Tuesday, 2 August 2022

重生后被匹配给了帝国陛下//After Being Reborn, I Was Matched with His Majesty of the Empire




คนเขียน: 七夕是大头喵
แนว: Interstellar, ไกด์, พลังจิต, เกิดใหม่, แย่งอำนาจ, การเมือง, power couple, fluff, logics
ความสัมพันธ์: กษัตริย์ X คนเผ่า Lan Xing // Chi Yao X Shi Xing
จำนวนตอน: 77 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022

ลิ้ง

Shi Xing เป็นคนดาว Lan Xing ที่เกิดมาจากต้นไม้ ซึ่งถึงแม้ว่าชาวดาวนี้จะร่างกายอ่อนแอมาก แต่ว่าพลังจิตก็แข็งแกร่งเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของห้วงพลังจิตของคนฝั่งจักรวรรดิได้ และรับหน้าที่หมอดูแลสภาพพลังจิตคนฝั่งจักรวรรดิให้ แต่ทว่าดาว Lan Xing สูญหายไปแล้ว ก็เลยกลายเป็นคนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของจักรวรรดิแทน และพอคนดาวนี้ จะอายุถึงเกณฑ์เป็นผู้ใหญ่ก็จะจับคู่อยู่กับคนในจักรวรรดิต่อไป โดยระหว่างที่กำลังเป็นผู้ใหญ่และเติบโตจะต้องใช้ทรัพยากรมากเพื่อเอามาสร้างห้วงพลังจิตในตัว ซึ่งก็ต้องเอาจากผลึกแร่หรือแก่นพลังของสัตว์ร้ายในอวกาศมาสร้างและคงห้วงพลังจิต ทำให้คู่ที่เป็นคนในจักรวรรดิต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อไปฆ่าสัตว์อวกาศมาให้ดูดซับพลัง และเพราะการต้องเสี่ยงอันตรายนี่เองก็ทำให้แม่ของคู่ของ Shi Xing ตั้งข้อรังเกียจคนดาว Lan Xing มากจนทำให้ระหว่างการออกไปล่าสัตว์อวกาศ ตัว Shi Xing ที่มีพลังจิตดึงดูดสัตว์อวกาศออกมาถูกทิ้งไว้ตามลำพัง และห้วงพลังที่ขาดพลังงานมาหล่อเลี้ยงเสียหายจนถูกทำลาย ซึ่งชาวดาว Lan Xing ที่ห้วงพลังแห้งเหือดก็จะได้แต่นับถอยหลังรอวันตาย

เรื่องนี้เริ่มต้นที่ตัว Shi Xing ที่ห้วงพลังแห้งเหือดและรักษาตัวอยู่ในสถานพยาบาลได้ข่าวว่าคู่ของตัวที่เป็นหวานใจวัยเด็กของกันและกันกำลังจะแต่งงาน และก็ไม่เชื่อจนต้องมาดูด้วยตาตัวเอง และก็ตายไปอย่างคับข้องใจ โดยที่ก่อนตายเจอกับชายที่ห้วงพลังเสียหาย ที่คำถามแรกที่ถามก็คือ ตัว Shi Xing เป็นอะไรหรือเปล่า

โดยพอหลังแยกกัน ตัว Shi Xing สิ้นใจตายระหว่างกลับไปสถานพยาบาล และเมื่อลืมตาอีกทีก็เจอตัวเองอยู่ในต้นไม้แม่โดยที่ย้อนเวลาไปถึงก่อนที่ตัวเองจะเป็นผู้ใหญ่และพลังกำลังจะตื่น และเพราะช่วงนี้ต้องใช้ผลึกแร่มาสร้างพลัง แต่ว่าในต้นไม้แม่กำลังเข้าสภาวะฉุกเฉินเพราะมีคนสำคัญมาที่ต้นไม้แม่เพื่อให้พลังจากต้นไม้แม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บพอดี

ซึ่งคนที่มาก็คือทหารคนสนิทและญาติของกษัตริย์ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้กับสัตว์ร้ายอวกาศ และเพราะห้วงพลังเสียหายมาก Shi Xing ที่พลังตื่นและเห็นสภาพจิตของอีกฝ่ายก็ออกปากช่วยคงสภาพห้วงพลังให้ระหว่างที่รอหมอมาถึง และดังนั้นก็ได้รู้จักกับ Chi Yao ซึ่งก็คือคนที่ตัวเองเจอก่อนตายในชาติที่แล้ว และก็น่าแปลกที่คำถามแรกที่ Chi Yao มีต่อ Shi Xing ที่กำลังเจอครั้งแรกก็คืออีกฝ่ายเป็นอะไรหรือเปล่าอย่างที่คอยถามไปในชาติที่แล้วพอดี

และตอนนี้ Shi Xing ที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ก็ต้องเลือกคู่จากคนในจักรวรรดิอีกครั้ง อย่างที่บอกว่าคนดาว Lan Xing ที่เป็นผู้ใหญ่และพลังตื่นจะต้องอาศัยทรัพยากรจำนวนมาก แนวคิดของจักรวรรดิก็คือให้จับคู่กับคนในจักรวรรดิที่จะคอยดูแลคนดาว Lan Xing จนเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนหาทรัพยากรต่างๆ โดยเฉพาะแร่พลังและแก่นพลังของสัตว์อวกาศมาให้คู่ตัวเอง .... และการจับคู่ก็คือการออกจากสภาพแวดล้อมเดิมที่ตัวเองคุ้นเคยอย่างต้นไม้แม่ และต้องพึ่งพาฝากชีวิตไว้กับอีกฝ่าย โดยเฉพาะเมื่อโอกาสรอดชีวิตเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์มีน้อยมาก

โดยเฉพาะหลังจากมีประสบการณ์เลวร้ายจากชาติที่แล้ว และชาตินี้ได้เริ่มต้นใหม่ ตัว Shi Xing ก็ตั้งใจที่จะอยู่อย่างดีและรอดชีวิตเป็นผู้ใหญ่ให้ได้คราวนี้ โดยที่จะไม่เลือกผิดอย่างที่เคยทำไป
.
.
.
เขียนไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะรายละเอียดเรื่องเยอะมาก เอาจริงตอนแรกอ่านเรื่องแล้วคิดว่าเป็นเรื่องแนวตบหน้า ล้างแค้นคู่กลับ ด้วยการมีชีวิตดี คนรักดี แต่เอาจริงไม่ใช่เลย ช่วงที่ Shi Xing ต้องดิ้นรนเพื่อ “จับคู่” กับคนที่เหมาะสมที่สุดเป็นช่วงที่อ่านแล้วอึดอัดมาก เหมือนถูกเลี้ยงในสภาพแวดล้อมปิดในเรือนกระจกมาตลอด และถึงวันหนึ่งก็ถูกบังคับให้ออกจากสภาพแวดล้อมที่ตัวเองคุ้นเคยไป .. สู่โลกภายนอกที่ตัวเองไม่รู้จัก และต้องฝากชีวิตไว้กับคนที่ตัวเองไม่คุ้นเคย ผ่านการรู้จักอย่างฉาบฉวยภายใต้ขั้นตอนสร้างความรู้จักและสร้างความประทับใจภายใต้การจับคู่ ซึ่งโอกาสจะเจอคนดีและคนไม่ดีก็มีคละเคล้ากันไป ตอนนี้ถึงขั้นก้ำกึ่งว่าจะอ่านต่อดีไหม

Rather different from the brief, and I don’t know if I like it enough … since the process is more thorough and more heart-breaking for the me who prefers lighter, easier path. And truth is … I feel suffocate for the blue star’s way of life, how they need to depend on their partners in living, no, surviving in the world.

แต่โชคดีที่คราวนี้ตัว Shi Xing ไม่ได้กดพลังตัวเองเอาไว้ด้วยการอดอาหารอดพลังงานเพื่อจะจับคู่กับคู่ในชาติเดิมที่เป็นคนจากจักรวรรดิที่คุ้นเคยกันจากการมาอยู่อาศัยในต้นไม้แม่และรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ก็เลยทำให้พลังตื่นและพัฒนาได้เต็มที่ ถึงขั้นที่พลังขึ้นไปถึงขั้น SS+ และข่าวเรื่องคนดาว Lan Xing ที่มีพลังจิตสูง (จากปกติที่สูงสุดได้แค่ขั้น A เมื่อแรกตื่น) ก็ทำให้ตัว Shi Xing มีคนมาสมัครเป็นคู่จำนวนมาก แม้จะคัดกรองแล้วจนเหลือแค่คนที่เหมาะสมที่สุด 5 คน แต่ก็ยังถูกรบกวน จนถึงขั้นที่ Shi Xing ต้องหนีออกจากห้องที่พักตัวเองไปอาศัยอยู่กับ Chi Yao ที่อาศัยอยู่ในต้นไม้แม่ระหว่างนี้เพราะสถานะคนในราชวงศ์ที่จะไม่ถูกคนอื่นกล้ามารบกวน

แต่เพราะอยู่ด้วยกัน ทั้งนิสัยความเป็นผู้ใหญ่พึ่งพาได้ของ Chi Yao ก็เลยทำให้ตัว Shi Xing เกิดความคิดว่าตัว Chi Yao เป็นคนที่เหมาะสมสำหรับตัวเองที่สุด ข้อดีของคนอื่นทั้งหมดมารวมกันอยู่ในตัว Chi Yao พอดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นคงหนักแน่นเป็นผู้ใหญ่ที่ดูฝากชีวิตไว้ได้ และความสามารถด้านพลังจิตของ Chi Yao (เพราะคนดาว Lan Xing สามารถรับพลังจิตของคนรอบตัวได้ การที่มีคู่ที่พลังสูงก็เป็นการส่งเสริมพลังให้ตัวเองอย่างหนึ่ง) หรือแม้แต่ความสามารถในเชิงทรัพยากร ... แต่ทว่าตัว Chi Yao ไม่สนใจที่จะจับคู่กับคนดาว Lan Xing เลย และก็ไม่เคยจับคู่กับใครมาก่อนด้วย .... แต่ทั้งนี้ก็เพราะว่าห้วงพลังของ Chi Yao สูงอยู่ที่ SSSS และก็ไม่เคยมีคนจากดาว Lan Xing คนไหนที่พลังสูงพอ ความหวังที่จะมีคู่ที่มีพลังสูงทัดเทียมตัวเอง และเพียงพอที่จะเยียวยาห้วงพลังของ Chi Yao ได้สูญหายไปนานแล้ว

จนสุดท้าย จากการถามอย่างเปิดเผยของ Shi Xing บวกกับการคาดหวังของคนรอบข้าง และการขึ้นสถานะเข้ากันได้ก็ทำให้ Chi Yao เลือกที่จะเป็นคู่ด้วยอีกคน ... และตัว Shi Xing ที่กำลังสิ้นหวังในนาทีสุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก Chi Yao เป็นทั้งคู่และคนคุ้มครองตัวเอง ชอบตอนที่พอรู้ว่า Chi Yao มาอยู่ในงานด้วยแล้ว Shi Xing วิ่งโผเข้าไปหาอีกคนมาก แล้วพอ Chi Yao บอกว่าทำไมต้องรีบวิ่งก็ยิ่งเร่งให้  Shi Xing เร็วกว่าเดิม ทั้งโล่งใจแล้วก็อุ่นใจที่เห็น Chi Yao อยู่กับตัวเอง     

(ซึ่งก็มีจุดพลิกนิดนึงเหมือนกัน ตอนแรกเห็นคำว่า His Majesty ชื่อเรื่องไม่ได้คิดว่า Chi Yao เป็นกษัตริย์ทันที คิดว่าเป็นเจ้าชายธรรมดา ซึ่งตัว Shi Xing ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่รู้ว่า Chi Yao เป็นกษัตริย์ไม่ใช่แค่เชื้อพระวงศ์ระดับสูงก็ตกใจจนค้างไปแล้ว)

จบช่วงจับคู่ไปอย่างเดียวก็ 20+ ตอนแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่เขียนอะไรอ่านง่าย คิดง่ายจริงๆ อย่างช่วงทดสอบพลังของคนดาว Lan Xing ก็ต่างจากแนวพลังจิต Interstellar ทั่วไปแล้ว การประเมินพลังไม่ได้ทำแค่ให้ได้ค่าพลัง A B C D เฉยๆ แต่วัดค่าอย่างละเอียด 4 ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นขนาดของห้วงพลัง ความสามารถในการใช้พลัง ไปจนถึงความหนาแน่นที่จะรับพลังและใช้พลังได้ วัดกันทั้งในเชิงขั้นต่ำที่จะเป็นได้ ณ ปัจจุบัน จนไปถึงขั้นสูงที่จะเป็นไปได้ในอนาคต

แต่พอมาจับคู่กันลงตัวแล้ว ก็เหมือนเข้าเป็นช่วงสอง เป็นช่วงปรับตัว ทั้งการปรับตัวของ Shi Xing ในการอยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ขณะที่จะต้องเรียนรู้และเติบโต และการปรับตัวเข้าหากันของทั้งสองคน ... และที่อยู่ในใจ Shi Xing อีกอย่างก็คือการลืมความกลัวและความสิ้นหวังอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต แล้วเรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างใจแข็งแรงต่อไป ซึ่งก็เป็นได้จริงโดย Chi Yao ในฐานะผู้ปกครอง (คู่) ก็ตั้งเงื่อนไขให้ Shi Xing เอาความปลอดภัยของตัวเองมาก่อน ทำทุกอย่างได้หมด โดยที่จะต้องไม่เสียสละตัวเอง (ซึ่งก็ตรงกันข้ามกับประสบการณ์ชีวิตที่เคยเจอมาในชาติที่แล้ว) ทำให้ตัว Shi Xing มีสภาพแวดล้อมที่มั่นคง ปลอดภัย และเป็นบวกในการเติบโต และก็มีตารางประจำวันที่ทุกเช้าจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับจักรวรรดิ และการปกครอง และตอนบ่ายก็จะเป็นการตรวจสภาพร่างกาย โดยเฉพาะสภาพของห้วงจิต

ซึ่งก็น่ารักอย่างหนึ่งว่าระหว่างนี้มีช่วงที่การบาดเจ็บของ Chi Yao กำเริบ ตัว Shi Xing ก็พยายามใช้พลังจิตของตัวเองเพื่อรักษา Chi Yao และก็เพราะใช้พลังเกินตัว และดูดซับพลังงานจากแร่ผลึกที่มีอยู่เดิมไม่ได้ จน Chi Yao เอะใจว่าควรใช้แร่ผลึกที่มีพลังหนาแน่นกว่าเดิมไหม แล้ววางแร่ผลึกแดงที่มีคนให้มา ซึ่งพอรู้ว่าตัว Shi Xing ดูดรับพลังได้ ก็กลายเป็นว่าให้เดินทางไปที่ทางเหนือทันที และตอนแรกตัว Shi Xing ก็เข้าใจว่าจะไปเพื่อซื้อแร่ผลึกแดงเท่านั้น แต่พอคุยกันก็กลายเป็น Chi Yao บอกว่าจะไปหาทางเจรจาซื้อดาวที่มีเหมืองแร่ผลึกแดงเลย

และก็เพราะดูเป็นคำขอที่ดูบีบบังคับเจ้าของดวงดาวอยู่เดิม ก็เลยกลายเป็นว่าเมื่อไปทางเหนือก็ให้ Shi Xing ตรวจดูอาการของ Tan Chi นายทหารคนสำคัญที่เป็นลูกชายของผู้บัญชาการกองทัพที่เจ็ดที่ห้วงพลังบาดเจ็บจากการต่อสู้กับสัตว์อวกาศ เพื่อเป็นการเงื่อนไขในการเจรจา และเพราะความพยายามในการรักษา ประกอบกับการเป็นเด็กดีของ Shi Xing ก็ทำให้ซื้อใจครอบครัวตระกูล Tan ไว้ได้ โดยเฉพาะเมื่อพยายามรักษาอาการบาดเจ็บของ Tan Chi จนสำเร็จในที่สุด

ระหว่างที่อยู่ทางเหนือเป็นเวลาครึ่งปี นอกเหนือจากการรักษา Tan Chi และฝึกพลังของเจ้าตัวก็ต้องเรียนรู้สภาพสังคม การเมือง การปกครอง ประวัติศาสตร์ รวมไปถึงความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ตลอดจนมารยาทด้วย ซึ่งด้วยเวลาที่เว้นช่วงไป ก็ทำให้ Shi Xing ต่างไปจากเมื่อแรกออกมาจากต้นไม้แม่ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจใดๆ เลย

ตอนนี้เริ่มเข้าส่วนสาม ก็คือการสร้างอำนาจให้ Shi Xing แล้ว เพราะเพื่อกลับมาที่เมืองหลวง ตัวโบสถ์และสภาก็พยายามตัดอำนาจ Shi Xing โดยอ้างว่าเป็นคนดาว Lan Xing และก็ไม่แน่ใจว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่สำเร็จหรือไม่ ยิ่งประกอบกับอาการบาดเจ็บของ Chi Yao ที่ถ้าเป็นอะไรไป ก็จะทำให้อำนาจอยู่ในมือ Shi Xing ที่ไม่มั่นคงต่อไป ตอนนี้ก็เลยเป็นช่วงที่ Shi Xing พยายามเรียกอำนาจกลับมาให้ตัวเอง และการสร้างอำนาจของ Shi Xing ก็เกิดในพร้อมกับอาการบาดเจ็บที่กำเริบบ่อยขึ้น และรุนแรงขึ้นของ Chi Yao ด้วย .... ซึ่งก็เข้มข้นเพราะระหว่างที่ Chi Yao พยายามข่มอาการป่วยของตัวเอง Shi Xing ก็ดิ้นรนที่จะช่วยบรรเทาความเสียหายของห้วงพลังจิตอีกคน ระหว่างที่พยายามเข้าใจและแก้เกมกับอำนาจหลายฝ่ายรอบข้างด้วย โดยเฉพาะเมื่อ Chi Yao ป่วยอยู่จนต้องออกไปรบข้างนอกด้วยตัวเอง

รวมๆ ชอบที่ Chi Yao เป็นคนที่สร้างความกล้าและความเชื่อมั่นให้กับ Shi Xing เพราะว่าถูกแม่คู่ชาติที่แล้วทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ แต่พอมาชาตินี้อยู่กับ Chi Yao ที่ใส่ใจดูแลอย่างดี และคนรอบตัว Chi Yao ก็รักและดูแล Shi Xing อย่างดีด้วย ทำให้ Shi Xing รู้สึกปลอดภัยและกล้าพัฒนาพลังตัวเองเต็มที่ อย่างพอตั้งทีมให้แล้วให้ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นทหารประจำตัวไปดูแล ตัว Shi Xing ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจที่ต้องมาอยู่กับตัวเอง แล้วพอ Shi Xing ไปถามว่าไม่อยากมาอยู่ด้วยกันหรือเปล่า ทางนั้นก็รีบตอบว่าจะเอาอะไรมาไม่พอใจ นี่คืออยู่ทีมกับ 3S medic คนแรกของจักรวรรดิเลยนะ ไม่ใช่แค่ตัวเอง แต่ว่าทั้งทีมที่ในอนาคตก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีทรัพยากรการแพทย์เลย ดีแบบนี้ก็จะถูกกองทัพที่หนึ่งที่เหลืออิจฉาแน่ๆ กับน่ารักที่ตัว Chi Yao และคนรอบตัวจัดให้ Shi Xing รักษานายทหารคนอื่นด้วย เพราะรู้ว่าทัศนคติของทุกคนที่มีต่อ Shi Xing ก็จะดีขึ้นและเป็นมิตรขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในขณะเดียวกันตัว Shi Xing เองก็จะมีความเชี่ยวชาญและใช้พลังรักษาดีขึ้น

กับพอมาอยู่กับ Chi Yao ที่มีคนสนิทกับบริวารเยอะก็กลายเป็นมีคนรอบตัว Shi Xing เยอะไปด้วย แถมพอเป็นเด็ก แล้วนิสัยดีขยัน ตั้งใจ และมีน้ำใจ ใครๆ ก็รัก อย่างตอนฟื้นไข้ มานั่งเล่นนอนเล่นอยู่บนพรมในห้องทำงาน Chi Yao ระหว่างที่ฝ่ายโน้นทำงาน พ่อบ้านสองคนก็ผลัดกันเอาของมาให้ ทั้งเกม ทั้งขนม น้ำ หมอน ผ้าห่ม ตุ๊กตา อุดมสมบูรณ์และมีทุกอย่างมาก ... กับอย่างตอนที่ Chi Yao บอกว่าเหมือน Shi Xing สูงขึ้นมาอีกแล้วนะ ทุกคนก็วิ่งเข้ามาดู ทั้งพ่อบ้าน ทั้งทหารหน่วยของ Chi Yao (ที่กลายมาเป็นหน่วยของ Shi Xing ไปแล้วด้วย) นี่คือวิ่งมาวัดความสูง แล้วตื่นเต้นวิจารณ์กันจริงจังแล้ว สรุปว่ามีพ่อๆ พี่ๆ เต็มไปหมด (จริงๆ คงมีแม่และพี่สาวด้วย เพราะตอนมาทางเหนือ อยู่กับตระกูล Tan ก็น่ารักเป็นเด็กดีจนใครๆ ก็เอ็นดูไปหมด)

