyoung ก็มือนึงถือคราด อีกมือถือไม้กวาดเตรียมสู้กับอัลฟ่าสี่ตัว เอ๊ย คน แต่กลายเป็นว่า ด้วยความที่ Joo Taegang พระเอกตัวปากเสียเริ่มต้นถาม Chanyoung ไปว่าหนีมาเพื่อมาใช้ชีวิตแบบนี้เนี่ยนะ?? ซึ่งจริงๆ ความหมายในคำถามของ Taegang ก็คือว่าถ้าป่วย ทำไมมาทำฟาร์ม ไม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล เป็นคำถามแบบที่ตัวเองเข้าใจคนเดียว และส่งไปไม่ถึงคนฟัง ... Chanyoung เลยโกรธจัดจนเลิกกลัวแล้วไล่เหวี่ยงอัลฟ่า 5 คน (รวม Eunsoo ที่อยู่ข้างๆ ด้วย) จนไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลืนน้ำลายเงียบๆ แล้วทำตาปริบๆ กันไปหมด พร้อมลูกหมาที่ช่วยนายตัวเองเห่าขู่

แต่ว่าแปลกที่ถึงแม้ Eunsoo จะอยู่ข้างๆ ก็ไม่มีใครสนใจ Eunsoo เลย มองไม่เห็นจนกระทั่ง Chanyoung ออกปากไล่ทุกคนออกไปด้วยซ้ำ 

และก็กลายเป็น Eunsoo นั่นเองที่บอกเหล่าพระเอกสี่คนว่าเอาจริงก็ไม่มีใครชอบตัว Eunsoo หรอกนะ ทุกคนสนใจChanyoung แบบไม่รู้ตัวมาตลอดต่างหาก 

คราวนี้แทนที่จะไล่อัลฟ่าสี่คน หรือรวม Eunsoo เป็นห้าคนออกไปได้ แล้วทำฟาร์มมีความสุขต่อไป เมื่อจบเหตุแล้วก็กลายเป็นทุกคนไม่ยอมไปไหน จะขออยู่กับ Chanyoung ที่ฟาร์มด้วย กลายเป็นเผลอเลี้ยงข้าวฝูงอัลฟ่าที่หิวโซไปมื้อนึงก็ต้องเลี้ยงกันตลอดไป 

ผลที่ตามเลยทำให้ Chanyoung คิดแผน (ที่ตัวเองคิดว่า) ชั่วร้ายให้ทุกคนช่วยกันทำไร่จะได้ถอดใจแล้วหนีกลับไปเสีย 

แต่เอาจริง อยากจะบอกว่า พลิกมุมไหนก็ไม่เห็นความชั่วร้าย Chanyoung เลย เวอร์ชั่นใหม่ที่มีน้องเด๋อมาสิงใสซื่อและเรียบง่ายมาก ถ้าจะพูดกันก็คือว่า ในบรรดา 6 คนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้ ตัว Chanyoung ใสซื่อและไร้เดียงสาที่สุดแล้ว เพราะเมื่อ Eunsoo กลายมาเป็นอัลฟ่า ความเปราะบางที่มีหายไปหมด ไม่ต้องแกล้งทำอ่อนแอ บอบบางแล้วก็แสดงนิสัยจริงๆ ออกมาที่เหมือนจะบิดหน่อยๆ ด้วยซ้ำ ซึ่งอย่างน้อยก็ต่อกรปะทะอัลฟ่าอีกสี่ได้โดยที่ไม่เสียเปรียบสักนิด .... ไม่นับรวมที่ว่าจริงๆ Chanyoung ปิดบังความจริงที่ว่าตัวเองเป็นโอเมก้าเอาไว้ และทั้งโลกก็เข้าใจไปว่าตัว Chanyoung เป็นเบต้าด้วย ช่างเหมือนการเอาลูกแกะลูกกวางไปอยู่ท่ามกลางหมู่เสือหมู่สิงโตมาก   

แล้วตอนนี้ความวุ่นวายก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อคุณปู่ที่รับหลานตัดสินใจมาหาหลานรักที่ฟาร์มด้วย .... และด้วยความที่คิดว่าหลานป่วยก็หอบทั้งเขากวาง ทั้งโสม ทั้งเห็ดหลินจือมาบำรุง จน Chanyoung  แอบคิดว่าหรือตัวเองหลุดเข้ามาในนิยายกำลังภายใน

