Monday, 11 July 2022

咸鱼替嫁后 // After The Salted Fish Is Married

 ก็ไถลไปตามล่าหา infra จีนโบราณต่อจาก After Being Kidnapped by the General // ได้จากหน้าหลัก


คนเขียน: 老大白猫
แนว: จีนโบราณ, ทะลุมิติ, ทำอาหาร, farming, infrastructure
ความสัมพันธ์: องค์ชาย X พระชายา / Ji Song X Yan Xining
จำนวนตอน: 117 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022
ลิ้ง



Yan Xining ลืมตามาก็เจอว่ามาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้ว และเจ้าของร่างเดิมก็ตายจากการผูกคอตายใต้ต้นไม้ ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าตัวซึ่งเป็นลูกนอกสมรสถูกคนในตระกูลจับมาแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดกับ Ji Song องค์ชายที่เป็นแม่ทัพ และประสบเหตุให้ต้องขาเสียกลายเป็นคนพิการ และในวันแต่งก็ถูก Ji Song โกรธจนส่งเข้า “ตำหนักเย็น” หรือสวนร้างที่เคยเป็นเรือนที่อยู่ของคนใช้ ร่างเก่าหมดหวังและก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง

ดังนั้นเมื่อลืมตามา ก็คืออยู่ใต้ต้นไม้และมีผ้าแพรผูกคอแล้ว Bai Tao เด็กรับใช้และคนสนิทเพียงคนเดียวกำลังร้องไห้อยู่ ... เมื่อประมวลผลรอบตัวได้ ก็รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ในร่างนี้อาจไม่แย่เกินไปหนัก เพราะที่ตัวเองทำงานหนักจนตายก็เพราะใฝ่ฝันว่าจะเก็บเงินให้พอแล้วกลับไปอยู่บ้านทำสวนในชนบท เมื่อได้พื้นที่ที่ใหญ่กว่าบ้านสวนของตัวเองมาก็เลยคิดว่าจะปลูกผักกินและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี
แต่เพราะไม่แน่ใจว่าทางจวนจะเลิกส่งของมาให้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะเมื่อตัวเองไม่เป็นที่รักใคร่ของ Ji Song ความเผื่อแผ่ก็อาจจะหมดลงวันไหนก็ได้ ก็เลยคิดว่าควรจะอยู่ให้พึ่งพาตัวเองให้ได้ วันไหนที่ถูกลืมมาก็จะได้ไม่อดตาย ถ้าปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไว้กินในพื้นที่กว้างขวางรอบๆ ได้ และดังนั้น การถางหญ้าที่สูงท่วมหัวและปรับดินให้อยู่ในสภาพพอที่จะปลูกผักก็เริ่มขึ้น

แต่เพราะทางฮ่องเต้และพระพันปีส่งคนมาดู Ji Song และ Yan Xining หลังแต่งงาน ตัว Yan Xining ต้องแสดงบทรักใคร่กลมเกลียวกับ Ji Song ก็เลยเจออีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น และอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่มีกำลัง และก็ทำให้ไปซ้อนกับภาพพ่อของ Yan Xining ที่ป่วยเป็นมะเร็งและนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างไร้ชีวิตขึ้นมาทันที ยิ่งเมื่อ Ji Song เป็นคนที่บันดาลบ้านพัก ที่ดินและอาหารให้ตอนนี้ก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะต้องร่วมมือกับ Ji Song และก็เกิดภาพที่ต่างคนต่างอยู่ โดยที่ทางพ่อบ้านและคนสนิทมารายงานเรื่องของ Yan Xining กับ Ji Song เป็นระยะๆ และ Ji Song ก็มีคำสั่งติดปากเสมอว่าถ้าอีกคนอยากทำอะไรก็ให้ทำไป
แต่เพราะเหล่าองครักษ์ของ Ji Song โดยเฉพาะ Yan Ke จับตามอง Yan Xining อยู่ และก็ทำให้เมื่อ Yan Xining ทำโน่นทำนี่อยู่ในพื้นที่ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะไปสังเกตการณ์และจบลงด้วยการที่ช่วย Yan Xining ทำงาน และตอนแรกที่พระชายาเอาของที่ได้มาจากที่สวน ไม่ว่าจะเป็นปลา หอยทาก ฯลฯ ทำอาหาร อีกฝ่ายก็รู้สึกว่าเป็นของที่กินไม่ได้ แต่เพราะกลิ่นหอมน่าอร่อย และกลัวจะเสียหน้าถ้าไม่กล้ากิน ก็เลยทำให้ลองกินของทุกอย่างที่พระชายาทำ และจบด้วยการถูกซื้อใจด้วยอาหารไปแล้ว ดังนั้น องครักษ์ทั้งหลายก็เริ่มที่จะมาช่วยทาง Yan Xining ทำงานเป็นค่าอาหารในแต่ละครั้ง

และความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อ Yan Xining ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
เอาจริง เรื่องนี้ควรจะเป็นภาพต่างคนต่างอยู่ตลอดไป แต่ว่ามีการช่วยต่อเรือของคนรอบตัวทั้งคู่มาเสริมทำให้สองคนเข้าหากันทีละน้อยไม่รู้ตัว โดยที่ชอบที่สุดคือการชงไม่รู้ลืมหูลืมตาของทั้งพ่อบ้านและเหล่าองครักษ์ พออาหารอร่อย Yan Ke และพวกองครักษ์ก็จะเอาอาหารส่วนหนึ่งมาให้ Ji Song ด้วย โดยไม่ใช่แค่เอาอาหารมาให้อย่างเดียว แต่เป็นการร่ายสรรเสริญพระชายาทุกอย่างที่จะคิดได้ บอกว่าพระชายารักและห่วงใยตัว Ji Song ถึงขนาดทำอาหารมาให้เพราะอยากให้แข็งแรงไวๆ (ซึ่งจริงๆ ก็รู้กันอยู่ว่า Yan Xining ทำอาหารมาเพราะอยากกินของอร่อยเอง) เป็นการผลักเรือลงน้ำแล้วช่วยกันพายมากนะคะ ขนาดลายมืออัปลักษณ์ เพราะเขียนพู่กันไม่เป็น องครักษ์ก็ยังช่วยชมว่าเห็นถึงความตั้งใจและจิตใจที่บริสุทธิ์ของพระชายา พอทำเต้าหู้ก็เรียกว่า love bean curd ไม่ไหวแล้วนะ แล้วหลังๆ องครักษ์คนอื่นๆ ก็ได้อิทธิพลจากหัวหน้าองครักษ์มาด้วย การชงแรงขึ้นโหดขึ้นเรื่อยๆ จนตัว Ji Song ก็เชื่อแล้วว่า Yan Xining ชอบตัวเอง