ชอบอีกอย่างที่ความรู้สึกของสองคนค่อยๆ พัฒนาไป โดยเฉพาะความรู้สึกของ Chi Yao ที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด ตั้งแต่ต้นที่เหมือนว่าจับคู่กับ Shi Xing เพราะเป็นชาว Lan Xing คนเดียวที่ค่าพลังสูงพอที่จับคู่กับตัวเองได้ และด้วยความที่ Shi Xing เด็กกว่าตัวเองเยอะ ที่ผ่านมาก็มอง Shi Xing ว่าไม่ต่างจากหลานชายตัวเอง แต่เพราะ Shi Xing มุ่งมั่นที่จะเคียงข้างกับ Chi Yao ให้ได้ ทั้งในแง่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ และช่วยแบ่งเบาภาระ ... ความรู้สึกที่ Chi Yao มีต่อ Shi Xing ก็เริ่มเปลี่ยนรูปแบบมากขึ้นเรื่อยๆ เดิมรับผิดชอบเพราะหน้าที่ในแง่ว่าอีกคนเป็นชาว Lan Xing ที่จับคู่กับตน และตัวเองมีหน้าที่จะสนับสนุนเด็กใต้ปกคองที่ตัวเองดูแลให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้กลายเป็นพอ Shi Xing สูงขึ้นมากว่าเดิม คำพูดที่มีก็คือ ในฐานะพาร์ตเนอร์ ความรู้สึกว่าทำผิดกฎหมาย (ที่สื่อเป็นนัยถึงการพรากผู้เยาว์) ก็หายไป

ชอบตอนที่ Shi Xing บอกกับ Chi Yao ว่าตัวเองจะเป็นกำลังให้ Chi Yao และ Chi Yao ไม่ต้องแบกทุกอย่างไว้อีกคนเดียวต่อไป เพราะหน้าที่ในฐานะกษัตริย์หนักหนาและใหญ่หลวงมาก แต่ Chi Yao ต้องทำ และพอทำทุกวันก็กลายเป็นความเคยชิน ซึ่งถึงแม้จะเคยชินเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่างานที่ทำหรือภาระที่แบกรับอยู่จะเบาลง เพียงแต่ทำใจยอมรับ ... พอ Shi Xing บอกว่าจะช่วย Chi Yao ก็รู้สึกเต็มตื้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

แต่สุดท้าย สองคนก็เป็นยาดีอย่างที่อีกฝ่ายต้องการจริงๆ เพราะ Shi Xing ไม่มั่นคง ต้องการสภาพแวดล้อมที่ดี และทรัพยากรที่เพียงพอเพื่อจะเติบโตสมบูรณ์ และ Chi Yao ที่อยู่ตามหน้าที่และจริงจัง และหน่ายกับการเมืองและผลประโยชน์ที่เผชิญ ก็ต้องการคนที่ตรงไปตรงมาและใสบริสุทธิ์พอที่จะล้างความล้าในใจด้วย ทุกครั้งที่ Shi Xing มองมาตรงๆ และพูดความในใจออกมาไม่มีปิดปัง โดยเฉพาะความมุ่งมั่นที่จะรักษาตัวเองให้ได้ Shi Xing ก็รู้สึกใจตัวเองเริ่มคลอนแคลนไปหา “เด็กในปกครอง (ตามที่เคยมอง)” ขึ้นเรื่อยๆ อย่างตอนที่อาการบาดเจ็บของ Chi Yao กำเริบ แล้ว Shi Xing กอดปลอบ Chi Yao ว่า “You'll be fine.” คำตอบของ Chi Yao ก็คือ “Well, I have you.” น่ารักมาก

ตอนแรกที่เห็นเรื่องนี้ คิดว่าจะเป็นแนว Interstellar ง่ายๆ ดายๆ แต่ไม่เลย ทุกอย่างจริงจัง และแลกมาด้วยความอดทนและตั้งใจเท่านั้น อย่างพอเรื่องปมคนรักเก่าของ Shi Xing Shi Xing ก็ไม่ได้บอกตัว Chi Yao เพื่อให้อีกฝ่ายจัดการแทนให้ ทั้งที่ Chi Yao เห็นนิสัยและพฤติกรรมของ Shi Xing ว่าผิดจากประสบการณ์การเติบโตมาจากต้นไม้แม่ที่ควรจะเป็นแต่อย่างเดียว ถึงขั้นที่ Chi Yao ถาม Shi Xing เลยว่าถูกใครรังแกมาก่อนหรือเปล่า แต่ Shi Xing ก็เลือกที่จะเก็บเรื่องไว้กับตัว ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ Chi Yao หรือไม่อยากเล่าอดีต แต่กลัวว่าตัว Chi Yao หรือแม้แต่ตัว Shi Xing เองก็ยังไม่พร้อมที่จะปะทะกับอีกฝ่ายตรงๆ ในตอนนี้ พูดได้ว่าเรื่องนี้แลกมาด้วยเลือดและน้ำตาทุกตอน ไม่มีง่ายไม่มีฟลุ๊ค มีแต่คิดแล้วพยายามทำให้สำเร็จ .... ซึ่งอย่างตอนที่รักษา Tan Chi ก็ไม่ใช่แค่ใช้พลังที่มีสูงกว่าคนอื่นแค่นั้น แต่มีการนั่งคิด วิเคราะห์หาหนทาง และหาวิธีการรักษา ทดลองเล่าทดลองเล่าในแต่ละวันทีละน้อยจนสำเร็จในที่สุด

ชอบที่หัวหน้าตระกูล Tan บอกว่าที่ตัวเองและกองทัพที่เจ็ด สนับสนุน Shi Xing ก็เพราะ Shi Xing แสดงให้เห็นว่าตัวเองมีความมั่นใจและกล้าที่จะตัดสินใจออกมาอยู่ข้างหน้าและช่วยเหลือ Chi Yao แทนที่จะเป็นคนถูกปกป้องตามประสาคนดาว Lan Xing อย่างที่พวกในสภาหรือบ้านตัวเองตอนแรกมอง Shi Xing ด้วย

อยากได้อะไร เรื่องนี้มีให้หมด คู่รัก OP ที่มีพลังระดับ SSSS และความมหัศจรรย์ของ Shi Xing ที่มีพลังมหาศาลและใช้พลังของตัวเองและความคิดแหวกแนวสร้างปาฎิหารย์ให้เกิดครั้งแล้วครั้งเล่า ฉากแอคชั่นสู้กับสัตว์อวกาศที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันเป็นทีมเพื่อล้มสัตว์อวกาศอย่างเป็นขั้นตอน การแย่งอำนาจและชิงไหวพริบกับฝ่ายสภาและศาสนา และที่สำคัญ ความรักและความสัมพันธ์ของ Shi Xing และ Chi Yao ที่มั่นคงและลงรากลึกไปเรื่อยๆ ที่เกิดพร้อมกับการเติบโตของ Shi Xing เช่นกัน


แค่สู้กับโบสถ์แย่งอำนาจทางการทหารกันก็ลุ้นแล้ว นี่คือให้กองทัพแต่ละกองมาลงคะแนนโหวตแล้วให้บอกจุดยืนแต่ละคน โอยย อ่านไปก็ลุ้นไป ชอบมากที่พอมีคนถามว่าทำไมกองทัพที่เจ็ดสนับสนุนตัว Shi Xing และเจ้าตัวบอกว่าเพราะว่าช่วยรักษาTan Chi ได้ ความรู้สึกของทหารหน่วยอื่นต่อตัว Shi Xing ก็เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่าถ้าไม่ใช่พลังระดับสูงและความสามารถทางการรักษามาก ไม่มีทางทำได้แน่นอน และเหตุผลที่สองที่ยิ่งกว่าก็คือตัว Shi Xing สู้กับสัตว์อวกาศร่วมกับเหล่าทหารได้ด้วยเหมือนกัน โดยเฉพาะสามารถสร้างม่านพลังพิเศษที่กันพลังของสัตว์อวกาศที่จะทำร้ายห้วงพลังของเหล่าทหาร อย่างแรกก็ยิ่งใหญ่แล้ว ยิ่งมีอย่างที่สองและความสามารถสั่งการ/บัญชาการ ทัศนคติของทหารหน่วยอื่นก็เปลี่ยนไปทันที

ปล.  

1.
ประทับใจความเปย์หนักของคุณพี่ Chi Yao มาก จับคู่กับ His Royal Highness ไม่ผิดหวังจริงๆ พอบอกว่าต้องการ red spar ก็คือไม่ใช่แค่ไปซื้อ แต่ว่าซื้อทั้งดาว โอ๊ยย ชอบบบมากกกๆๆๆๆๆ อ่านไปเรื่อยๆ อยากจะเรียกว่า strongest husband (partner) in the Empire มาก Shi Xing ต้องการทรัพยากรอะไรขนาดไหน ตัว Chi Yao หาให้หมด แถมยังหามาให้ก่อน Shi Xing จะรู้ว่าตัวเองต้องการอีก พออยู่กับ Chi Yao และได้ใช้ทรัพยากรอย่างที่ต้องการไม่มีขีดจำกัดก็ทำให้ขีดพลังของ Shi Xing เลื่อนขั้นขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง SSS แล้ว แถมยังได้ความสามารถที่สองเพิ่มมาอีก กลายเป็นเด็กมหัศจรรย์ในสายตาคนรอบข้างไปแล้ว
  
แต่ว่า Chi Yao หน้านิ่งดูใจดีเป็นผู้ใหญ่ อยู่ไปๆ ก็ black belly ชอบแกล้งเด็กนะคะ แล้วด้วยที่อีกฝ่ายศรัทธาและพึ่งพามากก็นานกว่าจะรู้ว่าถูกแกล้ง แต่เพราะโอ๋บ้าง แกล้งบ้าง หลังๆ พอเรียก Xing Xing เล่นอย่างที่คนอื่นเรียก ทำให้ตัว Shi Xing รู้สึกว่าเป็นคำพิเศษ และตัวเองเป็นคนพิเศษได้เหมือนกัน ตรงที่บอกว่าฟังแล้ว Like a cuddling partner ในบท 49

เอาจริงคุณพี่เป็น black belly แกล้งเด็กมากขึ้นทุกวัน แต่ช่วงหลังเริ่มดูอินเลิฟมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ถึงขั้นที่มีคนสังเกตว่าตามองตามไม่ห่างเหมือนกัน Seeing that Chi Yao was not in a hurry to withdraw his gaze after the other walked away, Chang Quan was keenly aware that Chi yao was a little indulgent towards Shi Xing. กับพอเอาทั้งชอบแกล้ง ทั้งอินเลิฟมาอยู่ด้วยกันก็แอบน่ากลัว เหมือน Shi Xing ที่ซื่อตรง และจริงจังจะเริ่มรับมือไม่ทันแล้วด้วย มีอยู่ตอนนึงที่ Shi Xing ช่วยรักษาห้วงพลังให้หลานชายของอดีตโฆษกสภา และเป็นการรักษาโดยไม่มีเงื่อนไขต่อรองเลย ... ก็เพราะว่า Shi Xing มองว่าอาการเหมือนกับ Chi Yao อยากลองฝึกรักษาดู และพอ Chi Yao ถามว่าทำไมทำแบบนั้น เพราะอยากให้ Shi Xing พูดออกมาตรงๆ ก็ประชิดตัว Shi Xing ที่หลังติดกำแพงต้องประท้วงว่า เข้ามาใกล้มากไปแล้วเหมือนกัน และพอบ่นว่าเข้ามาใกล้มากไปแบบนี้จะเริ่มต้านกลับแล้วนะ Chi Yao ก็ตอบหน้าตาเฉยกลับว่างั้นลองดูสิ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าตัว Shi Xing จะต่อต้านกลับแบบไหน Then try, I am curious about your way of resisting.

แต่ขนาดคนเขียนยังกัด Chi Yao อยู่เหมือนกัน ชอบที่ตอนเจออดีตโฆษกสภา แล้วบรรยายว่าคนสองคนที่คิดในหัว 800 อย่างมาอยู่ด้วยกัน Two 800 minded people together ดูเป็นพวกที่มีความคิดล้ำลึก ลึกซึ้ง แต่ก็เป็นในด้านลบนะ


2.
ตัว Shi Xing ที่พลังตื่นขึ้นมาในระดับ SS? ก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน เริ่มจากที่พอรักษา Chi Yao จนใช้พลังไปหมด เมื่อรับพลังจากแร่ธาตุแดงได้ ก็คือเป็นไข้ขึ้นสูงมาก เพราะว่าพลังเพิ่ม และร่างกายรับไม่ทัน และทุกครั้งก็จะเป็นลูปดูดพลังและเป็นไข้ ซึ่งพอหายไข้ก็พลังเพิ่มขึ้นทุกครั้ง จากที่ทุกคนแตกตื่นตกใจก็เริ่มจับรูปแบบได้ เป็นแค่คอยดูแล แต่ไม่ตกใจเหมือนก่อน ชอบที่คนในดาวมีพลังพิเศษอย่างเดียวก็เก่งแล้ว แต่นอกเหนือจากความสามารถ “เห็น” พลังจิตที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก พอพลังเริ่มมากขึ้นก็เกิดความสามารถที่สองด้วย ซึ่งก็คือการสร้างบาเรียกันพลังแปรปรวนของสัตว์อวกาศ (เข้าใจว่า) โดยที่ความสามารถแรกก็ทำให้ตัว Shi Xing เอามาประยุกต์สู้และจับการกับสัตว์อวกาศระดับต่ำได้แล้ว เพราะปกติแก่นพลังของสัตว์อวกาศจะอยู่ไม่เป็นที่ได้ทุกส่วนในร่างกายทำให้ทหารต้องใช้วิธีสู้โดยทุ่มทั้งตัว ไม่รู้ว่าส่วนไหนคือจุดอ่อน แต่คราวนี้พอ Shi Xing เห็นพลังได้ ก็คือเล็งที่ส่วนแก่นพลังของสัตว์อวกาศได้เลย

และที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือระหว่างที่ไปล่าสัตว์อวกาศระดับสูงมาให้ Shi Xing หลังล้มสัตว์อวกาศและได้แก่นพลังมาแล้ว Shi Xing ก็ถามว่าขอดูดซับพลังคลื่นของสัตว์อวกาศด้วยได้ไหม ต่างจากที่การใช้แก่นพลังของสัตว์อวกาศอย่างทุกครา และก็กลายเป็นว่าความสามารถของ Shi Xing ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเจ้าตัวคิดและพลิกพลางวิธีใช้พลังเพิ่มขึ้น อย่างที่กลายเป็นช่วยสร้างม่านพลังและคุ้มครองห้วงพลังจิตของทหารที่สู้กับสัตว์อวกาศได้อีก


3.
สงสารมากว่าจริงๆ คนที่เข้าข่ายผู้สมัครที่ถูกเลือกในตอนแรก 5 คนของ Shi Xing มีโปรไฟล์ดีมากชนิดมากของมากทุกคน เป็นคนหนุ่มอนาคตไกลที่ยศสูง พลังจิตสูง และพื้นฐานครอบครัวดีมากทั้งสิ้น พอมาอยู่ด้วยกันก็ตั้งกลุ่มแชตไว้กันกันเองพร้อมกับข่มกัน โดยที่ตั้งชื่อกลุ่มว่า “Top 5 Strongest Candidates” ทุกวันก็สลับเวลามาทำความรู้จักสร้างความคุ้นเคยกับ Shi Xing และพอ Shi Xing ไม่มีท่าทีตอบรับหรือปฎิเสธใครตรงๆ ทุกคนก็คิดว่าตัวเองมีความหวังแล้วเหมือนกัน แต่กลายเป็นวันสุดท้ายไม่มีใครที่ Shi Xing เลือกเลย อยู่ในสภาพปีกหักกันไปหมด แล้วก็กลายเป็นกลุ่มแชตโอ้อวดกลายเป็นที่พักใจที่ต่างคนต่างปลอบใจเลียแผลกันเอง กลายเป็น shelter for the fallen ไปแล้ว
และพอทำใจไม่ได้ แอบมาดูว่าใครเป็นคู่ที่ Shi Xing เลือก ก็กลายเป็นว่าทั้งห้าคนมาเจอ His Majesty เข้าตรงๆ อีก คราวนี้คืออีหลักอีเหลื่อมาก หาข้อแก้ตัวกันไปเรื่อยเปื่อยเพื่อหนี His Majesty ไปแทน

แต่ชอบที่ตัว Chi Yao ไม่ยอมให้ Shi Xing รับปากตอบแทนกลับโดยการสัญญาจะรักษาให้โดยไม่มีเงื่อนไข พอ Shi Xing กำลังจะอ้าปากพูด ตัว Chi Yao ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อนว่าเป็นความผิดของตัวเอง และจะชดเชยให้ทั้งห้าคนโดยการส่งยานรบที่มีเทคโนโลยีล่าสุดไปให้ ซึ่งก็เป็นการชดเชยและปลอบใจที่คุ้มค่าและเกินคุ้มในอีกแง่เหมือนกัน

และพออยู่ด้วยกันสองคน Chi Yao ก็พูดมาเองเลยว่ารับปากกันแล้วว่าจะให้ความปลอดภัยของ Shi Xing มาก่อน และไม่มีทางทำอะไรที่จะทำลายความไปได้ถึงความปลอดภัยของ Shi Xing และตัว Shi Xing ก็ต้องทำแบบนั้นด้วย


________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

Monday, 11 July 2022

咸鱼替嫁后 // After The Salted Fish Is Married

 ก็ไถลไปตามล่าหา infra จีนโบราณต่อจาก After Being Kidnapped by the General // ได้จากหน้าหลัก


คนเขียน: 老大白猫
แนว: จีนโบราณ, ทะลุมิติ, ทำอาหาร, farming, infrastructure
ความสัมพันธ์: องค์ชาย X พระชายา / Ji Song X Yan Xining
จำนวนตอน: 117 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022
ลิ้ง



Yan Xining ลืมตามาก็เจอว่ามาอยู่ในยุคจีนโบราณแล้ว และเจ้าของร่างเดิมก็ตายจากการผูกคอตายใต้ต้นไม้ ด้วยเหตุที่ว่าเจ้าตัวซึ่งเป็นลูกนอกสมรสถูกคนในตระกูลจับมาแต่งงานเพื่อแก้เคล็ดกับ Ji Song องค์ชายที่เป็นแม่ทัพ และประสบเหตุให้ต้องขาเสียกลายเป็นคนพิการ และในวันแต่งก็ถูก Ji Song โกรธจนส่งเข้า “ตำหนักเย็น” หรือสวนร้างที่เคยเป็นเรือนที่อยู่ของคนใช้ ร่างเก่าหมดหวังและก็คิดจะจบชีวิตตัวเอง

ดังนั้นเมื่อลืมตามา ก็คืออยู่ใต้ต้นไม้และมีผ้าแพรผูกคอแล้ว Bai Tao เด็กรับใช้และคนสนิทเพียงคนเดียวกำลังร้องไห้อยู่ ... เมื่อประมวลผลรอบตัวได้ ก็รู้สึกว่าชีวิตตอนนี้ในร่างนี้อาจไม่แย่เกินไปหนัก เพราะที่ตัวเองทำงานหนักจนตายก็เพราะใฝ่ฝันว่าจะเก็บเงินให้พอแล้วกลับไปอยู่บ้านทำสวนในชนบท เมื่อได้พื้นที่ที่ใหญ่กว่าบ้านสวนของตัวเองมาก็เลยคิดว่าจะปลูกผักกินและมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี
แต่เพราะไม่แน่ใจว่าทางจวนจะเลิกส่งของมาให้เมื่อไหร่ โดยเฉพาะเมื่อตัวเองไม่เป็นที่รักใคร่ของ Ji Song ความเผื่อแผ่ก็อาจจะหมดลงวันไหนก็ได้ ก็เลยคิดว่าควรจะอยู่ให้พึ่งพาตัวเองให้ได้ วันไหนที่ถูกลืมมาก็จะได้ไม่อดตาย ถ้าปลูกผักเลี้ยงสัตว์ไว้กินในพื้นที่กว้างขวางรอบๆ ได้ และดังนั้น การถางหญ้าที่สูงท่วมหัวและปรับดินให้อยู่ในสภาพพอที่จะปลูกผักก็เริ่มขึ้น

แต่เพราะทางฮ่องเต้และพระพันปีส่งคนมาดู Ji Song และ Yan Xining หลังแต่งงาน ตัว Yan Xining ต้องแสดงบทรักใคร่กลมเกลียวกับ Ji Song ก็เลยเจออีกคนที่นั่งอยู่บนรถเข็น และอยู่ในสภาพอ่อนแรงไม่มีกำลัง และก็ทำให้ไปซ้อนกับภาพพ่อของ Yan Xining ที่ป่วยเป็นมะเร็งและนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างไร้ชีวิตขึ้นมาทันที ยิ่งเมื่อ Ji Song เป็นคนที่บันดาลบ้านพัก ที่ดินและอาหารให้ตอนนี้ก็ยิ่งมีเหตุผลที่จะต้องร่วมมือกับ Ji Song และก็เกิดภาพที่ต่างคนต่างอยู่ โดยที่ทางพ่อบ้านและคนสนิทมารายงานเรื่องของ Yan Xining กับ Ji Song เป็นระยะๆ และ Ji Song ก็มีคำสั่งติดปากเสมอว่าถ้าอีกคนอยากทำอะไรก็ให้ทำไป
แต่เพราะเหล่าองครักษ์ของ Ji Song โดยเฉพาะ Yan Ke จับตามอง Yan Xining อยู่ และก็ทำให้เมื่อ Yan Xining ทำโน่นทำนี่อยู่ในพื้นที่ตัวเองก็อดไม่ได้ที่จะไปสังเกตการณ์และจบลงด้วยการที่ช่วย Yan Xining ทำงาน และตอนแรกที่พระชายาเอาของที่ได้มาจากที่สวน ไม่ว่าจะเป็นปลา หอยทาก ฯลฯ ทำอาหาร อีกฝ่ายก็รู้สึกว่าเป็นของที่กินไม่ได้ แต่เพราะกลิ่นหอมน่าอร่อย และกลัวจะเสียหน้าถ้าไม่กล้ากิน ก็เลยทำให้ลองกินของทุกอย่างที่พระชายาทำ และจบด้วยการถูกซื้อใจด้วยอาหารไปแล้ว ดังนั้น องครักษ์ทั้งหลายก็เริ่มที่จะมาช่วยทาง Yan Xining ทำงานเป็นค่าอาหารในแต่ละครั้ง