ล่าสุด Chanyoung รู้แล้วว่าทุกคนเข้าใจผิดเรื่องอะไร แต่ก็กลายเป็นว่าน้อยใจที่ทุกคนสนใจตัวเองว่าคิดว่ากำลังจะตาย มากกว่าจะสนใจกันจริง ปิดประตูหนีเข้าห้องไปแล้ว แล้วพอหายไปนานเข้า ไม่มีเสียงอะไรในห้อง คุณปู่ที่เป็นห่วงหลานรักก็พังประตูเข้าไปหาแล้ว .... เอ่อ แรงเยอะมากปู่

สรุปผู้สมัครเป็นพระเอก มีสองคนที่มีแนวโน้มมากสุด ด้วยความที่มีชื่ออยู่ในบทแนะนำ ก็คือ Eunsoo โอเมก้าใสสะอาดที่ตอนนี้เหมือนจะกลายเป็นอัลฟ่าสู้โลก และ Dojun คู่หมั้นเก่าที่ตอนนี้รู้สึกว่าไม่เคยรู้จักคู่หมั้นตัวเองเลย (แน่ละ ก็คนละคนกันแล้วนี่) แต่คือเชียร์คนแรกนะคะ ขอย้ำจุดยืนเดิมไปเรื่อยๆ 


ปล. ขำปกมาก หน้าตาเก็บแอปเปิ้ลคือมุ่งมั่นจริงจังสุด ๆ ถูกตกก็เพราะปกเนี่ยนี่แหละ และที่กระจายอยู่ในฟาร์มคือเหล่าพระเอกที่ถูกเกณฑ์มาใช้แรงงานด้วยกัน แถมยังมีลูกหมามาช่วยเห่าไล่


ปล. สอง ไม่รู้ทำไมอ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึง The Villains All Fell in Love with Me After Rebirth สงสัยเป็นเพราะความมโนหมู่เข้าใจทุกอย่างผิดทั้งแต่ต้นจนจบของเหล่าผู้สมัครเป็นพระเอก แถมยังพลิกเอาตัวเอกที่ควรจะเป็นในเรื่องมาเป็นพระเอกอีกต่างหาก ... แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่รู้ชัดว่าใครเป็นพระเอกก็เถอะ 


แต่ว่า ถ้าขนาดนี้แล้ว พระเอกก็เหมือนจะเป็น  Eunsoo แล้วล่ะ ศักยภาพสูงมากกกก เพราะทำร้ายตัวเอกเดิมน้อยสุด (โดยเฉพาะเป็นฝ่ายถูกกระทำแทน) และเหมือนจะมีวุฒิภาวะสูงสุดด้วยนะ แต่ก็ต้องดูกันต่อไป 

Monday, 4 October 2021

여우 사냥 // Fox Hunt



คนเขียน: 라임나무

แนว: เหนือธรรมชาติ, ปีศาจ/ ภูติ/ ผี, แก้แค้น, enemies turn lovers, fluff, obsession

ความสัมพันธ์: นักปราบปีศาจ X ปีศาจจิ้งจอก

จำนวนตอน: 70 (ยังไม่จบ)

เมื่อเปิดเรื่องมา Eun Sunmyung เป็นนักปราบปีศาจของตระกูล Eun ที่สืบเชื้อสายมาหลายรุ่นถูกว่าจ้างให้ไปฆ่าปีศาจจิ้งจอกไฟที่มารังควานลูกชายสุดที่รักของภรรยานักธุรกิจใหญ่ และเมื่อตามถึงตัวจิ้งจอกที่ซ่อนตัวอยู่บนเขา ระหว่างกำลังจะฆ่าปีศาจจิ้งจอก คำสาปที่สืบทอดกันมาของตระกูลก็ออกฤทธิ์พอดี ส่วนปีศาจจิ้งจอกที่ถูกยิงบาดเจ็บก็หนีไปได้

อันที่จริง จิ้งจอกไฟ Shimyul ควรจะหลบหลีกจากนักล่า แต่ว่าเมื่อเห็นสัญลักษณ์คำสาปจากจิ้งจอกขาวบนหน้าผากนักล่า Shimyul ซึ่งมีความแค้นกับจิ้งจอกขาวที่ฆ่าแม่ของตนก็เลยตัดสินใจจะร่วมมือกับนักปราบปีศาจอย่าง Sunmyung เพื่อแก้แค้นให้กับแม่ที่เป็นจิ้งจอกไฟ

