สรุปความรู้สึกงาน นายอินทร์สนามอ่านเล่นครั้งที่ 3
ไปพุธ 31 ก.ค. ช่วง 14-16.30 น. นะคะ
1. สถานที่: แอร์พอร์ตลิงค์ มักกะสัน เหมือนจะไปง่าย แต่จริงๆ ป้ายบอกทางทั้งในส่วนของตัวสถานี และการจัดงานก็ขาดแคลน ช่วยให้งุงงงหลงทางออีก วนกันอยู่หลายรอบ ถ้าป้ายบอกทางชัดกว่านี้จะดีมาก เหมือนเห็นของงานอันเดียว และค่อนข้างเล็ก/ มองไม่ชัด
แต่ที่แย่ที่สุด คือไม่มีที่จอดรถเลยค่าาาา ต้องไปจอดไกลมากกกกกกแล้วเดินมา ให้คิดสภาพเดินกลับไปพร้อมแบกหนังสือสิคะ! แถมพอกลับไปคือถูกล็อคล้ออีก จ่ายไป 200.- ฮือ
เข้าใจว่าจุดแข็งหนึ่งของการเลือกสถานีมักกะสัน คือเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามาง่าย แต่ถ้าต้องแบกหนังสือกลับบ้าน รถยนต์ก็ยังคงเป็นตัวเลือกหลักอยู่ดี
2. บรรยากาศงาน: ที่กว้างขวาง และโปร่งมาก มีพื้นที่ให้เลือกหนังสือสบายใจ แบ่งหมวดหมู่ และสำนักพิมพ์ชัดเจน แต่ไม่มีป้ายบอกชัด ต้องใช้วิธีเดินไปถึงแต่ละซุ้ม และซูมไปอีกเอง ไม่มีปัญหาเพราะตอนที่ไปวันธรรมดาและคนน้อย และแต่ละส่วนใหญ่พอ แต่คิดว่าช่วงคนเยอะๆ คงสับสนอยู่ โดยเฉพาะเมื่อมองไม่เห็นหนังสือ
ตอนไปถึง มีวงมาร้องสด พอเพลงเบาๆ คลอเลือกหนังสือก็เลยดูหนังสือสบายใจ แต่พอหลังแบนด์เป็นเพลงเต้น EDM แดนซ์เหมือนอยู่ในงานสงกรานต์ต่างจังหวัด อันนี้ไม่ใช่ล่ะ! ตำหนิรุนแรง เพลงดังและบีทหนักจนเลือกหนังสือไม่ได้เลย
ชอบมาสคอตตัวนากนายอินทร์มากๆ และที่น่ารักคือคนที่อยู่ในมาสคอตร่าเริง และเต็มใจที่จะเล่น และมีปฏิสัมพันธ์กับคนในงานด้วย
3. บุฟเฟต์หนังสือ: 199.- คุ้มอยู่ เอาจริง 20 นาที มีเวลาสอยอยู่แล้ว แถมเพราะไปเร็วก่อนเวลา เลยมีเวลาเกาะขอบเล็งเล่มที่อยากได้ไว้ก่อนหน้าด้วย การแบ่งหมวดค่อนข้างชัด (เหมือนจะเห็นหลักๆ คือ นิยาย ภาษา ท่องเที่ยว สุขภาพ และมุมมอง) หยิบหนังสือง่าย และจำนวนคนในรอบไม่เยอะไปจนทำให้ต้องแย่ง/ มุงหาหนังสือ แต่อย่างใด
ติดใจที่การจัดการ ค่อนข้างวุ่นวาย เพราะไม่มีบอกขั้นตอนชัดเจน ทำให้ต้องถาม และคิดว่าเจ้าหน้าที่ก็ต้องตอบคำถามมาหลายรอบแล้ว เลยพูดจาไม่ดีเท่าไหร่ อยากให้บอกวิธีชัดเจน ขึ้นป้ายอธิบายไปเลย และที่สำคัญอีกอย่าง คือประชาสัมพันธ์ให้คนเข้าใจเรื่องกระเป๋า 2 ราคาไปตั้งแต่เข้าคิวเลย
นอกจากนี้ อยากให้ตัวพิธีกรลดเล่นลงอยู่บ้าง เข้าใจว่าการเร่งไปเลือกซื้อหนังสือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่สร้างบรรยากาศมากจนเหมือนวิ่งเปี้ยว แข่งกีฬาสีมากไปก็ไม่ดี กับเจ้าหน้าที่จัดการ (โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นคนนำคิว) ยังท่าทีและทัศนคติกับลูกค้าไม่น่ารักเท่าไหร่
ถ้าป้ายชัดเจน + การเริ่มแถวติดพื้นที่งานบุฟเฟต์น่าจะวุ่นวายน้อยลง ไม่ต้องจัดแถวแล้วตั้งขบวนเดินข้ามงานมาอีกฝั่ง
4. การจ่ายเงิน: แบ่งพื้นที่ชัดเจน ถ้าจำไม่ผิด มี 2 จุดที่มีเครื่อง 3-4 เครื่อง และส่วนที่ติดบุฟเฟต์ที่เป็นจุดคิดเงินใหญ่ เอาจริง วันนี้ที่คนโล่ง ตอนมาถึงแล้วไปซื้อน้ำยังต้องรอคิวจ่ายเงินที่จุดย่อยเลย เลยคิดว่าวันเสาร์อาทิตย์น่าจะวุ่นวายเพราะแต่ละคนซื้อหนังสือจำนวนมาก
5. อาหารและเครื่องดื่ม: มีออกร้านทั้งบู้ทและส่วนฟู้ดทรัคด้านนอกด้านหลัง ค่อนข้างครอบคลุมทั้งอาหาร ของว่าง และเครื่องดื่ม
หลักๆ ชอบพื้นที่จัดงาน และการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ส่วนกลางค่ะ แต่อยากให้เพิ่มเรื่องป้ายประชาสัมพันธ์ และให้ข้อมูล ทั้งในบริเวณงาน และนอกงานเลย กับบริหารจัดการเรื่องบุฟเฟต์ชัดเจนมากขึ้น
Wednesday, 31 July 2019
Monday, 22 July 2019
The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse
-ระวังสปอยส์จ๊ะ มันมาแน่-
นี่เรื่องแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ที่ชอบที่สุดอันดับสองง // เอาจริงไม่ได้เขียนขายย เพราะน่าจะอ่านกันไปหมดแล้ว แต่เขียนบันทึกให้ตัวเองมากกว่า ^^”
มีแปลอยู่ในเด็กดี โดยคุณ Tatiane ด้วยชื่อมาตรการรับมือวันสิ้นโลกฉบับโอตาคุผู้กลับชาติมาเกิด แต่ปัจจุบัน มีสำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใคร ฮือ ลุ้นมากก เพราะว่าอยากซื้ออ อยากเก็บบ แต่ก็กลัวหนังสือไม่ท็อปฟอร์มมมมมมม
เอาล่ะ เริ่มเรื่องมาที่ Luo Xun กลับมาเกิดอีกครั้งก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง แล้วด้วยความที่ทุกข์ยากอยู่ในยุคหลังวันสิ้นโลก เพราะความที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษ และไม่มีใครให้เกาะขา คุณน้องเขาก็อยู่อย่างลำบากขัดสนปลูกผักขายประทังชีวิตในห้องใต้ดินไปด้วยความแร้นแค้นนน รัดทนไม่รันทดขอให้ดูสภาพร่างกายขาดสารอาหารและไม่เคยเจอแสงแดด