และตอนที่ไม่มีอะไรทำ และบังคับรถเข็นไปถึงส่วนที่ Yan Xining อยู่ ได้กลิ่นหอมของอาหารก็เลยเข้าไปเจอ Yan Xining ที่กำลังย่างกวางที่ได้มาจากองครักษ์กิน ซึ่งเมื่อ Ji Song มาถึงเรือนตัวเองก็เลยต้องเชิญชวน Ji Song ซึ่งถือเป็นเจ้าของบ้านกินข้าวด้วย กลายเป็นว่าพอเลี้ยงดูและดูแลอย่างดี Ji Song ก็รู้สึกอึดอัดใจที่เห็นว่า Yan Xining รักตัวเองมาก ... และรู้สึกผิดที่รักตอบไม่ได้ เลยคิดว่าจะทำดีกับอีกคน และสั่งให้พ่อบ้านทำทุกอย่างที่ทาง Yan Xining ขอมา

สองคนก็เลยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัว Ji Song ที่รู้สึกว่าการอยู่ข้างๆ Yan Xining เห็นอีกคนทำอาหาร ปลูกผัก ก็ทำให้ผ่อนคลายและสบายใจอย่างที่ได้เคยรู้สึกมาก่อน
จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์สองคนเกิดขึ้นเมื่อมีงานล่าสัตว์ และ Ji Song บอกให้ Yan Xining ไปด้วย ซึ่งฝ่ายหลังก็กระเหี้ยนกระหือรือมากกว่าจะไปเก็บขึ้นเขาผักป่าที่เพิ่งแตกหน่อมากินระหว่างงานล่าสัตว์ และเพราะเห็นตัว Ji Song ต้องนั่งรถเข็น ไม่สามารถขี่ม้าองอาจล่าสัตว์ได้อย่างที่เคยเป็น ก็เลยเห็นใจและชวนอีกคนเข้าร่วมกิจกรรมเก็บผักตัวเองด้วย เป็นการปลอบใจและเห็นใจโดยที่ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายน่าสมเพชอย่างที่คนอื่นมอง จนเมื่อสองคนออกไปเก็บผักกับเหล่าองครักษ์ และเหล่าองครักษ์ทั้งหมดถูกล่อออกไป ก็มีเหล่ามือสังหารเข้ามาจะฆ่า Ji Song และถึงแม้ว่า Ji Song จะใช้ธนูที่ติดตัวอยู่ฆ่าพวกมือสังหารได้หมด ตัว Yan Xining ก็บาดเจ็บหนักเพราะเอาตัวเองกันและกระโดดกอดมือสังหารที่เหลือคนสุดท้ายไม่ใช้เข้าไปทำร้าย Ji Song ได้ .... ซึ่งยิ่งประกอบกับการที่ Yan Xining ไม่ยอมวิ่งหนีทิ้งตัวเองไป ทั้งที่ Ji Songย้ำ บอกหลายครั้งก็เลยทำให้ Ji Song เริ่มหลงรัก Yan Xining จริงจังขึ้นมา

และเมื่อกลับมาที่จวนอ๋อง ตัว Yan Xining ที่ฟื้นมาอยู่ในห้อง Ji Song ก็เลยขอ Ji Song กลับไปที่เรือนตัวเอง และก็กลายเป็นว่า Ji Song ย้ายมาอยู่ที่เรือนด้วยอีกคน แล้วพอ Yan Xining หาย ด้วยความที่ตัว Ji Song ตื่นเช้ามาก เพื่อมาอ่านตำรา (และไปทำงานที่กรมในภายหลัง) ตัว Yan Xining ก็ต้องตื่นเช้าไปด้วย ซึ่งการคิดคนละแบบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไปเช่นเดิม เพราะ Ji Song พยายามลุกขึ้นมาเงียบๆ แต่ว่า Yan Xining ที่ละเมอหลับกอดอีกคนแน่นก็รู้สึกตัวอยู่ดี และก็คิดว่าต้องลุกขึ้นมาทำอาหารตามประสาลูกจ้างที่ดี เพราะนายจ้างปลุกขึ้นมาแล้วขนาดนี้ ส่วน Ji Song ก็เข้าใจไปว่าตัว Yan Xining รักตัวเองมากถึงขั้นที่ยอมละทิ้งการนอนเต็มอิ่มมาทำอาหารให้ตัวเอง