และเมื่อเอาสมุนไพรหายากที่ตัวเองเจอระหว่างอยู่บนเขาไปให้คนขายสมุนไพรที่รู้จักกัน Shimyul ก็มาหา Sunmyung เพื่อตกลงทำสัญญาเป็นพันธมิตร โดยที่ Shimyul จะช่วยคลายคำสาปของจิ้งจอกขาวให้ เพื่อไม่ให้ไปทับซ้อนและเร่งฤทธิ์คำสาปดั้งเดิมจากอีมูกีที่ถูกหัวหน้าตระกูล Eun ฆ่าก่อนจะกลายบำเพ็ญเพียรเป็นมังกรได้

ด้วยความเป็นนักล่า Sunmyung ไม่คิดจะทำสัญญากับปีศาจแน่นอน แต่สุดท้ายด้วยความที่คำสาปรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องจำใจยอมตกลง

ดังนั้น เมื่อสองคนทำสัญญากัน Shimyul ก็ย้ายจากโรงแรมที่เปิดตอนเข้าในเมืองไปอยู่ที่บ้านของ Sunmyung

.

.

ช่วง 20-25 ตอนแรกเหมือนยังปูพื้นก่อน แต่เรื่องมีลูกเล่นอารมณ์หลายอย่างที่น่ารักดีเหมือนกัน ทั้งที่ตอนแรกกะว่าจะเลิกอ่านเพราะไม่ชอบตัวเอกขี้โมโห แต่ชอบงานเกาหลีที่บุคลิกตัวละครอธิบายจากประสบการณ์ชีวิตแล้วมีผลต่อสภาพอารมณ์ชัด เน้นเล่าว่าสองคน (หนึ่งคนหนึ่งตน อันที่จริง) เป็นอย่างไร ทำสัญญา และอยู่ร่วมกันได้อย่างไร และทำไม Shimyul ที่เป็นครึ่งจิ้งจอกครึ่งคนถึงเกลียดคน ซึ่งก็เป็นช่วงที่วุ่นวายมาก เพราะนักล่าก็มองปีศาจอย่างระแวงระวัง มีอะไรก็ขวางหูขวางตาชวนทะเลาะได้หมด ส่วนตัวจิ้งจอกเองก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน เป็นน้ำกับน้ำมันที่ยังไงก็เข้ากันไม่ได้ แต่ว่าเนื่องจากตอนที่ตัว Shimyul ไปซื้อของในห้างเจอกับวิญญาณเด็กผู้ชายที่ตายในห้าง และเกาะติดกับตัว Shimyul ก็เลยทำให้สองคนต้องมีเรื่องร่วมมือกันเพื่อวิญญาณเด็กที่อยากตามหาแม่ตัวเองให้เจอ

เรื่องนี้น่ารักเพราะช่วงแรกตัว Shimyul เจ้าตัวเปิดออกมาเป็นจิ้งจอกรักความสบายมาก พอตัดสินใจออกจากภูเขาเข้ามาที่เมือง สิ่งแรกที่ทำก็คือหาความสบายใส่ตัว ซึ่งมีตั้งแต่เปิดห้องสวีทโรงแรมนอน กินอาหารทุกอย่างที่อยากกิน และตะลุยซื้อของแบรนด์เนมจริงจัง เหมือนจะเปิดมาร้าย และทำตามอำเภอใจ แต่จริงๆ ใสซื่อมาก เป็นพวกซึนที่ปากบ่นโวยวายแต่ในใจอ่อนยวบเป็นดินเหลว อย่างที่เจอวิญญาณเด็กก็เพราะว่าเจ้าตัวกำลังยืนคิดว่าว่าจะกินไอศครีมรสอะไรดี แล้วก็มีเสียงเด็กบอกว่า กินรสสตอร์เบอร์รี่สิ รสสตอร์เบอร์รี่อร่อยที่สุด จิ้งจอกไฟก็บอกเด็กไปว่า เป็นจิ้งจอกที่เกลียดมนุษย์มาก ไม่อยากอยู่ใกล้มนุษย์ โดยเฉพาะเด็กที่อ่อนแอไร้ประโยชน์ ให้ไปไกลๆ นะ แต่สุดท้ายก็ซื้อไอศกรีมสองที่ เพราะสั่งรสสตอร์เบอร์รี่ให้เด็กด้วยอยู่ดี