และความรู้สึกที่ทุกคนมีต่อ Yan Xining ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
เอาจริง เรื่องนี้ควรจะเป็นภาพต่างคนต่างอยู่ตลอดไป แต่ว่ามีการช่วยต่อเรือของคนรอบตัวทั้งคู่มาเสริมทำให้สองคนเข้าหากันทีละน้อยไม่รู้ตัว โดยที่ชอบที่สุดคือการชงไม่รู้ลืมหูลืมตาของทั้งพ่อบ้านและเหล่าองครักษ์ พออาหารอร่อย Yan Ke และพวกองครักษ์ก็จะเอาอาหารส่วนหนึ่งมาให้ Ji Song ด้วย โดยไม่ใช่แค่เอาอาหารมาให้อย่างเดียว แต่เป็นการร่ายสรรเสริญพระชายาทุกอย่างที่จะคิดได้ บอกว่าพระชายารักและห่วงใยตัว Ji Song ถึงขนาดทำอาหารมาให้เพราะอยากให้แข็งแรงไวๆ (ซึ่งจริงๆ ก็รู้กันอยู่ว่า Yan Xining ทำอาหารมาเพราะอยากกินของอร่อยเอง) เป็นการผลักเรือลงน้ำแล้วช่วยกันพายมากนะคะ ขนาดลายมืออัปลักษณ์ เพราะเขียนพู่กันไม่เป็น องครักษ์ก็ยังช่วยชมว่าเห็นถึงความตั้งใจและจิตใจที่บริสุทธิ์ของพระชายา พอทำเต้าหู้ก็เรียกว่า love bean curd ไม่ไหวแล้วนะ แล้วหลังๆ องครักษ์คนอื่นๆ ก็ได้อิทธิพลจากหัวหน้าองครักษ์มาด้วย การชงแรงขึ้นโหดขึ้นเรื่อยๆ จนตัว Ji Song ก็เชื่อแล้วว่า Yan Xining ชอบตัวเอง

และตอนที่ไม่มีอะไรทำ และบังคับรถเข็นไปถึงส่วนที่ Yan Xining อยู่ ได้กลิ่นหอมของอาหารก็เลยเข้าไปเจอ Yan Xining ที่กำลังย่างกวางที่ได้มาจากองครักษ์กิน ซึ่งเมื่อ Ji Song มาถึงเรือนตัวเองก็เลยต้องเชิญชวน Ji Song ซึ่งถือเป็นเจ้าของบ้านกินข้าวด้วย กลายเป็นว่าพอเลี้ยงดูและดูแลอย่างดี Ji Song ก็รู้สึกอึดอัดใจที่เห็นว่า Yan Xining รักตัวเองมาก ... และรู้สึกผิดที่รักตอบไม่ได้ เลยคิดว่าจะทำดีกับอีกคน และสั่งให้พ่อบ้านทำทุกอย่างที่ทาง Yan Xining ขอมา

สองคนก็เลยมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตัว Ji Song ที่รู้สึกว่าการอยู่ข้างๆ Yan Xining เห็นอีกคนทำอาหาร ปลูกผัก ก็ทำให้ผ่อนคลายและสบายใจอย่างที่ได้เคยรู้สึกมาก่อน
จุดเปลี่ยนความสัมพันธ์สองคนเกิดขึ้นเมื่อมีงานล่าสัตว์ และ Ji Song บอกให้ Yan Xining ไปด้วย ซึ่งฝ่ายหลังก็กระเหี้ยนกระหือรือมากกว่าจะไปเก็บขึ้นเขาผักป่าที่เพิ่งแตกหน่อมากินระหว่างงานล่าสัตว์ และเพราะเห็นตัว Ji Song ต้องนั่งรถเข็น ไม่สามารถขี่ม้าองอาจล่าสัตว์ได้อย่างที่เคยเป็น ก็เลยเห็นใจและชวนอีกคนเข้าร่วมกิจกรรมเก็บผักตัวเองด้วย เป็นการปลอบใจและเห็นใจโดยที่ไม่ได้มองว่าอีกฝ่ายน่าสมเพชอย่างที่คนอื่นมอง จนเมื่อสองคนออกไปเก็บผักกับเหล่าองครักษ์ และเหล่าองครักษ์ทั้งหมดถูกล่อออกไป ก็มีเหล่ามือสังหารเข้ามาจะฆ่า Ji Song และถึงแม้ว่า Ji Song จะใช้ธนูที่ติดตัวอยู่ฆ่าพวกมือสังหารได้หมด ตัว Yan Xining ก็บาดเจ็บหนักเพราะเอาตัวเองกันและกระโดดกอดมือสังหารที่เหลือคนสุดท้ายไม่ใช้เข้าไปทำร้าย Ji Song ได้ .... ซึ่งยิ่งประกอบกับการที่ Yan Xining ไม่ยอมวิ่งหนีทิ้งตัวเองไป ทั้งที่ Ji Songย้ำ บอกหลายครั้งก็เลยทำให้ Ji Song เริ่มหลงรัก Yan Xining จริงจังขึ้นมา

และเมื่อกลับมาที่จวนอ๋อง ตัว Yan Xining ที่ฟื้นมาอยู่ในห้อง Ji Song ก็เลยขอ Ji Song กลับไปที่เรือนตัวเอง และก็กลายเป็นว่า Ji Song ย้ายมาอยู่ที่เรือนด้วยอีกคน แล้วพอ Yan Xining หาย ด้วยความที่ตัว Ji Song ตื่นเช้ามาก เพื่อมาอ่านตำรา (และไปทำงานที่กรมในภายหลัง) ตัว Yan Xining ก็ต้องตื่นเช้าไปด้วย ซึ่งการคิดคนละแบบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไปเช่นเดิม เพราะ Ji Song พยายามลุกขึ้นมาเงียบๆ แต่ว่า Yan Xining ที่ละเมอหลับกอดอีกคนแน่นก็รู้สึกตัวอยู่ดี และก็คิดว่าต้องลุกขึ้นมาทำอาหารตามประสาลูกจ้างที่ดี เพราะนายจ้างปลุกขึ้นมาแล้วขนาดนี้ ส่วน Ji Song ก็เข้าใจไปว่าตัว Yan Xining รักตัวเองมากถึงขั้นที่ยอมละทิ้งการนอนเต็มอิ่มมาทำอาหารให้ตัวเอง

ก็ต้องขอย้ำว่าตัว Yan Xining ไม่ได้คิดว่าตัวเองอยู่ในฐานะพระชายาอ๋องแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาตัวเองเป็นแค่ปลาเค็มที่ต้องพึ่งพาคนอื่น เป็นผู้อยู่อาศัย ความเข้าใจผิดที่ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง และความอยากเลี่ยงงานที่ขว้างไม่พ้นคอ ไม่ได้คิดว่าแต่งงานกับองค์ชาย แต่ว่าเป็นลูกค้าที่ได้ค่าแรงเป็นที่พักกับที่ดินปลูกผักเลี้ยงเหล่าสัตว์ปีก เป็นหัวหน้าครอบครัว (เจ้าของบริษัท) คนให้ที่อาหาร เสื้อผ้า ประโยคที่บอกว่า มีอะไรก็จะไปด้วยกัน เพราะ “ข้าเป็นชายาท่าน” ฟังดูรักใคร่ไม่ลืมหูลืมตา แต่แปลตรงๆ ก็จะได้ความว่า “ผมเป็นลูกจ้างคุณอยู่” จะกลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์กันไป แต่ว่าเพราะฟิลเตอร์ของเหล่าองครักษ์กับพ่อบ้านที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะเมื่อ Yan Xining เป็นพวกเรื่อยๆ ร่าเริงสบายใจและอ่อนโยน เห็น Ji Song นั่งเหม่อ คิดว่าตัวเองทำอะไรไม่ได้ ก็เริ่มหาโน่นหานี่ให้ Ji Song ช่วยตอนตัวเองทำอาหาร กลายเป็นภาพสองคนรักใคร่กลมกลืนในสายตาคนรอบข้าง

แต่ความจริงจากใจ เรื่องนี้ไม่ค่อย farming เท่าไหร่ มีแค่ตอนแรกๆ ที่คิดว่าต้องปลูกผักเลี้ยงสัตว์เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ถ้าถูกลืม แต่เพราะ Ji Song โอ๋ Yan Xining มากขึ้นเรื่อยๆ อาหารการกินมีคนส่งส่วยส่งของมาตลอดเวลา กลายเป็นแนว cooking มากกว่า เช่นวันนี้กำลังจะทำบะหมี่ พ่อบ้านเอาปูนิ่มมาให้ บอกว่าเพิ่งส่งมาจากบ้านสวนเอามาถวายพระชายา ก็เลยทำปูนิ่มชุบแป้งทอด กินกับบะหมี่ กับแป้งทอด ตอนนี้น่ารักดี เพราะเหล่าองครักษ์เฮโลมาช่วยกันจริงจังมาก คนที่ล้างปูก็ล้างไป คนที่ไปทุบแป้งข้าวเหนียวก็ทุบไป เพื่อให้ได้กินเร็วๆ ด้วยกัน ความเชื่อมั่นที่มีต่อ Yan Xining สูงมาก ชนิดที่ทุกคนคิดในใจว่า ต่อให้พระชายาเอาก้อนหินมาทำอาหารยังอร่อยได้แน่นอน ... จากที่ตอนแรกกลัวมาก เวลาเห็นเอาสัตว์แปลกๆ ที่เจออย่างหอยทาก ปู มาทำอาหาร แต่ตอนนี้แค่จ้องสัตว์ จ้องพืชอะไรนานๆ เหล่าองครักษ์โดยเฉพาะ Yan Ke ก็ถามแล้วว่าอร่อยไหม? เอามาทำอะไรอร่อยเหรอ? ให้ไปจับไปเก็บมาเลยไหม? พร้อมมาก อย่างวันที่ไปฟาร์มม้าแล้วบอกว่าจะทำหม้อไฟ ยังไม่ทันบอกอะไรต่อ หัวหน้าองครักษ์ก็รีบตะโกนบอกเหล่าองครักษ์ที่เหลือว่า พี่น้อง เที่ยงนี้พระชายาจะทำหม้อไฟ ทุกคนที่ขี่ม้าอยู่ก็รีบควบม้าหายไป .... พอ Yan Xining กำลังงง Ji Song ก็บอกว่าทุกคนเข้าป่าไปล่าสัตว์มาเพิ่มไง

พอ Ji Song เป็นองค์ชายสาม ตอนแรกก็มีประเด็นแย่งบัลลังก์กับพี่ชายสองคน แต่ไปๆ มาๆ Ji Ming พี่ชายคนรองที่เปิดมาดูร้ายกลายเป็นแนวร่าเริงไม่คิดมากไปชอบกล อย่างที่ตอน Ji Tan องค์ชายเจ็ดอายุ 5 ขวบจมน้ำระหว่างงานเลี้ยงแล้วถูก Yan Xining กระโดดลงไปช่วย แล้วกลายเป็นติด Yan Xining มากกันไป พอขอไปเล่นที่บ้าน ตัว Ji Ming รีบกระซิบบอก Ji Song ว่าปฎิเสธไป รีบปฎิเสธไปเดี๋ยวนี้ .... เพราะว่าตัวเองเป็นเหยื่อความเอาแต่ใจ ถูกน้องคนเล็กรีดไถของ และก่อกวนบ่อยๆ แต่จริงๆ สองคนเหมือนกันมาก อารมณ์ส่งเสียงดังว่ามาแล้วนะ แล้วรอให้ Yan Xining ทำอะไรอร่อยๆ แปลกๆ ให้กิน ทั้งที่อายุต่างกัน แต่หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็กนี่คือมาเพื่อรบกวนกันชัดๆ ตอนที่ Ji Ming ส่ง Ji Tan ไปบ้านสวนนี่คือสองคนพี่น้องมาเพื่อก่อกวนและกินเท่านั้นจริงๆ

แต่จริงๆ น้องเล็ก Ji Tan น่ารักดี ทุกครั้งที่ไปหา Yan Xining ก็จะรีบตะโกนบอกว่าพี่สะใภ้สามข้ามาแล้วว แล้วเพราะเป็นองค์ชายองค์โปรดของฮ่องเต้ เดิมทีพวกนางสนมหรือข้ารับใช้ก็ไม่กล้าให้ทำอะไร และไม่กล้าขัดใจอะไรมาก ถูกถามอะไรก็ต้องตอบอย่างระมัดระวังตามหน้าที่ไป แต่พอมาหา Yan Xining ถามอะไรอีกคนก็ตอบแกมอธิบายจริงจัง แถมยังได้ทำทุกอย่างอย่างที่อยากทำ ไม่ว่าจะวิ่งตามไก่ เล่นกับหมา เก็บไข่ เกี่ยวผลไม้จากต้น เด็กห้าขวบอย่าง Ji Tan ที่ไม่เคยได้ทำกิจกรรมแบบนี้ก็ปลื้มมาก แถมพอพี่สะใภ้ใจดีบอกว่าของที่ Ji Tan เก็บมาจะเอาไปทำโน่นนะ นี่นะ ลูกท้อที่ช่วยเก็บก็จะเอาไปดอง ฝักถั่วที่เก็บก็เอาไปทำข้าวผัดได้ ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเก่ง มีประโยชน์ สนุกและมีความสุขเพิ่มขึ้นไปกันอีก ... ซึ่งในมุมมองของพี่สะใภ้ใจเย็นก็คือเอาเด็กเมืองไปเที่ยวชนบท เจออะไรก็ตื่นตาตื่นใจเล่นได้สนุกทุกอย่าง กับพอทำอาหารหลอกเด็กอย่างไก่ทอดกรอบ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Ji Tan จะรักและเทิดทูนพี่สะใภ้สามตลอดไป ถึงขั้นที่ไปป่าวประกาศจนรู้กันทั้งวังว่าตัว Yan Xining ทำไก่ทอดอร่อยมาก และ Ji Tan ติดใจไก่ทอดของ Yan Xining มาก

เรื่องดำเนินไปเรื่อยๆ ทำอาหารโน่น นี่ นั่นจากของที่ได้มาในแต่ละตอน จนกระทั่งฮ่องเต้มอบหมายให้ Ji Song ไปประจำกรม น่ารักที่จริงๆ กรมที่ไปอยู่ติดจวนอ๋องมาก แต่ว่าประตูจวนอยู่คนละทางก็ต้องเดินอ้อมโลกไป ... และพอช่วงที่ Yan Xining ไม่อยากวุ่นวายเพราะต้องเดินอ้อม รู้สึกเสียเวลาก็ให้องครักษ์หิ้วปิ่นโตไปส่งแทน เพราะเห็นว่าพวกองครักษ์มีวิชาตัวเบาและกระโดดข้ามกำแพงไปได้เลยทำให้ต่อมา Ji Song เริ่มทำประตูฝั่งที่อยู่ติดกับกรมเพราะอยากให้พระชายาตัวเองไปส่งอาหารให้ โดยที่ Yan Xining กลับคิดไปว่าฝ่าย Ji Song ที่เริ่มกลายเป็นสัตว์สังคมทำงานเข้าใจแล้วสินะ ว่าการประหยัดเวลาเดินทางสิบสิบห้านาทีเพื่อได้นอนยาวขึ้น มันวิเศษขนาดไหน

ซึ่งเพราะช่วงที่มีงานเข้ามา Ji Song ก็จะอยู่เย็นอยู่ค่ำ และตัว Yan Xining ที่เป็นห่วงก็จะถูกพวก Yan Ke หว่านล้อมให้ไปส่งอาหารด้วยตัวเอง และครั้งแรกก็ทำบะจ่างทั้งไส้เค็มไส้หวานพอดี ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องแบ่งให้ข้าราชการอื่นๆ ที่อยู่ดึกไปด้วย และชื่อเสียงด้านทำอาหารของพระชายาอ๋องสามก็แพร่ระบือไปไกล (พร้อมๆ กับความรักที่มีต่อองค์ชายสามผ่านทางอาหารที่ตั้งใจทำอย่างปราณีตบรรจง(?)) กับน่ารักที่พออากาศร้อน ไม่อยากอาหารกัน Yan Xining เลยทำอาหารกินง่ายอย่างบะหมี่เย็นที่รสจัดและกินง่ายด้วยน้ำส้มสายชู แตงกวาที่ช่วยให้คลายร้อนเพิ่มความอยากอาหารขึ้นมา และพอให้คนเอาไปส่งให้ Ji Song ตอนกลางวันก็ถูกคนอื่นจ้องมองอย่างอิจฉา (และอยากกิน) เลยคิดในใจว่า ทุกคนไม่ต้องสงสัย กินอาหารที่พ่อครัวกรมทำตรงหน้าตัวเองไป อย่ามาจ้องอาหารที่ชายาตัวเองเอามาส่งได้ไหม ... อีกรอบที่ทุกคนขอสูตรวิธีทำบะหมี่เย็นไปให้พ่อครัวที่บ้านแต่ละคนทำ พอเปิดกล่องออกมาก็เป็นบะหมี่เย็นทั้งสิ้น แต่พอกำลังจะภูมิใจลงมือกินอย่างอร่อย ก็กลายเป็นงวดนี้พระชายาส่งปลาต้มผักดองรสจัดกระตุ้นความอยากอาหารมาให้อีก คนที่กำลังภูมิใจกับบะหมี่ตัวเองก็สลดกันไป (ขณะที่ตัว Ji Song ก็กลายเป็นคนภูมิใจไปแทน)

แต่มาขนาดนี้แล้ว จะให้ Ji Song ขาเสียตลอดไปก็กระไร เพราะว่าได้หมอเทวดาที่เจอระหว่างไปฟาร์มม้ามาช่วยออกปากว่าจะรักษาขาให้ โดยแลกกับอาหารอร่อยทั้งหลายที่ Yan Xining ทำ และวันที่ผ่าตัดจริง ตัว Ji Song ก็จูบ Yan Xining ก่อนเข้าผ่าตัดด้วย ... ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายเครียดและคิดมากว่าหัวหน้าบริษัท (ความคิดชายาไม่เคยอยู่ในหัว ความสัมพันธ์นายจ้างและลูกน้องมาก่อนเสมอ) จูบตัวเองเพราะอะไร ทั้งหลบหน้าทั้งคิดไปจนสรุปได้ว่าเพราะอีกคนกังวลเกี่ยวกับผ่าตัดมากไปสินะ ... แต่สรุปก็หลีกไม่พ้นเพราะ Ji Song พูดออกมาตรงๆ และพอ Yan Xining บอกว่าไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย ก็ถูกถามต่อว่าทำไมไม่รักกัน

ในที่สุด Yan Xining ก็บอกเลยว่า รู้ไหมว่าวันแรกที่มาฆ่าตัวตาย และก็ไม่ได้รัก Ji Song หมดรักไปตั้งแต่ตอนที่ตายไปแล้ว ... ชอบตรงที่มีการเผชิญหน้าตรงนี้ เพราะเหมือนเรียกร้องความยุติธรรมส่วนหนึ่งให้เจ้าของร่างเดิมด้วย เพราะถึงแม้จะถูกครอบครัวส่งมาแต่งงานแต่สุดท้ายคนที่ผลักให้เจ้าของร่างเดิมตายก็คือ Ji Song เพราะถ้าไม่ใช่เพราะ Yan Xining ที่มาเข้าร่าง ร่าเริง ไม่คิดมาก และมุ่งมั่น แข็งขันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้ว เรือนร้างนี้ก็อยู่ไม่ได้จริงๆ ทั้งหญ้าสูงท่วมหัว กำแพงพัง หลังคารั่วและเตียงที่นอนก็เป็นแค่เอาไม้มาวางพาดบนอิฐ ทุกอย่างดูสมบูรณ์พร้อมเพราะ Yan Xining พยายามที่จะอยู่ให้ได้ ถ้ามองละเอียดแม้แต่เก้าอี้ก็ไม่มีตัวไหนใช้ได้ แต่ Yan Xining เอาอิฐมารองขาให้ใช้งานได้ทั้งสิ้น ... ตอนพูดพูดให้ Ji Song ฟัง แต่เหล่าองครักษ์ที่อยู่ภายนอกก็ได้ยินไปด้วย และทุกคนก็รู้สึกผิดขึ้นมา ทุกคนเห็นแต่สภาพตอนที่ดีขึ้น แต่ไม่ได้เห็นเลยว่าก่อนหน้าชีวิตลำบากขนาดไหน ถึงขั้นที่ Yan Ke เคยเห็นอยู่แต่ในครัว พอมาเห็นที่นอน Yan Xining ยังคิดเลยว่าแม้แต่ข้ารับใช้ในจวนที่ฐานะต่ำที่สุดก็อยู่ดีกว่านี้อีก

ชอบที่ Ji Song เสียใจกับที่ตัวเองทำไป และก็บอกว่าขอโอกาสแก้ตัว แล้วก็ให้เอกสารทรัพย์สินทั้งหมดที่มีให้ Yan Xining ไป โดยที่บอกว่ารู้ว่ากังวลกับเรื่องนี้ อยากให้รู้ว่าถึงแม้จะปฎิเสธตัวเอง Yan Xining ก็ยังไม่ลำบากหรือต้องอดนะ .... ก็เป็นพระเอกอ่อนโยนโอ๋ตัวเอกกันไป