ดังนั้นนน เมื่อกลับมาเกิดใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเตรียมพร้อมค่า
เริ่มต้นตั้งแต่มีอะไรก็ไม่สนใจ ขายให้หมด แล้วรวบรวมทุนทรัพย์ไปตุนของงง คิดอะไรออก ก็รีบซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่เมล็ดพืช เครื่องปรุงอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ จริงจังขนาดที่ถึงขั้นซื้อเครื่องสีข้าวไว้เลยด้วยซ้ำ
ด้วยความที่เป็นคนใต้ตึก อาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน พอกลับมาก็เก็บกดมากก ที่ฐานเดิมที่เคยอยู่ มีครอบครัวที่อาศัยอยู่ชั้นบนสุด อยู่อย่างหรูหราด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์ แล้วขายไฟฟ้า Luo Xun ก็วาดฝันสวยมากกว่า จะทำแบบนั้น และอลังการกว่านั้น รีบซื้อห้องประกาศความเป็นเจ้าของจริงจัง
พอวันสิ้นโลกมาถึงจริงๆ ชัยภูมิห้องที่เป็นทั้งตึกใหม่ ไม่มีใครมาอยู่ และเป็นชั้นบนก็ทำให้อยู่ปลอดภัย จนกระทั่งไปเก็บตกผู้ชายที่บาดเจ็บระหว่างชั้นบันไดมาเนี่ยแหละ ที่เหมือนชีวิตเริ่มมีปัญหาแล้ว เก็บมาเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่กลัวใครมาตามเจอ แต่ก็กลัวมาอีคนที่เก็บมาได้จะมาเกาะตัวเองอยู่ สิ้นเปลืองทรัพยากรไปให้คนอื่นอีก
ดังนั้น การดูแลและเลี้ยงดู Yan Fei ก็เริ่มขึ้น ... ด้วยความหวังของ Luo Xun ว่าพอหายดี อีพี่จะไปซะที แต่ที่นี้ พออยู่ด้วยกันไป ก็พบว่าพี่เขามีพลังพิเศษอยู่จ๊ะ เค้าควบคุมบังการโลหะได้ บวกลบคูณหารในใจเห็นข้อดีมากกว่า ก็เลยอนุมัติให้ Yan Feiอยู่ด้วยกันด้วยเสียเลย
ระหว่างนี้ ห้องอื่นในชั้น 16 ก็เริ่มมีเพื่อนบ้านมาอาศัยอยู่ข้างห้อง เป็นเด็กนักศึกษา 5 คนที่รอดมาได้จากการทำตามคำแนะนำแปลกประหลาดเกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่อ่านเจอในเนท (แน่นอนว่ามาจาก Luo Xun นั่นเองง)
ช่วงแรกๆ ตัว Luo Xun ก็ยังไม่อยากยุ่งกับใครมาก ให้ความช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ไปตามเรื่องก็แค่เพราะว่า ถ้าเพื่อนบ้านแข็งแกร่ง บ้านเราก็จะปลอดภัยไปด้วย ต่างคนต่างอยู่ จนกระทั่งเริ่มออกหาของไปนอกฐานแล้วเก็บคนที่ถูกพรรคพวกทิ้งมาได้อย่าง Zhang Yi ที่มีความสามารถในการใช้ลมมาได้อีกคน
ซึ่งเพราะพอ Zhang Yi เป็นหมอ ก็ได้รับการปฎิบัติที่ดีจากเจ้าหน้าที่ในฐาน และก็ได้จัดสรรห้องในชั้น 16 มาเป็นเพื่อนบ้านอีกคน พออยู่ด้วยกัน เหล่ามนุษย์ชั้น 16 ก็มีความเป็นกลุ่มก้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่นับความแข็งแกร่งจากการที่มีคนที่ใช้โลหะและใช้ลมอีก
ไปเรื่อยๆ ก็เก็บ Xu Mei กับ Song Lingling สาวๆ ในชั้น 15 มาเข้ากลุ่มได้อีก 2 คน เพิ่มความสามารถในการใช้ไฟ และน้ำเข้ามา ... ครบทีมล่ะ
เอาล่ะ คราวนี้ความเทพก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้สนุกที่ความเสมือนจริง เป็น slice of life ที่แต่ละคนพยายามอยู่ในฐาน และเอาตัวรอดให้ได้ดีที่สุด หนุ่มๆ แต่ละคนทำงานกับฐาน และก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการปรับชั้น 16 และ 15 ให้เป็นที่อยู่อาศัยที่สบายที่สุด พร้อมๆ กับการปลูกพืชเอาไว้กิน (เพื่อประกันว่าจะมีพอกิน ก็เปลี่ยนพื้นที่ที่เหลือทั้งสองชั้นให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชปลูกผักให้หมด) ส่วนสองสาว ไม่มีงานในฐาน แต่คอยดูแลต้นไม้ที่ปลูกเป็นหลัก เห็นแต่ละคนทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนมากก นี่คือหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เพาะปลูกไว้ยังชีพ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตจริงๆ
ด้วยความที่มีงานประจำ ก็เลยออกนอกฐานไปหาของได้เดือนละครั้ง ซึ่งเพราะจำนวนครั้งน้อย ก็เลยต้องใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนฆ่าและเก็บ nucleus จากซอมบี้ และการตามล่าหาทรัพยากรทั้งหลาย ซึ่งช่วยที่ออกมานอกฐานนี่เป็นช่วงที่รอและลุ้นที่สุดจริงๆ เพราะวิธีการฆ่าโหดมาก ถึงขนาดที่ทีมที่เก่งที่สุดก็ยังเก็บ nucleus แต่ละครั้งไม่ได้ขนาดนี้ (ถึงขั้นที่ Xu Mei กับ Song Lingling บอกว่าถึงออกได้เดือนละครั้งก็ยังคุ้มกว่าออกไปกับทีมอื่น) ทำงานกันเป็นทีม จริงจังและมีแผนงานเป็นขั้นเป็นตอนมาก สมาชิกมีแค่ 10 คน แต่ทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ช่วยเหลือกันชัดเจน