หรือพอมาที่บ้าน Sunmyung ก็พาเด็กมาด้วย แล้วบอกให้ Sunmyung ตามหาแม่เด็กที .... แม้ว่าจะหันไปดุเด็กว่าบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามกำชายเสื้อเพราะจะทำเสื้อยับนะ ก็ตาม ไม่นับว่าไปไน ก็ซื้อของรสสตอร์เบอร์รี่กลับมาให้ด้วย

กับอีกอย่างก็คือ Shimyul เป็นพวกหลงตัวเองมาก มีอะไรก็เรียกตัวเองว่าท่านจิ้งจอกผู้ยิ่งใหญ่ ท่านจิ้งจอกนิสัยดี ท่านจิ้งจอกใจกว้าง ท่านจิ้งจอกหน้าตา รสนิยมสูงส่ง และสารพัดจิ้งจอกต่างๆ นานา มีอะไรก็ช่วยคนอื่นเขาหมด ทั้งที่บอกว่าตัวเองเกลียดมนุษย์ แต่ก็บอกว่าเพราะตัวเองใจกว้างก็เลยช่วยไง ... มีอยู่ครั้งหนึ่งถูก Sunmyung บ่นใส่ว่าไม่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเลยหรือไง ก็ตอบกลับไปว่าไม่ต้อง เพราะตัวเองหน้าตาดีพอแล้ว เอามาชดเชยกันได้

ส่วนตัวพี่พระเอกเหมือนเห็นแก่ตัว สนใจแต่ผลประโยชน์ แต่ก็เป็นเพราะว่าพ่อใจดีการกุศลมากไป จนครอบครัวไม่เหลืออะไรเลย และตอนพ่อตายก็ไม่มีใครมาช่วยเหมือนกัน กลายเป็นเจ้าบ้านตั้งแต่อายุน้อย ก็เลยคิดว่าต้องเห็นแก่เงิน สนใจประโยชน์เพื่อไม่ให้ถูกฉวยโอกาสและใช้ประโยชน์อย่างที่พ่อตัวเองเคยเป็น

ตระกูล Eun จะมีตระกูลที่เป็นข้ารับใช้ด้วยสองตระกูล และคนจากทั้งสองตระกูลก็เป็นทั้งเพื่อนทั้งบริวารให้ Sunmyung ด้วยเหมือนกัน แต่ถึงแม้จะฟังดูยิ่งใหญ่ พอผ่านมารุ่นปัจจุบัน ทั้งสามตระกูลก็เหมือนจะเหลืออยู่แค่ทั้งสามคนแล้วเท่านั้น ตัวคนแรก Han Seoljoo เป็นบุคลิกเย็นชาที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องต่างๆ ให้ตัว Sunmyung ทั้งเรื่องในบ้าน และในร้านเครื่องประดับ และ Ban Hanseong ที่มาจากตระกูลคนรับใช้เงา ซึ่งปัจจุบัน เป็นคนทรงติดต่อและช่วยเหลือวิญญาณ

ทั้งขำปนน่ารักเวลาที่สองคนอยู่ด้วยกัน เพราะช่วงแรกๆ เคยทะเลาะกันเสียงดังจน Hanseong โกรธที่ทำให้วิญญาณที่สนิทอยู่กับตัวเองตกใจ แล้วก็เลยไล่สองคนที่กำลังทะเลาะกันออกไปจากบ้าน ตัว Shimyul ยังอยู่ในสภาพถือตะเกียบน้ำซุปหยดติ๋งๆ อยู่เลย และด้วยความที่โมโหหิว แต่ตอนนั้นไม่มีเงินติดตัว ก็สั่งให้ Sunmyung เลี้ยงข้าวตัวเอง แล้วเข้าร้านเนื้อย่างไป พอสั่งเนื้อ 5 ถาดมากิน ซึ่งสุดท้ายก็กลายเป็นว่ากินไปคนเดียว 9 ถาดไม่นับบะหมี่อีกถ้วย ตอนแรก Sunmyung ก็เข้าใจว่าสั่งมาแกล้ง กะว่าถ้ากินไม่หมด ก็จะบังคับให้กินเข้าไป แต่กลายเป็นว่ากินหมดแถมยังสั่งบะหมี่มากินต่อไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุป ก็เริ่มคิดว่านี่เป็นจิ้งจอกหรือหมู แล้วพอไปถามจิ้งจอกข้างตัวก็แน่ล่ะว่าอีกฝ่ายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่มาหาว่าจิ้งจอกสูงส่งอย่างตัวเองเป็นหมู

