Monday, 11 July 2022

咸鱼替嫁后 // After The Salted Fish Is Married

 ก็ไถลไปตามล่าหา infra จีนโบราณต่อจาก After Being Kidnapped by the General // ได้จากหน้าหลัก


คนเขียน: 老大白猫
แนว: จีนโบราณ, ทะลุมิติ, ทำอาหาร, farming, infrastructure
ความสัมพันธ์: องค์ชาย X พระชายา / Ji Song X Yan Xining
จำนวนตอน: 117 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022
ลิ้ง



Yan Xining ลืมตามาก็เจอว่ามาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้ว และเจ้าของร่างเดิมก็ตายจากการผูกคอตายใต้ต้นไม้ ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าตัวซึ่งเป็นลูกนอกสมรสถูกคนในตระกูลจับมาแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดกับ Ji Song องค์ชายที่เป็นแม่ทัพ และประสบเหตุให้ต้องขาเสียกลายเป็นคนพิการ และในวันแต่งก็ถูก Ji Song โกรธจนส่งเข้า “ตำหนักเย็น” หรือสวนร้างที่เคยเป็นเรือนที่อยู่ของคนใช้ ร่างเก่าหมดหวังและก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง

ดังนั้นเมื่อลืมตามา ก็คืออยู่ใต้ต้นไม้และมีผ้าแพรผูกคอแล้ว Bai Tao เด็กรับใช้และคนสนิทเพียงคนเดียวกำลังร้องไห้อยู่ ... เมื่อประมวลผลรอบตัวได้ ก็รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ในร่างนี้อาจไม่แย่เกินไปหนัก เพราะที่ตัวเองทำงานหนักจนตายก็เพราะใฝ่ฝันว่าจะเก็บเงินให้พอแล้วกลับไปอยู่บ้านทำสวนในชนบท เมื่อได้พื้นที่ที่ใหญ่กว่าบ้านสวนของตัวเองมาก็เลยคิดว่าจะปลูกผักกินและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี
แต่เพราะไม่แน่ใจว่าทางจวนจะเลิกส่งของมาให้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะเมื่อตัวเองไม่เป็นที่รักใคร่ของ Ji Song ความเผื่อแผ่ก็อาจจะหมดลงวันไหนก็ได้ ก็เลยคิดว่าควรจะอยู่ให้พึ่งพาตัวเองให้ได้ วันไหนที่ถูกลืมมาก็จะได้ไม่อดตาย ถ้าปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไว้กินในพื้นที่กว้างขวางรอบๆ ได้ และดังนั้น การถางหญ้าที่สูงท่วมหัวและปรับดินให้อยู่ในสภาพพอที่จะปลูกผักก็เริ่มขึ้น

แต่เพราะทางฮ่องเต้และพระพันปีส่งคนมาดู Ji Song และ Yan Xining หลังแต่งงาน ตัว Yan Xining ต้องแสดงบทรักใคร่กลมเกลียวกับ Ji Song ก็เลยเจออีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น และอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่มีกำลัง และก็ทำให้ไปซ้อนกับภาพพ่อของ Yan Xining ที่ป่วยเป็นมะเร็งและนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างไร้ชีวิตขึ้นมาทันที ยิ่งเมื่อ Ji Song เป็นคนที่บันดาลบ้านพัก ที่ดินและอาหารให้ตอนนี้ก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะต้องร่วมมือกับ Ji Song และก็เกิดภาพที่ต่างคนต่างอยู่ โดยที่ทางพ่อบ้านและคนสนิทมารายงานเรื่องของ Yan Xining กับ Ji Song เป็นระยะๆ และ Ji Song ก็มีคำสั่งติดปากเสมอว่าถ้าอีกคนอยากทำอะไรก็ให้ทำไป
แต่เพราะเหล่าองครักษ์ของ Ji Song โดยเฉพาะ Yan Ke จับตามอง Yan Xining อยู่ และก็ทำให้เมื่อ Yan Xining ทำโน่นทำนี่อยู่ในพื้นที่ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะไปสังเกตการณ์และจบลงด้วยการที่ช่วย Yan Xining ทำงาน และตอนแรกที่พระชายาเอาของที่ได้มาจากที่สวน ไม่ว่าจะเป็นปลา หอยทาก ฯลฯ ทำอาหาร อีกฝ่ายก็รู้สึกว่าเป็นของที่กินไม่ได้ แต่เพราะกลิ่นหอมน่าอร่อย และกลัวจะเสียหน้าถ้าไม่กล้ากิน ก็เลยทำให้ลองกินของทุกอย่างที่พระชายาทำ และจบด้วยการถูกซื้อใจด้วยอาหารไปแล้ว ดังนั้น องครักษ์ทั้งหลายก็เริ่มที่จะมาช่วยทาง Yan Xining ทำงานเป็นค่าอาหารในแต่ละครั้ง

และความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อ Yan Xining ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
เอาจริง เรื่องนี้ควรจะเป็นภาพต่างคนต่างอยู่ตลอดไป แต่ว่ามีการช่วยต่อเรือของคนรอบตัวทั้งคู่มาเสริมทำให้สองคนเข้าหากันทีละน้อยไม่รู้ตัว โดยที่ชอบที่สุดคือการชงไม่รู้ลืมหูลืมตาของทั้งพ่อบ้านและเหล่าองครักษ์ พออาหารอร่อย Yan Ke และพวกองครักษ์ก็จะเอาอาหารส่วนหนึ่งมาให้ Ji Song ด้วย โดยไม่ใช่แค่เอาอาหารมาให้อย่างเดียว แต่เป็นการร่ายสรรเสริญพระชายาทุกอย่างที่จะคิดได้ บอกว่าพระชายารักและห่วงใยตัว Ji Song ถึงขนาดทำอาหารมาให้เพราะอยากให้แข็งแรงไวๆ (ซึ่งจริงๆ ก็รู้กันอยู่ว่า Yan Xining ทำอาหารมาเพราะอยากกินของอร่อยเอง) เป็นการผลักเรือลงน้ำแล้วช่วยกันพายมากนะคะ ขนาดลายมืออัปลักษณ์ เพราะเขียนพู่กันไม่เป็น องครักษ์ก็ยังช่วยชมว่าเห็นถึงความตั้งใจและจิตใจที่บริสุทธิ์ของพระชายา พอทำเต้าหู้ก็เรียกว่า love bean curd ไม่ไหวแล้วนะ แล้วหลังๆ องครักษ์คนอื่นๆ ก็ได้อิทธิพลจากหัวหน้าองครักษ์มาด้วย การชงแรงขึ้นโหดขึ้นเรื่อยๆ จนตัว Ji Song ก็เชื่อแล้วว่า Yan Xining ชอบตัวเอง

และตอนที่ไม่มีอะไรทำ และบังคับรถเข็นไปถึงส่วนที่ Yan Xining อยู่ ได้กลิ่นหอมของอาหารก็เลยเข้าไปเจอ Yan Xining ที่กำลังย่างกวางที่ได้มาจากองครักษ์กิน ซึ่งเมื่อ Ji Song มาถึงเรือนตัวเองก็เลยต้องเชิญชวน Ji Song ซึ่งถือเป็นเจ้าของบ้านกินข้าวด้วย กลายเป็นว่าพอเลี้ยงดูและดูแลอย่างดี Ji Song ก็รู้สึกอึดอัดใจที่เห็นว่า Yan Xining รักตัวเองมาก ... และรู้สึกผิดที่รักตอบไม่ได้ เลยคิดว่าจะทำดีกับอีกคน และสั่งให้พ่อบ้านทำทุกอย่างที่ทาง Yan Xining ขอมา

สองคนก็เลยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัว Ji Song ที่รู้สึกว่าการอยู่ข้างๆ Yan Xining เห็นอีกคนทำอาหาร ปลูกผัก ก็ทำให้ผ่อนคลายและสบายใจอย่างที่ได้เคยรู้สึกมาก่อน
จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์สองคนเกิดขึ้นเมื่อมีงานล่าสัตว์ และ Ji Song บอกให้ Yan Xining ไปด้วย ซึ่งฝ่ายหลังก็กระเหี้ยนกระหือรือมากกว่าจะไปเก็บขึ้นเขาผักป่าที่เพิ่งแตกหน่อมากินระหว่างงานล่าสัตว์ และเพราะเห็นตัว Ji Song ต้องนั่งรถเข็น ไม่สามารถขี่ม้าองอาจล่าสัตว์ได้อย่างที่เคยเป็น ก็เลยเห็นใจและชวนอีกคนเข้าร่วมกิจกรรมเก็บผักตัวเองด้วย เป็นการปลอบใจและเห็นใจโดยที่ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายน่าสมเพชอย่างที่คนอื่นมอง จนเมื่อสองคนออกไปเก็บผักกับเหล่าองครักษ์ และเหล่าองครักษ์ทั้งหมดถูกล่อออกไป ก็มีเหล่ามือสังหารเข้ามาจะฆ่า Ji Song และถึงแม้ว่า Ji Song จะใช้ธนูที่ติดตัวอยู่ฆ่าพวกมือสังหารได้หมด ตัว Yan Xining ก็บาดเจ็บหนักเพราะเอาตัวเองกันและกระโดดกอดมือสังหารที่เหลือคนสุดท้ายไม่ใช้เข้าไปทำร้าย Ji Song ได้ .... ซึ่งยิ่งประกอบกับการที่ Yan Xining ไม่ยอมวิ่งหนีทิ้งตัวเองไป ทั้งที่ Ji Songย้ำ บอกหลายครั้งก็เลยทำให้ Ji Song เริ่มหลงรัก Yan Xining จริงจังขึ้นมา