ช่วงนี้มีน่ารักมากอยู่อย่าง เพราะความที่ Luo Xun เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังจนกลายเป็นคนชายขอบในชาติก่อน คราวนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้คาดว่าตัวเองจะได้การยอมรับหรือนับถือใดๆ แต่เพราะความสามารถล้นเหลือ ทั้งในเรื่องความรอบรู้ (โดยเฉพาะจากในชาติก่อน) ความมีสติ วางแผนเก่ง และตัดสินใจถูกต้องก็เลยถูกสมาชิกคนอื่นวางให้เป็น “หัวหน้า” ไปโดยตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง เป็นมติเอกฉันท์แบบที่ตัวเองก็ยังงงๆ — ไม่นับความสามารถในการใช้หน้าไม้ที่โหดมาถึงขั้นที่ตามประกบ Yan Fei ไปด้วยเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ถึงขั้นที่ได้จ้างให้ทำหน้าที่คุ้มกันไปด้วยอีก
ความสัมพันธ์กับ Yan Fei ก็น่ารัก ด้วยความที่พี่เขามาจากตระกูลใหญ่ (ใหญ่ไม่ใหญ่ ขนาดมาที่ฐานยังกลายเป็นบุคคลสำคัญได้) ถูกคาดหวังจากคนในครอบครัว และมีภาระหน้าที่อันหนักหนา พอถูก Luo Xun ช่วยไว้ พี่แกก็เลยตั้งเป้าหมายชีวิตว่าจะเป็นช้างเท้าหลัง ไม่คิดมาก ไม่ชี้นำ ถ้า Luo Xun อยากทำอะไรก็พร้อมจะสนับสนุนเห็นงาม และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ออกมาในรูปการประคับประคองและดูแลทั้งกายและใจกันมาเสมอ รู้ใจและเข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องออกปาก ฉากที่เห็นบ่อย คือ Luo Xun ออกแบบของที่ทำจากโลหะแล้วให้ Yan Fei ทำออกมาจากที่ร่างไว้
เรื่องนี้เน้น 2 ขา ก็คือออกไปหาของ แล้วก็เอากลับมาใช้/ ตุนที่บ้าน ซึ่งสุดท้ายพอฐานที่อยู่เริ่มเข้มงวดกับคนที่อยู่ และสร้างความลำบากให้กับคนที่มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มนี้ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ที่มั่นถาวรตัวเอง ขำที่ Luo Xun น้ำตาไหลเป็นสายเลือดที่ต้องทิ้ง “รัง” เดิม แต่ที่ใหม่ก็มีพื้นที่ทั้งอยู่อาศัย และเพาะปลูกดีกว่าที่เดิมจริงๆ ช่วงบท 210-240 กลายเป็นเรื่องของการเอาของมาตุนบ้านใหม่จริงจัง เว่อร์ไม่เว่อร์ก็ถึงขั้นที่ไปเอาเกมกลับมาบ้าน มีทั้งเกมในแต่ละห้อง แล้วก็ในส่วนกลาง เอนเตอร์เทนไม่รู้จบกันไป
ชอบช่วง final battle กับซอมบี้ที่วางแผนรอบบ้านดีมาก และเป็นการสู้ด้วยตัวเองนอกฐานที่กินเวลาและกดดันมาก แต่ก็ยังผ่านมาได้ ตอนแรกติดใจอยู่ว่า ถ้ามีสมาชิกแค่ 11 คน (มีเด็กความสามารถใช้ทรายมาอีกคน) จะอยู่รอดได้ไหม เพราะรู้ว่าทีม compact ลงตัวแบบกลุ่มเล็ก แต่ก็กลัวว่าจะไปสู้กับพวกมากไม่ได้ กับถ้าใครหายไป (โดยเฉพาะ Yan Fei ที่ใช้พลังตัวเองทำทุกอย่างในกลุ่ม) แต่สุดท้าย การที่สมาชิกในทีมน้อยก็เน้นความเป็นครอบครัวและความลงตัวที่สมาชิกทุกคนมีความจำเป็นและที่หน้าที่ของตัวเองชัดเจน
กับชอบที่สุดท้ายแล้วฐานใหม่กลายเป็นกึ่งๆ สวนสัตว์ไป มีตั้งแต่หมายักษ์ 2 ตัวที่ชอบไล่ต้อนสัตว์มาให้คนในทีมช่วยฆ่า (แล้วแบ่งกันกิน) ลูกเหยี่ยวอีกสองที่เก็บมาได้ และลูกหมาตัวเดิมที่ Luo Xun เอามาเลี้ยงตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลก ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกนี้ก็มีพลังอีกเหมือนกัน — กับปลา และกระต่ายที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารอีก แล้วรอบๆ ฐานก็เป็นบ่อปลาที่สัตว์ทั้งหลายมาหากิน
ให้ A- เรื่องดรอปลงไปช่วงที่เก็บของเข้าฐานใหม่ เพราะเป็นลูปหางาน-เก็บของ-ตุนของ ถึงจะเข้าใจว่าต้องทำก็เถอะ กับชอบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ กลายเป็นชีวิตดี อยู่ดีกินดี คนรักดี ทีมดี เพื่อนดี แต่ที่ประทับใจมากที่สุด ก็คือตอนจบ
.
.
สปอยส์ที่สุด
.
.
ชอบที่การให้ความหวังและวาดฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าเดิม เพราะคนเริ่มปรับตัวได้ และรับมือกับซอมบี้ได้ดีขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อจำนวนซอมบี้ลดลงไปเรื่อยๆ) กับชอบที่ให้มีทางเลือกที่จะไม่อยู่ พึ่งพาฐาน แต่ออกมาเป็นกลุ่มใช้ชีวิตอิสระช้างนอกได้ มีจุดที่รู้สึกว่าเขียนรวบเหมือนกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคนในทีมหลังจากนั้น แต่รวมๆ ก็ยังถูกจริตมากรุนแรงอยู่ดี
นี่เรื่องแนววันสิ้นโลก+ซอมบี้ที่ชอบที่สุดอันดับสองง // เอาจริงไม่ได้เขียนขายย เพราะน่าจะอ่านกันไปหมดแล้ว แต่เขียนบันทึกให้ตัวเองมากกว่า ^^”
มีแปลอยู่ในเด็กดี โดยคุณ Tatiane ด้วยชื่อมาตรการรับมือวันสิ้นโลกฉบับโอตาคุผู้กลับชาติมาเกิด แต่ปัจจุบัน มีสำนักพิมพ์ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าใคร ฮือ ลุ้นมากก เพราะว่าอยากซื้ออ อยากเก็บบ แต่ก็กลัวหนังสือไม่ท็อปฟอร์มมมมมมม