ก็ต้องขอย้ำว่าตัว Yan Xining ไม่ได้คิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะพระชายาอ๋องแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาตัวเองเป็นแค่ปลาเค็มที่ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นผู้อยู่อาศัย ความเข้าใจผิดที่ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง และความอยากเลี่ยงงานที่ขว้างไม่พ้นคอ ไม่ได้คิดว่าแต่งงานกับองค์ชาย แต่ว่าเป็นลูกค้าที่ได้ค่าแรงเป็นที่พักกับที่ดินปลูกผักเลี้ยงเหล่าสัตว์ปีก เป็นหัวหน้าครอบครัว (เจ้าของบริษัท) คนให้ที่อาหาร เสื้อผ้า ประโยคที่บอกว่า มีอะไรก็จะไปด้วยกัน เพราะ “ข้าเป็นชายาท่าน” ฟังดูรักใคร่ไม่ลืมหูลืมตา แต่แปลตรงๆ ก็จะได้ความว่า “ผมเป็นลูกจ้างคุณอยู่” จะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์กันไป แต่ว่าเพราะฟิลเตอร์ของเหล่าองครักษ์กับพ่อบ้านที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะเมื่อ Yan Xining เป็นพวกเรื่อยๆ ร่าเริงสบายใจและอ่อนโยน เห็น Ji Song นั่งเหม่อ คิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ก็เริ่มหาโน่นหานี่ให้ Ji Song ช่วยตอนตัวเองทำอาหาร กลายเป็นภาพสองคนรักใคร่กลมกลืนในสายตาคนรอบข้าง

แต่ความจริงจากใจ เรื่องนี้ไม่ค่อย farming เท่าไหร่ มีแค่ตอนแรกๆ ที่คิดว่าต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าถูกลืม แต่เพราะ Ji Song โอ๋ Yan Xining มากขึ้นเรื่อยๆ อาหารการกินมีคนส่งส่วยส่งของมาตลอดเวลา กลายเป็นแนว cooking มากกว่า เช่นวันนี้กำลังจะทำบะหมี่ พ่อบ้านเอาปูนิ่มมาให้ บอกว่าเพิ่งส่งมาจากบ้านสวนเอามาถวายพระชายา ก็เลยทำปูนิ่มชุบแป้งทอด กินกับบะหมี่ กับแป้งทอด ตอนนี้น่ารักดี เพราะเหล่าองครักษ์เฮโลมาช่วยกันจริงจังมาก คนที่ล้างปูก็ล้างไป คนที่ไปทุบแป้งข้าวเหนียวก็ทุบไป เพื่อให้ได้กินเร็วๆ ด้วยกัน ความเชื่อมั่นที่มีต่อ Yan Xining สูงมาก ชนิดที่ทุกคนคิดในใจว่า ต่อให้พระชายาเอาก้อนหินมาทำอาหารยังอร่อยได้แน่นอน ... จากที่ตอนแรกกลัวมาก เวลาเห็นเอาสัตว์แปลกๆ ที่เจออย่างหอยทาก ปู มาทำอาหาร แต่ตอนนี้แค่จ้องสัตว์ จ้องพืชอะไรนานๆ เหล่าองครักษ์โดยเฉพาะ Yan Ke ก็ถามแล้วว่าอร่อยไหม? เอามาทำอะไรอร่อยเหรอ? ให้ไปจับไปเก็บมาเลยไหม? พร้อมมาก อย่างวันที่ไปฟาร์มม้าแล้วบอกว่าจะทำหม้อไฟ ยังไม่ทันบอกอะไรต่อ หัวหน้าองครักษ์ก็รีบตะโกนบอกเหล่าองครักษ์ที่เหลือว่า พี่น้อง เที่ยงนี้พระชายาจะทำหม้อไฟ ทุกคนที่ขี่ม้าอยู่ก็รีบควบม้าหายไป .... พอ Yan Xining กำลังงง Ji Song ก็บอกว่าทุกคนเข้าป่าไปล่าสัตว์มาเพิ่มไง

พอ Ji Song เป็นองค์ชายสาม ตอนแรกก็มีประเด็นแย่งบัลลังก์กับพี่ชายสองคน แต่ไปๆ มาๆ Ji Ming พี่ชายคนรองที่เปิดมาดูร้ายกลายเป็นแนวร่าเริงไม่คิดมากไปชอบกล อย่างที่ตอน Ji Tan องค์ชายเจ็ดอายุ 5 ขวบจมน้ำระหว่างงานเลี้ยงแล้วถูก Yan Xining กระโดดลงไปช่วย แล้วกลายเป็นติด Yan Xining มากกันไป พอขอไปเล่นที่บ้าน ตัว Ji Ming รีบกระซิบบอก Ji Song ว่าปฎิเสธไป รีบปฎิเสธไปเดี๋ยวนี้ .... เพราะว่าตัวเองเป็นเหยื่อความเอาแต่ใจ ถูกน้องคนเล็กรีดไถของ และก่อกวนบ่อยๆ แต่จริงๆ สองคนเหมือนกันมาก อารมณ์ส่งเสียงดังว่ามาแล้วนะ แล้วรอให้ Yan Xining ทำอะไรอร่อยๆ แปลกๆ ให้กิน ทั้งที่อายุต่างกัน แต่หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนี่คือมาเพื่อรบกวนกันชัดๆ ตอนที่ Ji Ming ส่ง Ji Tan ไปบ้านสวนนี่คือสองคนพี่น้องมาเพื่อก่อกวนและกินเท่านั้นจริงๆ