ซึ่งเอาจริงก็เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่กลับมาจากงานล่าสัตว์ ทุกอย่างที่ให้ Yan Xining ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งนั้น ตอนที่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารของ Ji Ming มีคนส่งลิ้นจี่ ซึ่งเป็นของแพงและหากินยากมาให้ ตัว Ji Song ก็หยิบมาเพื่อแกะแล้วเอามาป้อน Yan Xining ซึ่งคนถูกปากก็กินอย่างเอร็ดอร่อยเป็นธรรมชาติไป เพียงแต่ว่าตอนนี้ช่วยสะสางปมในใจ Yan Xining และร่างเก่าให้หมดไปเพิ่มขึ้นมา เพราะส่วนตัว Yan Xining ถึงแม้ว่าจะบอกว่าอีกคนเป็นแค่นายจ้าง แต่ลึกๆ แล้วอยู่ด้วยกันทุกวัน คอยห่วงใยดูแลกัน และความสงสารเข้าใจและเห็นใจ โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงความเจ็บป่วยของพ่อที่ไปซ้อนกับความเจ็บป่วยของ Ji Song ก็ทำให้เทใจตัวเองไปให้ Ji Song อย่างไม่รู้ตัวนานแล้วเหมือนกัน

ประเด็นหนึ่งที่ไม่ค่อยเจอในทะลุมิติจีนโบราณก็คือ การสารภาพความจริงว่าตัวเองหลงยุคมา แต่เรื่องนี้ Yan Xining สารภาพให้ Ji Song และหมอเทวดาที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ด้วย เพราะลึกๆ แล้ว Yan Xining กลัวว่าการเป็นวิญญาณแปลกปลอมมาอยู่ในร่างคนอื่นจะทำให้ Ji Song ไม่ยอมรับและขับไล่ตัวเองไป เมื่อคุยกันรู้เรื่องก็เลยอธิบายได้ว่าวิธีทำอาหารแปลกใหม่และความคิดไม่เหมือนใครของ Yan Xining มาจากไหน

อยู่ไปเรื่อยๆ ฮ่องเต้ก็ส่ง Ji Song ไปครองเมือง ซึ่งเพราะเป็นลูกรักพอๆ กับ Ji Tan กับรู้สึกผิดที่ลูกตัวเองขาพิการก็เลยจะส่งไปที่เมืองที่เจริญ และเศรษฐกิจดี แต่ว่าตัว Ji Song ออกปากขอไปเมืองที่ห่างไกลความเจริญ เพราะอยากอยู่ใกล้กับกองทหารของตัวเอง และก็บอกฮ่องเต้ว่าขอไปดูแลปกป้องชายแดนเพื่อบ้านเมือง

ตอนที่ Yan Xining รู้เรื่องแล้วบอกว่าเปลี่ยนแผนที่ขำดี ภาษาเกมมากเลยนะ แต่น่ารักมากที่วันเดินทางจริง เหล่าชาวบ้านที่ช่วยไว้ตอนน้ำท่วมมาส่งด้วย คนที่มีเงินก็ซื้อโคมมาจุด หรือถ้าไม่มีเงินก็เอาผ้ามาแล้วจ้างคนเขียนชื่อองค์ชายสาม ความเทิดทูนภักดีมาเต็มมาก (และก็เหมือนปูทางให้ในฐานะฮ่องเต้องค์ต่อไปเลย เมื่อได้ความภักดีของพสกนิกรมาแบบนี้) แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักหรือว่าเพี้ยนที่พ่อครัวใหญ่ของวังขอตามไปด้วย โดยแอบมาดักรอระหว่างทางและเตรียมอาหารเช้าให้... ด้วยเหตุผลที่ว่าพระชายารู้สูตรอาหารเยอะมาก อยากไปเรียนสูตรอาหารจากพระชายาอีก ซึ่งตอนอยู่ในวัง ตั้งแต่ตอนที่ได้สูตรหมูพะโล้มาจาก Yan Xining ครั้งแรกก็เทิดทูน Yan Xining มาก ไม่นับว่าหลังจากนั้น ได้สูตรเต้าหู้ น้ำเต้าหู้และอื่นๆ มาอีก ตกลงทุกคนในเรื่องเป็นสาย foodie จริงๆ นะ แต่ที่คิดไม่ถึงก็คือตอนที่ Ji Song เอ่ยปากอนุญาต หัวหน้าพ่อครัวก็ตะโกนบอกเหล่าข้ารับใช้ในวังว่าท่านอ๋องอนุญาตแล้ว แล้วทุกคนเฮโลกันออกมา

ที่น่ารักอีกอย่างก็คือพอมาถึงจุดพักม้า Ji Tan กับ Ji Ming ก็มารออยู่ด้วย โดยที่ตัว Ji Tan น้องเล็กผู้ติดและจิดใจ Yan Xiningมากก็ร้องไห้กระอึกกระอื้นขึ้นมา ในแง่ว่าต่อไปจะเล่นกับใคร ไปเล่นจวนพี่ชายคนไหนก็ไม่สนุกเหมือนกับจวนพี่สะใภ้สาม ถึงขั้นต้องให้ Yan Xining รับปากว่าพี่สะใภ้จะไม่ลืมกัน และจะเขียนจดหมายมาหาด้วย ... และฮ่องเต้กับองค์ชายใหญ่ก็มาส่งโดยมารอที่ฟาร์มม้าเหมือนกัน และเพราะเหล่าสัตว์ทั้งหลายอย่างแกะ ไก่ เป็ดที่องค์ชายใหญ่เอาใส่รถม้ามาให้ด้วยก็ทำให้ Yan Xining มีวัตถุดิบทำอาหารระหว่างทางอุดมสมบูรณ์

พอไปถึงเมืองจริงก็เกิดปัญหาจังหวะแรกที่เข้าเมืองเลย มีชาวบ้านกำลังถูกข้าราชการท้องถิ่นทำร้าย ตัว Ji Song ที่เพิ่งเดินทางถึงก็เลยต้องสะสางความ ทำให้รู้ว่าเจ้าเมืองและข้าราชการทั้งหลายโกงกินอย่างมาก ซึ่ง Ji Song ก็ตัดคอประหารเจ้าเมืองทันที และข้าราชการอื่นๆ ก็ถูกจับเข้าคุกเตรียมลงโทษตัดคอด้วย ขณะเดียวกัน Yan Xining ก็เลยให้ชาวบ้านมาเขียนเรื่องร้องทุกข์เพื่อบรรเทาความคับแค้นของทุกคน แต่กลายเป็นว่าช่วยหาหลักฐานเอาผิดข้าราชการให้ Ji Song ไปด้วย ก็กลายเป็นตอนนี้ประหารข้าราชการกังฉินหมดแล้ว แต่ว่ากลายเป็นขาดแคลนคนทำงานได้ขึ้นมา

อีกปัญหาหนึ่งที่เร่งด่วนก็คือฝูงตั๊กแตนที่กำลังระบาดกินพืชไร่ของชาวบ้าน ขณะที่ Ji Song กำลังหาทางออก ตัว Yan Xining ก็เลยเสนอว่าให้ไปเอาฝูงเป็ดมาเลี้ยง เพราะว่าเป็ดช่วยกินตั๊กแตนและเหล่าแมลงได้ และขณะเดียวกันขี้เป็ดก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ทำให้ยิ่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เพิ่ม

ช่วงแรกนึกว่าจะ farming ในแง่ปลูกผักกิน แต่มันเป็น cooking ไปมากกว่า จะมา farming แบบ infrastructure จริงๆ ก็ช่วงที่ย้ายไปครองเมือง เพราะว่าตอนแรกคิดว่าจะอยู่สบายๆ อืดๆ เป็นปลาเค็มตากแห้งแต่ว่าพอมาอยู่เมืองยากจนทุรกันดารก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากอยู่เฉยๆ เรื่อยๆ แต่ว่าอยากช่วยสร้างความเจริญการอยู่ดีกินดีให้คนในเมือง กับไม่อยากเห็น Ji Song ต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว ก็เลยเริ่มช่วยคิดช่วยออกความเห็น อย่างพอเสนอความเห็นให้ Ji Song กับเพื่อนสนิทที่มาเป็นขุนนางรับใช้อยู่กับ Ji Song ก็เสนอแนวคิดแปลกใหม่จนวันต่อมากว่าจะรู้ตัวก็ถูก Ji Song หลอกให้ไปเสนอนโยบายกับขุนนางในที่ประชุมแล้ว ความคิดแรกที่มีในหัวก็คือ นี่มันจับไปเสนองานลูกค้าโดยที่หัวหน้าไม่ได้บอกล่วงหน้านี่! ตอนที่บอกว่าต้องขายผ้าเอาหน้ารอดแล้วเอาประสบการณ์หลอกลูกค้าที่สะสมมาใช้ขำดี ปกติเห็นแต่แนว reclaim land ถางป่ามาปลูกผัก แต่เรื่องนี้ตรงกันข้าม เพราะดินเสียเลยต้องแก้ดิน แก้ deforestation + desertification แทน กับมีทำนา/ไร่ขั้นบันไดบนเขา กับเหมือนจะเริ่มทำอาหารแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าแล้ว แล้วที่น่ารักก็คือว่าพอฮ่องเต้เห็นว่าขาดคนก็ส่งนักเรียนที่เพิ่งจบมาเป็นหลักร้อยคนด้วย และที่น่ารักก็คือพวกนี้ก็อยากมาเพราะเคยฟังคำพูดของ Yan Xining แล้วอยากทำเพื่อประเทศเหมือนกัน

แต่ถึงจะดูว่าเรื่องไปง่ายๆ สบายๆ เป็น sweet text ก็มีประเด็น controversy 2 เรื่องด้วย ก็คือเรื่องที่คนสนิทของ Ji Song ทรยศแล้วทำให้ตัว Ji Song ต้องขาพิการกับกลุ่มคนสนิทจำนวนหนึ่งต้องตายไประหว่างพา Ji Song หนี กับเรื่องของแม่ของ Ji Song ที่เป็นสนมและตายตอนไฟไหม้วัง และก็มีเงื่อนไขอยู่เบื้องหลัง .... แต่ส่วนตัว จุดแข็งคนเขียนอยู่ที่การเขียนอาหาร ไม่ใช่เขียนปม ซึ่งก็อ่านแล้วรู้สึกว่ายังลงน้ำหนักหรือแรงจูงใจไม่ดีเท่าไหร่ เรื่องเหมือนเอา Yan Xining มาช่วยสร้างความเจริญโดยเฉพาะด้านอาหารและการอยู่ดีกินดีมากกว่า อย่างสูตรเต้าหู้น้ำเต้าหู้ก็ส่งไปให้กองทัพที่ชายแดนเพื่อให้มีกินได้มากกว่าเมล็ดถั่วแข็งๆ หรือพอมีน้ำแข็งก็ทำให้ทุกคนไม่ร้อนทรมานตอนหน้าร้อน


กับน่ารักที่พอเริ่มเปิดใจยอมรับกัน ก็เล่าความฝันความต้องการของตัวเองให้อีกฝ่ายฟัง พอ Ji Song บอกว่าอยากขึ้นเป็นใหญ่เพื่อปวงชน รู้สึกผิดกับอีกคนที่บอกว่าจะมีชีวิตเรื่อยสบายด้วยกัน Yan Xining ก็บอกว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเลย เพราะว่าความฝันตัวเองที่อยากอยู่สบาย และมีคนที่รักอยู่ด้วยก็เป็นจริงได้เพราะ Ji Song แล้ว บอกอีกคนไปว่า Just as you fulfil me, I also want to fulfil you. Whatever you want to do, let go, and do it. Do your best and obey the destiny. (ตอน 104)

แต่เอาจริงช่วงหวานสวีทกันสองคนของสองคนนี้มีไม่มากไหร่ เพราะเป็นสภาพสังคมยุคจีนโบราณที่จะมีคนสนิททั้งคนรับใช้และองครักษ์อยู่ด้วย ขนาดตอนวันเกิด Yan Xining ตั้งชื่อตอนว่าดินเนอร์ใต้แสงเทียนก็หลอกมาก เพราะนึกว่าจะหวานกันสองคน ที่ไหนได้มากันทั้งกองทัพแล้วนะ ทุกคนอยากตอบแทนและยินดีกับพระชายาด้วย เหมือนงานเลี้ยงกองเพราะทุกคนสนุกสนานเตรียมงานมาก คนที่ตกปลาก็ตกปลา คนย่างเนื้อก็ย่างเนื้อกันไป

กับปก อยากจะบอกว่าไม่มีทางที่ Yan Xining จะถือตำราแน่นอนนน ไม่ได้ใจร้าย เจ้าตัวน่าจะถือมีดไม่ก็เครื่องปรุงมากกว่า แต่ว่าถ้าจะถือตำราก็ต้องเป็นตำราอาหารสินะ กับ Ji Song หน้าตาสปอยล์พระชายา โอ๋กันสุดชีวิตแล้ววว

กับตอนล่าสุดวันนี้ ประเด็นแย่งบัลลังก์มาแล้ว มีองค์ชายที่คิดก่อกบฎแลววว กรี๊ดดด พวกที่เงียบๆ ดูจืดจาง ไม่มีอำนาจกลายเป็นพวกเลวสุดอีกแล้ววว

ปล.
  
1.
น่ารักอีกอย่างที่เป็นมนุษย์เงินเดือนทำงานบริษัทมาก่อน พอบอกว่าจะต้องไปงานล่าสัตว์ของราชวงศ์ก็บอกว่า อ๋อ ก็เหมือนกันกับ team-building โลกปัจจุบันสินะ แล้วองค์ชายแต่ละก๊กก็เหมือนหัวหน้าแผนกที่ต้องไปแก่งแย่งกันต่อหน้าหัวหน้าใหญ่ (ซึ่งก็คือฮ่องเต้) กับพอไปทำงานแล้วเหนื่อยหน่าย เจ้าตัวก็ปลอบใจด้วยประสบการณ์จากโลกก่อน จนถูกถามว่าทำไมเหมือนรู้ดีกว่าตัวเองอีกล่ะ

แต่ขำมากอีกอย่างที่เข้าใจมาตลอดว่าจริงๆ คนที่ Ji Song ชอบคือพี่ชายตัวเอง (ซึ่งจริงๆ มีเรื่องลือว่าตัว Ji Song เป็นพวกตัดแขนเสื้อ ชอบพี่ชายก็เพราะทางพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินเอกเป็นคนสร้างข่าวเอง) พอสองคนนี้อยู่ด้วยกันก็อยากมุงและเมาท์มาก แต่ไม่ว่าครั้งไหน ตัวเองก็ถูกดึงเข้าไปอยู่ด้วย ขนาดตอนฟังหัวหน้าองครักษ์เล่านึกว่าจะได้เมาท์คนสนุกสนานไปด้วย กลายเป็นคนถูกเมาท์กอสซิปไปแทน


2.
หัวหน้าองครักษ์ที่ชอบโผล่มาในครัว เพื่อหาของกินเพี้ยนแบบน่ารักดี ชอบโผล่มาแบบทักด้วยประโยคแปลกๆ อีกแล้ว ที่สำคัญ เป็นกันหมดทุกคนอีก ตอนนี้ทำอาหารอะไรก็ต้องทำเผื่อพระเอก ลูกน้องพระเอก และน้องชายพระเอก ไปถึงหมอของพระเอก ฉากที่เล่าว่าองครักษ์ที่จริงๆ แล้วเป็นนายทหารคนสำคัญถึงขั้นนายพลมานั่งยองๆ ล้างปูบ้าง เก็บใบบัวบ้าง จับกุ้งบ้างน่ารักดี โดยเฉพาะตอนทุกคนตั้งใจทำงานจริงจัง เพราะว่าจะได้กินอาหารแปลกๆ ที่อร่อยมาจากฝีมือพระชายา ร่วมแรงร่วมใจกันดีมาก

โลกนี้ไม่มีใครกินพริกกัน พอ Yan Xining เอามาทำอาหารโดยการคั่ว การเจียวน้ำมัน ตัว Yan Ke ที่ประสาทการรับรู้ดีกว่าชาวบ้านก็ทรมานไอจามทุกครั้ง อย่างครั้งแรกที่ทำก็คิดว่าพระชายาหาเรื่องให้ตัวเองสำลักเพื่อเป็นการแก้แค้นแล้ว แต่พออยู่ๆ ไป ก็กลายเป็นว่าชอบรสจัดของพริกขึ้นมา แต่ระหว่างนั้น ประโยคที่ทักก็จะเป็น พระชายาเหมาะไปทำอยู่กรมปกครองแล้วทำหน้าที่ทรมานนักโทษ หรือไม่ก็พระชายาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทรมาน กับบอกว่าฝีมือการใช้มีดของพระชายาช่างหาตัวจับยาก


3.
อีกอย่างที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าน่ารักได้ไหมก็คือ ตัว Yan Xining ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายที่เป็นลูกฮูหยินใหญ่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อเข้าเรียนด้วยกัน ภาพ Yan Xining เป็นแค่ไม่ฉลาด สอบตก เป็นลูกไล่คนอื่น (เพราะเด็กที่เกิดจากนางคณิกาและอยู่เลี้ยงอยู่ในชนบท และพอมาอยู่ในครอบครัวก็มีฐานะต่ำต้อยมีความรู้และความเชื่อมั่นไม่ได้อยู่แล้ว) เทียบกับพี่ชายที่ฉลาด มีอนาคตดี และเก่งทุกอย่างไม่ได้เลย แต่ว่าตอนงานเลี้ยงในวังเพื่อต้อนรับทูตจากแคว้นอื่น ฝั่งนั้นท้าประลอง โดยที่มีการคิดเลข และพี่ชายที่อยากได้หน้าก็อาสาไปประลอง แต่เพราะโจทย์ที่ให้เป็นเลขยาก (ยากสำหรับคนในยุคนั้น แต่ง่ายสำหรับ Yan Xining ที่เรียนเลขอย่างในโรงเรียน) ก็เลยทำให้ไม่มีใครคิดออก ทั้งท้องพระโรง องค์ชาย ขุนนางนั่งคิดวิธีตามกันไป แล้ว Yan Xining ที่แก้โจทย์ได้ก็อธิบายให้ Ji Song ที่อยู่ข้างๆ ฟัง แต่ดันว่า Ji Ming ที่อยู่ข้างๆ พูดเสียงดังว่า Yan Xining แก้โจทย์ได้แล้ว จนคนรอบข้างได้ยิน แถมคุณพี่ยังตะโกนร้องบอกราชครูอย่างภูมิใจให้ด้วย สุดท้าย Yan Xining ก็ถูกเชิญ (บังคับ?) ให้ไปนั่งคิดเลขข้ออื่นต่อหน้าฮ่องเต้ต่อไป และก็เป็นที่แน่นอนว่าตัว Yan Xining ก็ต้องแก้ได้ก่อนใคร ทำให้สุดท้ายพออธิบายวิธีคิดให้ Wu Shu นักคณิตศาสตร์ของแคว้นข้างๆ ที่มาขอคำแนะนำฟัง และก็กลายเป็นเหล่าบัณฑิตในงานมามุงขอฟังคำอธิบายด้วย กลายเป็นภาพเด็กสอบตกหายไป และก็ยิ่งทำให้พี่ชายที่ดูเด่นกว่าใครยิ่งด้อยไปเพราะมีภาพฉลาดก่อนหน้ามาเปรียบเยอะ ก็กู้หน้าให้เจ้าของร่างเดิมได้ .... แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาก็คือ ถูกราชทูตตื้อให้ไปเป็นลูกศิษย์ และWu Shu นักคณิตศาสตร์ตามตื้อให้ช่วยกันคิดเลขอยู่เนือง ๆ ต่อไป


4.
สรุปว่าหมอเทวดาเป็นลุงของ Ji Song แต่เพราะว่าการตายของน้องสาวตัวเอง และการล่มสลายของสำนักแพทย์ตัวเองเกิดจากฮ่องเต้องค์ปัจจุบันก็เลยไม่คิดจะช่วยรักษาขาให้ Ji Song ตอนแรก เพราะว่าเกลียดราชวงศ์ แต่เพราะตอนที่คอยจับตามอง และเห็นว่า Ji Song ไม่ได้แย่เกินไปนักก็เลยเริ่มเปลี่ยนความคิด และก็ต้องบอกว่าส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนใจก็เพราะอาหารที่ Yan Xining ทำด้วย .... เพราะนี่คือหัวขโมยที่ขโมยหมูพะโล้ตอนครั้งแรกที่ Yan Xining ทำ และก็เป็นคนที่ขโมยหม้อตุ๋นขาไก่ไปทั้งหม้อเหมือนกัน ชอบภาพตอนแรกที่เป็นหมอเก่งเอาแต่ใจ แล้วก็งอแงอยากให้ Yan Xining ทำอาหารอร่อยๆ ให้ตัวเองกิน โดยที่มีคำขอโน่น นี่เป็นระยะๆ เหมือนกัน


________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

Sunday, 3 July 2022

我靠种田养活了整个军团 //I Feed My Entire Legion by Farming

 เจอจากหน้าหลัก แล้วก็ติดใจปก กับติดใจพล็อต



คนเขียน: 芒果像鱼
แนว: Interstellar, ทะลุมิติ, ระบบ, farming
ความสัมพันธ์: ผู้บัญชาการกองทัพ X ผู้มีพลังปลูกผัก
จำนวนตอน: 41 ตอน (ยังไม่จบ)
ปี: 2022
ลิ้ง