และเมื่อกลับมาที่จวนอ๋อง ตัว Yan Xining ที่ฟื้นมาอยู่ในห้อง Ji Song ก็เลยขอ Ji Song กลับไปที่เรือนตัวเอง และก็กลายเป็นว่า Ji Song ย้ายมาอยู่ที่เรือนด้วยอีกคน แล้วพอ Yan Xining หาย ด้วยความที่ตัว Ji Song ตื่นเช้ามาก เพื่อมาอ่านตำรา (และไปทำงานที่กรมในภายหลัง) ตัว Yan Xining ก็ต้องตื่นเช้าไปด้วย ซึ่งการคิดคนละแบบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไปเช่นเดิม เพราะ Ji Song พยายามลุกขึ้นมาเงียบๆ แต่ว่า Yan Xining ที่ละเมอหลับกอดอีกคนแน่นก็รู้สึกตัวอยู่ดี และก็คิดว่าต้องลุกขึ้นมาทำอาหารตามประสาลูกจ้างที่ดี เพราะนายจ้างปลุกขึ้นมาแล้วขนาดนี้ ส่วน Ji Song ก็เข้าใจไปว่าตัว Yan Xining รักตัวเองมากถึงขั้นที่ยอมละทิ้งการนอนเต็มอิ่มมาทำอาหารให้ตัวเอง

ก็ต้องขอย้ำว่าตัว Yan Xining ไม่ได้คิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะพระชายาอ๋องแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาตัวเองเป็นแค่ปลาเค็มที่ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นผู้อยู่อาศัย ความเข้าใจผิดที่ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง และความอยากเลี่ยงงานที่ขว้างไม่พ้นคอ ไม่ได้คิดว่าแต่งงานกับองค์ชาย แต่ว่าเป็นลูกค้าที่ได้ค่าแรงเป็นที่พักกับที่ดินปลูกผักเลี้ยงเหล่าสัตว์ปีก เป็นหัวหน้าครอบครัว (เจ้าของบริษัท) คนให้ที่อาหาร เสื้อผ้า ประโยคที่บอกว่า มีอะไรก็จะไปด้วยกัน เพราะ “ข้าเป็นชายาท่าน” ฟังดูรักใคร่ไม่ลืมหูลืมตา แต่แปลตรงๆ ก็จะได้ความว่า “ผมเป็นลูกจ้างคุณอยู่” จะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์กันไป แต่ว่าเพราะฟิลเตอร์ของเหล่าองครักษ์กับพ่อบ้านที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะเมื่อ Yan Xining เป็นพวกเรื่อยๆ ร่าเริงสบายใจและอ่อนโยน เห็น Ji Song นั่งเหม่อ คิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ก็เริ่มหาโน่นหานี่ให้ Ji Song ช่วยตอนตัวเองทำอาหาร กลายเป็นภาพสองคนรักใคร่กลมกลืนในสายตาคนรอบข้าง

แต่ความจริงจากใจ เรื่องนี้ไม่ค่อย farming เท่าไหร่ มีแค่ตอนแรกๆ ที่คิดว่าต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าถูกลืม แต่เพราะ Ji Song โอ๋ Yan Xining มากขึ้นเรื่อยๆ อาหารการกินมีคนส่งส่วยส่งของมาตลอดเวลา กลายเป็นแนว cooking มากกว่า เช่นวันนี้กำลังจะทำบะหมี่ พ่อบ้านเอาปูนิ่มมาให้ บอกว่าเพิ่งส่งมาจากบ้านสวนเอามาถวายพระชายา ก็เลยทำปูนิ่มชุบแป้งทอด กินกับบะหมี่ กับแป้งทอด ตอนนี้น่ารักดี เพราะเหล่าองครักษ์เฮโลมาช่วยกันจริงจังมาก คนที่ล้างปูก็ล้างไป คนที่ไปทุบแป้งข้าวเหนียวก็ทุบไป เพื่อให้ได้กินเร็วๆ ด้วยกัน ความเชื่อมั่นที่มีต่อ Yan Xining สูงมาก ชนิดที่ทุกคนคิดในใจว่า ต่อให้พระชายาเอาก้อนหินมาทำอาหารยังอร่อยได้แน่นอน ... จากที่ตอนแรกกลัวมาก เวลาเห็นเอาสัตว์แปลกๆ ที่เจออย่างหอยทาก ปู มาทำอาหาร แต่ตอนนี้แค่จ้องสัตว์ จ้องพืชอะไรนานๆ เหล่าองครักษ์โดยเฉพาะ Yan Ke ก็ถามแล้วว่าอร่อยไหม? เอามาทำอะไรอร่อยเหรอ? ให้ไปจับไปเก็บมาเลยไหม? พร้อมมาก อย่างวันที่ไปฟาร์มม้าแล้วบอกว่าจะทำหม้อไฟ ยังไม่ทันบอกอะไรต่อ หัวหน้าองครักษ์ก็รีบตะโกนบอกเหล่าองครักษ์ที่เหลือว่า พี่น้อง เที่ยงนี้พระชายาจะทำหม้อไฟ ทุกคนที่ขี่ม้าอยู่ก็รีบควบม้าหายไป .... พอ Yan Xining กำลังงง Ji Song ก็บอกว่าทุกคนเข้าป่าไปล่าสัตว์มาเพิ่มไง

พอ Ji Song เป็นองค์ชายสาม ตอนแรกก็มีประเด็นแย่งบัลลังก์กับพี่ชายสองคน แต่ไปๆ มาๆ Ji Ming พี่ชายคนรองที่เปิดมาดูร้ายกลายเป็นแนวร่าเริงไม่คิดมากไปชอบกล อย่างที่ตอน Ji Tan องค์ชายเจ็ดอายุ 5 ขวบจมน้ำระหว่างงานเลี้ยงแล้วถูก Yan Xining กระโดดลงไปช่วย แล้วกลายเป็นติด Yan Xining มากกันไป พอขอไปเล่นที่บ้าน ตัว Ji Ming รีบกระซิบบอก Ji Song ว่าปฎิเสธไป รีบปฎิเสธไปเดี๋ยวนี้ .... เพราะว่าตัวเองเป็นเหยื่อความเอาแต่ใจ ถูกน้องคนเล็กรีดไถของ และก่อกวนบ่อยๆ แต่จริงๆ สองคนเหมือนกันมาก อารมณ์ส่งเสียงดังว่ามาแล้วนะ แล้วรอให้ Yan Xining ทำอะไรอร่อยๆ แปลกๆ ให้กิน ทั้งที่อายุต่างกัน แต่หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนี่คือมาเพื่อรบกวนกันชัดๆ ตอนที่ Ji Ming ส่ง Ji Tan ไปบ้านสวนนี่คือสองคนพี่น้องมาเพื่อก่อกวนและกินเท่านั้นจริงๆ

แต่จริงๆ น้องเล็ก Ji Tan น่ารักดี ทุกครั้งที่ไปหา Yan Xining ก็จะรีบตะโกนบอกว่าพี่สะใภ้สามข้ามาแล้วว แล้วเพราะเป็นองค์ชายองค์โปรดของฮ่องเต้ เดิมทีพวกนางสนมหรือข้ารับใช้ก็ไม่กล้าให้ทำอะไร และไม่กล้าขัดใจอะไรมาก ถูกถามอะไรก็ต้องตอบอย่างระมัดระวังตามหน้าที่ไป แต่พอมาหา Yan Xining ถามอะไรอีกคนก็ตอบแกมอธิบายจริงจัง แถมยังได้ทำทุกอย่างอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะวิ่งตามไก่ เล่นกับหมา เก็บไข่ เกี่ยวผลไม้จากต้น เด็กห้าขวบอย่าง Ji Tan ที่ไม่เคยได้ทำกิจกรรมแบบนี้ก็ปลื้มมาก แถมพอพี่สะใภ้ใจดีบอกว่าของที่ Ji Tan เก็บมาจะเอาไปทำโน่นนะ นี่นะ ลูกท้อที่ช่วยเก็บก็จะเอาไปดอง ฝักถั่วที่เก็บก็เอาไปทำข้าวผัดได้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง มีประโยชน์ สนุกและมีความสุขเพิ่มขึ้นไปกันอีก ... ซึ่งในมุมมองของพี่สะใภ้ใจเย็นก็คือเอาเด็กเมืองไปเที่ยวชนบท เจออะไรก็ตื่นตาตื่นใจเล่นได้สนุกทุกอย่าง กับพอทำอาหารหลอกเด็กอย่างไก่ทอดกรอบ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Ji Tan จะรักและเทิดทูนพี่สะใภ้สามตลอดไป ถึงขั้นที่ไปป่าวประกาศจนรู้กันทั้งวังว่าตัว Yan Xining ทำไก่ทอดอร่อยมาก และ Ji Tan ติดใจไก่ทอดของ Yan Xining มาก

เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ทำอาหารโน่น นี่ นั่นจากของที่ได้มาในแต่ละตอน จนกระทั่งฮ่องเต้มอบหมายให้ Ji Song ไปประจำกรม น่ารักที่จริงๆ กรมที่ไปอยู่ติดจวนอ๋องมาก แต่ว่าประตูจวนอยู่คนละทางก็ต้องเดินอ้อมโลกไป ... และพอช่วงที่ Yan Xining ไม่อยากวุ่นวายเพราะต้องเดินอ้อม รู้สึกเสียเวลาก็ให้องครักษ์หิ้วปิ่นโตไปส่งแทน เพราะเห็นว่าพวกองครักษ์มีวิชาตัวเบาและกระโดดข้ามกำแพงไปได้เลยทำให้ต่อมา Ji Song เริ่มทำประตูฝั่งที่อยู่ติดกับกรมเพราะอยากให้พระชายาตัวเองไปส่งอาหารให้ โดยที่ Yan Xining กลับคิดไปว่าฝ่าย Ji Song ที่เริ่มกลายเป็นสัตว์สังคมทำงานเข้าใจแล้วสินะ ว่าการประหยัดเวลาเดินทางสิบสิบห้านาทีเพื่อได้นอนยาวขึ้น มันวิเศษขนาดไหน

ซึ่งเพราะช่วงที่มีงานเข้ามา Ji Song ก็จะอยู่เย็นอยู่ค่ำ และตัว Yan Xining ที่เป็นห่วงก็จะถูกพวก Yan Ke หว่านล้อมให้ไปส่งอาหารด้วยตัวเอง และครั้งแรกก็ทำบะจ่างทั้งไส้เค็มไส้หวานพอดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องแบ่งให้ข้าราชการอื่นๆ ที่อยู่ดึกไปด้วย และชื่อเสียงด้านทำอาหารของพระชายาอ๋องสามก็แพร่ระบือไปไกล (พร้อมๆ กับความรักที่มีต่อองค์ชายสามผ่านทางอาหารที่ตั้งใจทำอย่างปราณีตบรรจง(?)) กับน่ารักที่พออากาศร้อน ไม่อยากอาหารกัน Yan Xining เลยทำอาหารกินง่ายอย่างบะหมี่เย็นที่รสจัดและกินง่ายด้วยน้ำส้มสายชู แตงกวาที่ช่วยให้คลายร้อนเพิ่มความอยากอาหารขึ้นมา และพอให้คนเอาไปส่งให้ Ji Song ตอนกลางวันก็ถูกคนอื่นจ้องมองอย่างอิจฉา (และอยากกิน) เลยคิดในใจว่า ทุกคนไม่ต้องสงสัย กินอาหารที่พ่อครัวกรมทำตรงหน้าตัวเองไป อย่ามาจ้องอาหารที่ชายาตัวเองเอามาส่งได้ไหม ... อีกรอบที่ทุกคนขอสูตรวิธีทำบะหมี่เย็นไปให้พ่อครัวที่บ้านแต่ละคนทำ พอเปิดกล่องออกมาก็เป็นบะหมี่เย็นทั้งสิ้น แต่พอกำลังจะภูมิใจลงมือกินอย่างอร่อย ก็กลายเป็นงวดนี้พระชายาส่งปลาต้มผักดองรสจัดกระตุ้นความอยากอาหารมาให้อีก คนที่กำลังภูมิใจกับบะหมี่ตัวเองก็สลดกันไป (ขณะที่ตัว Ji Song ก็กลายเป็นคนภูมิใจไปแทน)

แต่มาขนาดนี้แล้ว จะให้ Ji Song ขาเสียตลอดไปก็กระไร เพราะว่าได้หมอเทวดาที่เจอระหว่างไปฟาร์มม้ามาช่วยออกปากว่าจะรักษาขาให้ โดยแลกกับอาหารอร่อยทั้งหลายที่ Yan Xining ทำ และวันที่ผ่าตัดจริง ตัว Ji Song ก็จูบ Yan Xining ก่อนเข้าผ่าตัดด้วย ... ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายเครียดและคิดมากว่าหัวหน้าบริษัท (ความคิดชายาไม่เคยอยู่ในหัว ความสัมพันธ์นายจ้างและลูกน้องมาก่อนเสมอ) จูบตัวเองเพราะอะไร ทั้งหลบหน้าทั้งคิดไปจนสรุปได้ว่าเพราะอีกคนกังวลเกี่ยวกับผ่าตัดมากไปสินะ ... แต่สรุปก็หลีกไม่พ้นเพราะ Ji Song พูดออกมาตรงๆ และพอ Yan Xining บอกว่าไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ก็ถูกถามต่อว่าทำไมไม่รักกัน

ในที่สุด Yan Xining ก็บอกเลยว่า รู้ไหมว่าวันแรกที่มาฆ่าตัวตาย และก็ไม่ได้รัก Ji Song หมดรักไปตั้งแต่ตอนที่ตายไปแล้ว ... ชอบตรงที่มีการเผชิญหน้าตรงนี้ เพราะเหมือนเรียกร้องความยุติธรรมส่วนหนึ่งให้เจ้าของร่างเดิมด้วย เพราะถึงแม้จะถูกครอบครัวส่งมาแต่งงานแต่สุดท้ายคนที่ผลักให้เจ้าของร่างเดิมตายก็คือ Ji Song เพราะถ้าไม่ใช่เพราะ Yan Xining ที่มาเข้าร่าง ร่าเริง ไม่คิดมาก และมุ่งมั่น แข็งขันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้ว เรือนร้างนี้ก็อยู่ไม่ได้จริงๆ ทั้งหญ้าสูงท่วมหัว กำแพงพัง หลังคารั่วและเตียงที่นอนก็เป็นแค่เอาไม้มาวางพาดบนอิฐ ทุกอย่างดูสมบูรณ์พร้อมเพราะ Yan Xining พยายามที่จะอยู่ให้ได้ ถ้ามองละเอียดแม้แต่เก้าอี้ก็ไม่มีตัวไหนใช้ได้ แต่ Yan Xining เอาอิฐมารองขาให้ใช้งานได้ทั้งสิ้น ... ตอนพูดพูดให้ Ji Song ฟัง แต่เหล่าองครักษ์ที่อยู่ภายนอกก็ได้ยินไปด้วย และทุกคนก็รู้สึกผิดขึ้นมา ทุกคนเห็นแต่สภาพตอนที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้เห็นเลยว่าก่อนหน้าชีวิตลำบากขนาดไหน ถึงขั้นที่ Yan Ke เคยเห็นอยู่แต่ในครัว พอมาเห็นที่นอน Yan Xining ยังคิดเลยว่าแม้แต่ข้ารับใช้ในจวนที่ฐานะต่ำที่สุดก็อยู่ดีกว่านี้อีก

ชอบที่ Ji Song เสียใจกับที่ตัวเองทำไป และก็บอกว่าขอโอกาสแก้ตัว แล้วก็ให้เอกสารทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ Yan Xining ไป โดยที่บอกว่ารู้ว่ากังวลกับเรื่องนี้ อยากให้รู้ว่าถึงแม้จะปฎิเสธตัวเอง Yan Xining ก็ยังไม่ลำบากหรือต้องอดนะ .... ก็เป็นพระเอกอ่อนโยนโอ๋ตัวเอกกันไป

ซึ่งเอาจริงก็เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากงานล่าสัตว์ ทุกอย่างที่ให้ Yan Xining ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น ตอนที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของ Ji Ming มีคนส่งลิ้นจี่ ซึ่งเป็นของแพงและหากินยากมาให้ ตัว Ji Song ก็หยิบมาเพื่อแกะแล้วเอามาป้อน Yan Xining ซึ่งคนถูกปากก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเป็นธรรมชาติไป เพียงแต่ว่าตอนนี้ช่วยสะสางปมในใจ Yan Xining และร่างเก่าให้หมดไปเพิ่มขึ้นมา เพราะส่วนตัว Yan Xining ถึงแม้ว่าจะบอกว่าอีกคนเป็นแค่นายจ้าง แต่ลึกๆ แล้วอยู่ด้วยกันทุกวัน คอยห่วงใยดูแลกัน และความสงสารเข้าใจและเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความเจ็บป่วยของพ่อที่ไปซ้อนกับความเจ็บป่วยของ Ji Song ก็ทำให้เทใจตัวเองไปให้ Ji Song อย่างไม่รู้ตัวนานแล้วเหมือนกัน

ประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยเจอในทะลุมิติจีนโบราณก็คือ การสารภาพความจริงว่าตัวเองหลงยุคมา แต่เรื่องนี้ Yan Xining สารภาพให้ Ji Song และหมอเทวดาที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ด้วย เพราะลึกๆ แล้ว Yan Xining กลัวว่าการเป็นวิญญาณแปลกปลอมมาอยู่ในร่างคนอื่นจะทำให้ Ji Song ไม่ยอมรับและขับไล่ตัวเองไป เมื่อคุยกันรู้เรื่องก็เลยอธิบายได้ว่าวิธีทำอาหารแปลกใหม่และความคิดไม่เหมือนใครของ Yan Xining มาจากไหน