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นแนว enemies turn lovers ศัตรูคู่แค้นกลายมาเป็นคนรักด้วย เพราะว่าสองคนอยู่ด้วยกัน ก็เริ่มที่จะรู้สึกตัวตนของอีกคนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็รู้จักตัวเองใหม่ด้วย เป็นคนเหงาที่ไม่มีใครเคียงข้างในโลกมาเจอกัน และพอเริ่มดูแลกันก็เริ่มเห็นใจกัน ... แต่ว่าก็เป็นลักษณะปากอย่างใจอย่าง ซึนทั้งคู่

คุณพี่นักล่าก็ได้มองปีศาจจิ้งจอกใหม่เหมือนกัน เพราะว่าไปๆ มาๆ Shimyul ดูเป็นจิ้งจอกที่ไม่มีพิษมีภัย เหมือนร้าย แต่ก็ใจอ่อน อย่างที่ตอนเจอแม่เด็ก Shimyul ก็ร้องไห้สงสารแม่เด็กเหมือนกัน (เพราะว่าส่วนหนึ่งคิดถึงแม่ตัวเอง) และก็ไม่เคยทำร้ายมนุษย์ ความเชื่อที่ว่าดูดวิญญาณมนุษย์อย่างที่เคยคิดไว้ก็ไม่ใช่ เพราะเจ้าตัวชอบกินอาหารมากกว่า ความสุขคือการได้อยู่สบาย และได้กินอาหารอร่อย และกินเก่งมากจนพระเอกคิดอยู่ในใจทุกครั้งว่าจิ้งจอกหรือหมู (ใจร้ายแต่ขำ) และพอไปค้างต่างที่ด้วยกัน เพราะShimyul อยากไปเยี่ยมคนขายสมุนไพรที่เป็นเพื่อนเก่า ตอนเช้าเจ้าของที่พักเอาอาหารเช้ามาให้ พอพระเอกมัวแต่คุย พอจะหันมากินข้าว บอกว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย แต่คือไม่มีอะไรเหลือแล้ว มีแค่เศษผงขนมปังบนจาน เพราะจิ้งจอกกินทุกอย่างให้ไม่เหลือแล้วค่ะ

กับด้วยความที่ Shimyul ชอบกาแฟ einspanner มาก ทุกเช้าต้องเดินไปซื้อที่ร้านแถวบ้าน (แถวบ้านนักล่าที่กลายเป็นบ้านตัวเองไปแล้วเหมือนกัน) มีอยู่มาวันนึง เจ้าของร้านถูกผีสิงร่าง ตัว Shimyul ก็รีบโทรบอก Sunmyung มาไล่ผีเร็ว ซึ่งจริงๆ Sunmyung ก็มาให้อยู่แล้ว แต่ก็อดรวนไปไม่ได้ว่าถ้าบอกว่าไม่ล่ะ ดังนั้น จิ้งจอกก็อาละวาดทางโทรศัพท์เป็นชุดทันที ว่า ถ้าตัวเองไม่มีกาแฟที่ชงอร่อยถูกใจกิน ก็จะไม่มีความสุข อยากทำให้จิ้งจอกไม่มีความสุขใช่ไหมม นักล่าใจโหด!

แต่ความซึนคู่ที่สุดก็คือว่าตอนจัดที่พักให้ Sunmyung ให้ Shimyul อยู่ในส่วนแยกออกไป เพราะตอนนั้นไม่อยากยุ่งเกี่ยวเห็นหน้ากัน แต่เพราะว่าฮีตเตอร์เสีย หมาจิ้งจอกก็แอบย่องเข้ามานอนบนเตียงในห้อง Sunmyung ด้วย และด้วยความที่เผลอใจ ทั้งคู่ก็นอนด้วยกันเรียบร้อย .. ซึ่งผลที่ตามมาก็คือต่างคนต่างอึดอัดไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน และ Sunmyung ก็เลยหาข้ออ้างหนีตัวจิ้งจอกและหนีใจตัวเองว่าจะไปหาวัตถุดิบกับสมุนไพรที่ต้องใช้บนเขา