แต่จริงๆ น้องเล็ก Ji Tan น่ารักดี ทุกครั้งที่ไปหา Yan Xining ก็จะรีบตะโกนบอกว่าพี่สะใภ้สามข้ามาแล้วว แล้วเพราะเป็นองค์ชายองค์โปรดของฮ่องเต้ เดิมทีพวกนางสนมหรือข้ารับใช้ก็ไม่กล้าให้ทำอะไร และไม่กล้าขัดใจอะไรมาก ถูกถามอะไรก็ต้องตอบอย่างระมัดระวังตามหน้าที่ไป แต่พอมาหา Yan Xining ถามอะไรอีกคนก็ตอบแกมอธิบายจริงจัง แถมยังได้ทำทุกอย่างอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะวิ่งตามไก่ เล่นกับหมา เก็บไข่ เกี่ยวผลไม้จากต้น เด็กห้าขวบอย่าง Ji Tan ที่ไม่เคยได้ทำกิจกรรมแบบนี้ก็ปลื้มมาก แถมพอพี่สะใภ้ใจดีบอกว่าของที่ Ji Tan เก็บมาจะเอาไปทำโน่นนะ นี่นะ ลูกท้อที่ช่วยเก็บก็จะเอาไปดอง ฝักถั่วที่เก็บก็เอาไปทำข้าวผัดได้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง มีประโยชน์ สนุกและมีความสุขเพิ่มขึ้นไปกันอีก ... ซึ่งในมุมมองของพี่สะใภ้ใจเย็นก็คือเอาเด็กเมืองไปเที่ยวชนบท เจออะไรก็ตื่นตาตื่นใจเล่นได้สนุกทุกอย่าง กับพอทำอาหารหลอกเด็กอย่างไก่ทอดกรอบ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Ji Tan จะรักและเทิดทูนพี่สะใภ้สามตลอดไป ถึงขั้นที่ไปป่าวประกาศจนรู้กันทั้งวังว่าตัว Yan Xining ทำไก่ทอดอร่อยมาก และ Ji Tan ติดใจไก่ทอดของ Yan Xining มาก

เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ทำอาหารโน่น นี่ นั่นจากของที่ได้มาในแต่ละตอน จนกระทั่งฮ่องเต้มอบหมายให้ Ji Song ไปประจำกรม น่ารักที่จริงๆ กรมที่ไปอยู่ติดจวนอ๋องมาก แต่ว่าประตูจวนอยู่คนละทางก็ต้องเดินอ้อมโลกไป ... และพอช่วงที่ Yan Xining ไม่อยากวุ่นวายเพราะต้องเดินอ้อม รู้สึกเสียเวลาก็ให้องครักษ์หิ้วปิ่นโตไปส่งแทน เพราะเห็นว่าพวกองครักษ์มีวิชาตัวเบาและกระโดดข้ามกำแพงไปได้เลยทำให้ต่อมา Ji Song เริ่มทำประตูฝั่งที่อยู่ติดกับกรมเพราะอยากให้พระชายาตัวเองไปส่งอาหารให้ โดยที่ Yan Xining กลับคิดไปว่าฝ่าย Ji Song ที่เริ่มกลายเป็นสัตว์สังคมทำงานเข้าใจแล้วสินะ ว่าการประหยัดเวลาเดินทางสิบสิบห้านาทีเพื่อได้นอนยาวขึ้น มันวิเศษขนาดไหน

ซึ่งเพราะช่วงที่มีงานเข้ามา Ji Song ก็จะอยู่เย็นอยู่ค่ำ และตัว Yan Xining ที่เป็นห่วงก็จะถูกพวก Yan Ke หว่านล้อมให้ไปส่งอาหารด้วยตัวเอง และครั้งแรกก็ทำบะจ่างทั้งไส้เค็มไส้หวานพอดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องแบ่งให้ข้าราชการอื่นๆ ที่อยู่ดึกไปด้วย และชื่อเสียงด้านทำอาหารของพระชายาอ๋องสามก็แพร่ระบือไปไกล (พร้อมๆ กับความรักที่มีต่อองค์ชายสามผ่านทางอาหารที่ตั้งใจทำอย่างปราณีตบรรจง(?)) กับน่ารักที่พออากาศร้อน ไม่อยากอาหารกัน Yan Xining เลยทำอาหารกินง่ายอย่างบะหมี่เย็นที่รสจัดและกินง่ายด้วยน้ำส้มสายชู แตงกวาที่ช่วยให้คลายร้อนเพิ่มความอยากอาหารขึ้นมา และพอให้คนเอาไปส่งให้ Ji Song ตอนกลางวันก็ถูกคนอื่นจ้องมองอย่างอิจฉา (และอยากกิน) เลยคิดในใจว่า ทุกคนไม่ต้องสงสัย กินอาหารที่พ่อครัวกรมทำตรงหน้าตัวเองไป อย่ามาจ้องอาหารที่ชายาตัวเองเอามาส่งได้ไหม ... อีกรอบที่ทุกคนขอสูตรวิธีทำบะหมี่เย็นไปให้พ่อครัวที่บ้านแต่ละคนทำ พอเปิดกล่องออกมาก็เป็นบะหมี่เย็นทั้งสิ้น แต่พอกำลังจะภูมิใจลงมือกินอย่างอร่อย ก็กลายเป็นงวดนี้พระชายาส่งปลาต้มผักดองรสจัดกระตุ้นความอยากอาหารมาให้อีก คนที่กำลังภูมิใจกับบะหมี่ตัวเองก็สลดกันไป (ขณะที่ตัว Ji Song ก็กลายเป็นคนภูมิใจไปแทน)

แต่มาขนาดนี้แล้ว จะให้ Ji Song ขาเสียตลอดไปก็กระไร เพราะว่าได้หมอเทวดาที่เจอระหว่างไปฟาร์มม้ามาช่วยออกปากว่าจะรักษาขาให้ โดยแลกกับอาหารอร่อยทั้งหลายที่ Yan Xining ทำ และวันที่ผ่าตัดจริง ตัว Ji Song ก็จูบ Yan Xining ก่อนเข้าผ่าตัดด้วย ... ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายเครียดและคิดมากว่าหัวหน้าบริษัท (ความคิดชายาไม่เคยอยู่ในหัว ความสัมพันธ์นายจ้างและลูกน้องมาก่อนเสมอ) จูบตัวเองเพราะอะไร ทั้งหลบหน้าทั้งคิดไปจนสรุปได้ว่าเพราะอีกคนกังวลเกี่ยวกับผ่าตัดมากไปสินะ ... แต่สรุปก็หลีกไม่พ้นเพราะ Ji Song พูดออกมาตรงๆ และพอ Yan Xining บอกว่าไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ก็ถูกถามต่อว่าทำไมไม่รักกัน