อยู่ไปเรื่อยๆ ฮ่องเต้ก็ส่ง Ji Song ไปครองเมือง ซึ่งเพราะเป็นลูกรักพอๆ กับ Ji Tan กับรู้สึกผิดที่ลูกตัวเองขาพิการก็เลยจะส่งไปที่เมืองที่เจริญ และเศรษฐกิจดี แต่ว่าตัว Ji Song ออกปากขอไปเมืองที่ห่างไกลความเจริญ เพราะอยากอยู่ใกล้กับกองทหารของตัวเอง และก็บอกฮ่องเต้ว่าขอไปดูแลปกป้องชายแดนเพื่อบ้านเมือง

ตอนที่ Yan Xining รู้เรื่องแล้วบอกว่าเปลี่ยนแผนที่ขำดี ภาษาเกมมากเลยนะ แต่น่ารักมากที่วันเดินทางจริง เหล่าชาวบ้านที่ช่วยไว้ตอนน้ำท่วมมาส่งด้วย คนที่มีเงินก็ซื้อโคมมาจุด หรือถ้าไม่มีเงินก็เอาผ้ามาแล้วจ้างคนเขียนชื่อองค์ชายสาม ความเทิดทูนภักดีมาเต็มมาก (และก็เหมือนปูทางให้ในฐานะฮ่องเต้องค์ต่อไปเลย เมื่อได้ความภักดีของพสกนิกรมาแบบนี้) แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักหรือว่าเพี้ยนที่พ่อครัวใหญ่ของวังขอตามไปด้วย โดยแอบมาดักรอระหว่างทางและเตรียมอาหารเช้าให้... ด้วยเหตุผลที่ว่าพระชายารู้สูตรอาหารเยอะมาก อยากไปเรียนสูตรอาหารจากพระชายาอีก ซึ่งตอนอยู่ในวัง ตั้งแต่ตอนที่ได้สูตรหมูพะโล้มาจาก Yan Xining ครั้งแรกก็เทิดทูน Yan Xining มาก ไม่นับว่าหลังจากนั้น ได้สูตรเต้าหู้ น้ำเต้าหู้และอื่นๆ มาอีก ตกลงทุกคนในเรื่องเป็นสาย foodie จริงๆ นะ แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือตอนที่ Ji Song เอ่ยปากอนุญาต หัวหน้าพ่อครัวก็ตะโกนบอกเหล่าข้ารับใช้ในวังว่าท่านอ๋องอนุญาตแล้ว แล้วทุกคนเฮโลกันออกมา

ที่น่ารักอีกอย่างก็คือพอมาถึงจุดพักม้า Ji Tan กับ Ji Ming ก็มารออยู่ด้วย โดยที่ตัว Ji Tan น้องเล็กผู้ติดและจิดใจ Yan Xiningมากก็ร้องไห้กระอึกกระอื้นขึ้นมา ในแง่ว่าต่อไปจะเล่นกับใคร ไปเล่นจวนพี่ชายคนไหนก็ไม่สนุกเหมือนกับจวนพี่สะใภ้สาม ถึงขั้นต้องให้ Yan Xining รับปากว่าพี่สะใภ้จะไม่ลืมกัน และจะเขียนจดหมายมาหาด้วย ... และฮ่องเต้กับองค์ชายใหญ่ก็มาส่งโดยมารอที่ฟาร์มม้าเหมือนกัน และเพราะเหล่าสัตว์ทั้งหลายอย่างแกะ ไก่ เป็ดที่องค์ชายใหญ่เอาใส่รถม้ามาให้ด้วยก็ทำให้ Yan Xining มีวัตถุดิบทำอาหารระหว่างทางอุดมสมบูรณ์

พอไปถึงเมืองจริงก็เกิดปัญหาจังหวะแรกที่เข้าเมืองเลย มีชาวบ้านกำลังถูกข้าราชการท้องถิ่นทำร้าย ตัว Ji Song ที่เพิ่งเดินทางถึงก็เลยต้องสะสางความ ทำให้รู้ว่าเจ้าเมืองและข้าราชการทั้งหลายโกงกินอย่างมาก ซึ่ง Ji Song ก็ตัดคอประหารเจ้าเมืองทันที และข้าราชการอื่นๆ ก็ถูกจับเข้าคุกเตรียมลงโทษตัดคอด้วย ขณะเดียวกัน Yan Xining ก็เลยให้ชาวบ้านมาเขียนเรื่องร้องทุกข์เพื่อบรรเทาความคับแค้นของทุกคน แต่กลายเป็นว่าช่วยหาหลักฐานเอาผิดข้าราชการให้ Ji Song ไปด้วย ก็กลายเป็นตอนนี้ประหารข้าราชการกังฉินหมดแล้ว แต่ว่ากลายเป็นขาดแคลนคนทำงานได้ขึ้นมา

อีกปัญหาหนึ่งที่เร่งด่วนก็คือฝูงตั๊กแตนที่กำลังระบาดกินพืชไร่ของชาวบ้าน ขณะที่ Ji Song กำลังหาทางออก ตัว Yan Xining ก็เลยเสนอว่าให้ไปเอาฝูงเป็ดมาเลี้ยง เพราะว่าเป็ดช่วยกินตั๊กแตนและเหล่าแมลงได้ และขณะเดียวกันขี้เป็ดก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำให้ยิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่ม

ช่วงแรกนึกว่าจะ farming ในแง่ปลูกผักกิน แต่มันเป็น cooking ไปมากกว่า จะมา farming แบบ infrastructure จริงๆ ก็ช่วงที่ย้ายไปครองเมือง เพราะว่าตอนแรกคิดว่าจะอยู่สบายๆ อืดๆ เป็นปลาเค็มตากแห้งแต่ว่าพอมาอยู่เมืองยากจนทุรกันดารก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ เรื่อยๆ แต่ว่าอยากช่วยสร้างความเจริญการอยู่ดีกินดีให้คนในเมือง กับไม่อยากเห็น Ji Song ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ก็เลยเริ่มช่วยคิดช่วยออกความเห็น อย่างพอเสนอความเห็นให้ Ji Song กับเพื่อนสนิทที่มาเป็นขุนนางรับใช้อยู่กับ Ji Song ก็เสนอแนวคิดแปลกใหม่จนวันต่อมากว่าจะรู้ตัวก็ถูก Ji Song หลอกให้ไปเสนอนโยบายกับขุนนางในที่ประชุมแล้ว ความคิดแรกที่มีในหัวก็คือ นี่มันจับไปเสนองานลูกค้าโดยที่หัวหน้าไม่ได้บอกล่วงหน้านี่! ตอนที่บอกว่าต้องขายผ้าเอาหน้ารอดแล้วเอาประสบการณ์หลอกลูกค้าที่สะสมมาใช้ขำดี ปกติเห็นแต่แนว reclaim land ถางป่ามาปลูกผัก แต่เรื่องนี้ตรงกันข้าม เพราะดินเสียเลยต้องแก้ดิน แก้ deforestation + desertification แทน กับมีทำนา/ไร่ขั้นบันไดบนเขา กับเหมือนจะเริ่มทำอาหารแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าแล้ว แล้วที่น่ารักก็คือว่าพอฮ่องเต้เห็นว่าขาดคนก็ส่งนักเรียนที่เพิ่งจบมาเป็นหลักร้อยคนด้วย และที่น่ารักก็คือพวกนี้ก็อยากมาเพราะเคยฟังคำพูดของ Yan Xining แล้วอยากทำเพื่อประเทศเหมือนกัน

แต่ถึงจะดูว่าเรื่องไปง่ายๆ สบายๆ เป็น sweet text ก็มีประเด็น controversy 2 เรื่องด้วย ก็คือเรื่องที่คนสนิทของ Ji Song ทรยศแล้วทำให้ตัว Ji Song ต้องขาพิการกับกลุ่มคนสนิทจำนวนหนึ่งต้องตายไประหว่างพา Ji Song หนี กับเรื่องของแม่ของ Ji Song ที่เป็นสนมและตายตอนไฟไหม้วัง และก็มีเงื่อนไขอยู่เบื้องหลัง .... แต่ส่วนตัว จุดแข็งคนเขียนอยู่ที่การเขียนอาหาร ไม่ใช่เขียนปม ซึ่งก็อ่านแล้วรู้สึกว่ายังลงน้ำหนักหรือแรงจูงใจไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องเหมือนเอา Yan Xining มาช่วยสร้างความเจริญโดยเฉพาะด้านอาหารและการอยู่ดีกินดีมากกว่า อย่างสูตรเต้าหู้น้ำเต้าหู้ก็ส่งไปให้กองทัพที่ชายแดนเพื่อให้มีกินได้มากกว่าเมล็ดถั่วแข็งๆ หรือพอมีน้ำแข็งก็ทำให้ทุกคนไม่ร้อนทรมานตอนหน้าร้อน