Bai Tu รู้สึกตัวก็มาอยู่ในร่างเจ้าของร่างที่เพิ่งฆ่าตัวตาย เพราะว่ากองทัพอิสระ White Tiger แย่งชิงพื้นที่ของจักรวรรดิมาได้ และต้องการแยกตัวเป็นอิสระ เพื่อประนีประนอมและสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับหน่วย White Tiger จักรวรรดิจึงให้ Bai Tu ชนชั้นสูงที่มีความสามารถปลูกผักแต่งงานกับ Huo Rinchuan เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ หากแต่ Bai Tu ตัวจริงไม่อยากแต่งงานกับ Huo Rinchuan ผู้บัญชาการกองทัพที่มีพื้นเพมาจากสลัม นอกเหนือจากโวยวายดูถูก Huo Rinchuan ให้ทุกคนรู้แล้ว ก็ยังแกล้งฆ่าตัวตายเพื่อหนีการแต่งงานด้วย แต่ว่าตายจริง และ Bai Tu ก็เข้ามาอยู่ในร่างแทน

ดังนั้น เมื่อรู้สึกตัว Bai Tu ก็อยู่ในยานอวกาศที่กำลังเดินทางกลับไปยังฐานที่มั่นของกลุ่ม White Tiger แล้ว และเพราะนายทหารทั้งหลายไม่พอใจที่ตัว Bai Tu ดูถูกผู้บัญชาการกองทัพที่เป็นที่เคารพและนับถือของตัวเอง ทุกคนก็ตั้งข้อรังเกียจ Bai Tu ไปด้วย และอาหารระหว่างเดินทางที่เป็นแต่ขนมปังกรอบและของเหลวเหมือนกาวที่ดูกินไม่ได้ก็สร้างความทรมานให้ Bai Tu ที่คุ้นเคยกับอาหารบนโลกมาตลอด

แต่ว่า Bai Tu ก็รู้ว่าถ้าตัวเองไม่แก้ปัญหาที่เจ้าของร่างสร้างไว้ก็จะอยู่ลำบากแน่นอน เพื่อพบว่าตัวเองมีความสามารถปลูกพืชของเจ้าของร่างเดิม และมีระบบที่ให้เมล็ดพันธุ์พืชผักได้อยู่ในมือ ก็เลยขอกระถางและดินจากทหารที่คุมหน้าประตูห้องมา และเพราะไม่ใช่คำขอเรื่องมากอะไร และเพราะทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่า Bai Tu มีพลังปลูกผัก คำขอก็เป็นจริงได้ง่ายดาย

ดังนั้น เจ้าตัวจึงใช้เวลาที่เหลือระหว่างเดินทางด้วยการปลูกหัวไชเท้าสี่ต้นอย่างตั้งใจ เพื่อจะใช้เป็นแต้มต่อกับทาง White Tiger ให้ได้ ... ซึ่งภาพที่ได้ก็เป็นอย่างที่ Bai Tu ตั้งใจ เพราะทางหน่วย White Tiger เห็น Bai Tu กอดประคองกระถางพืชที่ดูกินได้ลงมาจากยาน และ Huo Rinchuan รวมไปถึงลูกน้องก็รับรู้ว่าตัว Bai Tu ส่งสัญญาณต้องการร่วมมือกับพวกตัวแล้ว ... เพราะว่าโลกนี้ พืชที่กินได้ทั้งจักรวรรดิมีอยู่แค่ 20 ชนิดเท่านั้น ที่เหลือกินได้ไม่ได้ หรือไม่ก็วิวัฒนาการจนเป็นสิ่งมีชีวิตอันตรายไปแล้ว และก็เกิด “คนปลูกพืช” ขึ้นมาเพื่อให้พลังจิตตัวเองปรับระบบยีนในพืชให้ปลูกได้และกินได้ ถือเป็นกลุ่มคนสำคัญ โดยเฉพาะกับหน่วย White Tiger ที่เมื่อเข้ามายึดที่มั่นใหม่ทำให้เหล่าชนชั้นสูงและคนเทมพืชหนีไปหมด ไม่มีพืชที่ปลูกกินได้เลย นอกจากจะเสี่ยงอันตรายไปสู้และจับพืชกลับมาจากดาวอื่น

เพราะเป็นการแต่งงานทางการเมืองและเพราะตัว Bai Tu เดิมดูถูก Huo Rinchuan ไว้มาก ก็เลยทำให้ตัว Huo Rinchuan ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับ Bai Tu โดยตัว Huo Rinchuanสร้างบ้านวิลล่าให้อย่างดีหนึ่งหลัง และให้ทหารรับใช้หนึ่งคนคอยดูแล และก็ให้ห้องวิจัยพืชในตึกวิจัยด้วย ... ซึ่งสำหรับตัว Bai Tu ที่ไม่คิดมากมองว่าสองคนไม่ใช่คู่รักกันจริงๆ แต่เป็นพันธมิตรกัน ก็รู้สึกว่าดีเพียงพอแล้ว

Bai Tu ที่ไม่มีอะไรทำไปขลุกตัวในห้องวิจัยวันแรก แต่ Zuo Lai ลูกน้องและคนสนิทของ Huo Rinchuan ที่ตอนนี้ต้องมาดูแลวิจัยพืชก็เลยมาชวนไปทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหารราคาแพง และ Bai Tu ที่ทนอาหารรสชาติไม่ได้เรื่องมาตลอดก็ตื่นเต้นและคาดหวังอย่างมาก ... จนเจอว่าไม่ว่าจะไปไหนก็เจออาหารรสชาติแต่ตักเข้าปากไม่ได้อยู่เหมือนเดิม เลยขอใช้ครัวร้านอาหารทำอาหารเอง และก็เกิดเป็นมหกรรมที่ Zuo Lai มาเป็นลูกมือ Bai Tu ทำอาหาร และเหล่านายทหารระดับสูงก็ถูกความวุ่นวายและกลิ่นหอมของอาหารดึงดูดมาด้วย จบลงที่ Bai Tu ได้กินอาหารคนอย่างที่ตัวเองต้องการ และ Zuo Lai และนายทหารอื่นๆ ถูกอาหารที่ไม่เคยเห็นมาก่อนของ Bai Tu ซื้อใจจนเริ่มมอง Bai Tu ในแง่ดีขึ้น โดยหนึ่งในนั้นก็คือ Lei Shi หัวหน้าหน่วยที่ไม่คิดมาก

และพอหลายครั้งเข้า กลายเป็นว่าเหล่านายทหารไปงานปาร์ตี้อาหารของ “ภริยาท่านผู้บัญชาการกองทัพ” เป็นระยะๆ แต่ว่าผู้บัญชาการกองทัพไม่เคยได้ลิ้มลองอาหารเลย สุดท้ายพอทนไม่ไหว ฟัง Lei Shi และคนอื่นๆ อวดมากๆ เข้า กลางดึกก็ย่องเข้าไปในวิลล่าเพื่อแอบกินอาหารของ Bai Tu ซึ่งเพราะว่าตัว Huo Rinchuan มียีนแมวที่วันนึงต้องมีหนึ่งชั่วโมงอยู่ในร่างแมวก็เลยมาในร่างแมวพอดี แต่เผอิญว่า Bai Tu ลงมาดื่มน้ำพอดี พอเห็นแมวดำปลอดตาสีทองท่าทางรู้ความก็ตื่นเต้นมาก รีบเลี้ยงแมวพอแมวอิ่มแล้วเอาแมวไปอยู่ในห้องนอนด้วย

วันต่อมา ตื่นมาแมวหายไปแล้ว ก็เลยไปถาม Zuo Lai ที่ตอนนี้เจอกันทุกวัน ก็ได้ความว่าเป็นแมวของท่านผู้บัญชาการกองทัพ ซึ่งความจริงก็คือมีแค่ตัว Zuo Lai และลูกน้องคนสนิทอีกคนที่รู้ความลับนี้ ...และพอไปถาม Huo Rinchuan เองก็ได้ความว่าเป็นแมวเลี้ยงที่อยู่ในกองทัพ และไปไหนมาไหนเป็นอิสระ ... แต่เพราะเห็นความคลั่งแมว ตัว Huo Rinchuan ก็เลยคิดจะใช้ร่างแมวเข้าไปสืบความลับของ Bai Tu ด้วย เพราะทุกคนแปลกใจว่าทำไมตัว Bai Tu ที่ได้ข่าวมาตอนที่อยู่ในจักรวรรดิ และตอนที่ในหน่วย White Tiger แสนแตกต่างกัน ถ้าใช้ร่างแมวก็อาจจะสืบความจริงได้ตอนที่อีกคนไม่ระวังตัว และได้กินอาหารอร่อยๆ ด้วย

และเพราะอาหารที่ตัว Bai Tu ทำอร่อย ถึงขั้นที่ทางหน่วยเสนอให้เปลี่ยนอาหารในโรงอาหารทหารในหน่วยทั้งหมดให้เป็นอาหารตามแบบ Bai Tu ทำ และตัว Bai Tu ก็มีเมล็ดพันธุ์พืชอื่นขึ้นมาอีก ต่างจากสมมติฐานแรกที่พวก Huo Rinchuan คิดว่าตัว Bai Tu เอามาจากตระกูลตัวเอง ก็เลยทำให้เริ่มคิดว่าตัว Bai Tu น่าจะเป็นคนปลูกพืชระดับเทพ และก็เริ่มให้ความสำคัญกับตัว Bai Tu มากขึ้นเรื่อยๆ
.
.
.
เอาจริง ปกเหมือนดี และพล็อตเหมือนดีกว่าก็เลยพุ่งตัวไปอ่าน และก็ไม่ผิดหวังเลย ดีงามมาก ตอนแรกคิดว่าเจ้าตัวต้องพยายามเอาชนะใจทั้งหน่วยอย่างหนักเหมือนกัน แต่เพราะสถานะคนเทมพืชที่สร้างภาพตั้งแต่วันแรกที่อุ้มกระถางไชเท้าลงจากเครื่องมากก็ทำให้ความรู้สึกของคนในกองทัพดีขึ้น อย่างที่บอกว่าจะต้อง fight for his own treatment แล้วก็ได้จริงๆ ไม่นับว่าปฎิวัติวัฒนธรรมอาหารให้หน่วยอีก ภาพลักษณ์ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกัน น่ารักที่พืชกินได้เป็นเรื่องใหญ่มาก และสำคัญมาก ชนิดที่วันแรกพอกอดไชเท้าหนึ่งกระถางลงมา ทุกคนก็ตื่นเต้นกันมาก บอกว่าภริยาท่านผู้บัญชาการเอาพืชกินได้มาจากตระกูลตัวเองด้วย พอบอกว่ายังมีอีกสามกระถางอยู่ในห้อง ตัว Zuo Lai ก็ยิ่งตื่นเต้น ให้ความสำคัญกับหัวไชเท้าถึงขั้นที่วันต่อมาพอ Bai Tu มาที่ห้องวิจัยวันแรกก็เจอว่ามีนายทหารอาวุธหนักครบมือประจำการอยู่หน้าห้องสองนาย พร้อมกับเลเซอร์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในห้องเพื่อ “ปกป้อง” ต้นหัวไชเท้าแค่สามสี่กระถางงง ซึ่งตัว Bai Tu ที่ถึงแม้จะให้ค่าผักในฐานะเด็กที่มาจากบ้านที่ครอบครัวปลูกดอกไม้ขายก็ยังตกใจมากเหมือนกัน

ถึงขั้นที่ต่อมา พอพื้นที่ไม่พอ ตอนที่มีพันธุ์ผักมากขึ้น ก็ได้แปลงทดลองเพิ่มอีก และก็ได้ลูกมือเป็นนายทหารสองกองมาช่วยงาน น่ารักที่ทุกคนต้องลงนามสัญญาเก็บความลับก่อน และพอถึงเวลาก็ทำงานจริงจังมากด้วย ไม่นับว่าหน่วยที่มาช่วย Bai Tu มาได้เพราะสู้กับในหน่วยและหัวหน้าหน่วยที่ชนะก็จะได้มาทำงานในไร่ เป็นความศักดิ์สิทธิ์อลังการให้ความเคารพผักจริงๆ ถึงตอนหลังที่พอ Bai Tu จะทำผักกาดดอง ทหารยอมช่วยตัดช่วยล้างน้ำ แต่พอบอกว่าจะต้องเอาใส่แทงค์แล้วโรยเกลือก็ไม่มีใครกล้ายอมทำ บอกว่าไม่กล้าที่จะทำผิดพลาดแล้วผักที่มีค่าเสียหายไป

กับมีความเพี้ยนๆ อยู่เหมือนกัน เพราะว่า Bai Tu อยากกินหัวไชเท้าแบบบนโลกมาก แต่ตัว Zuo Lai ไม่ยอมให้กิน บอกว่าต้องเก็บไว้วิจัย สุดท้ายอยากกินทนไม่ไหว ก็เลยตัดสินใจแอบขโมยหัวไชเท้าหนึ่งหัวแล้วใส่กระเป๋าแอบจะไปกิน แต่เพราะทำท่าทางลับๆ ล่อๆ มาก ตัว Huo Rinchuan ก็มาเห็นเข้า ดังนั้นก็เลยตามไปดู และไปอยู่ในร่างแมว เพื่อที่จะ “สืบเรื่อง” ได้ชัดๆ แต่กลายเป็น Bai Tu ดีใจมากที่เจอ Xiao Ling แมวดำขาประจำที่มากินข้าวเย็นด้วยที่บ้านบ่อยๆ ก็เลยบอกว่าจะแบ่งของดีให้ แล้วแบ่งครึ่งไชเท้ากินกับแมวคนละครึ่งหัว กำลังกินอร่อยสองคน (หนึ่งคนหนึ่งตัว) ก็เจอ Zuo Lai ตามมาพอดี หลักฐานการกระทำผิดคาหนังคาเขา (คาปาก) คนและแมวมาก เพราะว่าตัว Zuo Lai ก็รู้สึกว่า Bai Tu มีพฤติกรรมน่าสงสัยเหมือนกัน และเพราะไม่เชื่อว่าตัว Bai Tu ดึงมาแค่หัวเดียวก็เลยลากกลับไปที่เกิดเหตุ (ห้องวิจัย) ... เพื่อหนีผิด ตัว Bai Tu ก็หว่านล้อมต่างๆ นานา ทั้งบอกว่าพืชอยากเป็นอาหารให้คนบ้าง ทั้งน่าเสียดายที่ไม่ได้กินพืชตอนที่อร่อยที่สุดบ้าง สุดท้าย Zuo Lai ที่ถูกกรอกหูว่าเป็นหน้าที่นักวิจัยเหมือนกันที่ต้องชิมและรู้จักพืชที่ตัวเองทดลองก็พ่ายแพ้ ยอมให้ Bai Tu ดึงไชเท้ามาอีกหัว และเป็นจำเลยร่วมกับ Bai Tu ขโมย (?) กินไชเท้าเหมือนกัน

กับตอนที่ Bai Tu ทำอาหารครั้งแรก ตัว Zuo Lai ก็เครียดว่าช่องว่างระหว่างชนชั้นสูงกับคนธรรมดามันยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ ใหญ่หลวงขนาดนี้เลยเหรอ กรรมวิธีก็ดี รสชาติก็ดีต่างจากที่เคยกินมาทั้งชีวิตเลย ไม่ใช่แค่เอาอาหารรวมๆ กันแล้วกินได้เพื่อให้ได้พลังงานและคุณค่าอาหารเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด แต่เพราะว่าตัว Zuo Lai ไม่ได้กินข้าวกลางวัน เพราะ Bai Tu วิ่งเข้าครัวไปก่อนและตัวเองต้องเป็นลูกมือให้อีกคนก็เลยได้ปริมาณอาหารเยอะกว่านายทหารคนอื่นๆ ที่กินข้าวกันไปแล้วด้วย ทำให้เป็นที่อิจฉาคนอื่นอย่างมาก ... แต่สุดท้ายคนที่ได้เปรียบและได้กินอาหารของ Bai Tu ตลอดยิ่งกว่าท่านสามี (ที่ไม่เคยได้กินเลย ยกเว้นว่าจะอยู่ในร่างแมว) ก็คือทหารรับใช้ส่วนตัวของเจ้าตัว เพราะว่าอยู่ด้วยกันตลอด มีอะไร Bai Tu ก็แบ่งให้ตลอด และก็ทำให้ตัว Fang Yu รู้สึกว่าโชคดีมากที่ได้ทำหน้าที่ที่ตอนแรกทุกคนเกี่ยงกันทำ เพราะได้กินมากกว่านายทหารระดับหัวหน้ากองทั้งหลายอีก เป็นที่อิจฉาทุกคน และทั้งความสามารถปลูกผักและอาหารอร่อยก็ยิ่งทำให้ Fang Yu เกิด absolute obedience ทั้งเชื่อฟังทั้งศรัทธา Bai Tu ขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยความที่จักรวรรดิและกองทัพอิสระอื่นๆ กดดันให้กองทัพ White Tiger และ Huo Rinchuan จัดงานแต่งงานก็เพราะว่าจ้องเล่นงานอยู่ และก็อยากจะให้ White Tiger ที่มีพื้นเพมาจากชนชั้นล่างและสลัมเสียหน้าที่จัดงานแต่งให้หรูหราและดูดีอย่างชนชั้นสูงในจักรวรรดิไม่ได้ แต่เพราะ Bai Tu คิดว่าไม่ควรต้องทำตามแบบแผนที่มี และควรจัดงานโดยใช้จุดเด่นของ White Tiger ก็เลยทำให้สุดท้ายแล้วเป็นที่กล่าวขวัญและฮือฮากันมาก เพราะการถ่ายทอดสดพิธีแต่งงานแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ต่างไปจากที่เคยเห็นอีก ซึ่งพอทุกคนรู้ว่าเป็นฝีมือและการออกแบบของ Bai Tu ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของตัว Bai Tu ตัว Huo Rinchuan และตัว White Tiger ดูดีขึ้นมามาก น่ารักที่ตอนแต่งมีขบวนแห่รถเกราะหนักมาด้วย ซึ่งจริงๆ ถ้าเห็นรถแบบนี้มาก็คือแนวรับสุดท้ายของดาวถูกตีแตกแล้ว และก็กำลังจะกลายเป็นพื้นที่ของกองทัพอื่นไป Seeing it means that your own planet has been completely defeated, and it will soon become the domain of another legion. แต่คราวนี้รถเกราะหนักมาแบบตกแต่งดอกไม้ป่าสวยงาม ดูน่ารัก โรแมนติก และไม่น่ากลัวอย่างที่เคย และก็มี Huo Rinchuan กระโดดอย่างสง่างามลงมาจากรถเกราะเพื่อรอรับ Bai Tu ที่กำลังจะลงมาจากเรือเหาะอีก ยิ่งมีการให้คำสาบานระหว่างกันก็ยิ่งทำให้เหล่าสตรีชนชั้นสูง ตลอดจนเด็กสาว และวัยรุ่นทั้งหลายน้ำตาคลอตาม กลายเป็นทุกคนปลื้ม ชื่นชม และใฝ่ฝันจะจัดงานแต่งแบบนี้ด้วย เพิ่มค่าวัฒนธรรมให้กลุ่ม White Tiger ขึ้นมา

และน่ารักว่าคำสาบานของ Huo Rinchuan ที่บอกว่าตัว Bai Tu เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพ (ในแง่ว่าจะคอยปกป้องดูแล) กลายเป็นคำสัญญา/สาบานตอนแต่งงานของคนในหน่วยต่อมาภายหลัง

แต่เหมือนเอาทหารมาใช้งานผิดประเภทเป็นระยะๆ เพราะว่าตอนตัดดอกไม้ป่ามาใช้ในงานแต่งก็คือว่า Zuo Lai ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของ Bai Tu ตั้งใจให้ดอกไม้เป็นของขวัญในงานแต่งงาน และก็ออกคำสั่งให้นายทหารหน่วยอีลีทไปช่วยกันตัดดอกไม้ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการตัดดอกไม้ก็คือดาบเลเซอร์แสงที่ใช้สู้รบกันนะคะ อีกตอนก็เหมือนกัน พอข้าวสาลีสุกแล้ว นายทหารกลุ่มเดิมที่ลงชื่อเก็บความลับก็มาช่วยเกี่ยวข้าว และเพราะไม่เคยมีใครปลูกข้าวสาลีมาก่อนก็ไม่มีอุปกรณ์เกี่ยวข้าว เหล่าทหารก็ใช้ดาบเลเซอร์มาตัดต้นข้าวสาลี ซึ่งเพราะเป็นนายทหารฝีมือดี การตัดก็มีประสิทธิภาพมาก ไม่นับว่าตัดได้เสมอกันและพร้อมเป็นจังหวะเดียวกันทุกคนอีก ใช้คนน้อยทำงานได้มาก ก็เลยให้แบ่งหน้าที่กัน เป็นคนนวดข้าวอีกกลุ่ม

แต่คือ 41 ตอน ยังไม่ถึงไหนเลยอีกแล้ว ฮืออ ตกหล่มเรื่องที่ยังไม่จบอีกแล้วววว ก็รอดูที่คนเขียนบอกว่าจะมีวันที่ Bai Tu เป็นคนที่ทั้งหน่วย White Tiger ปกป้องรักษายิ่งกว่าชีวิตอยู่ กับคนเขียนชอบให้ทายว่าจะเป็นอย่างไรต่อ อย่างพอบอกว่าเป็นแมว ก็ถามว่าเดาออกไหมว่าเป็นแมวสีอะไร .... ซึ่งเดาถูก เพราะแมวที่ดีคือแมวดำ เหตุผลและตรรกะพังมากจริง (ถึงจะถูกก็เถอะ) กับนะคะ ถึงคนเขียนจะบอกว่าเพราะคุณพี่ Huo Rinchuan ผมดำไง แต่ว่าถ้าให้เป็นแมวลาย แมวส้มพวกนี้ก็ไม่น่าเกรงขามสิ