ในที่สุด Yan Xining ก็บอกเลยว่า รู้ไหมว่าวันแรกที่มาฆ่าตัวตาย และก็ไม่ได้รัก Ji Song หมดรักไปตั้งแต่ตอนที่ตายไปแล้ว ... ชอบตรงที่มีการเผชิญหน้าตรงนี้ เพราะเหมือนเรียกร้องความยุติธรรมส่วนหนึ่งให้เจ้าของร่างเดิมด้วย เพราะถึงแม้จะถูกครอบครัวส่งมาแต่งงานแต่สุดท้ายคนที่ผลักให้เจ้าของร่างเดิมตายก็คือ Ji Song เพราะถ้าไม่ใช่เพราะ Yan Xining ที่มาเข้าร่าง ร่าเริง ไม่คิดมาก และมุ่งมั่น แข็งขันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้ว เรือนร้างนี้ก็อยู่ไม่ได้จริงๆ ทั้งหญ้าสูงท่วมหัว กำแพงพัง หลังคารั่วและเตียงที่นอนก็เป็นแค่เอาไม้มาวางพาดบนอิฐ ทุกอย่างดูสมบูรณ์พร้อมเพราะ Yan Xining พยายามที่จะอยู่ให้ได้ ถ้ามองละเอียดแม้แต่เก้าอี้ก็ไม่มีตัวไหนใช้ได้ แต่ Yan Xining เอาอิฐมารองขาให้ใช้งานได้ทั้งสิ้น ... ตอนพูดพูดให้ Ji Song ฟัง แต่เหล่าองครักษ์ที่อยู่ภายนอกก็ได้ยินไปด้วย และทุกคนก็รู้สึกผิดขึ้นมา ทุกคนเห็นแต่สภาพตอนที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้เห็นเลยว่าก่อนหน้าชีวิตลำบากขนาดไหน ถึงขั้นที่ Yan Ke เคยเห็นอยู่แต่ในครัว พอมาเห็นที่นอน Yan Xining ยังคิดเลยว่าแม้แต่ข้ารับใช้ในจวนที่ฐานะต่ำที่สุดก็อยู่ดีกว่านี้อีก

ชอบที่ Ji Song เสียใจกับที่ตัวเองทำไป และก็บอกว่าขอโอกาสแก้ตัว แล้วก็ให้เอกสารทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ Yan Xining ไป โดยที่บอกว่ารู้ว่ากังวลกับเรื่องนี้ อยากให้รู้ว่าถึงแม้จะปฎิเสธตัวเอง Yan Xining ก็ยังไม่ลำบากหรือต้องอดนะ .... ก็เป็นพระเอกอ่อนโยนโอ๋ตัวเอกกันไป

ซึ่งเอาจริงก็เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากงานล่าสัตว์ ทุกอย่างที่ให้ Yan Xining ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น ตอนที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของ Ji Ming มีคนส่งลิ้นจี่ ซึ่งเป็นของแพงและหากินยากมาให้ ตัว Ji Song ก็หยิบมาเพื่อแกะแล้วเอามาป้อน Yan Xining ซึ่งคนถูกปากก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเป็นธรรมชาติไป เพียงแต่ว่าตอนนี้ช่วยสะสางปมในใจ Yan Xining และร่างเก่าให้หมดไปเพิ่มขึ้นมา เพราะส่วนตัว Yan Xining ถึงแม้ว่าจะบอกว่าอีกคนเป็นแค่นายจ้าง แต่ลึกๆ แล้วอยู่ด้วยกันทุกวัน คอยห่วงใยดูแลกัน และความสงสารเข้าใจและเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความเจ็บป่วยของพ่อที่ไปซ้อนกับความเจ็บป่วยของ Ji Song ก็ทำให้เทใจตัวเองไปให้ Ji Song อย่างไม่รู้ตัวนานแล้วเหมือนกัน

ประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยเจอในทะลุมิติจีนโบราณก็คือ การสารภาพความจริงว่าตัวเองหลงยุคมา แต่เรื่องนี้ Yan Xining สารภาพให้ Ji Song และหมอเทวดาที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ด้วย เพราะลึกๆ แล้ว Yan Xining กลัวว่าการเป็นวิญญาณแปลกปลอมมาอยู่ในร่างคนอื่นจะทำให้ Ji Song ไม่ยอมรับและขับไล่ตัวเองไป เมื่อคุยกันรู้เรื่องก็เลยอธิบายได้ว่าวิธีทำอาหารแปลกใหม่และความคิดไม่เหมือนใครของ Yan Xining มาจากไหน

อยู่ไปเรื่อยๆ ฮ่องเต้ก็ส่ง Ji Song ไปครองเมือง ซึ่งเพราะเป็นลูกรักพอๆ กับ Ji Tan กับรู้สึกผิดที่ลูกตัวเองขาพิการก็เลยจะส่งไปที่เมืองที่เจริญ และเศรษฐกิจดี แต่ว่าตัว Ji Song ออกปากขอไปเมืองที่ห่างไกลความเจริญ เพราะอยากอยู่ใกล้กับกองทหารของตัวเอง และก็บอกฮ่องเต้ว่าขอไปดูแลปกป้องชายแดนเพื่อบ้านเมือง