เอาล่ะ เริ่มเรื่องมาที่ Luo Xun กลับมาเกิดอีกครั้งก่อนที่วันสิ้นโลกจะมาถึง แล้วด้วยความที่ทุกข์ยากอยู่ในยุคหลังวันสิ้นโลก เพราะความที่เป็นคนธรรมดา ไม่มีพลังวิเศษ และไม่มีใครให้เกาะขา คุณน้องเขาก็อยู่อย่างลำบากขัดสนปลูกผักขายประทังชีวิตในห้องใต้ดินไปด้วยความแร้นแค้นนน รัดทนไม่รันทดขอให้ดูสภาพร่างกายขาดสารอาหารและไม่เคยเจอแสงแดด
ดังนั้นนน เมื่อกลับมาเกิดใหม่ สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือเตรียมพร้อมค่า
เริ่มต้นตั้งแต่มีอะไรก็ไม่สนใจ ขายให้หมด แล้วรวบรวมทุนทรัพย์ไปตุนของงง คิดอะไรออก ก็รีบซื้อเก็บไว้ ตั้งแต่เมล็ดพืช เครื่องปรุงอาหาร ยา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟ จริงจังขนาดที่ถึงขั้นซื้อเครื่องสีข้าวไว้เลยด้วยซ้ำ
ด้วยความที่เป็นคนใต้ตึก อาศัยอยู่ในห้องใต้ดิน พอกลับมาก็เก็บกดมากก ที่ฐานเดิมที่เคยอยู่ มีครอบครัวที่อาศัยอยู่ชั้นบนสุด อยู่อย่างหรูหราด้วยการติดแผงโซลาร์เซลล์ แล้วขายไฟฟ้า Luo Xun ก็วาดฝันสวยมากกว่า จะทำแบบนั้น และอลังการกว่านั้น รีบซื้อห้องประกาศความเป็นเจ้าของจริงจัง
พอวันสิ้นโลกมาถึงจริงๆ ชัยภูมิห้องที่เป็นทั้งตึกใหม่ ไม่มีใครมาอยู่ และเป็นชั้นบนก็ทำให้อยู่ปลอดภัย จนกระทั่งไปเก็บตกผู้ชายที่บาดเจ็บระหว่างชั้นบันไดมาเนี่ยแหละ ที่เหมือนชีวิตเริ่มมีปัญหาแล้ว เก็บมาเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่กลัวใครมาตามเจอ แต่ก็กลัวมาอีคนที่เก็บมาได้จะมาเกาะตัวเองอยู่ สิ้นเปลืองทรัพยากรไปให้คนอื่นอีก
ดังนั้น การดูแลและเลี้ยงดู Yan Fei ก็เริ่มขึ้น ... ด้วยความหวังของ Luo Xun ว่าพอหายดี อีพี่จะไปซะที แต่ที่นี้ พออยู่ด้วยกันไป ก็พบว่าพี่เขามีพลังพิเศษอยู่จ๊ะ เค้าควบคุมบังการโลหะได้ บวกลบคูณหารในใจเห็นข้อดีมากกว่า ก็เลยอนุมัติให้ Yan Feiอยู่ด้วยกันด้วยเสียเลย
ระหว่างนี้ ห้องอื่นในชั้น 16 ก็เริ่มมีเพื่อนบ้านมาอาศัยอยู่ข้างห้อง เป็นเด็กนักศึกษา 5 คนที่รอดมาได้จากการทำตามคำแนะนำแปลกประหลาดเกี่ยวกับวันสิ้นโลกที่อ่านเจอในเนท (แน่นอนว่ามาจาก Luo Xun นั่นเองง)
ช่วงแรกๆ ตัว Luo Xun ก็ยังไม่อยากยุ่งกับใครมาก ให้ความช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ไปตามเรื่องก็แค่เพราะว่า ถ้าเพื่อนบ้านแข็งแกร่ง บ้านเราก็จะปลอดภัยไปด้วย ต่างคนต่างอยู่ จนกระทั่งเริ่มออกหาของไปนอกฐานแล้วเก็บคนที่ถูกพรรคพวกทิ้งมาได้อย่าง Zhang Yi ที่มีความสามารถในการใช้ลมมาได้อีกคน
ซึ่งเพราะพอ Zhang Yi เป็นหมอ ก็ได้รับการปฎิบัติที่ดีจากเจ้าหน้าที่ในฐาน และก็ได้จัดสรรห้องในชั้น 16 มาเป็นเพื่อนบ้านอีกคน พออยู่ด้วยกัน เหล่ามนุษย์ชั้น 16 ก็มีความเป็นกลุ่มก้อนขึ้นเรื่อยๆ ไม่นับความแข็งแกร่งจากการที่มีคนที่ใช้โลหะและใช้ลมอีก
ไปเรื่อยๆ ก็เก็บ Xu Mei กับ Song Lingling สาวๆ ในชั้น 15 มาเข้ากลุ่มได้อีก 2 คน เพิ่มความสามารถในการใช้ไฟ และน้ำเข้ามา ... ครบทีมล่ะ
เอาล่ะ คราวนี้ความเทพก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้สนุกที่ความเสมือนจริง เป็น slice of life ที่แต่ละคนพยายามอยู่ในฐาน และเอาตัวรอดให้ได้ดีที่สุด หนุ่มๆ แต่ละคนทำงานกับฐาน และก็ใช้เวลาที่เหลือไปกับการปรับชั้น 16 และ 15 ให้เป็นที่อยู่อาศัยที่สบายที่สุด พร้อมๆ กับการปลูกพืชเอาไว้กิน (เพื่อประกันว่าจะมีพอกิน ก็เปลี่ยนพื้นที่ที่เหลือทั้งสองชั้นให้เป็นพื้นที่ปลูกพืชปลูกผักให้หมด) ส่วนสองสาว ไม่มีงานในฐาน แต่คอยดูแลต้นไม้ที่ปลูกเป็นหลัก เห็นแต่ละคนทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยแทนมากก นี่คือหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เพาะปลูกไว้ยังชีพ ตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตจริงๆ
ด้วยความที่มีงานประจำ ก็เลยออกนอกฐานไปหาของได้เดือนละครั้ง ซึ่งเพราะจำนวนครั้งน้อย ก็เลยต้องใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนฆ่าและเก็บ nucleus จากซอมบี้ และการตามล่าหาทรัพยากรทั้งหลาย ซึ่งช่วยที่ออกมานอกฐานนี่เป็นช่วงที่รอและลุ้นที่สุดจริงๆ เพราะวิธีการฆ่าโหดมาก ถึงขนาดที่ทีมที่เก่งที่สุดก็ยังเก็บ nucleus แต่ละครั้งไม่ได้ขนาดนี้ (ถึงขั้นที่ Xu Mei กับ Song Lingling บอกว่าถึงออกได้เดือนละครั้งก็ยังคุ้มกว่าออกไปกับทีมอื่น) ทำงานกันเป็นทีม จริงจังและมีแผนงานเป็นขั้นเป็นตอนมาก สมาชิกมีแค่ 10 คน แต่ทุกคนมีบทบาทและหน้าที่ช่วยเหลือกันชัดเจน