ปล.
1.
เอาจริง ช่วงแรกเห็น Zuo Lai อยู่กับ Bai Tu มากกว่า Huo Rinchuan อีก ขำที่จริงๆ แล้ว Zuo Lai มีหน้าที่พัฒนาและวิจัยอาวุธและอุปกรณ์เทคโนโลยีสูงทั้งหมดของหน่วย แต่เพราะตอนที่ยึดดาวได้ ไม่มีคนเทมพืชได้เลย ก็เลยต้องมารับหน้าที่โดยปริยาย พออยู่กับ Bai Tu นอกเหนือจากจะช่วยกันวิจัย และเป็นเพื่อนกันได้ ก็เลยมีความมุ่งมั่นที่จะปั้น Bai Tu ให้เก่งและรับช่วงหน่วยวิจัยพืชไปที ตัวเองจะได้ลาจากพืชเอาแต่ใจ และกลับไปวิจัยอาวุธแบบเดิมได้เสียที


2.
ชอบทัศนคติตัว Bai Tu ที่เรื่อยๆ สบายๆ มาก ตอนแรกมาที่กลุ่ม White Tiger ก็คิดว่าควรให้ความสำคัญใครที่สุด ในแง่ที่ว่าใครคือหัวหน้างานตัวเอง ตอนแรกคิดว่าเป็น Huo Rinchuan แต่พอถูกจับโยนไปอยู่กับ Zuo Lai ก็คิดว่าตอนนี้หัวหน้าตรงตัวเองคือ Zuo Lai แล้วนะ

ความมุ่งมั่นที่จะอยู่ดีในหน่วย White Tiger เกิดมาแล้ว ความมุ่งมั่นที่จะกินอร่อยก็ตามมาด้วย และชัดจน Zuo Lai เริ่มคิดว่าจริงๆ การที่ตัวเองกับ Huo Rinchuan คิดว่า Bai Tu ทำตัวขัดแย้งเพราะว่าอยากเป็นคนปลูกพืชระดับเทพที่ทำเพื่อคนทั้งมวลหายไป และกลายเป็นเริ่มมองว่า Bai Tu ทำเพราะอยากกินผักอร่อยขึ้นมาหรือเปล่า (ซึ่งจริงๆ ก็ถูก มีแค่อย่างหลังจริงๆ แต่ว่า brain supplement แบบแรกไปไกลเกินเยียวยากันแล้ว)

แต่ว่าความบ้าแมว Bai Tu เกินเลยมาก ทุกครั้งที่เห็นแมวดำสุดที่รักก็จะโอ๋ โอ๋ และโอ๋ ตอนที่เรียกแมวว่าเหมียวก็เพราะยังไม่รู้จักกัน และเมื่อตั้งชื่อให้แมวได้ (ด้วยการอนุมัติของแมวที่ไม่พร้อมตบหลังได้ยินชื่อแปลกๆ) ก็อดเรียกชื่อโน้นชื่อนี้ไม่ได้ อย่างที่แอบคิดไปเองว่าปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตักอึแมวมีเหมือนกัน คือชื่อแมวชื่อเดียวไม่เคยพอ ช่างเป็น human with cat slave attribute มาก

กับขำที่บอกว่าพอเทมพืชได้ แต่งยีนพืชได้ อยากจะบอกให้มะม่วงทำตัวสมเหตุสมผลบ้าง และเรียนรู้จากกล้วยว่าทำไมต้องมีเมล็ดใหญ่มากขนาดนั้น เอาจริงๆ เหมือนนักเขียนกัดตัวเองเล่นชื่อ เพราะว่าชื่อมะม่วงเนี่ย


3.
เหมือนท่านผู้บัญชาการกองทัพจะนิ่งๆ ไม่สนใจภริยา แต่ว่าตอนที่ Bai Tu ไปตามหาพันธุ์พืชที่ดาวดวงอื่น กลายเป็น Huo Rinchuan คิดถึงตลอด ตอนที่ไปกินข้าว ไม่ว่าจะเป็นที่โรงอาหาร หรือร้านอาหารของ Bai Tu ก็คิดถึงอีกคนตลอด (แม้จะเพราะบอกว่าอาหารที่หุ่นยนต์ทำอร่อยสู้อาหารที่ Bai Tu ทำไม่ได้ก็เถอะ) ไม่นับว่าตอนเย็นก็คิดว่าปกติถึงเวลานี้ ตัวเองก็จะแปลงร่างเป็นแมวไปหา Bai Tu แล้วอีก ช่วงที่ Bai Tu หายไปสองวัน คนที่หงุดหงิดโมโหอารมณ์เสียตลอดก็คือท่านผู้บัญชาการกองทัพหน้านิ่งนี่เอง จนในที่สุดก็ไปขับหุ่นยนต์ Apocalypse ของตัวเองช่วยหน่วยอื่นรบเลยนะ

อยากรอดูตอนคลั่งรักมากกกก
  
________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993 #mereadingg

Wednesday, 22 June 2022

位面交易之原始世界 // The Primitive World of Planar Trading

ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอเขียนรีวิวอีกเรื่อง จะได้ครบ Top 3 สาย Infrastructure + ยุคหิน  Beast World ให้รู้แล้วรู้รอดไป ชอบการแบ่งเวลาที่เขียนดีมาก กับเชิงการเมืองสู้กับเผ่าอื่น กับชอบตัวเอกสองคนเวลาอยู่ด้วยกัน กับแปลกใจมากที่เขียนตั้งแต่ปี 2015 // ปล. แอบอ่านวนตอนเขียนรีวิว เลยลงดีเทลจัดอีกกแล้วววว



คนเขียน: 荷风渟
แนว: โลกบีสต์, ทำฟาร์ม, ก่อสร้าง, สร้างเผ่า, ทะลุมิติ, ระบบ
ความสัมพันธ์: แมวยักษ์ (?) X คนธรรมดา (?)
จำนวนตอน: 195 ตอน ( 193 ตอนหลัก  + 2 ตอนพิเศษ) 
ปี: 1995-1996

Wu Nuo เกิดมาในบ้านที่พ่อแต่งงานใหม่ ตามประสาที่พ่อสนใจแม่เลี้ยงและลูกชายคนใหม่มากกว่า และได้ตากับยายคอยเลี้ยงดู และเมื่อพ่อไม่ยอมส่งเสียให้เรียนหนังสือ พอยังไม่จบม. ต้น ไม่มีเงินเรียนหนังสือ แถมตากับยายก็ตาย ก็เลยออกจากบ้านเร่ร่อนมาทำงานในโรงงาน ก่อนจะที่ลงเอยด้วยการเป็นพ่อค้าเร่ขายของที่แหล่งท่องเที่ยวและจุดชมวิว เริ่มจากซื้อของกระจุกกระจิกมาขาย แล้วพอเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นก็เลยเปลี่ยนเป็นขายของเสียบไม้ปิ้งย่างตอนหลังด้วยฝีมือทำอาหารที่ได้มาจากตายาย แต่เพราะเป็นรถเข็นเถื่อน ก็ต้องเข็นรถหนีเทศกิจอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่งที่วิ่งหนีเทศกิจไปแล้วถูกรถชน

ลืมตาตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในป่าเสียแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าฝ่ายที่มาชนเอาตัวเองมาทิ้งในป่า แต่ว่าดูจากสภาพรอบตัวก็ดูไม่น่าใช่ ขณะที่ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เจอแมวยักษ์สีขาวหรือลูกเสือขาวอ้วนป้อมโผล่มา ด้วยความที่แมวดูรู้ภาษา พอแมวทำท่าไม่แน่ใจจะวิ่งหนีก็เลยวิ่งตามไปด้วยเสียเลย ... เพราะอย่างน้อยแมวก็ดูว่าน่าไว้ใจกว่าอยู่กลางป่าคนเดียว

แต่เมื่อเริ่มวิ่งตามแมว ก็เหมือนแมวจะใจอ่อนทำท่าให้วิ่งตามต่อไป พอวิ่งไปครึ่งทาง แล้วหมดแรง เห็นแมววิ่งหายไปแล้วก็กลับมาพร้อมผลไม้ที่คาบมาให้กินแก้เหนื่อยแล้วพาวิ่งไปถึงเผ่าตัวเอง และ Wu Nuo ที่เหนื่อยมากก็หมดแรงสลบไป 

และก็กลายเป็นว่าแมวขาวที่พา Wu Nuo กลับมาชื่อว่า Bai และเป็นบีสต์ในเผ่า Chang He ด้วยความที่ Wu Nuo ดูผิวพรรณดีผิดจากคนในเผ่า (สีผิวขาวใสของคนเมืองกับคนในเผ่าที่ผิวสีแทน) และแต่งตัวแปลกประหลาดด้วยวัสดุที่ไม่เคยเห็นมาก่อนขนาดพ่อมดใหญ่ของเผ่าหรือ Da Wu ที่เดินทางไปทั่ว และมีความรู้มากจนเป็นที่นับถือของเผ่าน้อยใหญ่รอบๆ ก็ยังไม่รู้จักก็เลยคิดเหมือน Bai ว่า Wu Nuo น่าจะมาจากเผ่าใหญ่ (หรือถึงขั้นที่เป็น super tribe) และหลงอยู่ในเผ่าจนกระทั่ง Bai ไปเจอเข้า 

ตื่นมาอีกที ก็เหมือนนอนอยู่บนเตียง (?) และคนที่คอยดูแลก็เป็นลูกศิษย์ของพ่อมดในเผ่า และก็พบว่าตัวเองฟังเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดจริง แต่โต้ตอบกลับไปไม่ได้ และเห็นบ้านที่ทำจากก้อนหินและคนนุ่งห่มหนังสัตว์ทุกที่ ไม่นับสัตว์ที่กลายร่างเป็นคนได้ก็แตกตื่น และก็ได้ยินเสียงระบบพอดี สรุปว่าตอนนี้เกิดเหตุที่ทำให้ไปผูกติดกับระบบ Cosmic Plane Trading System และถูกส่งมาที่โลกบีสต์ระดับ SS โดยต้องทำภารกิจต่างๆ ที่ระบบกำหนด และจะได้รางวัลตอบแทน ซึ่งงานแรกก็คือ ได้สิทธิ์เป็นสมาชิกของเผ่า ซึ่งจะได้รางวัลเป็นแต้มที่ใช้แลกเปลี่ยนและเปิดฟังค์ชั่นภาษาได้ ตอนนี้จะกลับโลกเก่าได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ก็เลยคิดจะได้รางวัลให้ได้ก่อน

เมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองพากลับมาท้องร้องด้วยความหิว แมวก็เลยพา Wu Nuo ไปกินข้าวที่ลานริมแม่น้ำของเผ่า มีการอธิบายถึงเผ่าว่า Chang He (ตามชื่อแม่น้ำยาวที่ขวางพื้นที่เผ่ากับป่าไว้) มีสมาชิกในเผ่าเกือบพันคน และคนที่กลายร่างเป็นบีสต์ได้มีแค่ 1/10 ของทั้งหมด แต่ถึงจะมีจำนวนน้อยก็ทรงพลังและแข็งแกร่งกว่าคนปกติมาก และก็เฉพาะบีสต์เท่านั้นที่จะมีทาสเป็นของตัวเองได้ ซึ่งทาสที่ไม่ว่าจะถูกจับมาหรือแลกมาจะมีสถานะต่ำมากในเผ่า และก็เป็นโชคดีของ Wu Nuo ที่ Bai เป็นคนพากลับมา และกะจะเลี้ยงดูในอยู่ในสถานะกึ่งคู่กึ่งเพื่อนตัวเอง และ Da Wu ก็เข้าใจว่า Wu Nuo มาจากเผ่าใหญ่ มิฉะนั้นก็จะมีรอยสัญลักษณ์ทาสป้ายอยู่ที่หน้าแล้ว ...

แต่ด้วยความที่ Bai ยังไม่แปลงร่างเป็นคน ทั้งที่ถึงเกณฑ์ต้องเป็นคนได้แล้ว ... ซึ่งถ้ายังเป็นแค่สัตว์อย่างเดียว ไม่ช้าก็จะต้องถูกขับไล่ออกจากเผ่าไป เพราะการที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นอันตรายกับเผ่า ... ก็มีเสียงแย้งอยู่ในเผ่าบ้าง เมื่อ Bai คิดจะเลี้ยง คนหน้าขาวที่หน้าตาดีแต่อ่อนแอและแปลงร่างไม่ได้ แต่ด้วยความที่ทั้ง Da Wu รับรองว่า Wu Nuo จะพาความโชคดีมาให้เผ่า ประกอบกับ Shi Hu เพื่อนสนิทของ Bai ที่เป็นนักรบแข็งแกร่งถึงขั้นเป็นผู้สมัครหัวหน้าเผ่าคนต่อไปช่วยพูด ก็ไม่มีใครกล้าแย้งในที่สุด

เมื่อกินอิ่ม Wu Nuo ก็เริ่มคิดว่าจะได้รับการยอมรับจากคนในเผ่าอย่างไรดี ซึ่งยังไงก็ควรจะเป็นคนที่มีประโยชน์ แต่จะให้ไปล่าสัตว์ก็สู้คนในเผ่าไม่ได้ จะเพาะปลูกก็เป็นคนเมืองไม่รู้วิธีอีก ก็มาถึงตัวเลือกทำอาหาร เพราะว่าด้วยความที่ต้องฝ่าฟันด้วยตัวเองในเมืองใหญ่ ฝีมือทำอาหารก็ดีกว่าใคร แต่ก็มีปัญหาเรื่องเครื่องปรุงอีก 

แต่ระหว่างที่สลดอยู่ ก็ได้สิทธิการเป็นพลเมืองเผ่ามาจาก Bai ที่วิ่งไปขอ Da Wu มาให้แล้ว เพราะว่า Bai จะเลี้ยงคนทั้งทีก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด และพอแมวกลับบ้านมาที่เคยอยู่คนเดียว เย็นเยียบมาตลอดก็เหมือนจะอบอุ่นขึ้นเมื่อมี Wu Nuo อยู่ด้วยอีกคน 

วันต่อมา เมื่อเลี้ยง Wu Nuo ด้วยน้ำแกงที่ Da Wu ต้มมาให้กับผลไม้ แมวยักษ์ Bai ก็หายไป ตอนนี้กลายเป็นสมาชิกเผ่าสมบูรณ์แล้ว เจ้าตัวก็ไม่กลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว แต่ว่าอาหารที่กินไปน้อยจนอิ่มแบบไม่อิ่ม แถมในเผ่ายังกินอาหารแค่วันละ 2 มื้อเช้าเย็น ไม่มีแนวคิดมื้อกลางวัน ตัว Wu Nuo ที่กินวันละ 3 มื้อ ไม่นับมื้อดึกหลังปิดแผงก็อยู่ไม่ได้แน่นอน พอค้นของในตัวเจอตะขอตกปลาก็คิดจะไปตกปลามากิน

ตอนที่หักกิ่งไม้มาทำเบ็ดตกปลาและตกปลา เด็กๆ ในเผ่าที่เล่นอยู่แถวนั้นก็มามุงด้วย พอเห็นว่าตกปลาได้ก็ตื่นเต้นชื่นชมแถมพอมาขอตกปลาด้วยเบ็ดตกปลาก็ทำให้ภารกิจสอนการตกปลาลุล่วงเล่นกับเด็กๆ ทั้งที่เป็นคนและเป็นลูกสัตว์ชื่นมื่นกว่าเดิม และก็เริ่มพูดสื่อสารกับเด็กๆ เพิ่มขึ้นอีก พอบอกไปว่าถ้ามีเครื่องปรุงจะอร่อยกว่านี้อีกนะ ก็มีเด็กที่วิ่งไปเอาก่อนไขมันสัตว์และกเกลือจากบ้านมาให้

พอไปขุดหินที่มีแอ่งตรงกลางจากริมน้ำมาทำเป็นกระทะ การเจียวเอาน้ำมันแล้วได้กากมันๆ กรอบๆ ที่โรยเกลือเค็มนิดๆ ไปก็ซื้อใจเด็กๆ ทั้งกลุ่มได้แล้ว และพอปลาเริ่มสุก Bai ก็กลับมาพอดี ซึ่งก็คือเหมียวยักษ์ออกไปล่าสัตว์กลับมาเลี้ยงคนของตัวเอง กำลังจะอาละวาดคนของตัวเองไปเล่นทำอาหรให้คนอื่น ปลาส่วนแรกก็เป็นของ Bai ไป และปลาย่างก็ซื้อใจเหมียวได้จนอารมณ์ดีได้หลังกิน โดยเฉพาะเมื่อ Bai ตอนที่หิวโซ ไม่มีอะไรกิน เคยจับปลามากินก่อนหลายต่อหลายครั้งเหมือนกัน ถึงแม้จะกลิ่นเหม็นคาว และเกล็ดและก้างแทงคอ แต่ก็ดีกว่าอดตาย 

ปลาอร่อยมาก และคนหน้าขาวข้างๆ ก็เริ่มสื่อสารรู้เรื่องได้แล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแมวมีความสุขมาก และเด็กๆ กว่าสิบคนที่กินปลาอร่อยมากที่ไม่เคยกินมาก่อนก็มีความสุขเหมือนกัน เมื่อกินอิ่ม และมีปลาเหลือ Wu Nuo ก็เลยย่างปลาให้เด็กๆ กลับไปบ้านด้วย โดยเฉพาะเมื่อกลัวถ้าเอาของที่บ้านออกมาถ้ากลับบ้านจะถูกตีหรือเปล่า เมื่อเกลือเป็นสิ่งหายาก ... และลูกสิงโตที่เอาเกลือชามโตมาก็ได้ปลาชิ้นใหญ่กลับไป ซึ่งลูกสิงโตหรือ Awei นี้ก็คือลูกหัวหน้าเผ่าและก็ซึ้งใจกับความภักดีต่อเพื่อนที่ Wu Nuo มีถึงขั้นที่ให้ Wu Nuo มาอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ดีแล้ว

ปลาเล็กที่เหลือ 3 ตัวถูกเอามาทอดและทำซุป พอ Bai ปลื้มมากว่าอิ่มแล้ว แต่คนหน้าขาวข้างตัวยังทำอาหารให้อีก พอจะกินก็ถูก Wu Nuo ห้ามแล้วบอกว่าจะเอาไปให้ Da Wu แต่สุดท้ายก็ต้องแบ่งให้แมวเอาแต่ใจด้วยอยู่ดี พอไปหา Da Wu แล้วตัว Wu Nuo เริ่มเข้าใจภาษาถึงขั้นที่สื่อสารได้ Da Wu ก็คิดไปว่าตัว Wu Nuo สืบเชื้อสายพ่อมดหมอผีในตัวเหมือนกัน และเมื่อคิดว่า Wu Nuo หลงมาที่เผ่า และเป็นสมาชิกเผ่าตัวเองแล้วก็ยิ่งเอ็นดู Wu Nuo ขึ้นไปอีก เมื่อคิดว่าได้คนเก่งมีความสามารถมาอยู่ที่เผ่า (ขำตอนนี้ที่ Da Wu คิดดีดลูกรางแก้วอยู่ในใจ แต่ว่าพอ Bai เห็น Da Wu ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งสยอง เพราะตอนเล็กๆ ยิ่ง Da Wu ยิ้มใจดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งถูกจับป้อนยาหนักเท่านั้น) ซึ่งขณะเดียวกัน ตัว Wu Nuo ที่เชี่ยวชาญการเอาตัวรอดในเมืองใหญ่ก็คิดเหมือนกันว่าต้องประจบ Da Wu ซึ่งถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลในเผ่าไว้เยอะๆ สองฝ่ายก็ยิ่งเข้ากันได้มากขึ้นไปอีก 

พอกลับมาที่บ้าน Wu Nuo ที่หลับอยู่ก็ได้ปลาแห้งรางวัลจากระบบ ซึ่งพอแบ่งกินกับแมวเป็นของว่างมื้อดึก แมวก็ตั้งคำถามว่าปลาแห้งมาได้อย่างไร เพราะที่จำได้ ไม่เห็น Wu Nuo ทำ ... ตอนแรก Wu Nuo คิดจะโกหก แต่ก็รู้ว่าถ้าพูดปดไปครั้งนึง ก็ต้องโกหกต่อไปเรื่อยๆ แถมยังอยู่กับแมวตลอดจะหาเรื่องกลบเกลื่อนก็จะลำบากต่อไป เลยบอก Bai ไปว่าได้เป็นรางวัลจากพระเจ้า พระเจ้าพาตัวเองมาอยู่ที่โลกนี้ และต้องทำงานที่พระเจ้าสั่ง ถ้าทำสำเร็จก็จะได้รางวัล หรือไม่อย่างงั้นก็จะถูกลงโทษ

น่ารักที่แมวถามว่าถ้างั้น วันหนึ่งก็ต้องจากไปเหรอ Wu Nuo ได้ฟังก็รีบประเหลาะบอกแมวว่าถ้าวันหนึ่งต้องไป จะขอพระเจ้าให้พา Bai ไปด้วย เป็นการพูดประเหลาะประนีประนอม แต่เป็นคำสัญญาสำหรับ Bai ไป .... แมวตื่นเต้นมากว่าถ้าตัว Wu Nuo เป็นผู้ส่งสาล์นจากพระเจ้าจริง ตัวเองก็อาจจะเป็นการ์เดี้ยนบีสต์ที่คอยดูแล Wu Nuo ทำให้แมวยิ่งรับปากว่าจะไม่บอกใครรู้กันแค่สองคน

ด้วยความที่แมวล่าสัตว์มาเยอะ กินกันสองคนไม่หมด Wu Nuo ก็เลยคิดว่าจะเอาสัตว์ที่ยังไม่ตายที่มีสองตัวมาเลี้ยง ... ซึ่งแม้ในเผ่าจะเลี้ยงสัตว์ที่กินไม่หมด เพื่อเป็นเสบียงหน้าหนาว แต่นี่ก็จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของเผ่าต่อไป