ตอนที่ Yan Xining รู้เรื่องแล้วบอกว่าเปลี่ยนแผนที่ขำดี ภาษาเกมมากเลยนะ แต่น่ารักมากที่วันเดินทางจริง เหล่าชาวบ้านที่ช่วยไว้ตอนน้ำท่วมมาส่งด้วย คนที่มีเงินก็ซื้อโคมมาจุด หรือถ้าไม่มีเงินก็เอาผ้ามาแล้วจ้างคนเขียนชื่อองค์ชายสาม ความเทิดทูนภักดีมาเต็มมาก (และก็เหมือนปูทางให้ในฐานะฮ่องเต้องค์ต่อไปเลย เมื่อได้ความภักดีของพสกนิกรมาแบบนี้) แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักหรือว่าเพี้ยนที่พ่อครัวใหญ่ของวังขอตามไปด้วย โดยแอบมาดักรอระหว่างทางและเตรียมอาหารเช้าให้... ด้วยเหตุผลที่ว่าพระชายารู้สูตรอาหารเยอะมาก อยากไปเรียนสูตรอาหารจากพระชายาอีก ซึ่งตอนอยู่ในวัง ตั้งแต่ตอนที่ได้สูตรหมูพะโล้มาจาก Yan Xining ครั้งแรกก็เทิดทูน Yan Xining มาก ไม่นับว่าหลังจากนั้น ได้สูตรเต้าหู้ น้ำเต้าหู้และอื่นๆ มาอีก ตกลงทุกคนในเรื่องเป็นสาย foodie จริงๆ นะ แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือตอนที่ Ji Song เอ่ยปากอนุญาต หัวหน้าพ่อครัวก็ตะโกนบอกเหล่าข้ารับใช้ในวังว่าท่านอ๋องอนุญาตแล้ว แล้วทุกคนเฮโลกันออกมา

ที่น่ารักอีกอย่างก็คือพอมาถึงจุดพักม้า Ji Tan กับ Ji Ming ก็มารออยู่ด้วย โดยที่ตัว Ji Tan น้องเล็กผู้ติดและจิดใจ Yan Xiningมากก็ร้องไห้กระอึกกระอื้นขึ้นมา ในแง่ว่าต่อไปจะเล่นกับใคร ไปเล่นจวนพี่ชายคนไหนก็ไม่สนุกเหมือนกับจวนพี่สะใภ้สาม ถึงขั้นต้องให้ Yan Xining รับปากว่าพี่สะใภ้จะไม่ลืมกัน และจะเขียนจดหมายมาหาด้วย ... และฮ่องเต้กับองค์ชายใหญ่ก็มาส่งโดยมารอที่ฟาร์มม้าเหมือนกัน และเพราะเหล่าสัตว์ทั้งหลายอย่างแกะ ไก่ เป็ดที่องค์ชายใหญ่เอาใส่รถม้ามาให้ด้วยก็ทำให้ Yan Xining มีวัตถุดิบทำอาหารระหว่างทางอุดมสมบูรณ์

พอไปถึงเมืองจริงก็เกิดปัญหาจังหวะแรกที่เข้าเมืองเลย มีชาวบ้านกำลังถูกข้าราชการท้องถิ่นทำร้าย ตัว Ji Song ที่เพิ่งเดินทางถึงก็เลยต้องสะสางความ ทำให้รู้ว่าเจ้าเมืองและข้าราชการทั้งหลายโกงกินอย่างมาก ซึ่ง Ji Song ก็ตัดคอประหารเจ้าเมืองทันที และข้าราชการอื่นๆ ก็ถูกจับเข้าคุกเตรียมลงโทษตัดคอด้วย ขณะเดียวกัน Yan Xining ก็เลยให้ชาวบ้านมาเขียนเรื่องร้องทุกข์เพื่อบรรเทาความคับแค้นของทุกคน แต่กลายเป็นว่าช่วยหาหลักฐานเอาผิดข้าราชการให้ Ji Song ไปด้วย ก็กลายเป็นตอนนี้ประหารข้าราชการกังฉินหมดแล้ว แต่ว่ากลายเป็นขาดแคลนคนทำงานได้ขึ้นมา

อีกปัญหาหนึ่งที่เร่งด่วนก็คือฝูงตั๊กแตนที่กำลังระบาดกินพืชไร่ของชาวบ้าน ขณะที่ Ji Song กำลังหาทางออก ตัว Yan Xining ก็เลยเสนอว่าให้ไปเอาฝูงเป็ดมาเลี้ยง เพราะว่าเป็ดช่วยกินตั๊กแตนและเหล่าแมลงได้ และขณะเดียวกันขี้เป็ดก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำให้ยิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่ม

ช่วงแรกนึกว่าจะ farming ในแง่ปลูกผักกิน แต่มันเป็น cooking ไปมากกว่า จะมา farming แบบ infrastructure จริงๆ ก็ช่วงที่ย้ายไปครองเมือง เพราะว่าตอนแรกคิดว่าจะอยู่สบายๆ อืดๆ เป็นปลาเค็มตากแห้งแต่ว่าพอมาอยู่เมืองยากจนทุรกันดารก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ เรื่อยๆ แต่ว่าอยากช่วยสร้างความเจริญการอยู่ดีกินดีให้คนในเมือง กับไม่อยากเห็น Ji Song ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ก็เลยเริ่มช่วยคิดช่วยออกความเห็น อย่างพอเสนอความเห็นให้ Ji Song กับเพื่อนสนิทที่มาเป็นขุนนางรับใช้อยู่กับ Ji Song ก็เสนอแนวคิดแปลกใหม่จนวันต่อมากว่าจะรู้ตัวก็ถูก Ji Song หลอกให้ไปเสนอนโยบายกับขุนนางในที่ประชุมแล้ว ความคิดแรกที่มีในหัวก็คือ นี่มันจับไปเสนองานลูกค้าโดยที่หัวหน้าไม่ได้บอกล่วงหน้านี่! ตอนที่บอกว่าต้องขายผ้าเอาหน้ารอดแล้วเอาประสบการณ์หลอกลูกค้าที่สะสมมาใช้ขำดี ปกติเห็นแต่แนว reclaim land ถางป่ามาปลูกผัก แต่เรื่องนี้ตรงกันข้าม เพราะดินเสียเลยต้องแก้ดิน แก้ deforestation + desertification แทน กับมีทำนา/ไร่ขั้นบันไดบนเขา กับเหมือนจะเริ่มทำอาหารแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าแล้ว แล้วที่น่ารักก็คือว่าพอฮ่องเต้เห็นว่าขาดคนก็ส่งนักเรียนที่เพิ่งจบมาเป็นหลักร้อยคนด้วย และที่น่ารักก็คือพวกนี้ก็อยากมาเพราะเคยฟังคำพูดของ Yan Xining แล้วอยากทำเพื่อประเทศเหมือนกัน