ช่วงนี้มีน่ารักมากอยู่อย่าง เพราะความที่ Luo Xun เป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพลังจนกลายเป็นคนชายขอบในชาติก่อน คราวนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้คาดว่าตัวเองจะได้การยอมรับหรือนับถือใดๆ แต่เพราะความสามารถล้นเหลือ ทั้งในเรื่องความรอบรู้ (โดยเฉพาะจากในชาติก่อน) ความมีสติ วางแผนเก่ง และตัดสินใจถูกต้องก็เลยถูกสมาชิกคนอื่นวางให้เป็น “หัวหน้า” ไปโดยตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง เป็นมติเอกฉันท์แบบที่ตัวเองก็ยังงงๆ — ไม่นับความสามารถในการใช้หน้าไม้ที่โหดมาถึงขั้นที่ตามประกบ Yan Fei ไปด้วยเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย ถึงขั้นที่ได้จ้างให้ทำหน้าที่คุ้มกันไปด้วยอีก
ความสัมพันธ์กับ Yan Fei ก็น่ารัก ด้วยความที่พี่เขามาจากตระกูลใหญ่ (ใหญ่ไม่ใหญ่ ขนาดมาที่ฐานยังกลายเป็นบุคคลสำคัญได้) ถูกคาดหวังจากคนในครอบครัว และมีภาระหน้าที่อันหนักหนา พอถูก Luo Xun ช่วยไว้ พี่แกก็เลยตั้งเป้าหมายชีวิตว่าจะเป็นช้างเท้าหลัง ไม่คิดมาก ไม่ชี้นำ ถ้า Luo Xun อยากทำอะไรก็พร้อมจะสนับสนุนเห็นงาม และความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ออกมาในรูปการประคับประคองและดูแลทั้งกายและใจกันมาเสมอ รู้ใจและเข้าใจกันโดยที่ไม่ต้องออกปาก ฉากที่เห็นบ่อย คือ Luo Xun ออกแบบของที่ทำจากโลหะแล้วให้ Yan Fei ทำออกมาจากที่ร่างไว้
เรื่องนี้เน้น 2 ขา ก็คือออกไปหาของ แล้วก็เอากลับมาใช้/ ตุนที่บ้าน ซึ่งสุดท้ายพอฐานที่อยู่เริ่มเข้มงวดกับคนที่อยู่ และสร้างความลำบากให้กับคนที่มีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มนี้ก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ที่มั่นถาวรตัวเอง ขำที่ Luo Xun น้ำตาไหลเป็นสายเลือดที่ต้องทิ้ง “รัง” เดิม แต่ที่ใหม่ก็มีพื้นที่ทั้งอยู่อาศัย และเพาะปลูกดีกว่าที่เดิมจริงๆ ช่วงบท 210-240 กลายเป็นเรื่องของการเอาของมาตุนบ้านใหม่จริงจัง เว่อร์ไม่เว่อร์ก็ถึงขั้นที่ไปเอาเกมกลับมาบ้าน มีทั้งเกมในแต่ละห้อง แล้วก็ในส่วนกลาง เอนเตอร์เทนไม่รู้จบกันไป
ชอบช่วง final battle กับซอมบี้ที่วางแผนรอบบ้านดีมาก และเป็นการสู้ด้วยตัวเองนอกฐานที่กินเวลาและกดดันมาก แต่ก็ยังผ่านมาได้ ตอนแรกติดใจอยู่ว่า ถ้ามีสมาชิกแค่ 11 คน (มีเด็กความสามารถใช้ทรายมาอีกคน) จะอยู่รอดได้ไหม เพราะรู้ว่าทีม compact ลงตัวแบบกลุ่มเล็ก แต่ก็กลัวว่าจะไปสู้กับพวกมากไม่ได้ กับถ้าใครหายไป (โดยเฉพาะ Yan Fei ที่ใช้พลังตัวเองทำทุกอย่างในกลุ่ม) แต่สุดท้าย การที่สมาชิกในทีมน้อยก็เน้นความเป็นครอบครัวและความลงตัวที่สมาชิกทุกคนมีความจำเป็นและที่หน้าที่ของตัวเองชัดเจน
กับชอบที่สุดท้ายแล้วฐานใหม่กลายเป็นกึ่งๆ สวนสัตว์ไป มีตั้งแต่หมายักษ์ 2 ตัวที่ชอบไล่ต้อนสัตว์มาให้คนในทีมช่วยฆ่า (แล้วแบ่งกันกิน) ลูกเหยี่ยวอีกสองที่เก็บมาได้ และลูกหมาตัวเดิมที่ Luo Xun เอามาเลี้ยงตั้งแต่ก่อนวันสิ้นโลก ซึ่งก็แน่นอนว่าพวกนี้ก็มีพลังอีกเหมือนกัน — กับปลา และกระต่ายที่เลี้ยงไว้เป็นอาหารอีก แล้วรอบๆ ฐานก็เป็นบ่อปลาที่สัตว์ทั้งหลายมาหากิน
ให้ A- เรื่องดรอปลงไปช่วงที่เก็บของเข้าฐานใหม่ เพราะเป็นลูปหางาน-เก็บของ-ตุนของ ถึงจะเข้าใจว่าต้องทำก็เถอะ กับชอบที่เปลี่ยนแปลงชีวิตได้ กลายเป็นชีวิตดี อยู่ดีกินดี คนรักดี ทีมดี เพื่อนดี แต่ที่ประทับใจมากที่สุด ก็คือตอนจบ
.
.
สปอยส์ที่สุด
.
.
ชอบที่การให้ความหวังและวาดฝันถึงอนาคตที่ดีกว่าเดิม เพราะคนเริ่มปรับตัวได้ และรับมือกับซอมบี้ได้ดีขึ้น (โดยเฉพาะเมื่อจำนวนซอมบี้ลดลงไปเรื่อยๆ) กับชอบที่ให้มีทางเลือกที่จะไม่อยู่ พึ่งพาฐาน แต่ออกมาเป็นกลุ่มใช้ชีวิตอิสระช้างนอกได้ มีจุดที่รู้สึกว่าเขียนรวบเหมือนกัน โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของคนในทีมหลังจากนั้น แต่รวมๆ ก็ยังถูกจริตมากรุนแรงอยู่ดี
Friday, 19 July 2019
กลรักสกัดครองโลก
อ่าน #กลรักสกัดครองโลก ไปอาทิตย์ที่แล้วเช่นกัน
ส่วนตัวอยากจะเรียกว่า “ตัวประกอบข้ามมิติกับจอมมารจับกด” มากก ช่วงเล่ม 1 ดีนะ ชอบพัฒนาการตัวละครที่ค่อยๆ เติบโต เล่ม 2 ตอนต้นก็ยังโอเค แต่พอฟื้นขึ้นมาครั้งที่สองนี้ พล็อตหายไปเลย จากโจทย์ว่า เลี้ยงจอมมารให้กลายเป็นคนดี แต่ยังไงก็ไม่รอด ก็เลยเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระเอกกลายเป็นจอมมารไปแล้ว ขณะที่ตัวเอกเป็นแค่คนธรรมดา และก็สภาพร่างกายติดลบจนทำอะไรไม่ได้ต้องให้พระเอกช่วยดูแลด้วยซ้ำ อย่างที่ถูกตัวประกอบปากหมาเรียกว่า ชายบำเรอ ของพระเอกอย่างนั้นเลย