พอย่องหนีจิ้งจอกไปตอนกลางคืน Shimyul ที่ตื่นมากลางดึกและรู้ว่าตัวนักล่าจะไปไหนก็ตามไป .... ตอนแรกตัว Sunmyung เข้าใจว่าตัวเองคิดไปเอง แต่ว่า Shimyul ก็ตามมาจริงๆ แถมยังอ้างเหตุผลบอกว่าไม่ได้ตามมา แต่ว่ามาจับปลา สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันอีกจนได้ และที่น่ารักก็คือว่าพอจิ้งจอกหิวโซจะจับปลากิน Sunmyung ก็เป็นคนกระโดดลงไปในลำธารที่เป็นน้ำแข็งให้เอง เพราะรู้ว่าจิ้งจอกไม่ชอบอากาศหนาว .... ทำแทนเพราะเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบ มากกว่าจะทำเพราะเอาใจ แต่ก็เป็นการเพิ่มคะแนนให้ตัวเองโดย Sunmyung ไม่รู้ตัวเหมือนกัน และสาเหตุจริงๆ ที่ปีศาจจิ้งจอกที่ควรจะทนหนาวได้ แต่เกลียดและกลัวอากาศหนาวก็คือความหนาวเหน็บเป็นตัวแทนความเหงาและว่างเปล่าในใจตัวเอง

จิ้งจอกก็ตามมาแล้ว ใจตัวเองก็หนีไม่พ้นแล้ว ตัว Sunmyung เลยตัดสินใจกลับเสียเลย โดยลงเขาพาจิ้งจอกสุดที่รัก (?) ไปกินข้าวก่อนถึงบ้านและพอกลับมาฮีตเตอร์ซ่อมเสร็จแล้ว ตัว Shimyul ที่เห็นโน๊ตแปะจาก Hanseong ก็รีบเอาโน๊ตไปซ่อนจะได้อยู่ห้อง Sunmyung ต่อไป ซึ่งอันที่จริง ตัว Sunmyung ที่ทีหลังรู้ว่ามีโน๊ตแปะไว้ ก็คิดว่าจะเอาไปซ่อนเหมือนกัน ต่างคนต่างอยากอยู่ด้วยกัน แต่ไม่มีใครยอมพูดตรงๆ ถึงขั้นที่สุดท้ายพอ Seoljoo ไล่จิ้งจอกกลับไปนอนที่ห้องตัวเอง ต้องอยู่กันคนละบ้าน ตัว Sunmyung ก็เดินเข้าถึงในห้อง Shimyul แล้วหาข้ออ้างบอกว่าห้องนี้กันเสียงไม่ดี ฝนตกจะเสียงดัง ด้วยความที่เจ้าของบ้านที่ดี ก็ให้ Shimyul ไปอยู่ห้องตัวเองได้ก่อน และตัวจิ้งจอกก็โวยวายว่าแพ้เสียงดัง อยู่ไม่ได้! แล้วรีบร้อนเดินออกมากับ Sunmyung เพื่อกลับไปห้อง Sunmyung ในบ้านใหญ่ด้วยอย่างรวดเร็วทันที

หรือว่าอยากให้อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่กล้าบอกอีกฝ่าย พอ Shimyul จับปีศาจต้นไม้ได้ แต่ระหว่างกำจัด ซากวิญญาณก็ทำพื้นไม้บ้าน Sunmyung เป็นรอยด่าง ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ Shimyul ก็ได้เหตุผลเพื่อโทรไปหา Sunmyung ทันทีเสียที ส่วนตัว Sunmyung ที่รับโทรศัพท์ก็บอกว่าจะรีบกลับบ้านมาดูเหมือนกัน ... ซึ่งขอย้ำซ้ำอีกทีว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เร่งด่วนอะไร

แต่อยู่ด้วยกันไป คุณพี่นักล่าก็ออกแนวหวงจิ้งจอกไม่รู้ตัวด้วย ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเริ่มทวีแรงเรื่อยๆ เมื่อก่อนคนมองจิ้งจอกเพราะความหน้าตาดีมีเสน่ห์ก็ระแวงว่าจิ้งจอกจะไปทำเสน่ห์แล้วทำร้ายใครไหม แต่ตอนนี้คืออย่ามอง เพราะว่าหวงงง เดินกันอยู่ข้างถนนก็หันไปซื้อผ้าพันคอข้างถนนมาแล้วพันหน้าหมูจิ้งจอกมาถึงจมูก เพราะไม่ชอบที่คนอื่นมองงหมูจิ้งจอกตัวเอง  แล้วก็คือว่าพอรู้เหตุผล Shimyul ก็ซื้อผ้าพันคอไปพันนักล่าด้วยเหมือนกัน แต่พันแค่ถึงตาเองนะ กลายเป็นผ้าพันคอคู่รักกันไป