แต่ถึงจะดูว่าเรื่องไปง่ายๆ สบายๆ เป็น sweet text ก็มีประเด็น controversy 2 เรื่องด้วย ก็คือเรื่องที่คนสนิทของ Ji Song ทรยศแล้วทำให้ตัว Ji Song ต้องขาพิการกับกลุ่มคนสนิทจำนวนหนึ่งต้องตายไประหว่างพา Ji Song หนี กับเรื่องของแม่ของ Ji Song ที่เป็นสนมและตายตอนไฟไหม้วัง และก็มีเงื่อนไขอยู่เบื้องหลัง .... แต่ส่วนตัว จุดแข็งคนเขียนอยู่ที่การเขียนอาหาร ไม่ใช่เขียนปม ซึ่งก็อ่านแล้วรู้สึกว่ายังลงน้ำหนักหรือแรงจูงใจไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องเหมือนเอา Yan Xining มาช่วยสร้างความเจริญโดยเฉพาะด้านอาหารและการอยู่ดีกินดีมากกว่า อย่างสูตรเต้าหู้น้ำเต้าหู้ก็ส่งไปให้กองทัพที่ชายแดนเพื่อให้มีกินได้มากกว่าเมล็ดถั่วแข็งๆ หรือพอมีน้ำแข็งก็ทำให้ทุกคนไม่ร้อนทรมานตอนหน้าร้อน


กับน่ารักที่พอเริ่มเปิดใจยอมรับกัน ก็เล่าความฝันความต้องการของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง พอ Ji Song บอกว่าอยากขึ้นเป็นใหญ่เพื่อปวงชน รู้สึกผิดกับอีกคนที่บอกว่าจะมีชีวิตเรื่อยสบายด้วยกัน Yan Xining ก็บอกว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะว่าความฝันตัวเองที่อยากอยู่สบาย และมีคนที่รักอยู่ด้วยก็เป็นจริงได้เพราะ Ji Song แล้ว บอกอีกคนไปว่า Just as you fulfil me, I also want to fulfil you. Whatever you want to do, let go, and do it. Do your best and obey the destiny. (ตอน 104)

แต่เอาจริงช่วงหวานสวีทกันสองคนของสองคนนี้มีไม่มากไหร่ เพราะเป็นสภาพสังคมยุคจีนโบราณที่จะมีคนสนิททั้งคนรับใช้และองครักษ์อยู่ด้วย ขนาดตอนวันเกิด Yan Xining ตั้งชื่อตอนว่าดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็หลอกมาก เพราะนึกว่าจะหวานกันสองคน ที่ไหนได้มากันทั้งกองทัพแล้วนะ ทุกคนอยากตอบแทนและยินดีกับพระชายาด้วย เหมือนงานเลี้ยงกองเพราะทุกคนสนุกสนานเตรียมงานมาก คนที่ตกปลาก็ตกปลา คนย่างเนื้อก็ย่างเนื้อกันไป

กับปก อยากจะบอกว่าไม่มีทางที่ Yan Xining จะถือตำราแน่นอนนน ไม่ได้ใจร้าย เจ้าตัวน่าจะถือมีดไม่ก็เครื่องปรุงมากกว่า แต่ว่าถ้าจะถือตำราก็ต้องเป็นตำราอาหารสินะ กับ Ji Song หน้าตาสปอยล์พระชายา โอ๋กันสุดชีวิตแล้ววว

กับตอนล่าสุดวันนี้ ประเด็นแย่งบัลลังก์มาแล้ว มีองค์ชายที่คิดก่อกบฎแลววว กรี๊ดดด พวกที่เงียบๆ ดูจืดจาง ไม่มีอำนาจกลายเป็นพวกเลวสุดอีกแล้ววว

ปล.
  
1.
น่ารักอีกอย่างที่เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานบริษัทมาก่อน พอบอกว่าจะต้องไปงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ก็บอกว่า อ๋อ ก็เหมือนกันกับ team-building โลกปัจจุบันสินะ แล้วองค์ชายแต่ละก๊กก็เหมือนหัวหน้าแผนกที่ต้องไปแก่งแย่งกันต่อหน้าหัวหน้าใหญ่ (ซึ่งก็คือฮ่องเต้) กับพอไปทำงานแล้วเหนื่อยหน่าย เจ้าตัวก็ปลอบใจด้วยประสบการณ์จากโลกก่อน จนถูกถามว่าทำไมเหมือนรู้ดีกว่าตัวเองอีกล่ะ

แต่ขำมากอีกอย่างที่เข้าใจมาตลอดว่าจริงๆ คนที่ Ji Song ชอบคือพี่ชายตัวเอง (ซึ่งจริงๆ มีเรื่องลือว่าตัว Ji Song เป็นพวกตัดแขนเสื้อ ชอบพี่ชายก็เพราะทางพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินเอกเป็นคนสร้างข่าวเอง) พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันก็อยากมุงและเมาท์มาก แต่ไม่ว่าครั้งไหน ตัวเองก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ด้วย ขนาดตอนฟังหัวหน้าองครักษ์เล่านึกว่าจะได้เมาท์คนสนุกสนานไปด้วย กลายเป็นคนถูกเมาท์กอสซิปไปแทน