พอเอาร่างจริงกลับมาก็เหมือนกัน สถานะที่ดูว่าเท่าเทียมและมีความเก่งเสมอกันก็หายไป กลายเป็น “ฮูหยิน” ท่านจอมมารไปด้วยซ้ำ ยิ่งประกอบกับตอนพิเศษที่พอร์นมาก คือเปลี่ยนท่าหาความแปลกใหม่นี้ ขอลาจริงๆ เสียใจ ฮือ พล็อตที่เหมือนจะมีหายไปเลย เปลี่ยนจากพัฒนาการตัวละครไปเป็นความสัมพันธ์ตัวละคร และถ้าจะให้ปากร้ายก็ต้องบอกว่า ความสัมพันธ์บนเตียงอย่างเดียวเสียด้วย
ให้ C+ เพราะว่า I want plots, not porn เสียใจ แอบหวังเห็นตัวเอกเก่งในฐานะนักแปรธาตุตั้งแต่เริ่มไปฝึกวิชาเถอะ นี่คือแตะมาหมดแล้วถึงเวลาก็ไม่เหลือ พล็อตไม่สำคัญ ตัวละครอื่นก็ไม่สำคัญ เพราะกลายเป็นการนัวกันไปแล้วจบ T_T
ส่วนตัวอยากจะเรียกว่า “ตัวประกอบข้ามมิติกับจอมมารจับกด” มากก ช่วงเล่ม 1 ดีนะ ชอบพัฒนาการตัวละครที่ค่อยๆ เติบโต เล่ม 2 ตอนต้นก็ยังโอเค แต่พอฟื้นขึ้นมาครั้งที่สองนี้ พล็อตหายไปเลย จากโจทย์ว่า เลี้ยงจอมมารให้กลายเป็นคนดี แต่ยังไงก็ไม่รอด ก็เลยเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระเอกกลายเป็นจอมมารไปแล้ว ขณะที่ตัวเอกเป็นแค่คนธรรมดา และก็สภาพร่างกายติดลบจนทำอะไรไม่ได้ต้องให้พระเอกช่วยดูแลด้วยซ้ำ อย่างที่ถูกตัวประกอบปากหมาเรียกว่า ชายบำเรอ ของพระเอกอย่างนั้นเลย
พอเอาร่างจริงกลับมาก็เหมือนกัน สถานะที่ดูว่าเท่าเทียมและมีความเก่งเสมอกันก็หายไป กลายเป็น “ฮูหยิน” ท่านจอมมารไปด้วยซ้ำ ยิ่งประกอบกับตอนพิเศษที่พอร์นมาก คือเปลี่ยนท่าหาความแปลกใหม่นี้ ขอลาจริงๆ เสียใจ ฮือ พล็อตที่เหมือนจะมีหายไปเลย เปลี่ยนจากพัฒนาการตัวละครไปเป็นความสัมพันธ์ตัวละคร และถ้าจะให้ปากร้ายก็ต้องบอกว่า ความสัมพันธ์บนเตียงอย่างเดียวเสียด้วย
ให้ C+ เพราะว่า I want plots, not porn เสียใจ แอบหวังเห็นตัวเอกเก่งในฐานะนักแปรธาตุตั้งแต่เริ่มไปฝึกวิชาเถอะ นี่คือแตะมาหมดแล้วถึงเวลาก็ไม่เหลือ พล็อตไม่สำคัญ ตัวละครอื่นก็ไม่สำคัญ เพราะกลายเป็นการนัวกันไปแล้วจบ T_T
Dangerous Survival in the Apocalypse
-ระวังสปอยส์นะคะ มันโผล่มาตามประสา-
นี่คือเรื่องแนววันสิ้นโลก + ซอมบี้ที่ชอบที่สุดตอนนี้ มากกว่า Thrive In Catastrophe กับ The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse อีก
เปิดฉากมาด้วย Shen Shian ตัวเอกฟื้นจากอุบัติเหตุในโรงพยาบาล และก็พบว่าเลือดตัวเองทำปฎิกริยากับประคำที่ข้อมือ ทำให้เปิดช่องว่างมิติได้ ซึ่งก็เหมือนสูตรสำเร็จเรื่องอื่นๆ ที่จะมีบ่อน้ำวิเศษ บ้านพัก และพื้นที่เพาะปลูกอยู่แล้ว ระหว่างนี้เมื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติก็จับพลัดจับพลูเก็บลูกหมามาเลี้ยงได้
ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ระหว่างคนหนึ่งคนกับลูกหมาหนึ่งตัว ... ซึ่งก็ไม่ใช่ลูกหมาซะทีเดียว เพราะเขาคือพระเอกกกก!
คุณพี่พระเอกบังเอิญโผล่หลงมาที่มิติมนุษย์จ๊ะ ด้วยความที่บาดเจ็บก็เลยอยู่ในร่างลูกหมา สติปัญญา ความฉลาด และการรับรู้ก็ถูกจำกัดเอาไว้เสียด้วยย แต่ด้วยสัญชาตญาณได้กลิ่นน้ำพุก็พยายามเข้าหา Shian ซึ่งก็เลยทำให้เจ้าตัวคิดไปว่าหมาน้อยติดตัวเองตามประสาลูกสัตว์ เป็นการอยู่อย่างปรับตัวเข้าหากัน จนกระทั่งลูกหมาได้เข้าไปในมิติพิเศษแล้วก็ไปแช่น้ำในบ่อน้ำจนกลายเป็นลูกคนนั่นแหละ ทำให้ตัวเอกของเราเริ่มไม่แน่ใจในประสิทธิภาพและขอบเขตความเป็นไปได้ของบ่อน้ำวิเศษตัวเอง
ระหว่างนี้ โรคหวัดก็แพร่ระบาดไปทั่วเมือง แต่เพราะคุณพี่ Shian ทำอาหารจากน้ำในบ่อและมะเขือเทศที่ปลูกในช่องมิติตัวเอง เหล่าคนรอบตัวก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร คนเป็นหวัดมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่อยู่ในคาบเรียน (ใช่แล้วว Shian หล่อและหน้าตาดี เอ๊ยย หล่อและฉลาดมาก พี่เขาเรียนหมออยู่) ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอก และก็กลายเป็นว่า คนที่เป็นหวัดทั้งหมดได้กลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้วว ไวรัสหวัดก็คือไวรัสเชื้อซอมบี้
ความเรื่อยๆ เอื่อยๆ ก็ดำเนินมาถึงตอนนี้ เผอิญว่า Shian ได้บอดี้การ์ดมาจากพ่อหลังเกิดเรื่อง ก็เลยได้บอดี้การ์ดเป็นคนกำหนดแผนการและพาทุกคนหนีไปตั้งหลักที่ด้านอ่างเก็บน้ำของมหาวิทยาลัยก็เป็นจุดเริ่มของความระทึกขวัญ เพราะทุกคนต้องคอยระวังตัว และก็ต้องเริ่มฆ่าซอมบี้ที่เพิ่งกลายร่างมา เป็นครั้งแรกที่อ่านฉากต้องลงมือกับซอมบี้แล้วเครียดตาม อารมณ์เหมือนจริง แล้วก็เหมือนต้องตัดสินใจไปด้วยมาก