กับน่ารักที่พอเริ่มเปิดใจยอมรับกัน ก็เล่าความฝันความต้องการของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง พอ Ji Song บอกว่าอยากขึ้นเป็นใหญ่เพื่อปวงชน รู้สึกผิดกับอีกคนที่บอกว่าจะมีชีวิตเรื่อยสบายด้วยกัน Yan Xining ก็บอกว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะว่าความฝันตัวเองที่อยากอยู่สบาย และมีคนที่รักอยู่ด้วยก็เป็นจริงได้เพราะ Ji Song แล้ว บอกอีกคนไปว่า Just as you fulfil me, I also want to fulfil you. Whatever you want to do, let go, and do it. Do your best and obey the destiny. (ตอน 104)

แต่เอาจริงช่วงหวานสวีทกันสองคนของสองคนนี้มีไม่มากไหร่ เพราะเป็นสภาพสังคมยุคจีนโบราณที่จะมีคนสนิททั้งคนรับใช้และองครักษ์อยู่ด้วย ขนาดตอนวันเกิด Yan Xining ตั้งชื่อตอนว่าดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็หลอกมาก เพราะนึกว่าจะหวานกันสองคน ที่ไหนได้มากันทั้งกองทัพแล้วนะ ทุกคนอยากตอบแทนและยินดีกับพระชายาด้วย เหมือนงานเลี้ยงกองเพราะทุกคนสนุกสนานเตรียมงานมาก คนที่ตกปลาก็ตกปลา คนย่างเนื้อก็ย่างเนื้อกันไป

กับปก อยากจะบอกว่าไม่มีทางที่ Yan Xining จะถือตำราแน่นอนนน ไม่ได้ใจร้าย เจ้าตัวน่าจะถือมีดไม่ก็เครื่องปรุงมากกว่า แต่ว่าถ้าจะถือตำราก็ต้องเป็นตำราอาหารสินะ กับ Ji Song หน้าตาสปอยล์พระชายา โอ๋กันสุดชีวิตแล้ววว

กับตอนล่าสุดวันนี้ ประเด็นแย่งบัลลังก์มาแล้ว มีองค์ชายที่คิดก่อกบฎแลววว กรี๊ดดด พวกที่เงียบๆ ดูจืดจาง ไม่มีอำนาจกลายเป็นพวกเลวสุดอีกแล้ววว

ปล.
  
1.
น่ารักอีกอย่างที่เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานบริษัทมาก่อน พอบอกว่าจะต้องไปงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ก็บอกว่า อ๋อ ก็เหมือนกันกับ team-building โลกปัจจุบันสินะ แล้วองค์ชายแต่ละก๊กก็เหมือนหัวหน้าแผนกที่ต้องไปแก่งแย่งกันต่อหน้าหัวหน้าใหญ่ (ซึ่งก็คือฮ่องเต้) กับพอไปทำงานแล้วเหนื่อยหน่าย เจ้าตัวก็ปลอบใจด้วยประสบการณ์จากโลกก่อน จนถูกถามว่าทำไมเหมือนรู้ดีกว่าตัวเองอีกล่ะ

แต่ขำมากอีกอย่างที่เข้าใจมาตลอดว่าจริงๆ คนที่ Ji Song ชอบคือพี่ชายตัวเอง (ซึ่งจริงๆ มีเรื่องลือว่าตัว Ji Song เป็นพวกตัดแขนเสื้อ ชอบพี่ชายก็เพราะทางพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินเอกเป็นคนสร้างข่าวเอง) พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันก็อยากมุงและเมาท์มาก แต่ไม่ว่าครั้งไหน ตัวเองก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ด้วย ขนาดตอนฟังหัวหน้าองครักษ์เล่านึกว่าจะได้เมาท์คนสนุกสนานไปด้วย กลายเป็นคนถูกเมาท์กอสซิปไปแทน


2.
หัวหน้าองครักษ์ที่ชอบโผล่มาในครัว เพื่อหาของกินเพี้ยนแบบน่ารักดี ชอบโผล่มาแบบทักด้วยประโยคแปลกๆ อีกแล้ว ที่สำคัญ เป็นกันหมดทุกคนอีก ตอนนี้ทำอาหารอะไรก็ต้องทำเผื่อพระเอก ลูกน้องพระเอก และน้องชายพระเอก ไปถึงหมอของพระเอก ฉากที่เล่าว่าองครักษ์ที่จริงๆ แล้วเป็นนายทหารคนสำคัญถึงขั้นนายพลมานั่งยองๆ ล้างปูบ้าง เก็บใบบัวบ้าง จับกุ้งบ้างน่ารักดี โดยเฉพาะตอนทุกคนตั้งใจทำงานจริงจัง เพราะว่าจะได้กินอาหารแปลกๆ ที่อร่อยมาจากฝีมือพระชายา ร่วมแรงร่วมใจกันดีมาก

โลกนี้ไม่มีใครกินพริกกัน พอ Yan Xining เอามาทำอาหารโดยการคั่ว การเจียวน้ำมัน ตัว Yan Ke ที่ประสาทการรับรู้ดีกว่าชาวบ้านก็ทรมานไอจามทุกครั้ง อย่างครั้งแรกที่ทำก็คิดว่าพระชายาหาเรื่องให้ตัวเองสำลักเพื่อเป็นการแก้แค้นแล้ว แต่พออยู่ๆ ไป ก็กลายเป็นว่าชอบรสจัดของพริกขึ้นมา แต่ระหว่างนั้น ประโยคที่ทักก็จะเป็น พระชายาเหมาะไปทำอยู่กรมปกครองแล้วทำหน้าที่ทรมานนักโทษ หรือไม่ก็พระชายาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทรมาน กับบอกว่าฝีมือการใช้มีดของพระชายาช่างหาตัวจับยาก


3.
อีกอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักได้ไหมก็คือ ตัว Yan Xining ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินใหญ่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเรียนด้วยกัน ภาพ Yan Xining เป็นแค่ไม่ฉลาด สอบตก เป็นลูกไล่คนอื่น (เพราะเด็กที่เกิดจากนางคณิกาและอยู่เลี้ยงอยู่ในชนบท และพอมาอยู่ในครอบครัวก็มีฐานะต่ำต้อยมีความรู้และความเชื่อมั่นไม่ได้อยู่แล้ว) เทียบกับพี่ชายที่ฉลาด มีอนาคตดี และเก่งทุกอย่างไม่ได้เลย แต่ว่าตอนงานเลี้ยงในวังเพื่อต้อนรับทูตจากแคว้นอื่น ฝั่งนั้นท้าประลอง โดยที่มีการคิดเลข และพี่ชายที่อยากได้หน้าก็อาสาไปประลอง แต่เพราะโจทย์ที่ให้เป็นเลขยาก (ยากสำหรับคนในยุคนั้น แต่ง่ายสำหรับ Yan Xining ที่เรียนเลขอย่างในโรงเรียน) ก็เลยทำให้ไม่มีใครคิดออก ทั้งท้องพระโรง องค์ชาย ขุนนางนั่งคิดวิธีตามกันไป แล้ว Yan Xining ที่แก้โจทย์ได้ก็อธิบายให้ Ji Song ที่อยู่ข้างๆ ฟัง แต่ดันว่า Ji Ming ที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงดังว่า Yan Xining แก้โจทย์ได้แล้ว จนคนรอบข้างได้ยิน แถมคุณพี่ยังตะโกนร้องบอกราชครูอย่างภูมิใจให้ด้วย สุดท้าย Yan Xining ก็ถูกเชิญ (บังคับ?) ให้ไปนั่งคิดเลขข้ออื่นต่อหน้าฮ่องเต้ต่อไป และก็เป็นที่แน่นอนว่าตัว Yan Xining ก็ต้องแก้ได้ก่อนใคร ทำให้สุดท้ายพออธิบายวิธีคิดให้ Wu Shu นักคณิตศาสตร์ของแคว้นข้างๆ ที่มาขอคำแนะนำฟัง และก็กลายเป็นเหล่าบัณฑิตในงานมามุงขอฟังคำอธิบายด้วย กลายเป็นภาพเด็กสอบตกหายไป และก็ยิ่งทำให้พี่ชายที่ดูเด่นกว่าใครยิ่งด้อยไปเพราะมีภาพฉลาดก่อนหน้ามาเปรียบเยอะ ก็กู้หน้าให้เจ้าของร่างเดิมได้ .... แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ถูกราชทูตตื้อให้ไปเป็นลูกศิษย์ และWu Shu นักคณิตศาสตร์ตามตื้อให้ช่วยกันคิดเลขอยู่เนือง ๆ ต่อไป


4.
สรุปว่าหมอเทวดาเป็นลุงของ Ji Song แต่เพราะว่าการตายของน้องสาวตัวเอง และการล่มสลายของสำนักแพทย์ตัวเองเกิดจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เลยไม่คิดจะช่วยรักษาขาให้ Ji Song ตอนแรก เพราะว่าเกลียดราชวงศ์ แต่เพราะตอนที่คอยจับตามอง และเห็นว่า Ji Song ไม่ได้แย่เกินไปนักก็เลยเริ่มเปลี่ยนความคิด และก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนใจก็เพราะอาหารที่ Yan Xining ทำด้วย .... เพราะนี่คือหัวขโมยที่ขโมยหมูพะโล้ตอนครั้งแรกที่ Yan Xining ทำ และก็เป็นคนที่ขโมยหม้อตุ๋นขาไก่ไปทั้งหม้อเหมือนกัน ชอบภาพตอนแรกที่เป็นหมอเก่งเอาแต่ใจ แล้วก็งอแงอยากให้ Yan Xining ทำอาหารอร่อยๆ ให้ตัวเองกิน โดยที่มีคำขอโน่น นี่เป็นระยะๆ เหมือนกัน