(ซึ่งก็มีบังเอิญว่า วันนี้ Sunmyung ใส่เสื้อที่ Shimyul ซื้อให้ด้วยพอดี เพราะว่ารู้สึกผิดให้เงิน Shimyul 50,000 วอนไปซื้อกาแฟ โดยบอกว่าเป็นเงินปีใหม่ และจิ้งจอกก็ถือหลักบุญคุณต้องตอบแทน ซื้อเสื้อสเวตเตอร์แบรนด์เนมไปคืนให้ และแน่นอนว่าเกินเงินที่ได้มาไปโข และก็ใช้เวลาเลือกอย่างตั้งใจอยู่นาน แม้ว่าจะตะโกนใส่หน้า Sunmyung ไปอย่างร้อนตัวว่าไม่ได้เลือกนาน แค่หยิบส่งๆ แต่ว่าก็ทำให้ Sunmyung รู้สึกถึงความใส่ใจอย่างที่เคยได้รับจากแม่ ที่ให้เสื้อผ้าใหม่ตัวเองตอนปีใหม่เหมือนกัน)

กับพอ Shimyul สนิทกับ Hanseong มากๆ ด้วยความที่ Hanseong เป็นพวกชอบคุยชอบเล่น แต่เพื่อนอีก 2 คน ทั้ง Sunmyung กับ Seoljoo เป็นพวกนิ่งทั้งคู่ การที่มี Shimyul มาอยู่ด้วยก็เป็นเพื่อนเล่น และเพื่อนกิน (สองคนมีความสุขมากเวลาสุมหัวคิดหาอาหารที่อยากกิน และสั่งอาหารมากินด้วยกันจริงจัง) ที่ดีมากของ Hanseong จากที่นานๆ ทีมาที่บ้าน ก็เลยเป็นแทบจะไม่เว้นวันเพื่อชวน Shimyul มาเล่นด้วยกัน แรกๆ คุณพี่นักล่าก็ระแวงว่าตัวปีศาจจิ้งจอกชั่วร้ายจะทำร้ายอะไรเพื่อนตัวเองหรือเปล่า แต่ไปๆ มาๆ ก็เริ่มเป็นเพราะหวง เห็น Shimyul นั่งติด Hanseong ปิ้งเนื้อกินด้วยกันก็แทรกกลางเข้าไปแล้วไล่ Hanseong ไปหาข้อมูลแทน และพอ Shimyul ลูบหัว Hanseong ก็เริ่มหงุดหงิด ... จนมีวิวัฒนาการถึงขั้นบอกว่า ห้ามไปแตะโอ๋ Hanseong นะ จิ้งจอกก็เหวี่ยงว่าทำไม? โน่นก็ห้าม นี่ก็ห้าม ทำอะไรก็ทำไม่ได้! แล้วคุณพี่นักล่าก็บอกว่าไม่ชอบ .... ไม่ให้แตะสัมผัสใครเลยนอกจากตัวเอง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม

แต่หลังๆ Sunmyung ก็เริ่มคิดว่าตัว Shimyul น่ารักดีเรื่อยๆ เห็นอะไรก็นึกถึง พอเข้าไปคุมร้าน กำลังคัดทับทิมก็คิดถึงสีผม Shimyul สั่งทำสร้อยคอให้ไปอัตโนมัติด้วย กับพอคิดว่าตอนนี้ Shimyul มาอยู่บ้านด้วย เหมือนค่าอาหารเพิ่มสูงขึ้นมา ... แต่ว่าก็ไม่เป็นไร ถึงจะเลี้ยงจิ้งจอกกินเก่งต่อไปก็เลี้ยงได้นะ

อย่างพอจริงๆ ตัว Hanseong สั่งเตาปิ้งย่างมาที่ไว้ที่บ้าน Sunmyung พี่แกก็คิดจะบอกปากห้ามให้คืนเตาไปนะ แต่ว่าพอหมูจิ้งจอกตื่นเต้นดีใจไปด้วยว่าจะปิ้งเนื้อ ปิ้งมัน ปิ้งส้ม เจ้าตัวก็ปล่อยเลยตามเลย .. วันที่เตามา และ Hanseong ซื้อเนื้อมา Shimyul ก็วิ่งร่าเข้าไปช่วยปิ้ง ทั้งที่เพิ่งกินซี่โครงแกะกับ Sunmyung ไป แต่พอท้วง จิ้งจอกก็บอกว่านั่น แกะ แต่นี่เป็นหมูกับวัวนะ ยังไม่ได้กินเลย ... ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงบอกว่าเป็นหมูหรือจิ้งจอก แต่ตอนนี้ก็เริ่มคิดว่ากินเก่ง น่ารักดีไปแล้ว