หลังจากนั้น Shian ก็ตัดสินใจเดินทางไปปักกิ่งกับ Shen Xun ที่อยู่ในร่างเด็กน้อย เพื่อจะไปหาพ่อตัวเอง ฟังดูเหมือนจะลำบาก แต่ว่าช่องว่างมิติของ Shian ความสามารถล้นเหลือมาก เก็บไปได้ทุกอย่าง ประกอบกับอาหารที่มีอยู่ในบ้าน (Shen Xun เพิ่งขอเนื้อกองเท่าบ้าน -ความหมายตามนั้นจริงๆ- จากพ่อของ Shian มา) และรถทหารพิเศษที่ได้มาจากพ่อหลังเกิดอุบัติเหตุ ก็แทบจะทำให้เจ้าตัวไร้เทียมทานแล้ว ไม่นับว่าได้ฝึกวิชาที่อยู่ในมิติพิเศษมาอีก
ช่วงผจญภัยตอนนี้ ด้วยความที่ Shian เก่งมาก ความสามารถรอบด้านสูง นอกเหนือจะช่วยคนระหว่างทางไปเรื่อยๆ ไปเจอใคร ฐานไหน เขาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีอีกต่างหาก ขำที่พอไปสังเกตการณ์และตามข่าวในฐานทหาร และออกไปช่วยฆ่าซอมบี้กับกลุ่ม ด้วยความที่เก่งมาก ถึงขั้นที่หัวหน้ากลุ่มเชิญมาดูแผนที่ และปรึกษาหารือด้วยซ้ำ
แต่จุดเด่นในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ความโลดโผนในการรับมือกับเหล่าซอมบี้ หากเป็นการรับมือกับใจมนุษย์ ตั้งแต่ที่หลบภัยที่แรกที่ Shian ไปเจอ คนก็เลวร้าย และอำมหิตกว่าซอมบี้แล้ว มีทั้งพวกที่คิดใช้คนอื่นเป็นเหยื่อล่อ และเหยียบย่ำคนอื่นให้ตัวเองรอด หรือแม้กระทั่งเป็นใหญ่ และก็เป็นการวัดใจและวัดไหวพริบความชาญฉลาดของ Shian ว่าจะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขับจากคนได้อย่างไร โดยเฉพาะปมที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือจากพ่อ
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็เป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดอย่างหนึ่งในเรื่อง และส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เด่นมากจากเรื่องวันสิ้นโลก + ซอมบี้อื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ เพราะความที่ Shian ความสามารถล้นเหลือ OP มากอย่างที่ได้ย้ำไป ก็เลยทำให้ช่วยคนที่ควรค่าแก่การถูกช่วยได้เป็นระยะๆ และก็ได้คนที่ดีทั้งนิสัย และเก่งด้วยความสามารถมาอยู่ในทีมทีละคนสองคน
แต่ถ้าจะถามว่าความโรแมนซ์ระหว่างพระเอก-ตัวเอกอยู่ตรงไหน? ขอบอกว่าตอนนี้อ่านถึงบทที่ 130 แล้ว พี่พระเอกก็ยังอยู่ในร่างเด็กจ๊ะ อยากจะร้องไห้มาก คนเขียนบอกว่าอยากปูพื้นเรื่องนานๆ แต่นี่มันนานไปแล้วว ตอนแรกบอกว่าจะโผล่มาไม่เกิน 115 แล้วก็ยังไม่มา แต่เอาเถอะนะ ความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่ก็คือน่ารักมากๆ เพราะตัวพระเอกในร่างเด็กก็อ้อน Shian น่ารักมากๆ พี่เค้าไม่ได้แอ๊บแต่เพราะความจำกับความฉลาดยังไม่คืนมา ก็เลยมีบุคลิกแบบเด็กๆ ที่ชวนใจยวบอย่างยิ่งง อย่างเช่น วิ่งไปฆ่าซอมบี้ด้วยดาบยักษ์ที่ใหญ่กว่าตัว แล้วก็วิ่งหน้าเริ่ดเอา nucleus กลับมาให้ โดยมีประโยคหากินว่า AnAn, for you! ทุกครั้ง หรือพอคนในกลุ่มไปได้สิงโตจิ๋วมาเลี้ยง เจ้าตัวก็ทำหน้าจะร้องไห้ แล้วบอกว่า ห้าม AnAn ไปลูบหัวสิงโตนะ!
ซึ่งความสัมพันธ์ใจยวบก็เป็นไปสองฝ่ายมาก Shian ถึงขั้นกระโดดลงจากเครื่องบินลงไปในหมู่กองทัพซอมบี้เพื่อช่วย Shen Xun ก็มี โอยย...
แล้วก็ขำอีกอย่าง คือ ขนาดที่คนอื่นมีขนมปังกรอบกินก็หรูแล้ว แต่กลุ่มพี่ Shian ไม่ใช่ ตอนแรกสมาชิกใหม่ฟังว่าไม่หยุดพัก ต้องกินง่ายๆ ก็สลดไป แต่กลายเป็นคุณพี่ถามแต่ละคนว่าจะกินอะไร แล้วทำตามใจให้ทีละอย่าง เช่น คนนี้ขอบะหมี่น้ำ น่องไก่ ไข่สองใบ อีกคนจะกินข้าวผัดไก่ กับไส้กรอก กับขอน้ำส้ม อืมม ล่าสุดที่พีคคือระหว่างไปหาของร่วมกับทีมอื่น ตอนพัก พี่แกทำเทปปังยากิอีกต่างหาก อยู่ดีกินดีมาก
ชอบเรื่องนี้จริงจัง จากประการที่กล่าวมาทั้งหมด ให้ A+ แล้วก็ลุ้นคุณพี่พระเอกให้กลับเป็นผู้ใหญ่เสียที คือลุ้นปฎิสัมพันธ์มากว่าจะเป็นอย่างไรเนี่ยยยย!
นี่คือเรื่องแนววันสิ้นโลก + ซอมบี้ที่ชอบที่สุดตอนนี้ มากกว่า Thrive In Catastrophe กับ The Reborn Otaku’s Code of Practice for the Apocalypse อีก
เปิดฉากมาด้วย Shen Shian ตัวเอกฟื้นจากอุบัติเหตุในโรงพยาบาล และก็พบว่าเลือดตัวเองทำปฎิกริยากับประคำที่ข้อมือ ทำให้เปิดช่องว่างมิติได้ ซึ่งก็เหมือนสูตรสำเร็จเรื่องอื่นๆ ที่จะมีบ่อน้ำวิเศษ บ้านพัก และพื้นที่เพาะปลูกอยู่แล้ว ระหว่างนี้เมื่อกลับไปใช้ชีวิตตามปกติก็จับพลัดจับพลูเก็บลูกหมามาเลี้ยงได้
ชีวิตดำเนินไปเรื่อยๆ ระหว่างคนหนึ่งคนกับลูกหมาหนึ่งตัว ... ซึ่งก็ไม่ใช่ลูกหมาซะทีเดียว เพราะเขาคือพระเอกกกก!
คุณพี่พระเอกบังเอิญโผล่หลงมาที่มิติมนุษย์จ๊ะ ด้วยความที่บาดเจ็บก็เลยอยู่ในร่างลูกหมา สติปัญญา ความฉลาด และการรับรู้ก็ถูกจำกัดเอาไว้เสียด้วยย แต่ด้วยสัญชาตญาณได้กลิ่นน้ำพุก็พยายามเข้าหา Shian ซึ่งก็เลยทำให้เจ้าตัวคิดไปว่าหมาน้อยติดตัวเองตามประสาลูกสัตว์ เป็นการอยู่อย่างปรับตัวเข้าหากัน จนกระทั่งลูกหมาได้เข้าไปในมิติพิเศษแล้วก็ไปแช่น้ำในบ่อน้ำจนกลายเป็นลูกคนนั่นแหละ ทำให้ตัวเอกของเราเริ่มไม่แน่ใจในประสิทธิภาพและขอบเขตความเป็นไปได้ของบ่อน้ำวิเศษตัวเอง
ระหว่างนี้ โรคหวัดก็แพร่ระบาดไปทั่วเมือง แต่เพราะคุณพี่ Shian ทำอาหารจากน้ำในบ่อและมะเขือเทศที่ปลูกในช่องมิติตัวเอง เหล่าคนรอบตัวก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร คนเป็นหวัดมากขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่อยู่ในคาบเรียน (ใช่แล้วว Shian หล่อและหน้าตาดี เอ๊ยย หล่อและฉลาดมาก พี่เขาเรียนหมออยู่) ก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอก และก็กลายเป็นว่า คนที่เป็นหวัดทั้งหมดได้กลายเป็นซอมบี้ไปหมดแล้วว ไวรัสหวัดก็คือไวรัสเชื้อซอมบี้
ความเรื่อยๆ เอื่อยๆ ก็ดำเนินมาถึงตอนนี้ เผอิญว่า Shian ได้บอดี้การ์ดมาจากพ่อหลังเกิดเรื่อง ก็เลยได้บอดี้การ์ดเป็นคนกำหนดแผนการและพาทุกคนหนีไปตั้งหลักที่ด้านอ่างเก็บน้ำของมหาวิทยาลัยก็เป็นจุดเริ่มของความระทึกขวัญ เพราะทุกคนต้องคอยระวังตัว และก็ต้องเริ่มฆ่าซอมบี้ที่เพิ่งกลายร่างมา เป็นครั้งแรกที่อ่านฉากต้องลงมือกับซอมบี้แล้วเครียดตาม อารมณ์เหมือนจริง แล้วก็เหมือนต้องตัดสินใจไปด้วยมาก
หลังจากนั้น Shian ก็ตัดสินใจเดินทางไปปักกิ่งกับ Shen Xun ที่อยู่ในร่างเด็กน้อย เพื่อจะไปหาพ่อตัวเอง ฟังดูเหมือนจะลำบาก แต่ว่าช่องว่างมิติของ Shian ความสามารถล้นเหลือมาก เก็บไปได้ทุกอย่าง ประกอบกับอาหารที่มีอยู่ในบ้าน (Shen Xun เพิ่งขอเนื้อกองเท่าบ้าน -ความหมายตามนั้นจริงๆ- จากพ่อของ Shian มา) และรถทหารพิเศษที่ได้มาจากพ่อหลังเกิดอุบัติเหตุ ก็แทบจะทำให้เจ้าตัวไร้เทียมทานแล้ว ไม่นับว่าได้ฝึกวิชาที่อยู่ในมิติพิเศษมาอีก
ช่วงผจญภัยตอนนี้ ด้วยความที่ Shian เก่งมาก ความสามารถรอบด้านสูง นอกเหนือจะช่วยคนระหว่างทางไปเรื่อยๆ ไปเจอใคร ฐานไหน เขาก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีอีกต่างหาก ขำที่พอไปสังเกตการณ์และตามข่าวในฐานทหาร และออกไปช่วยฆ่าซอมบี้กับกลุ่ม ด้วยความที่เก่งมาก ถึงขั้นที่หัวหน้ากลุ่มเชิญมาดูแผนที่ และปรึกษาหารือด้วยซ้ำ
แต่จุดเด่นในเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่ความโลดโผนในการรับมือกับเหล่าซอมบี้ หากเป็นการรับมือกับใจมนุษย์ ตั้งแต่ที่หลบภัยที่แรกที่ Shian ไปเจอ คนก็เลวร้าย และอำมหิตกว่าซอมบี้แล้ว มีทั้งพวกที่คิดใช้คนอื่นเป็นเหยื่อล่อ และเหยียบย่ำคนอื่นให้ตัวเองรอด หรือแม้กระทั่งเป็นใหญ่ และก็เป็นการวัดใจและวัดไหวพริบความชาญฉลาดของ Shian ว่าจะเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขับจากคนได้อย่างไร โดยเฉพาะปมที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือจากพ่อ
อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก็เป็นสิ่งที่น่ารักที่สุดอย่างหนึ่งในเรื่อง และส่วนตัวก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้เด่นมากจากเรื่องวันสิ้นโลก + ซอมบี้อื่นๆ ด้วย ทั้งนี้ เพราะความที่ Shian ความสามารถล้นเหลือ OP มากอย่างที่ได้ย้ำไป ก็เลยทำให้ช่วยคนที่ควรค่าแก่การถูกช่วยได้เป็นระยะๆ และก็ได้คนที่ดีทั้งนิสัย และเก่งด้วยความสามารถมาอยู่ในทีมทีละคนสองคน
แต่ถ้าจะถามว่าความโรแมนซ์ระหว่างพระเอก-ตัวเอกอยู่ตรงไหน? ขอบอกว่าตอนนี้อ่านถึงบทที่ 130 แล้ว พี่พระเอกก็ยังอยู่ในร่างเด็กจ๊ะ อยากจะร้องไห้มาก คนเขียนบอกว่าอยากปูพื้นเรื่องนานๆ แต่นี่มันนานไปแล้วว ตอนแรกบอกว่าจะโผล่มาไม่เกิน 115 แล้วก็ยังไม่มา แต่เอาเถอะนะ ความสัมพันธ์แบบที่เป็นอยู่ก็คือน่ารักมากๆ เพราะตัวพระเอกในร่างเด็กก็อ้อน Shian น่ารักมากๆ พี่เค้าไม่ได้แอ๊บแต่เพราะความจำกับความฉลาดยังไม่คืนมา ก็เลยมีบุคลิกแบบเด็กๆ ที่ชวนใจยวบอย่างยิ่งง อย่างเช่น วิ่งไปฆ่าซอมบี้ด้วยดาบยักษ์ที่ใหญ่กว่าตัว แล้วก็วิ่งหน้าเริ่ดเอา nucleus กลับมาให้ โดยมีประโยคหากินว่า AnAn, for you! ทุกครั้ง หรือพอคนในกลุ่มไปได้สิงโตจิ๋วมาเลี้ยง เจ้าตัวก็ทำหน้าจะร้องไห้ แล้วบอกว่า ห้าม AnAn ไปลูบหัวสิงโตนะ!
ซึ่งความสัมพันธ์ใจยวบก็เป็นไปสองฝ่ายมาก Shian ถึงขั้นกระโดดลงจากเครื่องบินลงไปในหมู่กองทัพซอมบี้เพื่อช่วย Shen Xun ก็มี โอยย...
แล้วก็ขำอีกอย่าง คือ ขนาดที่คนอื่นมีขนมปังกรอบกินก็หรูแล้ว แต่กลุ่มพี่ Shian ไม่ใช่ ตอนแรกสมาชิกใหม่ฟังว่าไม่หยุดพัก ต้องกินง่ายๆ ก็สลดไป แต่กลายเป็นคุณพี่ถามแต่ละคนว่าจะกินอะไร แล้วทำตามใจให้ทีละอย่าง เช่น คนนี้ขอบะหมี่น้ำ น่องไก่ ไข่สองใบ อีกคนจะกินข้าวผัดไก่ กับไส้กรอก กับขอน้ำส้ม อืมม ล่าสุดที่พีคคือระหว่างไปหาของร่วมกับทีมอื่น ตอนพัก พี่แกทำเทปปังยากิอีกต่างหาก อยู่ดีกินดีมาก
ชอบเรื่องนี้จริงจัง จากประการที่กล่าวมาทั้งหมด ให้ A+ แล้วก็ลุ้นคุณพี่พระเอกให้กลับเป็นผู้ใหญ่เสียที คือลุ้นปฎิสัมพันธ์มากว่าจะเป็นอย่างไรเนี่ยยยย!
Subscribe to:
Posts (Atom)