________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

Sunday, 3 July 2022

我靠种田养活了整个军团 //I Feed My Entire Legion by Farming

 เจอจากหน้าหลัก แล้วก็ติดใจปก กับติดใจพล็อต



คนเขียน: 芒果像鱼
แนว: Interstellar, ทะลุมิติ, ระบบ, farming
ความสัมพันธ์: ผู้บัญชาการกองทัพ X ผู้มีพลังปลูกผัก
จำนวนตอน: 41 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022
ลิ้ง

Bai Tu รู้สึกตัวก็มาอยู่ในร่างเจ้าของร่างที่เพิ่งฆ่าตัวตาย เพราะว่ากองทัพอิสระ White Tiger แย่งชิงพื้นที่ของจักรวรรดิมาได้ และต้องการแยกตัวเป็นอิสระ เพื่อประนีประนอมและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับหน่วย White Tiger จักรวรรดิจึงให้ Bai Tu ชนชั้นสูงที่มีความสามารถปลูกผักแต่งงานกับ Huo Rinchuan เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ หากแต่ Bai Tu ตัวจริงไม่อยากแต่งงานกับ Huo Rinchuan ผู้บัญชาการกองทัพที่มีพื้นเพมาจากสลัม นอกเหนือจากโวยวายดูถูก Huo Rinchuan ให้ทุกคนรู้แล้ว ก็ยังแกล้งฆ่าตัวตายเพื่อหนีการแต่งงานด้วย แต่ว่าตายจริง และ Bai Tu ก็เข้ามาอยู่ในร่างแทน

ดังนั้น เมื่อรู้สึกตัว Bai Tu ก็อยู่ในยานอวกาศที่กำลังเดินทางกลับไปยังฐานที่มั่นของกลุ่ม White Tiger แล้ว และเพราะนายทหารทั้งหลายไม่พอใจที่ตัว Bai Tu ดูถูกผู้บัญชาการกองทัพที่เป็นที่เคารพและนับถือของตัวเอง ทุกคนก็ตั้งข้อรังเกียจ Bai Tu ไปด้วย และอาหารระหว่างเดินทางที่เป็นแต่ขนมปังกรอบและของเหลวเหมือนกาวที่ดูกินไม่ได้ก็สร้างความทรมานให้ Bai Tu ที่คุ้นเคยกับอาหารบนโลกมาตลอด

แต่ว่า Bai Tu ก็รู้ว่าถ้าตัวเองไม่แก้ปัญหาที่เจ้าของร่างสร้างไว้ก็จะอยู่ลำบากแน่นอน เพื่อพบว่าตัวเองมีความสามารถปลูกพืชของเจ้าของร่างเดิม และมีระบบที่ให้เมล็ดพันธุ์พืชผักได้อยู่ในมือ ก็เลยขอกระถางและดินจากทหารที่คุมหน้าประตูห้องมา และเพราะไม่ใช่คำขอเรื่องมากอะไร และเพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า Bai Tu มีพลังปลูกผัก คำขอก็เป็นจริงได้ง่ายดาย

ดังนั้น เจ้าตัวจึงใช้เวลาที่เหลือระหว่างเดินทางด้วยการปลูกหัวไชเท้าสี่ต้นอย่างตั้งใจ เพื่อจะใช้เป็นแต้มต่อกับทาง White Tiger ให้ได้ ... ซึ่งภาพที่ได้ก็เป็นอย่างที่ Bai Tu ตั้งใจ เพราะทางหน่วย White Tiger เห็น Bai Tu กอดประคองกระถางพืชที่ดูกินได้ลงมาจากยาน และ Huo Rinchuan รวมไปถึงลูกน้องก็รับรู้ว่าตัว Bai Tu ส่งสัญญาณต้องการร่วมมือกับพวกตัวแล้ว ... เพราะว่าโลกนี้ พืชที่กินได้ทั้งจักรวรรดิมีอยู่แค่ 20 ชนิดเท่านั้น ที่เหลือกินได้ไม่ได้ หรือไม่ก็วิวัฒนาการจนเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายไปแล้ว และก็เกิด “คนปลูกพืช” ขึ้นมาเพื่อให้พลังจิตตัวเองปรับระบบยีนในพืชให้ปลูกได้และกินได้ ถือเป็นกลุ่มคนสำคัญ โดยเฉพาะกับหน่วย White Tiger ที่เมื่อเข้ามายึดที่มั่นใหม่ทำให้เหล่าชนชั้นสูงและคนเทมพืชหนีไปหมด ไม่มีพืชที่ปลูกกินได้เลย นอกจากจะเสี่ยงอันตรายไปสู้และจับพืชกลับมาจากดาวอื่น

เพราะเป็นการแต่งงานทางการเมืองและเพราะตัว Bai Tu เดิมดูถูก Huo Rinchuan ไว้มาก ก็เลยทำให้ตัว Huo Rinchuan ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับ Bai Tu โดยตัว Huo Rinchuanสร้างบ้านวิลล่าให้อย่างดีหนึ่งหลัง และให้ทหารรับใช้หนึ่งคนคอยดูแล และก็ให้ห้องวิจัยพืชในตึกวิจัยด้วย ... ซึ่งสำหรับตัว Bai Tu ที่ไม่คิดมากมองว่าสองคนไม่ใช่คู่รักกันจริงๆ แต่เป็นพันธมิตรกัน ก็รู้สึกว่าดีเพียงพอแล้ว

Bai Tu ที่ไม่มีอะไรทำไปขลุกตัวในห้องวิจัยวันแรก แต่ Zuo Lai ลูกน้องและคนสนิทของ Huo Rinchuan ที่ตอนนี้ต้องมาดูแลวิจัยพืชก็เลยมาชวนไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารราคาแพง และ Bai Tu ที่ทนอาหารรสชาติไม่ได้เรื่องมาตลอดก็ตื่นเต้นและคาดหวังอย่างมาก ... จนเจอว่าไม่ว่าจะไปไหนก็เจออาหารรสชาติแต่ตักเข้าปากไม่ได้อยู่เหมือนเดิม เลยขอใช้ครัวร้านอาหารทำอาหารเอง และก็เกิดเป็นมหกรรมที่ Zuo Lai มาเป็นลูกมือ Bai Tu ทำอาหาร และเหล่านายทหารระดับสูงก็ถูกความวุ่นวายและกลิ่นหอมของอาหารดึงดูดมาด้วย จบลงที่ Bai Tu ได้กินอาหารคนอย่างที่ตัวเองต้องการ และ Zuo Lai และนายทหารอื่นๆ ถูกอาหารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของ Bai Tu ซื้อใจจนเริ่มมอง Bai Tu ในแง่ดีขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Lei Shi หัวหน้าหน่วยที่ไม่คิดมาก

และพอหลายครั้งเข้า กลายเป็นว่าเหล่านายทหารไปงานปาร์ตี้อาหารของ “ภริยาท่านผู้บัญชาการกองทัพ” เป็นระยะๆ แต่ว่าผู้บัญชาการกองทัพไม่เคยได้ลิ้มลองอาหารเลย สุดท้ายพอทนไม่ไหว ฟัง Lei Shi และคนอื่นๆ อวดมากๆ เข้า กลางดึกก็ย่องเข้าไปในวิลล่าเพื่อแอบกินอาหารของ Bai Tu ซึ่งเพราะว่าตัว Huo Rinchuan มียีนแมวที่วันนึงต้องมีหนึ่งชั่วโมงอยู่ในร่างแมวก็เลยมาในร่างแมวพอดี แต่เผอิญว่า Bai Tu ลงมาดื่มน้ำพอดี พอเห็นแมวดำปลอดตาสีทองท่าทางรู้ความก็ตื่นเต้นมาก รีบเลี้ยงแมวพอแมวอิ่มแล้วเอาแมวไปอยู่ในห้องนอนด้วย

วันต่อมา ตื่นมาแมวหายไปแล้ว ก็เลยไปถาม Zuo Lai ที่ตอนนี้เจอกันทุกวัน ก็ได้ความว่าเป็นแมวของท่านผู้บัญชาการกองทัพ ซึ่งความจริงก็คือมีแค่ตัว Zuo Lai และลูกน้องคนสนิทอีกคนที่รู้ความลับนี้ ...และพอไปถาม Huo Rinchuan เองก็ได้ความว่าเป็นแมวเลี้ยงที่อยู่ในกองทัพ และไปไหนมาไหนเป็นอิสระ ... แต่เพราะเห็นความคลั่งแมว ตัว Huo Rinchuan ก็เลยคิดจะใช้ร่างแมวเข้าไปสืบความลับของ Bai Tu ด้วย เพราะทุกคนแปลกใจว่าทำไมตัว Bai Tu ที่ได้ข่าวมาตอนที่อยู่ในจักรวรรดิ และตอนที่ในหน่วย White Tiger แสนแตกต่างกัน ถ้าใช้ร่างแมวก็อาจจะสืบความจริงได้ตอนที่อีกคนไม่ระวังตัว และได้กินอาหารอร่อยๆ ด้วย