แล้วสองคนก็เริ่มเรียกชื่อกันแล้ว ปกติตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายว่า จิ้งจอก! กับ นักล่า! แต่ตอนนี้ก็อยากให้จิ้งจอกเรียกชื่อตัวเองได้ ซึ่งพอ Shimyul เรียกชื่อ ก็รู้สึกว่าชื่อตัวเองมีความหมายกว่าปกติเหมือนกัน ส่วนคนที่เรียกชื่อ ก็หูแดงไปด้วยอีกคน

สรุปว่าสองคนมาเติมเต็มช่องว่างในใจอีกฝ่าย ... ถึงขนาดที่ว่ามีอยู่วันนึงที่ Shimyul ไม่อยู่บ้าน และ Sunmyung อยู่บ้านคนเดียว ก็เริ่มคิดว่าบ้านตัวเองเงียบได้ขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนไม่เคยรู้สึก จนกระทั่ง Shimyul มาโวยวายก่อกวนอยู่ในบ้าน และตอนที่ Sunmyung ไม่สบายจากฤทธิ์คำสาป ตัว Shimyul ก็รีบไปที่ภูเขาเพื่อเก็บโสมมาให้ Sunmyung กินให้แข็งแรง .... โดยที่มี Sunmyung โทรไปตามบอกว่าไม่อยากได้โสม อยากได้แค่ Shimyul มาอยู่ด้วยกัน ... น่ารักที่ปกติจากภูเขากลับบ้านใช้เวลา 2 ชั่วโมง แต่พอบอกให้คนขับแท็กซี่เร่งความเร็วมาถึงในเวลา 1 ชั่วโมง 45 นาที ก็สะดุดอยู่หน้าบ้าน แล้ววิ่งไปบอก Sunmyung ว่าใช้เวลาสองชั่วโมงพอดีตามปกติเลยนะ ใครจะเร่งรีบกลับมาเพราะถูกโทรตามกันล่ะ?

แต่ประเด็นที่นอกเหนือจากการแก้คำสาปในตระกูลที่ทำให้บ้าน Eun ทรมานทุกเดือนและไม่มีใครอายุยืนแล้ว ก็ยังมีประเด็นคนรักเก่า Shimyul ด้วยเหมือนกัน เพราะถึงแม้ตัวเองจะเป็นลูกครึ่งปีศาจจิ้งจอกมนุษย์แล้ว ตอนแรกเจ้าตัวไม่ได้เกลียดมนุษย์แต่อย่างไร กลับคิดว่าจะหาคนรักที่เป็นมนุษย์เหมือนแม่ตัวเองด้วยซ้ำ แต่ว่าคนรักคนแรกก็ทรยศ และคนที่สองก็ไม่ต่างกัน เอามีดแทงหลัง Shimyul พร้อมกับตามนักล่ามาจัดการกับ Shimyul ด้วย .... ถึงแม้ Shimyul จะจัดการนักล่าทั้งหมดไป แต่ก็ตัดใจฆ่าคนรักตัวเองไม่ได้ เลยตัดสินใจวิ่งหนีออกมาแทน โดยที่มีคนรักวิ่งไล่ตามขอโทษมา

.... ซึ่งเพราะตัว Shimyul ฝันถึงคนรักเก่าบ่อยๆ ก็เลยมีการคาดการณ์กันเหมือนกันว่าจะมีการกลับชาติมาเกิดไหม เพราะทำไมแรงดึงดูดระหว่าง Sunmyung กับ Shimyul ดูเป็นธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันก็เกินอธิบาย นอกเหนือไปจากการที่มีคนที่หน้าเหมือนคนรักเก่า และเหมือนว่าจะเป็นลูกหลานต่อมา

ก็นั่นแล นักล่าและหมูจิ้งจอกจะเป็นอย่างไรต่อไป?


ปล.  เสียดายที่รีวิวไม่ค่อยดีตอนแรก จริงๆ มันเป็น hidden gem ที่ต้องอ่านพ้น 20 ตอนแล้วจะสนุกนะ ถ้าไปจับผิด อย่างที่สายเร่งอ่านเร่งความทำก็จะไม่สนุกเถอะ ฮือ