2.
หัวหน้าองครักษ์ที่ชอบโผล่มาในครัว เพื่อหาของกินเพี้ยนแบบน่ารักดี ชอบโผล่มาแบบทักด้วยประโยคแปลกๆ อีกแล้ว ที่สำคัญ เป็นกันหมดทุกคนอีก ตอนนี้ทำอาหารอะไรก็ต้องทำเผื่อพระเอก ลูกน้องพระเอก และน้องชายพระเอก ไปถึงหมอของพระเอก ฉากที่เล่าว่าองครักษ์ที่จริงๆ แล้วเป็นนายทหารคนสำคัญถึงขั้นนายพลมานั่งยองๆ ล้างปูบ้าง เก็บใบบัวบ้าง จับกุ้งบ้างน่ารักดี โดยเฉพาะตอนทุกคนตั้งใจทำงานจริงจัง เพราะว่าจะได้กินอาหารแปลกๆ ที่อร่อยมาจากฝีมือพระชายา ร่วมแรงร่วมใจกันดีมาก

โลกนี้ไม่มีใครกินพริกกัน พอ Yan Xining เอามาทำอาหารโดยการคั่ว การเจียวน้ำมัน ตัว Yan Ke ที่ประสาทการรับรู้ดีกว่าชาวบ้านก็ทรมานไอจามทุกครั้ง อย่างครั้งแรกที่ทำก็คิดว่าพระชายาหาเรื่องให้ตัวเองสำลักเพื่อเป็นการแก้แค้นแล้ว แต่พออยู่ๆ ไป ก็กลายเป็นว่าชอบรสจัดของพริกขึ้นมา แต่ระหว่างนั้น ประโยคที่ทักก็จะเป็น พระชายาเหมาะไปทำอยู่กรมปกครองแล้วทำหน้าที่ทรมานนักโทษ หรือไม่ก็พระชายาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทรมาน กับบอกว่าฝีมือการใช้มีดของพระชายาช่างหาตัวจับยาก


3.
อีกอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักได้ไหมก็คือ ตัว Yan Xining ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินใหญ่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเรียนด้วยกัน ภาพ Yan Xining เป็นแค่ไม่ฉลาด สอบตก เป็นลูกไล่คนอื่น (เพราะเด็กที่เกิดจากนางคณิกาและอยู่เลี้ยงอยู่ในชนบท และพอมาอยู่ในครอบครัวก็มีฐานะต่ำต้อยมีความรู้และความเชื่อมั่นไม่ได้อยู่แล้ว) เทียบกับพี่ชายที่ฉลาด มีอนาคตดี และเก่งทุกอย่างไม่ได้เลย แต่ว่าตอนงานเลี้ยงในวังเพื่อต้อนรับทูตจากแคว้นอื่น ฝั่งนั้นท้าประลอง โดยที่มีการคิดเลข และพี่ชายที่อยากได้หน้าก็อาสาไปประลอง แต่เพราะโจทย์ที่ให้เป็นเลขยาก (ยากสำหรับคนในยุคนั้น แต่ง่ายสำหรับ Yan Xining ที่เรียนเลขอย่างในโรงเรียน) ก็เลยทำให้ไม่มีใครคิดออก ทั้งท้องพระโรง องค์ชาย ขุนนางนั่งคิดวิธีตามกันไป แล้ว Yan Xining ที่แก้โจทย์ได้ก็อธิบายให้ Ji Song ที่อยู่ข้างๆ ฟัง แต่ดันว่า Ji Ming ที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงดังว่า Yan Xining แก้โจทย์ได้แล้ว จนคนรอบข้างได้ยิน แถมคุณพี่ยังตะโกนร้องบอกราชครูอย่างภูมิใจให้ด้วย สุดท้าย Yan Xining ก็ถูกเชิญ (บังคับ?) ให้ไปนั่งคิดเลขข้ออื่นต่อหน้าฮ่องเต้ต่อไป และก็เป็นที่แน่นอนว่าตัว Yan Xining ก็ต้องแก้ได้ก่อนใคร ทำให้สุดท้ายพออธิบายวิธีคิดให้ Wu Shu นักคณิตศาสตร์ของแคว้นข้างๆ ที่มาขอคำแนะนำฟัง และก็กลายเป็นเหล่าบัณฑิตในงานมามุงขอฟังคำอธิบายด้วย กลายเป็นภาพเด็กสอบตกหายไป และก็ยิ่งทำให้พี่ชายที่ดูเด่นกว่าใครยิ่งด้อยไปเพราะมีภาพฉลาดก่อนหน้ามาเปรียบเยอะ ก็กู้หน้าให้เจ้าของร่างเดิมได้ .... แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ถูกราชทูตตื้อให้ไปเป็นลูกศิษย์ และWu Shu นักคณิตศาสตร์ตามตื้อให้ช่วยกันคิดเลขอยู่เนือง ๆ ต่อไป


4.
สรุปว่าหมอเทวดาเป็นลุงของ Ji Song แต่เพราะว่าการตายของน้องสาวตัวเอง และการล่มสลายของสำนักแพทย์ตัวเองเกิดจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เลยไม่คิดจะช่วยรักษาขาให้ Ji Song ตอนแรก เพราะว่าเกลียดราชวงศ์ แต่เพราะตอนที่คอยจับตามอง และเห็นว่า Ji Song ไม่ได้แย่เกินไปนักก็เลยเริ่มเปลี่ยนความคิด และก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนใจก็เพราะอาหารที่ Yan Xining ทำด้วย .... เพราะนี่คือหัวขโมยที่ขโมยหมูพะโล้ตอนครั้งแรกที่ Yan Xining ทำ และก็เป็นคนที่ขโมยหม้อตุ๋นขาไก่ไปทั้งหม้อเหมือนกัน ชอบภาพตอนแรกที่เป็นหมอเก่งเอาแต่ใจ แล้วก็งอแงอยากให้ Yan Xining ทำอาหารอร่อยๆ ให้ตัวเองกิน โดยที่มีคำขอโน่น นี่เป็นระยะๆ เหมือนกัน


________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

No comments:

Post a Comment