และเพราะอาหารที่ตัว Bai Tu ทำอร่อย ถึงขั้นที่ทางหน่วยเสนอให้เปลี่ยนอาหารในโรงอาหารทหารในหน่วยทั้งหมดให้เป็นอาหารตามแบบ Bai Tu ทำ และตัว Bai Tu ก็มีเมล็ดพันธุ์พืชอื่นขึ้นมาอีก ต่างจากสมมติฐานแรกที่พวก Huo Rinchuan คิดว่าตัว Bai Tu เอามาจากตระกูลตัวเอง ก็เลยทำให้เริ่มคิดว่าตัว Bai Tu น่าจะเป็นคนปลูกพืชระดับเทพ และก็เริ่มให้ความสำคัญกับตัว Bai Tu มากขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
เอาจริง ปกเหมือนดี และพล็อตเหมือนดีกว่าก็เลยพุ่งตัวไปอ่าน และก็ไม่ผิดหวังเลย ดีงามมาก ตอนแรกคิดว่าเจ้าตัวต้องพยายามเอาชนะใจทั้งหน่วยอย่างหนักเหมือนกัน แต่เพราะสถานะคนเทมพืชที่สร้างภาพตั้งแต่วันแรกที่อุ้มกระถางไชเท้าลงจากเครื่องมากก็ทำให้ความรู้สึกของคนในกองทัพดีขึ้น อย่างที่บอกว่าจะต้อง fight for his own treatment แล้วก็ได้จริงๆ ไม่นับว่าปฎิวัติวัฒนธรรมอาหารให้หน่วยอีก ภาพลักษณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน น่ารักที่พืชกินได้เป็นเรื่องใหญ่มาก และสำคัญมาก ชนิดที่วันแรกพอกอดไชเท้าหนึ่งกระถางลงมา ทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก บอกว่าภริยาท่านผู้บัญชาการเอาพืชกินได้มาจากตระกูลตัวเองด้วย พอบอกว่ายังมีอีกสามกระถางอยู่ในห้อง ตัว Zuo Lai ก็ยิ่งตื่นเต้น ให้ความสำคัญกับหัวไชเท้าถึงขั้นที่วันต่อมาพอ Bai Tu มาที่ห้องวิจัยวันแรกก็เจอว่ามีนายทหารอาวุธหนักครบมือประจำการอยู่หน้าห้องสองนาย พร้อมกับเลเซอร์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในห้องเพื่อ “ปกป้อง” ต้นหัวไชเท้าแค่สามสี่กระถางงง ซึ่งตัว Bai Tu ที่ถึงแม้จะให้ค่าผักในฐานะเด็กที่มาจากบ้านที่ครอบครัวปลูกดอกไม้ขายก็ยังตกใจมากเหมือนกัน

ถึงขั้นที่ต่อมา พอพื้นที่ไม่พอ ตอนที่มีพันธุ์ผักมากขึ้น ก็ได้แปลงทดลองเพิ่มอีก และก็ได้ลูกมือเป็นนายทหารสองกองมาช่วยงาน น่ารักที่ทุกคนต้องลงนามสัญญาเก็บความลับก่อน และพอถึงเวลาก็ทำงานจริงจังมากด้วย ไม่นับว่าหน่วยที่มาช่วย Bai Tu มาได้เพราะสู้กับในหน่วยและหัวหน้าหน่วยที่ชนะก็จะได้มาทำงานในไร่ เป็นความศักดิ์สิทธิ์อลังการให้ความเคารพผักจริงๆ ถึงตอนหลังที่พอ Bai Tu จะทำผักกาดดอง ทหารยอมช่วยตัดช่วยล้างน้ำ แต่พอบอกว่าจะต้องเอาใส่แทงค์แล้วโรยเกลือก็ไม่มีใครกล้ายอมทำ บอกว่าไม่กล้าที่จะทำผิดพลาดแล้วผักที่มีค่าเสียหายไป

กับมีความเพี้ยนๆ อยู่เหมือนกัน เพราะว่า Bai Tu อยากกินหัวไชเท้าแบบบนโลกมาก แต่ตัว Zuo Lai ไม่ยอมให้กิน บอกว่าต้องเก็บไว้วิจัย สุดท้ายอยากกินทนไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจแอบขโมยหัวไชเท้าหนึ่งหัวแล้วใส่กระเป๋าแอบจะไปกิน แต่เพราะทำท่าทางลับๆ ล่อๆ มาก ตัว Huo Rinchuan ก็มาเห็นเข้า ดังนั้นก็เลยตามไปดู และไปอยู่ในร่างแมว เพื่อที่จะ “สืบเรื่อง” ได้ชัดๆ แต่กลายเป็น Bai Tu ดีใจมากที่เจอ Xiao Ling แมวดำขาประจำที่มากินข้าวเย็นด้วยที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยบอกว่าจะแบ่งของดีให้ แล้วแบ่งครึ่งไชเท้ากินกับแมวคนละครึ่งหัว กำลังกินอร่อยสองคน (หนึ่งคนหนึ่งตัว) ก็เจอ Zuo Lai ตามมาพอดี หลักฐานการกระทำผิดคาหนังคาเขา (คาปาก) คนและแมวมาก เพราะว่าตัว Zuo Lai ก็รู้สึกว่า Bai Tu มีพฤติกรรมน่าสงสัยเหมือนกัน และเพราะไม่เชื่อว่าตัว Bai Tu ดึงมาแค่หัวเดียวก็เลยลากกลับไปที่เกิดเหตุ (ห้องวิจัย) ... เพื่อหนีผิด ตัว Bai Tu ก็หว่านล้อมต่างๆ นานา ทั้งบอกว่าพืชอยากเป็นอาหารให้คนบ้าง ทั้งน่าเสียดายที่ไม่ได้กินพืชตอนที่อร่อยที่สุดบ้าง สุดท้าย Zuo Lai ที่ถูกกรอกหูว่าเป็นหน้าที่นักวิจัยเหมือนกันที่ต้องชิมและรู้จักพืชที่ตัวเองทดลองก็พ่ายแพ้ ยอมให้ Bai Tu ดึงไชเท้ามาอีกหัว และเป็นจำเลยร่วมกับ Bai Tu ขโมย (?) กินไชเท้าเหมือนกัน

กับตอนที่ Bai Tu ทำอาหารครั้งแรก ตัว Zuo Lai ก็เครียดว่าช่องว่างระหว่างชนชั้นสูงกับคนธรรมดามันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ใหญ่หลวงขนาดนี้เลยเหรอ กรรมวิธีก็ดี รสชาติก็ดีต่างจากที่เคยกินมาทั้งชีวิตเลย ไม่ใช่แค่เอาอาหารรวมๆ กันแล้วกินได้เพื่อให้ได้พลังงานและคุณค่าอาหารเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด แต่เพราะว่าตัว Zuo Lai ไม่ได้กินข้าวกลางวัน เพราะ Bai Tu วิ่งเข้าครัวไปก่อนและตัวเองต้องเป็นลูกมือให้อีกคนก็เลยได้ปริมาณอาหารเยอะกว่านายทหารคนอื่นๆ ที่กินข้าวกันไปแล้วด้วย ทำให้เป็นที่อิจฉาคนอื่นอย่างมาก ... แต่สุดท้ายคนที่ได้เปรียบและได้กินอาหารของ Bai Tu ตลอดยิ่งกว่าท่านสามี (ที่ไม่เคยได้กินเลย ยกเว้นว่าจะอยู่ในร่างแมว) ก็คือทหารรับใช้ส่วนตัวของเจ้าตัว เพราะว่าอยู่ด้วยกันตลอด มีอะไร Bai Tu ก็แบ่งให้ตลอด และก็ทำให้ตัว Fang Yu รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้ทำหน้าที่ที่ตอนแรกทุกคนเกี่ยงกันทำ เพราะได้กินมากกว่านายทหารระดับหัวหน้ากองทั้งหลายอีก เป็นที่อิจฉาทุกคน และทั้งความสามารถปลูกผักและอาหารอร่อยก็ยิ่งทำให้ Fang Yu เกิด absolute obedience ทั้งเชื่อฟังทั้งศรัทธา Bai Tu ขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยความที่จักรวรรดิและกองทัพอิสระอื่นๆ กดดันให้กองทัพ White Tiger และ Huo Rinchuan จัดงานแต่งงานก็เพราะว่าจ้องเล่นงานอยู่ และก็อยากจะให้ White Tiger ที่มีพื้นเพมาจากชนชั้นล่างและสลัมเสียหน้าที่จัดงานแต่งให้หรูหราและดูดีอย่างชนชั้นสูงในจักรวรรดิไม่ได้ แต่เพราะ Bai Tu คิดว่าไม่ควรต้องทำตามแบบแผนที่มี และควรจัดงานโดยใช้จุดเด่นของ White Tiger ก็เลยทำให้สุดท้ายแล้วเป็นที่กล่าวขวัญและฮือฮากันมาก เพราะการถ่ายทอดสดพิธีแต่งงานแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต่างไปจากที่เคยเห็นอีก ซึ่งพอทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือและการออกแบบของ Bai Tu ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของตัว Bai Tu ตัว Huo Rinchuan และตัว White Tiger ดูดีขึ้นมามาก น่ารักที่ตอนแต่งมีขบวนแห่รถเกราะหนักมาด้วย ซึ่งจริงๆ ถ้าเห็นรถแบบนี้มาก็คือแนวรับสุดท้ายของดาวถูกตีแตกแล้ว และก็กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ของกองทัพอื่นไป Seeing it means that your own planet has been completely defeated, and it will soon become the domain of another legion. แต่คราวนี้รถเกราะหนักมาแบบตกแต่งดอกไม้ป่าสวยงาม ดูน่ารัก โรแมนติก และไม่น่ากลัวอย่างที่เคย และก็มี Huo Rinchuan กระโดดอย่างสง่างามลงมาจากรถเกราะเพื่อรอรับ Bai Tu ที่กำลังจะลงมาจากเรือเหาะอีก ยิ่งมีการให้คำสาบานระหว่างกันก็ยิ่งทำให้เหล่าสตรีชนชั้นสูง ตลอดจนเด็กสาว และวัยรุ่นทั้งหลายน้ำตาคลอตาม กลายเป็นทุกคนปลื้ม ชื่นชม และใฝ่ฝันจะจัดงานแต่งแบบนี้ด้วย เพิ่มค่าวัฒนธรรมให้กลุ่ม White Tiger ขึ้นมา