กับพอจะทำอาหาร พอแมว Bai เห็นว่า Wu Nuo ต้องวุ่นวายก็เลยไปลากเพื่อนสนิทมาช่วย ซึ่ง Shi Hu ก็พาทาสตัวเองที่ชื่อ Lu มาด้วยอีกคนด้วย และ Wu Nao เผยแพร่วัฒนธรรมปรุงอาหารไม่พอ ก็ยังเผยแพร่การใช้ตะเกียบไปด้วย 

กับเพราะตัว Bai มาจากโลกปัจจุบันไม่คุ้นเคยกับการมีทาส พอเจอ Lu ก็ปฎิบัติตัวเป็นปกติไม่มีการกดขี่ ... ตามปกติทาสห้ามกินพร้อมนาย แต่พอให้อีกคนยืนดูอยู่เฉยๆ ก็ทำไม่ได้ ขอ Shi Hu ให้ Lu มานั่งกินพร้อมกัน

เพราะว่า Wu Nuo ถูกสั่งจากระบบให้สอนทำอาหาร และ Lu ที่คอยเป็นลูกมือก็อยากเรียนวิธีทำเพื่อไปทำอาหารเลี้ยงนายตัวเอง เสือ Shi Hu ก็เลยให้ Lu คอยอยู่ช่วย Wu Nuo ต่อ (โดยเฉพาะเมื่อห่วงว่าเพื่อนจะลำบากถ้าหน้าหนาวมาถึง) และเมื่อสองคนถางพงหญ้าต้นไม้รกตรงพื้นที่สวนหลังบ้านแมวเพื่อทำเป็นที่เลี้ยงสัตว์ที่จับมา ตอนถึงเวลาบ่าย Wu Nuo ที่เริ่มหิวก็คิดจะไปจับปลามาทำอาหารกินกับ Lu และเหล่าเด็กๆ ในเผ่าก็มา “เล่น” กับ Wu Nuo อีก จบด้วยการที่ทุกคนช่วยกันจับปลาจนมีปลามากไปกินไม่หมด พอบอกให้เอากลับบ้าน ลูกสิงโตก็บอกว่าเอากลับไปแม่ก็ไม่ทำ กลายเป็น Wu Nuo รับปากจะไปบ้านทุกคนเพื่อสอนย่างปลา แต่เพราะบ้านแรกคือบ้านลูกสิงโตลูกหัวหน้าเผ่าแม่ที่อยู่บ้านก็เลยให้ไปตามแม่ของทุกคนมาด้วยกัน จะได้ให้ Wu Nuo สอนครั้งเดียวพอ ไม่งั้นถ้าต้องตระเวนไปทุกบ้านก็คงต้องสอนถึงเช้า ... แต่เพราะ Wu Nuo สอนทุกครั้งอย่างตั้งใจ ตัวแม่ลูกสิงโตก็เลยให้ของ Wu Nuo เป็นการตอบแทน และคนอื่นๆ ก็พากันให้สัตว์หรือไม่ก็ผลไม้มาขอบคุณ Wu Nuo ด้วย

ระหว่างนั้น Bai กำลังเจอวิกฤตใหญ่หลวง เพราะระหว่างที่ล่าสัตว์อยู่กับ Shi Hu ก็เจอเผ่าคู่อริไล่ฆ่าพอดี และเมื่อวิ่งหนีเอาตัวรอดอยู่ ก็คิดถึง Wu Nuo ขึ้นมา ตัวเองไม่อยากตายแต่อยากกลับไปหา Wu Nuo ให้ได้ คิดแต่ว่าจะต้องเปลี่ยนร่างเพื่อรอดไปให้ได้ แล้วความมุ่งมั่นที่บอกตัวเองว่าต้องเปลี่ยนร่าง... ต้องเปลี่ยนร่าง... ต้องเปลี่ยนร่าง... ก็ทำให้ Bai แปลงร่างได้จริงๆ  แต่ถึงอย่างนั้นทั้งตัว Bai และ Shi Hu ก็บาดเจ็บสาหัส ถึงแม้จะฆ่าเหล่าบีสต์ที่มาโจมตีจนเกือบหมด แต่สองคนก็เจ็บหนัก และก็ไปหมดแรงอยู่ตรงเส้นทางล่าสัตว์ของเผ่า และถูกฝูงหมาป่ารุมล่าอีกต่อ ดีที่คนในเผ่ามาช่วยตอน Shi Hu กำลังจะหมดแรงสลบพอดี สองคนก็เลยถูกช่วยกลับมาที่เผ่า 

ถึงแม้แมวจะร่อแร่ แต่ด้วยยาและวิชาของ Da Wu ตัว Bai ก็ดีขึ้นกว่าเก่า และ Da Wu ก็ให้ Wu Nuo พา Bai กลับบ้าน โดยที่มีจุดหมายจะดูความสามารถทางการแพทย์ เพราะเชื่อไปแล้วว่า Wu Nuo สืบเชื้อสายพ่อมดมา .... และ Wu Nuo ที่ไม่รู้เรื่องเลยก็ไม่ทำให้ตัว Da Wu ผิดหวัง เพราะใช้สามัญสำนึกจากโลกปัจจุบันเรื่องการติดเชื้อและเชื้อโรคจากบาดแผลสกปรก ทำความสะอาดแผลให้แมวยักษ์ แล้วก็กัดฟันเป็นหนี้ระบบซื้อยามารักษาอาการไข้และแก้อักเสบให้อีกคน และเมื่อคิดว่าเมื่อเช้าแมวยังมองตัวเองตาแป๋วอยู่เลยก็ยิ่งเศร้า .... แต่ระหว่างป้อนยา แมวก็กลายร่างเป็นคน ซึ่งถ้าไม่เห็นว่าบาดแผลบนร่างกายเป็นที่เดียวกัน ก็ยากจะเชื่อ 
 
วันต่อมาลูกสิงโตก็มาเล่นกับ Wu Nuo อีก แต่เมื่อพบว่า Wu Nuo อ่อนแอมากจนถูกนกจิก ก็เลยไปตามเพื่อนและทาสในบ้านมาช่วยตัดถางต้นไม้และหญ้าในไร่ ด้วยความที่เห็นคนมาช่วย Wu Nuo ก็รู้สึกขอบคุณและตอบแทนด้วยการให้ผลไม้กินรอท้องตอนทำงาน และตุ๋นเนื้อให้ ซึ่งเหล่าทาสที่นานทีจะได้กินเนื้อสัตว์ก็ซาบซึ้งใจมาก มีทาสที่ขอเอาเนื้อกลับบ้านไปเพื่อให้คนในครอบครัวตัวเองได้กินด้วยหลายคน ... และก็กลายเป็นว่าชื่อเสียงใจกว้างของ Wu Nuo ในหมู่ทาสก็แพร่กระจายไปยิ่งกว่าไฟป่า

แต่เพราะเด็กๆ ในเผ่ามาช่วยถางที่และล้อมรั้ว (มาเล่นด้วย) ทุกวัน Bai ที่นอนรักษาตัวในบ้านก็ไม่ยอม และพอจะวิ่งไปมา Wu Nuo ก็กลัวจะมีผลข้างเคียงหลังหาย จนในที่สุด Wu Nuo ก็เลยอุ้มแมวไปมาด้วยตลอด น่าสงสารที่ Da Wu เครียดมากว่าพอแปลงร่างจะเป็นอย่างไร เมื่อไหร่จะแปลงร่างอีก แต่แมวสนใจแค่อยู่กับ Wu Nuo และกินอาหารอร่อย ไม่ยอมแปลงร่างเสียที

กับเพราะระบบให้แลกเปลี่ยนได้ จะเอาของไปแลก พอกลางคืนก็บอกแมวว่าจะไปวิหารเทพนะ เอาของไปบูชา แมวก็เชื่อ ซึ่งสิ่งที่ Wu Nuo แลกมาก็คือกางเกงในสองตัว เพราะใส่หนังสัตว์ได้ แต่ทนไม่ใส่ชั้นในไม่ได้ แต่แมว Bai ที่เบื่อไม่มีอะไรทำ นอนจ้องหน้า Wu Nuo เห็นของปรากฎในอากาศก็คิดว่าเอาไว้สวมหัว เอามาเล่นแล้วก็ข่วนเป็นรอยขาดยาว พอ Wu Nuo ออกมาจากระบบ ก็เห็นแมวทำท่าสลดทำท่าสำนึกผิดแล้วสารภาพบาปว่าทำของของ Wu Nuo พัง ถึงตัวเองจะไม่พอใจ แต่พอเห็นแมวสลดไปเลยยกโทษให้ แล้วพอบอกแมทว่าเป็นกางเกงในนะ แมวก็อยากได้บ้าง ซึ่งพอบอก Bai ว่าใส่ไม่ได้ ถ้าไม่อยู่ในร่างคน และจะให้ถ้าอยู่ในร่างคน Bai ก็กลายเป็นคนทันที ... สงสาร Da Wu มากที่ความอยากได้ของทำให้ Bai แปลงร่างกลับไปมาได้ง่ายดาย 

ด้วยความที่กลัวจะไม่มีกิน Wu Nuo ก็คิดจะปลูกมันขาวที่เหมือนมันฝรั่งผสมกับมันหวานจากโลกปัจจุบัน และก็กลายเป็นว่าระหว่างที่ไปแลกมันจากคนในเผ่า Da Wu ก็จับตามองอยู่ เพราะเคยเห็นเผ่าใหญ่ปลูกผักมาก่อน แต่ว่ากลับมาลองที่เผ่าตัวเอง
ไม่เคยสำเร็จ และก็กลายเป็นระบบสั่งให้ Wu Nuo ไปเป็นลูกศิษย์ Da Wu ด้วย และ Da Wu ก็ยอมโดยที่มีข้อแม้ว่าจะต้องสอนคนในเผ่าปลูกมันขาว ... ซึ่งตอนนี้ระบบก็สั่งงานใหม่หลังจากสั่งให้หาวิธีปลูกมันให้สำเร็จ เพิ่มเป็นช่วยเผ่าให้รอดพ้นฤดูหนาวอีกอย่าง

พอกำลังเครียดกับงานที่ต้องทำ แมวที่รู้เรื่องก็บอกว่าไม่ยาก ให้บอก Da Wu จัดประชุมเผ่าและให้ทุกคนมาช่วยกันปลูกสิ และช่วงประชุมเผ่า Da Wu ก็ประกาศว่าตัว Wu Nuo เป็นผู้สืบทอดของตัวเอง และก็เป็นเรื่องบังเอิญที่แซ่ Wu ของ Wu Nuo
พ้องกับคำนำหน้า Wu ที่เป็นธรรมเนียมเรียกนำหน้าชื่อของเหล่าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่และผู้สืบทอดในโลกนี้ด้วย น่าเชื่อถือขึ้นมาอีก แถมแมว Bai ก็ยังแปลงเป็นคนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ Wu Nuo อีก ทั้งสีหน้าเย็นชากดดัน ทั้งรังสีแข็งแกร่งก็ยิ่งทำให้ทุกคนไว้ใจวิธีปลูกมันขาวของ Wu Nuo โดยพอตอบคำถามและข้อสงสัยทุกคนก็ถึงเวลาระหว่างแบ่งงานที่ให้ไปหามันเพื่อทำพันธุ์ให้ได้มากที่สุด ทีมล่าไปจับสัตว์แลกมัน ทีมเก็บไปขุดมัน คนที่เหลือในเผ่า ถ้าแข็งแรงไปถางดินทำไร่ หรือไม่ก็เตรียมปุ๋ยและจัดการเพาะหัวมัน มีหน้าที่แบ่งกันชัดเจน ... ก่อนจบประชุมก็มีอุ้งเท้ายกมาถามคำถามเหมือนกัน เพราะว่า Wei ลูกสิงโตของหัวหน้าเผ่าที่ถือว่าตัวเองเป็นเพื่อนเล่นของ Wu Nuo และเหล่าเพื่อนในกลุ่มก็อยากมีส่วนร่วมเช่นกัน

สรุปว่าภารกิจใหญ่ยักษ์กำลังจะเสร็จ ก็เจองานต่อมา โดยระบบให้พิมพ์เขียวแปลนเตาเผามาแล้วออกคำสั่งให้เผาอิฐสร้างบ้านให้คนในเผ่าอีก วุ่นวายและใจร้ายจริงๆ และเพราะคิดว่าจะต้องเอาของไปขายในงานชุมนุมแลกเปลี่ยนของระหว่างเผ่าก็เลยคิดว่าจะทำเครื่องประดับที่เผ่ามาได้ไปขายด้วย ... และก็ระดับพ่อค้ามาเอง ก็สร้างเรื่องให้ของที่ขายไปด้วย กลายเป็นจี้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใครๆ ก็อยากได้ ถึงขั้นเปิดประมูลได้ราคาสูงจนไม่อยากจะบอกเลยว่ามันทำมาจากดิน

และนี่ก็เลยทำให้เผ่าได้ทาสกลับมาไปเยอะมาก ซึ่งพอเลี้ยงทาสด้วยปลา ที่ให้ไปจับมาเอง และจับอาบน้ำ เหล่าทาสก็คิดไปถึงขั้นว่าจะถูกจับกินตอนหน้าหนาว และหมอผีเผ่าอื่นก็คิดว่าเผ่า Changhe เสื่อมต่ำลงถึงขั้นที่กินมนุษย์ด้วยกันแล้ว ... และก็ทำให้ตัว Wu Nuo ได้ของที่น่าสนใจอย่างถ่านหิน แร่เหล็กมาจากคนเผ่าอื่นเหมือนกัน

และการสร้างความเจริญให้เผ่าจนกลายเป็นเผ่าใหญ่แบบ Super Tribe ก็กลายเป็นจริง 
.
.
.
จริงๆ ชอบเรื่องนี้มากอยู่อย่าง เพราะว่าพ่อแม่ Bai ตายระหว่างสู้กับเผ่าอื่นตอนที่ Bai ยังเด็ก ตามปกติแล้ว  บ้านและทรัพย์สินใดๆ ก็จะตกเป็นของคนในเผ่าที่พร้อม Bai ไปเลี้ยง แต่ด้วยความที่ตอนเด็กๆ Bai อ่อนแอมาก ก็ไม่มีใครอยากรับไปดูแล มีแต่ Da Wu ที่คอยป้อนยาดูแล พอ Bai ดีขึ้น และโตขึ้นหน่อยก็ไม่ยอมไปอยู่กับใคร สุดท้ายในเผ่า (หัวหน้าเผ่าและ Da Wu เป็นหลัก) เลยลงความเห็นให้บ้านและของอื่นๆ เป็นของ Bai เองต่อไป และเพราะอย่างนั้น Bai ก็เลยยิ่งทรนงไม่ยอมให้ใครมาเลี้ยงดูตัวเอง ระวังตัวมาก หาอาหารเลี้ยงตัวเองคนเดียว แม้ว่าจะต้องอดอยากหิวโซ หรือกินผลไม้มีพิษเข้าไปเพราะความไม่รู้ก็บ่อย ขนาดเคยคิดว่าไม่เคยต้องการพ่อแม่ที่แข็งแกร่ง ถ้าอ่อนแอแต่ว่ายังอยู่กับตัวเองได้ก็ยังจะดีกว่า อิจฉาลูกสัตว์ที่อ้อนพ่อแม่ได้มาตลอด พอเจอ Wu Nuo สิ่งแรกที่คิดก็คือคิดว่าถ้าตัว Wu Nuo อยู่ในป่า เพราะไม่มีใครต้องการ ตัวเองก็จะรับ Wu Nuo มาดูแล และอยู่กับสองคน พออยู่กับ Wu Nuo แมว Bai ก็พร้อมจะอ้อน งอแง และเอาแต่ใจอย่างที่ไม่เคยทำกับคนอื่นด้วย เพราะว่า Wu Nuo เท่านั้นที่เป็นของตัวเองคนเดียว และพอแมวถูกเลี้ยงมาด้วยอาหารของ Wu Nuo กลายเป็นแมวลิ้นเรื่องมากไปอีก

กับอีกอย่างหนึ่ง เหตุผลที่แมวอยากสร้างเผ่าให้กลายเป็นเผ่ามหาอำนาจใหญ่ยักษ์ก็เพราะ Wu Nuo บอกว่าเผ่าของตัว (ประเทศจีน) เป็นเผ่าใหญ่และมีคนหลักพันล้าน แมวที่ฟังก็คิดว่าถ้า Wu Nuo กลับไปเผ่าตัวเองไม่ได้แล้ว ก็จะสร้างเผ่าให้ใหญ่เหมือนเผ่าเดิมของ Wu Nuo ให้

ส่วนตัว Wu Nuo ก็ไม่ต่างกัน ด้วยความที่ไม่มีใครมาตั้งแต่เด็ก พอแม่ตาย ตายายตายแล้วพ่อไม่สนใจ ก็ต้องออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในเมืองใหญ่ ดูแลตัวเอง มีแค่ตัวเอง พอมาเจอ Bai ตั้งแต่วันแรกที่เจอ Bai และ Bai ช่วยไว้ก็เหมือนเติมเต็มกันและกันเหมือนกัน Bai เป็นทุกอย่าง ทั้งคู่ชีวิต ทั้งคนในครอบครัว ทั้งคนรัก ทั้งเพื่อน และก็พร้อมจะเสียสละ และหาสิ่งที่สุดให้ Bai เหมือนกัน ความโอ๋แมวตัวเองของ Wu Nuo ชัดมากที่มีอยู่วันหนึ่ง หัวหน้าเผ่า Da Wu และ Shi Hu มากินข้างด้วยที่บ้าน ถึงอาหารจะเสร็จ แต่ Bai ยังไม่กลับ ทุกคนก็ต้องรอ พอแมวมาแล้ว Wu Nuo ก็บอกให้ทุกคนยกอาหารออกไป กับช่วยกันจัดสำรับ แต่ว่าเหมียว Bai มีหน้าที่แค่ไปล้างมือ แล้วมานั่งลงกินข้าว ตอนที่แปลงร่างได้ใหม่ๆ แล้วกินอาหารเยอะกว่าปกติ จนกินปลาแห้งและเนื้อเค็มที่ Wu Nuo ทำไว้หมด และพออีกคนมาเปิดโหลดูแล้วผิดหวัง แมวก็แอบย่องสลดและสำนึกผิดอยู่ในเงามืดจน Wu Nao ก็ต้องไปปลอบแมวกลับมาด้วย

ด้วยความที่ Bai เป็นทุกอย่าง มีอะไร Wu Nuo ก็ให้แมวได้หมด โดยเฉพาะตอนที่กัดฟันแลกแต้มเพื่อเอาของเอาเคล็ดวิชาให้แมว พอคิดว่ากำลังปวดใจและแพงมาก แต่เห็นแมวทำท่าตื่นเต้นดีใจทุกครั้งก็รู้สึกว่าคุ้มค่าและสมราคา และแมวที่ได้ของและวิชาไปก็ไม่ต่างกัน พอกำลังนอนง่วงๆ กำลังจะหลับ หรือหลับอยู่ และ Wu Nuo บอกว่าได้โน่นมานะ ได้นี่มานะ แมวก็จะรีบลุกขึ้นมาดูของอย่างดีใจ ถึงขั้นที่ว่าถ้าเป็นร่างแมวอยู่ก็จะกลับมาเป็นร่างคนทันที 

แต่เอาจริง แมวเป็นสัตว์เหวี่ยงเอาแต่ใจมาก ชนิดที่เพื่อนสนิทอย่าง Shi Hu บอกว่าเป็น insidious and cunning cub ตลอดเวลา ตอนอยู่ในร่างแมวก็หยิ่งๆ เชิดๆ กับทุกคนรอบตัว และตอนเป็นคนก็ยิ่งร้ายกว่าเดิม เพราะสีหน้าเย็นชาไม่สนใจโลกประกอบกับออร่าบีสต์ระดับสูงก็สยบทุกคนได้แล้ว อย่างตอนที่เดินทางไปกับ Wu Nao สองคน ทั้งที่มาจากเผ่าขนาดกลาง (เทียบกับเผ่าใหญ่/เผ่าหลักไม่ได้) ตอนไปถึงเผ่าใหญ่อย่าง Dahu เหมียวก็อาศัยอาการเชิดหน้าบลัฟว่าตัวเองเป็นเผ่าใหญ่อีก ... ก่อนหน้านั้น Wu Nao ได้รางวัลเป็นรองเท้าคุณภาพดีจากระบบ สีดำสวยงามเดินด้ายทอง แมวเห็นก็อยากได้บ้างอย่างมาก ถึงขั้นที่ทำเสียงซื่อจริงใจใส่ Wu Nao ว่าถ้าเป็นไปได้ จะขอรองเท้าแบบนี้จากพระเจ้ามาใส่บ้างได้ไหม Wu Nao ที่ตามใจแมว และไม่อยากให้แมวผิดหวังก็กัดฟันไปแลกรองเท้าจากระบบมาให้แมว ที่รีบกลายร่างเป็นคนแล้วใส่อย่างดีใจ และตื่นเต้น ซึ่งเมื่อดูชุดและรองเท้า ทุกคนก็คิดไปเองแล้วว่า Wu Nuo กับ Bai มาจาก Super Tribe คนต้อนรับพาเข้าบ้านที่ดีที่สุด ซึ่งแมวก็ไม่ได้ดูตื่นเต้นดีใจ (บ้านดินชื้นดีสู้บ้านอิฐตัวเองไม่ได้) พาถึงเวลาทำอาหาร Wu Nao ก็ทำอาหารอร่อยมาก จนหัวหน้าฝ่ายต้อนรับคนเดิมได้กลิ่นอาหารแล้วตามมา และพอนั่งลงกินด้วย ทั้งการใช้ตะเกียบไม่ใช่มือ และอาหารอร่อยที่ไม่เคยได้กินก็ยิ่งส่งผลให้เชื่อขึ้นไปอีก 

ไม่นับวีรกรรมแมวอื่นๆ ที่พอเดินเข้าไปในพื้นที่เผ่าแล้วทำท่าขยะแขยงกับถนนสกปรกของเผ่า (ผิดกับที่ Changhe ที่ทุกคนห้ามขับถ่ายหรือทิ้งขยะตามถนน และมีคนทำความสะอาดดูแลตลอดเวลา) หรือเหรียญที่ใช้ค้าขายแลกเปลี่ยนที่พอเอามาให้คนในเผ่า Dahu ดูแล้วทำท่าใจกว้างบอกว่าเก็บไว้เผื่อเอาไปใช้ที่เผ่า Changhe ตอนที่เดินทางไปหาได้ และตัวอักษรที่มีเป็นหมื่นๆ ตัว ก็กำราบเผ่าอื่นได้แล้ว 

แต่ Bai ก็มีวิกฤตกดดันในแบบตัวเองเหมือนกัน เพราะว่า Wu Nao หน้าตาดี ดูใจเย็น แถมยังทำอาหารอร่อย ไปไหนเด็กๆ ลูกสัตว์ก็วิ่งเข้ามาหา และ Wu Nao ที่แพ้พวกขนฟูก็อดไม่ได้ที่จะลูบตัวเด็กๆ อย่างตอนที่อยู่ในเผ่า Dahu และมีเด็กที่ตกใจจนกลายร่างเป็นกระต่ายวิ่งเข้ามา ตัว Bai ก็กรีดร้องในใจว่าจบกัน! เพราะนาทีต่อมาก็เห็น Wu Nao อุ้มลูกกระต่ายไว้แล้ว แถมยังเอาพายไส้เนื้ออาหารว่างสุดโปรดของแมวออกมาเลี้ยงเด็กอีก 

ความบลัฟเข้าคู่กันได้ของพ่อค้าเร่และแมวหน้าหยิ่งยังมีอีกก่อนหน้านั้น ตอนที่จะเดินทางไปงานแลกของกับเผ่าอื่นครั้งแรก สองคนบังเอิญไปเจอเหมืองเกลือเข้าพอดี และด้วยความที่เกลือมีสีชมพูเข้ม Wu Nuo ก็แต่งเรื่องเพิ่มมูลค่าให้เกลือตัวเองอีก บอกว่านี่คือเกลือที่ได้มาจากเทพเจ้าบีสต์ที่สละเลือดตัวเองมาให้ ทุกคนในเผ่าที่ได้ฟังก็เชื่อมาก และฮึกเหิมมากว่าพวกตัวเองเป็นเผ่าที่ถูกเลือก และเผ่าอื่นที่ได้ฟังเรื่องก็เชื่อด้วยเหมือนกันว่า Changhe เป็นเผ่าที่พระเจ้าเลือก .. เกลือขายได้ราคา และมีแบรนด์ การตลาดเก่งกันจริงๆ  ไม่นับว่าเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้ Wu Nuo ในฐานะผู้สืบทอดของ Da Wu ตัว Wu Nuo ก็เลือกวันที่ทำพิธีกรรมของเผ่า และเอาของที่มาบูชาเทพเจ้าบีสต์แลกกับของจากระบบ ของที่หายไปและของใหม่ที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนเชื่อแล้วว่าตัว Wu Nuo แข็งแกร่ง

แต่จริงๆ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตสองคนก็คือ Da Wu ด้วยเหมือนกัน เป็นญาติผู้ใหญ่ให้กับทั้ง Bai และ Wu Nuo จริงๆ เพราะเอาจริง ตอนที่ Bai ยังเด็กและไม่สบายก็ได้ Da Wu ป้อนยามาตลอดด้วย (จนทำให้กลายเป็นแมวยักษ์ที่ดูแกร่งและเก่งกล้ามาก แต่มีจุดอ่อนคือแพ้ยาต้ม Da Wu ได้กลิ่นทีไรก็อยากจะสิ่งหนีไปให้ไกลทุกที ไหนจะกลัว Da Wu อีก) และสำหรับ Wu Nuo ก็เหมือนมีผู้ใหญ่ที่คอยดูแล ให้คำปรึกษา ถึงขั้นให้ท้าย ... น่ารักที่มีอะไรก็แบ่งส่วนอาหารที่ทำไปให้ Da Wu ก่อน โดยเฉพาะ Da Wu ฟันไม่ดี และไม่อยากอาหารก็ได้ Wu Nao ต้มน้ำแกงปลาไปให้ หรือพอมีข้าวก็เอามาต้มเป็นข้าวต้มให้ด้วย และหลังจากมีแต้มจากระบบมากพอและระดับการค้าสูงพอก็แลกเคล็ดวิชามาให้ Da Wu ด้วย ถึงขึ้นที่จากตอนแรกที่ Da Wu เริ่มแก่ตัว แต่ไม่ยอมตายเพราะเป็นห่วงเผ่ากลายเป็นแข็งแรงและอ่อนวัยลงเรื่อยๆ ... ถึงขั้นที่ตอนทำพิธีในเผ่าตอนเผ่ากลายเป็นเผ่าใหญ่ ตัว Da Wu เต้นทำพิธีจน Wu Nao คิดว่าดูเด็กกว่าตัวเองอีก 

กับอีกอย่างที่รู้สึกน่ารักมากๆ ก็คือเรื่องการให้ทาสกลายเป็นสมาชิกในเผ่าสมบูรณ์ เพราะตัว Wu Nuo มาจากสังคมปัจจุบันที่คนเสมอภาค และไม่เห็นด้วยกับการที่ทาสจะทำงานหนัก แล้วนายอยู่สบาย ก็เลยออกระบบให้ทาสที่มีความสามารถและขยันขันแข็งสามารถเลื่อนสถานะเป็นสมาชิกเผ่าและลบรอบทาสที่หน้าได้ โดยมี Da Wu ที่เชื่อ Wu Nuo และเชื่อในการพัฒนาคนที่จะนำไปสู่การพัฒนาเผ่าสนับสนุนเต็มที่ และทาสกลุ่มแรกที่ได้สถานะสมาชิกเผ่าก็รวมถึง Lu ด้วย .. ซึ่งตอนหลัง ก็ถึงขั้นที่ Wu Nao ดึงมาเป็นผู้จัดการร้านของของชำของตัวเองแล้ว

กลับมีทาสอีกกลุ่มหนึ่งที่เป็นทาสสงคราม 50 คนจากเผ่า Dahu ตัว Wu Nuo กับ Bai ไปซื้อตัวทาสสงครามเหล่านี้ และทั้งเผ่า Dahu เองก็เข้าใจว่าสองคนมาจากเผ่า Super Tribe (อาศัยการบลัฟเนียนๆ ที่ไม่บอกอะไร ไม่ปฎิเสธ แต่ให้คิดไปเอง) และเพราะสองคนจะเดินทางต่อ ก็เลยเอาไม้มาขุดเป็นเรือให้ทาส 50 นี้กลับไปที่เผ่าก่อนเองให้ได้ .... และเรื่องทาส 50 คนนี้ก็เป็นช่วงที่ลุ้นมากๆ เหมือนกัน เพราะว่าการพายเรือทวนน้ำไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยมาก่อนในช่วงก่อนหน้าหนาวกำลังจะมาถึง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าทาสจะมีว่ายน้ำและต่อสู้ในน้ำแต่ก็ไม่เคยมีใครรู้จักเรือมาก่อน เป็นเรื่องยากและท้าทายที่ต้องอาศัยกำลังใจจริงๆ และเหล่าทาสก็กัดฟันสู้กับทั้งสัตว์ป่า ทั้งเผ่ากินคน ทั้งเส้นทางเดินเรือจนไปถึงเผ่า Changhe ได้จริงๆ ... ถึงแม้จะส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะ Wu Nao ห่วงเหล่าทาสจนทำทุกอย่างที่ทำได้ ทั้งทำพิธีกรรมอวยพรก่อนเดินทาง (ที่อย่าว่าแต่เป็นผู้รับคำอวยพรเลย เหล่าทาสไม่เคยแม้จะเป็นส่วนหนึ่งหรือได้เห็นพิธีกรรมมาก่อน เป็นตลกร้ายที่บอกว่าสถานะทาสจะอยู่ในพิธีกรรมได้ก็ต่อเมื่อเป็นเครื่องสังเวย/บูชายัญเท่านั้น) ทั้งเตรียมเสื้อผ้า อาหาร ยา รวมไปถึงยาพิษและยาชาด้วยซ้ำ แต่กำลังใจของพวกทาสยิ่งใหญ่จริงๆ ตอนที่จะไปถึงหน้าหนาวมาแล้ว ถึงขึ้นที่พยายามพายเรือทวนน้ำท่ามกลางหิมะตก จนไปถึงวันที่น้ำเป็นน้ำแข็งจนต้องทิ้งเรือและเดินเท้าด้วย .. และก็น่าสงสารมากว่า เหล่าทาสคิดว่า Changhe เป็น Super Tribe คนจะรู้จักและหาเผ่าเจอได้ง่าย แต่ตอนที่ถามไประหว่างทางก็ไม่เจอใครเลย จนคิดว่าตัวเองมาผิด หรือไม่ก็ยังไปไม่ถึง ตอนที่หน่วยหน้าเดินไปจนเจอกำแพงน้ำแข็งเผ่าก็ถูกน้ำแข็งกัดในชุดที่ไม่เหมาะกับสภาพกลางหิมะเลย

ถึงจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง แต่หัวหน้าทาสที่พกจดหมายจาก Wu Nao ก็ทำให้คนในเผ่ารู้ว่าเหล่าทาส 50 คนเป็นคนของ Wu Nao และจะต้องต้อนรับให้ดี พอไปพาทาสที่รออยู่ที่เรือที่เหลือมา ทั้ง 50 คนก็รู้แล้วว่าพวกตัวถูกหลอกมา และ Changhe ไม่ใช่ Super Tribe แต่อย่างใด แต่ว่าถ้าอยู่ในเผ่าที่ไม่ใช่ Super Tribe แต่ได้เป็นพลเมืองเผ่าจากสถานะทาสเดิมก็ถือว่าดีมากแล้ว ไม่นับว่าพวกตัวจะได้หอนอนสะอาดสะอ้านที่มีฟูกให้ และมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน กับอาหารที่มีเนื้อสัตว์อย่างที่ไม่เคยได้กิน .... และในที่ประชุมเผ่า เหล่าทาสทั้งหมดก็กลายเป็นพลเมืองของเผ่าจริงๆ และเมื่อได้รับ “เงิน” ที่อยู่ในรูปเหรียญดินเผาตามสถานะหัวหน้าทีม รองหัวหน้าทีม และลูกทีม ถึงจะไม่รู้ว่ามีค่าอย่างไร แต่เมื่อคนรอบตัวดูตื่นเต้นแกมอิจฉาก็คิดว่าเป็นสิ่งที่มีราคาแน่นอน (และก็รู้ค่าเงินมหาศาลที่ตัวเองได้รับในเวลาต่อมา) และที่น่ารักก็คือ เมื่อหมดฤดูหนาว ทั้ง 50 คนก็เป็นสมาชิกหลักทีมเรือที่จะไปแลกเปลี่ยนค้าขายกับเผ่าอื่น และก็ช่วยใช้ประสบการณ์เดินเรือของพวกตัวมาแก้ไขเรือลำต่อๆ ไปของเผ่าด้วย ... และที่สำคัญ เมื่อเดินทางไปค้ากับเผ่าตัวเองก็เอาเงินที่ได้เป็นรางวัลซื้อครอบครัวตัวเองมาอยู่ด้วยที่เผ่า Changhe ใครที่ไม่มีครอบครัวก็เอาเงินช่วยเพื่อนในทีมไปแทน และจากสถานะทาสก็กลายเป็นนักรบที่มีเกียรติและน่าภูมิใจไปแล้ว

มีเรื่องขำที่กลายเป็นว่าตัว Wu Nuo กับ Bai อยากให้สมาชิกในทีมเรือเป็นบีสต์ด้วย เพราะความสามารถต่อสู้จะดีกว่าคนที่แปลงร่างไม่ได้ แต่กลายเป็นบีสต์ทุกตัวมีอาการเมาเรือหมด จนคนที่เข้าทีมได้ก็เหมือนทาสสงครามเดิมคือเป็นแค่คนอย่างเดียว ... ขนาดลูกชายคนโตหัวหน้าเผ่าที่กระเหี้ยนกระหือรือว่าจะเป็นคนนำทีมไปเจรจาค้าขายยังเมาเรือจนต้องสละให้น้องชายตัวเองที่เป็นคนไปแทน

กับอีกอย่างที่ทัศนคติดีมากก็คือหัวหน้าเผ่า หลายเรื่องจะเจอว่าเป็นพวกหวงอำนาจ ไม่ยอมสละตำแหน่งให้ใคร แต่ว่าเรื่องนี้หัวหน้าเผ่าลงจากอำนาจให้ Bai ขึ้นมาเร็วมาก และถึงแม้จะมีส่วนช่วยงานเผ่า แต่ตอนที่ต้องกลับมาดูแลเผ่าช่วงที่ Bai เดินทางออกไปกับ Wu Nuo ก็นั่งรอให้สองคนกลับมาไวๆ จะได้ไม่ต้องรับภาระหนักเหมือนเดิม ... อย่าง Da Wu
 ก็เป็นที่คิดว่าถ้าให้ Wu Nuo คอยจัดการงานในเผ่า ตัวเองก็จะได้มีเวลาพักบ้าง ไม่มีใครหวงอำนาจ (ภาระ) เลยแม้แต่คนเดียว

ชอบการแบ่งเวลาที่เขียนดีมาก เพราะหลายเรื่องจะเล่าเรื่องเริ่มสร้างเผ่านาน แล้วพอเผ่าเจริญแล้วก็จะมีช่วงที่เร่งๆ ชนิด 1-2 บทก่อนจบ แต่เรื่องนี้ปูมาก่อนนานมาก เพราะอยากให้เห็นว่าหลังจากนั้น ช่วงที่เริ่มยิ่งใหญ่ เผ่า Changhe กลายเป็น super tribe และกลายเป็นเมืองได้อย่างไร เลยชอบที่ได้อ่านด้วยความเร็วปกติ แทนที่จะต้องเร่งจบด้วย กับชอบเชิงการเมืองตอนสู้กับเผ่าอื่นมากเหมือนกัน ทุกอย่างงัดมาใช้หมดจริงๆ และแมว (พร้อมด้วยทีมงานอันประกอบด้วยคนเลี้ยงแมวอย่าง Wu Nuo และ Da Wu และสมาชิกอื่นๆ) ก็ร้ายใช้สมองน่ากลัวมาก ความเป็นเสือมีปีกของแมวสยบได้ทุกอย่างทุกคนจริงๆ 
 
อยากจะสรุปเรื่องว่า "การพึ่งพากันและกันระหว่างเหมียวยักษ์เอาแต่ใจ กับพ่อค้าเร่ (?) หมอผีประจำเผ่าที่เหมือนญาติผู้ใหญ่ และลูกชายไดโนเสาร์ ที่มีความเข้าใจผิดตีความไปเอง และระบบหน้าเลือดเป็นองค์ประกอบ" มาก ก็อย่างที่รู้กันว่าให้ A++  นั่นเอง เสียดายคนเขียนหายไปแล้ว ไม่งั้นก็พร้อมจะตามไปทุกเรื่องเหมือนกันนะคะ 



ปล.
1.
ชอบความแข็งแกร่งของแมวมาก อย่างเวลาสัตว์อพยพจะไม่มีใครกล้าสู้กับไดโนเสาร์ตัวใหญ่ ถ้าจะสู้ก็ต้องมีทีมล่าสัตว์ขนาดใหญ่ และก็ไม่รับประกันว่าจะไม่ถูกฆ่าตาย แต่แมวตะปบที ไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ก็ขาดใจตายได้แล้ว ซึ่งก็เป็นประโยชน์มากทั้งในแง่ที่กำจัดภัยคุกคามได้ และแง่หาอาหารให้เผ่าได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าในแง่หนึ่ง แมวก็ใช้พลังงานเปลืองมากเช่นกัน ช่วงที่แมวแปลงร่างใหม่ๆ และต้องใช้พลังเต็มที่เพราะยังเก็บพลังไม่เป็น แป๊บๆ ก็ต้องลงมาล่าอะไรกินแล้ว และกินถึงขั้นที่กินวัวกินกวางไปเกือบสิบตัว และจับตัวสุดท้ายไปกินกับ Wu Nuo โดยให้อีกฝ่ายทำอาหารอร่อยๆ ให้เพื่อปิดมื้ออาหารก็บ่อย

ตอนที่ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า แมวต้องรักษาภาพพจน์ก็เลยอยู่ในร่างลูกแมวอีกไม่ได้ หน้านิ่งอยู่กับคนในเผ่า แต่จริงๆ ในใจกำลังสลดว่าเป็นแมวไปอ้อน Wu Nuo ไม่ได้


2.
ระบบเรื่องนี้เลวร้ายไม่เป็นมิตรมาก เวลาเปิดระดับ เปิดฟังค์ชั่นทั้งหลายก็จะคิดค่าเปิดมหาศาลโดยที่ไม่มีการเตือนกันล่วงหน้าด้วย แต้มที่มีอยู่น้อยนิดก็หายไปเพราะการเปิดเนี่ยแหละ เปิดได้ แต่ทำอะไรไม่ได้ ต้องเริ่มเก็บสะสมแต้มอย่างเลือดตากระเด็นไปใหม่อีกรอบ แถมถ้าจะมีการกู้ยืมแต้มอะไรใดๆ จากระบบ ดอกเบี้ยก็แพงมาก โหดมากอีก แถมยังเป็นรายวัน ทุกอย่างเก็บเงิน ทุกอย่างเป็นเงิน จะแลกของออกจากค่าของแล้วก็ยังมีค่าแลกตามราคาของอีก แล้วก็ถ้าจะถามอะไร ก็จะตอบมาอย่างเย็นชา ว่าระดับไม่พอด้วย 


3.
ตอนแรกที่ระบบบอกว่าให้เลี้ยงดูไข่ไดโนเสาร์ที่ได้มาจนโตเป็นเวลา 15 ปี คิดว่าเป็นสัตว์เลี้ยง แต่กลายเป็นลูกชายไดโนเสาร์ไปแล้ว น่ารักที่ Kara ชอบกินแยมผลไม้มาก และก็จะขโมยแยมในครัวตลอด จะทำอะไรก็ขอรางวัลตอบแทนเป็นแยมหนึ่งช้อนพูนๆ โตๆ จน Wu Nuo กับ Bai ก็ไม่เข้าใจว่าความบ้าหมกมุ่นกับแยมมาจากไหน แล้วด้วยความที่เป็นสายพันธุ์โตช้า พอเข้าเรียน เรียนจบก็ยังไม่โตสักที อยู่ในร่างเด็กต่อไป ขณะที่เพื่อนโตหมด และออกไปทำงานทั้งในเผ่านอกเผ่าแล้ว พอสลดอยู่ในบ้านว่าไม่มีอะไรทำ ก็เลยถูก Wu Nuo กับ Bai ลากมาเป็นเลขาช่วยทำงาน แต่เพราะอยู่กับพ่อทั้งสองคนไม่ต้องเสียเงินค่าบ้านค่าอาหาร พอเก็บเงินได้มากพอ ก็ไปหาโรงงานจ้างคนมากะทำแยมกินเองให้หนำใจ แต่ว่าสุดท้ายทำมาเยอะมากไป กินเท่าไหร่ก็กินไม่หมด เลยฝากพ่อไปขายในร้านค้า กลายเป็นว่าเพราะ Kara เรื่องมาก กะทำแยมผลไม้กินเอง ต้องของดี รสชาติอร่อย สุดท้ายก็กลายเป็นของฮิตที่ใครมาก็ต้องซื้อไปกิน

กับมีประเด็นที่จริงๆ แล้ว Kara เป็นไข่ไดโนเสาร์ที่อยู่ในเผ่าอื่นมาก่อน และเพราะเลือดและการมีตัวไดโนเสาร์นี้จะทำให้เกิดความเจริญก้าวหน้าของเผ่า เผ่าพันธุ์ของ Kara ก็ถูกล่าและทุกข์ทรมานจากเผ่าที่รู้เรื่องจนเหลือแค่ไข่ของ Kara ใบเดียว ที่เหลือสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว แต่เพราะมีไดโนเสาร์บินไปลักเอาไข่ Kara มา พอมาอยู่ในเผ่า Kara ในช่วงแรกก็เหมือนสัตว์เลี้ยงรู้ประสาของหัวหน้าเผ่าที่ใครๆ ก็เอ็นดูเพราะฉลาด รู้ความ พอได้ร่างคนมาก็กลายเป็นลูกชายคนเดียวของหัวหน้าเผ่าไป อยู่และเติบโตอย่างสบายใจ และเล่นมีความสุขตลอดเวลาวัยเด็กที่ยาวนานไปแทน


4.
ชอบเรื่องคุณเพื่อน Shi Hu กับ Lu ด้วย .... คู่นี้ก็เหมือนไปด้วยกันเรื่อยๆ ดี เพราะ Shi Hu ช่วย Lu มาจากนายทาสเดิมในเผ่าอื่น และพอ Lu ช่วยเลี้ยงลูกให้ในตอนหลังก็เหมือนอยู่ด้วยกันไปเลย 


5.
อื่นๆ นึกไม่ออกแล้ว นึกออกก็คงเขียนไม่จบ
.
.
นึกออกล่ะ แมวที่ตื่นเต้นได้ดื่มเหล้าน่ารักดี 


________________________________________

ทวิตเตอร์ : @mgk993  #mereadingg