และน่ารักว่าคำสาบานของ Huo Rinchuan ที่บอกว่าตัว Bai Tu เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ (ในแง่ว่าจะคอยปกป้องดูแล) กลายเป็นคำสัญญา/สาบานตอนแต่งงานของคนในหน่วยต่อมาภายหลัง

แต่เหมือนเอาทหารมาใช้งานผิดประเภทเป็นระยะๆ เพราะว่าตอนตัดดอกไม้ป่ามาใช้ในงานแต่งก็คือว่า Zuo Lai ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของ Bai Tu ตั้งใจให้ดอกไม้เป็นของขวัญในงานแต่งงาน และก็ออกคำสั่งให้นายทหารหน่วยอีลีทไปช่วยกันตัดดอกไม้ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดดอกไม้ก็คือดาบเลเซอร์แสงที่ใช้สู้รบกันนะคะ อีกตอนก็เหมือนกัน พอข้าวสาลีสุกแล้ว นายทหารกลุ่มเดิมที่ลงชื่อเก็บความลับก็มาช่วยเกี่ยวข้าว และเพราะไม่เคยมีใครปลูกข้าวสาลีมาก่อนก็ไม่มีอุปกรณ์เกี่ยวข้าว เหล่าทหารก็ใช้ดาบเลเซอร์มาตัดต้นข้าวสาลี ซึ่งเพราะเป็นนายทหารฝีมือดี การตัดก็มีประสิทธิภาพมาก ไม่นับว่าตัดได้เสมอกันและพร้อมเป็นจังหวะเดียวกันทุกคนอีก ใช้คนน้อยทำงานได้มาก ก็เลยให้แบ่งหน้าที่กัน เป็นคนนวดข้าวอีกกลุ่ม

แต่คือ 41 ตอน ยังไม่ถึงไหนเลยอีกแล้ว ฮืออ ตกหล่มเรื่องที่ยังไม่จบอีกแล้วววว ก็รอดูที่คนเขียนบอกว่าจะมีวันที่ Bai Tu เป็นคนที่ทั้งหน่วย White Tiger ปกป้องรักษายิ่งกว่าชีวิตอยู่ กับคนเขียนชอบให้ทายว่าจะเป็นอย่างไรต่อ อย่างพอบอกว่าเป็นแมว ก็ถามว่าเดาออกไหมว่าเป็นแมวสีอะไร .... ซึ่งเดาถูก เพราะแมวที่ดีคือแมวดำ เหตุผลและตรรกะพังมากจริง (ถึงจะถูกก็เถอะ) กับนะคะ ถึงคนเขียนจะบอกว่าเพราะคุณพี่ Huo Rinchuan ผมดำไง แต่ว่าถ้าให้เป็นแมวลาย แมวส้มพวกนี้ก็ไม่น่าเกรงขามสิ

ปล.
1.
เอาจริง ช่วงแรกเห็น Zuo Lai อยู่กับ Bai Tu มากกว่า Huo Rinchuan อีก ขำที่จริงๆ แล้ว Zuo Lai มีหน้าที่พัฒนาและวิจัยอาวุธและอุปกรณ์เทคโนโลยีสูงทั้งหมดของหน่วย แต่เพราะตอนที่ยึดดาวได้ ไม่มีคนเทมพืชได้เลย ก็เลยต้องมารับหน้าที่โดยปริยาย พออยู่กับ Bai Tu นอกเหนือจากจะช่วยกันวิจัย และเป็นเพื่อนกันได้ ก็เลยมีความมุ่งมั่นที่จะปั้น Bai Tu ให้เก่งและรับช่วงหน่วยวิจัยพืชไปที ตัวเองจะได้ลาจากพืชเอาแต่ใจ และกลับไปวิจัยอาวุธแบบเดิมได้เสียที


2.
ชอบทัศนคติตัว Bai Tu ที่เรื่อยๆ สบายๆ มาก ตอนแรกมาที่กลุ่ม White Tiger ก็คิดว่าควรให้ความสำคัญใครที่สุด ในแง่ที่ว่าใครคือหัวหน้างานตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเป็น Huo Rinchuan แต่พอถูกจับโยนไปอยู่กับ Zuo Lai ก็คิดว่าตอนนี้หัวหน้าตรงตัวเองคือ Zuo Lai แล้วนะ

ความมุ่งมั่นที่จะอยู่ดีในหน่วย White Tiger เกิดมาแล้ว ความมุ่งมั่นที่จะกินอร่อยก็ตามมาด้วย และชัดจน Zuo Lai เริ่มคิดว่าจริงๆ การที่ตัวเองกับ Huo Rinchuan คิดว่า Bai Tu ทำตัวขัดแย้งเพราะว่าอยากเป็นคนปลูกพืชระดับเทพที่ทำเพื่อคนทั้งมวลหายไป และกลายเป็นเริ่มมองว่า Bai Tu ทำเพราะอยากกินผักอร่อยขึ้นมาหรือเปล่า (ซึ่งจริงๆ ก็ถูก มีแค่อย่างหลังจริงๆ แต่ว่า brain supplement แบบแรกไปไกลเกินเยียวยากันแล้ว)

แต่ว่าความบ้าแมว Bai Tu เกินเลยมาก ทุกครั้งที่เห็นแมวดำสุดที่รักก็จะโอ๋ โอ๋ และโอ๋ ตอนที่เรียกแมวว่าเหมียวก็เพราะยังไม่รู้จักกัน และเมื่อตั้งชื่อให้แมวได้ (ด้วยการอนุมัติของแมวที่ไม่พร้อมตบหลังได้ยินชื่อแปลกๆ) ก็อดเรียกชื่อโน้นชื่อนี้ไม่ได้ อย่างที่แอบคิดไปเองว่าปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตักอึแมวมีเหมือนกัน คือชื่อแมวชื่อเดียวไม่เคยพอ ช่างเป็น human with cat slave attribute มาก

กับขำที่บอกว่าพอเทมพืชได้ แต่งยีนพืชได้ อยากจะบอกให้มะม่วงทำตัวสมเหตุสมผลบ้าง และเรียนรู้จากกล้วยว่าทำไมต้องมีเมล็ดใหญ่มากขนาดนั้น เอาจริงๆ เหมือนนักเขียนกัดตัวเองเล่นชื่อ เพราะว่าชื่อมะม่วงเนี่ย


3.
เหมือนท่านผู้บัญชาการกองทัพจะนิ่งๆ ไม่สนใจภริยา แต่ว่าตอนที่ Bai Tu ไปตามหาพันธุ์พืชที่ดาวดวงอื่น กลายเป็น Huo Rinchuan คิดถึงตลอด ตอนที่ไปกินข้าว ไม่ว่าจะเป็นที่โรงอาหาร หรือร้านอาหารของ Bai Tu ก็คิดถึงอีกคนตลอด (แม้จะเพราะบอกว่าอาหารที่หุ่นยนต์ทำอร่อยสู้อาหารที่ Bai Tu ทำไม่ได้ก็เถอะ) ไม่นับว่าตอนเย็นก็คิดว่าปกติถึงเวลานี้ ตัวเองก็จะแปลงร่างเป็นแมวไปหา Bai Tu แล้วอีก ช่วงที่ Bai Tu หายไปสองวัน คนที่หงุดหงิดโมโหอารมณ์เสียตลอดก็คือท่านผู้บัญชาการกองทัพหน้านิ่งนี่เอง จนในที่สุดก็ไปขับหุ่นยนต์ Apocalypse ของตัวเองช่วยหน่วยอื่นรบเลยนะ

อยากรอดูตอนคลั่งรักมากกกก
  
________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg